ชีวิตจิต
สำหรับ
ผู้นำคาทอลิก
บทที่ 1
ปรีชาญาณมีประโยชน์มากกว่าความรู้ทั้งปวงที่หามาได้
พระเจ้าตรัส
1. คำพูดของเราหวานเหมือนน้ำผึ้งสำหรับผู้ที่รักคำสอนของเรา และถือบัญญัติของเรา
2. แต่เสียงของเราเป็นพายุร้ายแบบถอนต้นสนสีดาแห่งเลบานอนสำหรับผู้ที่ดูหมิ่นคำแนะนำของเรา และคิดว่าตัวเองใหญ่ เขาทำบาปในความรู้ของเขา
3. ความอธรรมมีชัยในความหายนะ แต่ความชอบธรรมมีชัยในสิริมงคลเสมอ
4. คนชั่วยิ่งยกตัวเองก็ยิ่งตกต่ำ ส่วนคนดีมีธรรมยิ่งถ่อมตัวลงก็ยิ่งถูกยกให้สูงขึ้น
5. คนจองหองจะได้ยินเสียงของเรา แต่หาเข้าใจไม่
6. คนสภาพถ่อมตนจะฟังคำสอนของเรา และจะได้รับความบรรเทา
7. ยิ่งคำพูดของเราลงลึกในตัวลูกมากเพียงใด ลูกก็จะยิ่งไตร่ตรองลึกซึ้งได้มากเพียงนั้น
8. ยิ่งนักปราชญ์ที่ไม่เอาพระเจ้าจองหองพองขนมากเพียงใด เขาก็จะยิ่งไม่เห็นการไขแสดงในงานของเรามากเพียงนั้น
9. เขาเท่านั้นจะได้ยินเสียงของเราและได้รับประโยชน์ จะเข้าใจสิ่งที่เราพูดคือคนที่คิดถึงความรู้ของตัวเองน้อย แต่กระหายสัจธรรมนิรันดรและความรู้ของบรรดานักบุญ
10. เมื่อนั้นแหละความรู้ของมนุษย์จะเป็นประโยชน์แก่เขาเพราะความจริงทุกอย่างล้วนเป็นสักขึพยานถึงความดีงาม และพระปรีชาญาณของเรา
11. เมื่อนั้นผู้ถ่อมตนจะเป็นผู้รู้ และผู้รู้ที่มีใจซื่อบริสุทธิ์ก็จะเป็นผู้ถ่อมตน
12. ความสุภาพถ่อมตนใหนแสงสว่างแก่สติปัญญามากกว่าความรู้ทางโลกที่หล่อเลี้ยงความจองหองพองขน
13. การศึกษาเล่าเรียนเพื่อรู้อย่างเดียวเป็นสิ่งอนิจจัง ถ้าชีวิตไม่มี
14. การเรียนรู้เพื่อจะได้หน้าให้ตนชมว่าเป็นผู้มีความรู้เป็นความโอ้อวดที่สุด คนเช่นนี้สมองไม่ได้พัก
15. การเรียนรู้เพื่อเอาเปรียบคนใจซื่อ เป็นการหลอกลวงและเป็นความชั่วร้ายของคนหยิ่งจองหอง
16. บุญของผู้ที่เชื่อ เพราะเขาจะเข้าใจความล้ำลึกมากมายของชีวิต และจะไม่ตกเป็นเหยื่อของนักปราชญ์เทียม
17. บุญของผู้ที่มีความรู้และสุภาพถ่อมตน เหตุว่าเขาจะได้ปรีชาญาณแห่งความเชื่อเป็นกรรมสิทธิ์ ความเชื่อที่ส่องสว่างจิตใจ ใจที่สว่างนี้แหละจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อน ๆ ที่ประสบปัญหาชีวิต
18. คนที่เชื่อและสอนพี่น้องของเราอย่างสุภาพจะพบความบรรเทาใจในคำสอนของเราและจะได้จิตตารมณ์การดำเนินชีวิต ท่ามกลางคำพูดมากมายของเรา
19. ถ้าพระเจ้าแห่งความรู้ทรงพระกรุณาส่องสว่างแก่ลูก ลูกจงทำงานเป็นสาวกแห่งความจริงตามฐานะของลูกเถิด
20. ยิ่งลูกเรียนรู้พระศาสนจักรมากเพียงใด ลูกก็จะยิ่งเป็นคนสุภาพถ่อมตนในการพิพากษาตัดสิน และจะปลอดภัยในการ เรียนรู้มากเพียงนั้น
ยก 1:5-8 การอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อมั่น
ท่านใดขาดปรีชาญาณ จงขอปรีชาญาณนั้นจากพระเจ้าเถิด พระองค์ประทานให้ทุกคนด้วยพระทัยกว้างโดยไม่ทรงตำหนิเลย แล้วเขาจะได้รับปรีชาญาณตามที่ขอ แต่เขาต้องขอด้วยความเชื่อ โดยไม่สงสัย เพราะผู้ที่สงสัยนั้นเปรียบเสมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัด ซัดไปมา คนเช่นนี้จะไม่ได้รับอะไรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาเป็นคนจิตใจโลเลไม่มั่นคงในกิจการทั้งหลายของเขา
---สิ่งชี้บอก คือ
ยก 3:13-18 ปรีชาญาณแท้และปรีชาญาณเทียม
ใครบ้างคิดว่าตนฉลาดและมีปรีชาญาณ จงแสดงความฉลาดและปรีชาญาณนั้นอย่างอ่อนโยนด้วยการกระทำและ และความประพฤติดี แต่ถ้าใจของท่านขมขื่นด้วยความอิจฉาริษยา และมีความทะเยอทะยาน จงอย่าโอ้อวดและอย่ามุสา ต่อต้านความจริง ปรีชาญาณเช่นนี้มิได้มาจากเบื้องบน แต่เป็นปรีชาญาณตามธรรมดาโลก ตามแบบวัตถุนิยมและตาม แบบปีศาจ ที่ใดมีความอิจฉาริษยาและความทะเยอทะยาน ที่นั่นย่อมมีแต่ความวุ่นวายและความชั่วร้ายนานาชนิด ส่วนปรีชาญาณที่มาจากเบื้องบน
ประการแรกเป็นสิ่งบริสุทธิ์ แล้วจึงก่อให้เกิดสันติ เห็นอกเห็นใจ อ่อนน้อม เปี่ยมด้วยความ เมตตากรุณา บังเกิดผลที่ดีงาม ไม่ลำเอียง ไม่เสแสร้ง ผู้ที่สร้างสันติย่อมเป็นผู้หว่านในสันติ และจะเก็บเกี่ยวผลเป็นความ ชอบธรรม