มีคนมาถาม yack ว่าทำไมพระเยซูต้องประสูตรในรางหญ้า

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
yack
โพสต์: 816
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 11, 2008 11:01 am

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 11:38 am

มีคนมาถาม yack ว่าทำไมพระเยซูต้องประสูตรในรางหญ้า เเล้วทำไมพระองค์ต้องเป็นบุตรของช่างไม้ อย่างนักบุญโยเซฟ ทั้ง ๆ ที่พระเจ้าทรงกระทำได้ทุกอย่างไม่ใช่หรือ yack ก็ตอบเขาไปว่า เพราะทั้งหมดเป็นเเผนการของพระเจ้า เพราะพระองค์ต้องการให้เป็นเเบบนั้น เเละนักบุญโยเซฟก็มีเชื่อสายของกษัตริย์ดาวิด ตามที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ กับดาวิด ( เเต่เขาก็บอกว่าเเล้วทำไมละ ถึงไม่ให้เกิดในกษัตริย์เหมือน พระพุธเจ้า ) yack ก็พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจเเล้ว เเต่ใจของเขาก็ไม่เปิดรับ  ::008::  สุดท้ายเขาบอก yack ว่า พูดอะไรไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ yack เเละเขาก็บอก yack  ว่าเป็นพุทธดีดีไม่ชอบ จะเปลี่ยนศาสนาทำไม เมืองนี้เป็นเมืองพุทธนะ เเต่ yack บอกว่าเป็นกระเเสเรียกอธิบายเเล้วเเต่เขาไม่เข้าใจเเละ yack ก็ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะ yack ก็ยังไม่มีความรู้เพียงพอที่จะตอบอะไร  yack เสียใจที่ ไม่สามารถทำให้เขาเข้าใจในเรื่องของพระเจ้าได้ เเละไม่สามารถ เเม้อะอธิบายได้ว่าทำไมพระเจ้าต้องทำอย่างนี้  yack เสียใจมากเราทำให้เขาเข้าใจพระไม่ได้เเล้วเราไม่มีความรู้เเต่เราพยายามที่จะอธิบายทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่มีความรู้มากนักบางอันก็คิดเองว่าน่าจะเป็นเเบบนี้ก้บอกเขาเเบบนี้ yack ผิดใหมครับถ้าผิด yack ขอโทษคราวหลัง yack จะไม่ทำอย่างนั้อีก เเละจะเเก้ไข ( รบกวนพี่เเนะนำด้วยนะครับว่าควรทำอย่างไร )

ดังนั้ช่วยตอบด้วยนะครับว่า ทำไมพระองค์ต้องประสูติในรางหญ้า เเละต้องเป็นลูกของช่างไม้ รบกวนด้วยนะครับ
Dis volentibus

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 11:56 am

ก็ พระองค์เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด เเต่ถ่อมองค์มาบังเกิดในที่ๆต้อยตํ่าที่สุด  ::014::


เรื่องบางเรื่อง เเม้เเต่นักเทววิทยาผู้ชาญฉลาดเอง ก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันค่ะ เพราะพวกท่านไม่มีสติปัญญา
เท่าพระเป็นเจ้า ดังนั้น คำถามว่า "ทำไมพระองค์ต้องทำอย่างโน้น ทำไมพระองค์ต้องทำอย่างนี้" จะตอบได้ถูกต้องก็หาไม่

อย่างไรก็ดี ให้ระลึกไว้เสมอว่า กิจการที่พระองค์ทำ...นำมาสู่ความรอดพ้นของเรา


สำหรับข้าพเจ้า การที่พระองค์มาบังเกิดในรางหญ้า

- เป็นการเเสดงว่า ผู้ช่วยให้รอดเเท้จริง ไม่ได้ช่วยให้รอดทางโลก (การเมือง)
ชาวยิวเองรอคอยพระเมสสิยาห์ ในรูปเเบบของผู้นำทางการเมืองเสียมากกว่า หลายคนจึงไม่ยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า

- ได้เห็นเเบบอย่างในการถ่อมตน (ในการบังเกิดเป็นมนุษย์)เเบบ180องศา
จากบัลลังก์บนสวรรค์ สู่รางหญ้าบนเเผ่นดินโลก
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ จันทร์ ก.ย. 15, 2008 12:15 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Rakkypoko!
โพสต์: 960
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 12:02 pm

†Ecclēsia เขียน: ก็พระองค์เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด เเต่ถ่อมองค์มาบังเกิดในที่ๆต้อยตํ่าที่สุด  ::014::

ตามนี้เลยจ้า พระองค์มาบังเกิดในที่ๆต่ำต้อยที่สุด และยังสิ้นพระชนม์ในสถานะที่ต่ำต้อยที่สุดอีกด้วย แต่ชื่อเสียงนั้นยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 12:07 pm

เพราะว่าพระองค์ทรงมีภาระหน้าที่การไถ่บาปมนุษย์ไงครับ
ดังนั้น ตั้งแต่วินาทีแรกที่พระองค์เสด็จมาในโลก เสด็จมาอย่างผู้ต่ำต้อยและยากจนที่สุด
ไม่มีห้องพักแรม ไม่มีเตียงนอน ต้องประสูติในถ้ำเลี้ยงสัตว์ มีผ้าผืนเดียวพันกายและนอนในรางหญ้า
และทั้งหมดนั้น ก็คือ แผนการของพระเป็นเจ้าจริง ๆ

พระองค์ไม่ได้เป็นลูกช่างไม้นะครับ นักบุญโยเซฟเป็นบิดาเลี้ยงของพระองค์
พระองค์เป็นบุตรของพระเป็นเจ้า เป็นพระเจ้าและมนุษย์แท้ รับสภาพมนุษย์อาศัยพระนางมารีอา เชื้อสายของกษัตริย์ดาวิด
แต่ถูกใคร ๆ เขาเรียกว่า "ลูกช่างไม้" เพราะว่าอาชีพของนักบุญโยเซฟครับ

การที่พระองค์ไม่ได้เกิดเป็นลูกกษัตริย์ นั่นก็คือแผนการของพระนะครับ
ผมคิดว่า พระองค์ทรงประสูติมาเพื่อทุกคนจะกล้าที่จะเข้ามาหาพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นกันเองกับพวกเขาเหล่านั้นได้
ถ้าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ (ในทางโลก) ก็อาจจะมีคนบาปน้อยคนที่เข้ามาหาพระองค์ได้ หรือ อาจจะพยายามที่จะรับใช้พระองค์หวังผล
อย่าลืมนะครับ เจ้าชายสิทธัตถะก็ยังละวรรณะกษัตริย์เพื่อหาทางดับทุกข์
ดังนั้น การเกิดมาอยู่ในชนชั้นสูง ก็ไม่ใช่ว่าจะดี
พระองค์ทรงมา เพื่อให้คนที่คิดว่าตัวเองสูงส่งได้รับความอับอาย

สวดภาวนามาก ๆ นะครับ ขอให้จิตใจเข้มแข็ง มั่นคงในความเชื่อ
ใครจะว่าอะไร ช่างเขาครับ เพราะเป็นบุญของคุณ yack แล้วที่เราถูกคนอื่นเขาดูถูกและเหยียดหยามในพระนามพระเยซู

"ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่าง ๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก  เขาได้เบียดเบียนบรรดาประกาศกที่อยู่ก่อนท่านดังนี้ด้วยเช่นเดียวกัน" (มธ.5:12)
k.kung
โพสต์: 126
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 26, 2008 10:06 pm

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 12:24 pm

คำตอบที่ว่าเป็นพุทธดีดีไม่ชอบ จะเปลี่ยนศาสนาทำไม เมืองนี้เป็นเมืองพุทธนะ  ผมคิดว่าเค้าคงยังเข้าใจเรื่องศาสนาไม่เพียงพอ เพราะเค้ารู้ได้ไงว่าเมืองนี้เป็นเมืองพุทธ แค่เค้าคิดเองเออเองต่างห่าง เมืองนี้เป็นเมืองเสรีต่างหากใครจะนับถือศาสนาใดก็ได้ เพราะอย่าลืมซิ ว่าพระพุทธเจ้าไม่ใช่คนไทยนะ เป็นคนอินเดีย

เพียงแค่สมัยก่อนคนที่นับถือศาสนาพุทธเยอะเท่านั้นและมีพระมหากษัตรทรงเป็นพุทธมะกะ แล้วจิงๆแล้วน่าจะเป็นศาสนาพรามมากกว่าที่เข้ามาก่อน แต่อย่าลืมนะว่า ตอนนี้อิสรามเยอะกว่านะจ้า.......................................
ภาพประจำตัวสมาชิก
yack
โพสต์: 816
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 11, 2008 11:01 am

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 12:26 pm

ขอขอบคุณทุกคนนะครับ
Viridian
โพสต์: 2762
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 30, 2008 11:40 pm

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 12:32 pm

ขอเสริมอีกนิดว่า การที่พระองค์เกิดมาเป็นคนจน อยู่ท่ามกลางคนจนนั้น เป็นการแสดงให้เห็นว่า พระองค์เข้าใจถึงความทุกข์ยากของคนจนด้วย
ทรงแสดงให้เห็นด้วยการที่พระองค์มาบังเกิดในสภาพของคนจน รับและสัมผัสความทุกข์นั้นด้วยพระองค์เอง ด้วยการใช้ชีวิตแบบคนจน

ฉะนั้น หากมีใครจะต่อว่าพระองค์ว่า พระองค์มีแต่ความสุขสบาย ไม่เข้าใจความทุกข์ของพวกตนเลย แน่นอนว่า ย่อมเป็นคำกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง

ลองคิดสภาพว่า พระองค์เป็นถึงพระคริสตราชาแห่งสวรรค์ แต่กลับลงมารับสภาพมนุษย์ผู้ยากจนคนหนึ่ง
(คิดให้ใกล้ตัวหน่อยก็ได้ คิดถึงในหลวงของเรา ลงไปใช้ชีวิตกับชาวไร่ชาวนา กินนอนกับชาวไร่ชาวนาสิ)
มันเป็นภาพที่น่ารัก และแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงรักเรามากเพียงใด

หากกล่าวว่า พระองค์เป็นพระเจ้า พระองค์ทรงบังเกิดในวงศ์กษัตริย์ คืออัศจรรย์แล้วไซร้
ในทางกลับกัน พระองค์...ผู้ที่มีสิทธิที่จะเลือกที่เกิดและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ แต่ทรงไม่ทำ กลับเลือกมาคลุกคลีอยู่กับคนธรรมดา...
สิ่งนี้ไม่น่าอัศจรรย์ใจกว่าหรอกหรือ??

เช่นเดียวกับตอนที่พระองค์ถูกตรึงกางเขน มีคนท้าทายให้พระองค์ลงมาจากกางเขน
แม้พระองค์จะสามารถทำได้ แต่พระองค์ก็ไม่ทำ นั่นเพราะพระองค์ทรงเห็นแก่เรามนุษย์
ทรงจึงยอมทนทรมานกับทุกสิ่ง เพื่อให้ภารกิจการไถ่กู้ของพระองค์สำเร็จไป
นี่คือความรักที่พระองค์มีต่อเรา...
และนี่คือัศจรรย์ที่แท้จริง...
ภาพประจำตัวสมาชิก
thanachard
โพสต์: 134
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 30, 2007 3:00 pm
ที่อยู่: ฺBangkok, Thailand

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 12:40 pm

ผมคิดว่านั่นเป็นแผนการของพระบิดาครับ
สมองของมุนษย์ ไม่อาจรู้ถึงแผนอันยิ่งใหญ่ของพระบิดาบนสวรรค์ได้ครับ

ลองคิดเล่นๆ นะครับ
สมัยก่อนพระเยซูบังเกิดมา
ตอนที่ โมเลส หรือศาสดาคนอื่นๆ เกิดมักจะมีความอัศจรรย์ยิ่งใหญ่
แล้วมีการบอกกล่าวถึงศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ที่จะบังเกิดมาในอนาคต
ชาวยิวก็คงหวังว่า ตอนพระเยซูมา จะต้องมีความอัศจรรย์ยิ่งใหญ่กว่าโมเลสหรือศาสดาคนก่อนแน่
แต่พระเยซู ทรงบังเกิดในรางหญ้า แน่นอนว่าชาวยิวก็คงไม่คิดว่าพระเยซูจะทรงมาในรูปแบบนี้แน่ๆ
ถึงแม้พระเยซูทรงแสดงความอัศจรรย์หลายอย่างแล้วก็ตาม ชาวยิวก็คงจะอดนึกไม่ได้ว่า พระองค์เป็นแค่ลูกช่างไม้แน่ๆ

ถ้าพระเยซูทรงบังเกิดด้วยความอัศจรรย์อย่างใหญ่ยิ่งแล้ว
ตอนนั้น พระเยซูก็อาจจะไม่ถูกตรึงกางเขน ก็จะไม่มีการไถ่บาป ความรอดก็คงจะไม่ถึงมนุษย์หรอกครับ  ::004::
Dis volentibus

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 12:44 pm

thanachard เขียน:
ถ้าพระเยซูทรงบังเกิดด้วยความอัศจรรย์อย่างใหญ่ยิ่งแล้ว
ตอนนั้น พระเยซูก็อาจจะไม่ถูกตรึงกางเขน ก็จะไม่มีการไถ่บาป ความรอดก็คงจะไม่ถึงมนุษย์หรอกครับ  ::004::
ชอบตรงนี้ ค่ะ เห็นด้วยมากมาย ::001::
ม.ล.จตุรพิธ ชมพูนุท
โพสต์: 11
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 11, 2008 8:50 am

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 3:48 pm

แวะเข้ามาอ่านกระทู้นี้ สองสามจบ แล้วถามตัวเองว่า
กระทู้นี้ต้องการคำตอบจริงๆหรือ  หรือเป็นเพียงวาทกรรม (คำทันสมัยนะเนี่ย)
แต่เมื่อผู้ตั้งกระทู้คือ Yack  ที่ e-Mail มาชวนผมแอท Hi5
น้องคงอึดอัด คับข้องใจ อยากได้คำตอบจริงๆ

ขอแยกสิ่งที่  yack เล่าเป็นสามประเด็น นะครับ
  • ประเด็นที่หนึ่ง  พระพุทธเจ้าและคำสอนเรื่องชาติกำเนิด
  • ประเด็นที่สอง  อคติทางชนชั้น
  • ประเด็นที่สาม  ทำไมพระเยซูต้องประสูติเป็นลูกช่างไม้ในรางหญ้า

ประเด็นที่หนึ่ง : พระพุทธเจ้าและคำสอนเรื่องชาติกำเนิด

เธอผู้ตั้งคำถามเป็นพุทธมามกะ
เธอมีพระพุทธเจ้าเป็นครู
เธอเรียนรู้พระธรรมคำสอนของครู

เธอย่อมรู้ว่าแม้พระพุทธองค์จะทรงประสูติในวรรณะกษัตริย์
พระองค์ก็มิได้ชื่นชมหรือปรารถนาจะดำรงอยู่ในความเป็นกษัตริย์

พระองค์ทรงสำแดงธรรมอย่างชัดแจ้งว่า
การเกิดเป็นกษัตริย์นั้นเป็นทุกข์ ไม่ต่างจากการเกิดเป็นพราหมณ์ 
การเกิดเป็นพราหมณ์นั้นเป็นทุกข์ไม่ต่างจากการเกิดเป็นนายวานิช 
การเกิดในตระกูลเศรษฐี  ก็เป็นทุกข์ไม่ต่างจากการเกิดเป็นช่างไม้ เป็นชาวนา เป็นกรรมกร ฯลฯ 

เมื่อการเกิดล้วนเป็นทุกข์
เหตุใดจึงหลงติดอยู่กับการเกิดอันเป็นกองทุกข์
ไม่น้อมนำจิตตนเข้าสู่การพิเคราะห์เหตุแห่งทุกข์
กำหนดรู้ว่าทางดับทุกข์นั้นมีอยู่
และเจริญศีล สมาธิ ปัญญาตามทางอันหลุดพ้น คือ อริยมรรคนั้นเล่า



ประเด็นที่สอง : อคติทางชนชั้น

เธอผู้ตั้งคำถามกำลังพิพากษาตัดสินว่า
ฐานะทางชนชั้น สำคัญกว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
คนรวยดีกว่าคนจน 
ไฮโซน่านับถือ โลโซน่าอับอาย 

โดยเหตุนี้ เธอจึงตกอยู่ในโมหคติ
อันเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อชาติบ้านเมือง
เพราะเธอตัดสินคนด้วยเงินทองและชาติตระกูล
มิได้ตัดสินคนที่ความดี

เรามีข้าวกินเพราะมีชาวนาผู้ปลูกข้าว จงรู้คุณชาวนา
เรามีถนน มีบ้าน มีเสื้อผ้าสวมใส่ เพราะมีผู้ใช้แรงงาน จงรู้คุณกรรมกร

ถ้าเธอเกิดในตระกูลผู้สร้างตนด้วยน้ำพักน้ำแรง เธอกำลังดูถูกชาติตระกูลของเธอเอง
ถ้าเธอเกิดในตระกูลที่พึ่งพาอาศัยน้ำพักน้ำแรงของผู้อื่น เธอกำลังอกตัญญูต่อผู้เลี้ยงดูเธอ

สังคมที่มีอคติเช่นนี้ ย่อมพินาศไปในไม่ช้า
(สังคมไทยกำลังบูชาเงินทอง มากกว่าคุณความดีหรือเปล่า)

ขอให้เธอจงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
เป็นความหวังอันดีงาม
เป็นอนาคตของสังคม

ประเด็นสุดท้าย : เกิิดในรางหญ้า เป็นลูกช่างไม้

เธอจะเข้าใจประเด็นสุดท้ายนี้ได้
ถ้าเธอกระจ่างในสองประเด็นข้างต้นแล้ว

ประวัติศาสนาคริสต์ อิสลาม ล้วนมีรากเหง้ามาจากศาสนายิว

ชาวยิวเชื่อว่า ตนเองถูกเนรเทศ ถูกไล่ออกจากบ้าน ถูกตัดพ่อตัดลูก (จากพระเจ้า)
ความเชื่อความหวังใหญ่ที่สุดของชาวยิว คือ
สักวันหนึ่ง พระเจ้าจะให้อภัยและรับคืนสู่ปิติภูมิ
สู่อ้อมแขนของบิดา


ถ้าอยากจะอิน กับความรู้สึกนี้
จงทะเลาะกับพ่อแม่
แล้วหนีออกจากบ้าน


ใจหนึ่งอยากกลับบ้าน
อีกใจหนึ่งกลัวเข้าบ้านไม่ได้
เฝ้าคอยฟังข่าว
ว่าเมื่อไหร่พ่อจะให้อภัย

เฮ้ย พ่อแกให้อภัยแล้ว
กลับบ้านซะทีเหอะ

เห่ย ล้อเล่นน่า
ถ้าพ่อให้อภัยจริงๆ ก็น่าจะออกข่าวทางทีวี
หรือฝากจดหมายน้อยมาบอก
หรือมีเครื่องหมายอะไรติดไว้ที่หน้าถนนใหญ่

เครื่องหมายน่ะมี  (ยังกะ R/C ตอนแข่ง rally) ฟังนะ

1. หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์

2. เบธเลเฮ็มเอ๋ย  เจ้าเล็กกระจิดริดที่สุดในหมู่พี่น้อง แต่จะไม่ต่ำต้อยที่สุด

ทำไมพระเยซูต้องเป็นลูกช่างไม้ 

ก็เพราะช่างไม้เป็นคู่หมั้นพระนางพรหมจารีมารีย์น่ะสิครับ
ถ้าพระนางหมั้นกับชาวประมง
พระเยซูก็เป็นบุตรชาวประมง

หัวใจสำคัญของหมายสำคัญนี้มิได้อยู่ที่นักบุญโยเซฟ
แต่อยู่ที่พระนางพรหมจารีมารีย์

ทำไมพระเยซูต้องเป็นลูกพระนางพรหมจารีมารีย์

เพราะ
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 4:00 pm

เมื่อวันอาทิตย์พ่อราฟาเอล วัดพระแม่มหาการุณย์เทศว่า เพราะมนุษย์คู่แรกยกตนเสมอพระเจ้าคิดจะเป็นใหญ่เท่าพระเจ้า แต่พระเยซูมนุษย์คนที่สองทำตรงกันข้าม พระเยซูเป็นพระเจ้าแต่ลงมาเป็นมนุษย์แล้วเป็นมนุษย์ที่ต่ำต้อยที่สุด แล้วตายบนกางเขนซึ่งเป็นเครื่องหมายของทาสการตายที่่ต่ำต้อยน่าดูถูก พวกโรมันถ้าเขาประหารชีวิตนักโทษที่เป็นชาวโรมันเขาจะไม่ยอมประหารด้วยกางเขน เพราะเป็นของชนชั้นต่ำ แต่พระเยซูมาตายแบบทาสเป็นคนชั้นต่ำที่สุดทั้งๆ ที่เป็นพระเจ้าสูงสุด เป็นการทำตรงข้ามกับมนุษย์คู่แรก
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ จันทร์ ก.ย. 15, 2008 7:29 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 4:29 pm

ขอชื่นชมคำตอบของคุณ ม.ล.จตุรพิธ ชมพูนุท ครับ ::004::
†mommomza†
โพสต์: 207
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 17, 2008 2:13 pm

จันทร์ ก.ย. 15, 2008 4:46 pm

ถามได้ดีแฮะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
yack
โพสต์: 816
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 11, 2008 11:01 am

อังคาร ก.ย. 16, 2008 9:15 pm

ขอขอบคุณทุกคนนะครับที่ให้คำตอบ  ขอบคุณครับ ขอพระคุ้มครอง นะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
yack
โพสต์: 816
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 11, 2008 11:01 am

อังคาร ก.ย. 16, 2008 9:21 pm

[quote="ม.ล.จตุรพิธ ชมพูนุท"]
แวะเข้ามาอ่านกระทู้นี้ สองสามจบ แล้วถามตัวเองว่า
กระทู้นี้ต้องการคำตอบจริงๆหรือ  หรือเป็นเพียงวาทกรรม (คำทันสมัยนะเนี่ย)
แต่เมื่อผู้ตั้งกระทู้คือ Yack  ที่ e-Mail มาชวนผมแอท Hi5
น้องคงอึดอัด คับข้องใจ อยากได้คำตอบจริงๆ

ขอแยกสิ่งที่  yack เล่าเป็นสามประเด็น นะครับ
  • ประเด็นที่หนึ่ง  พระพุทธเจ้าและคำสอนเรื่องชาติกำเนิด
  • ประเด็นที่สอง  อคติทางชนชั้น
  • ประเด็นที่สาม  ทำไมพระเยซูต้องประสูติเป็นลูกช่างไม้ในรางหญ้า

ประเด็นที่หนึ่ง : พระพุทธเจ้าและคำสอนเรื่องชาติกำเนิด

เธอผู้ตั้งคำถามเป็นพุทธมามกะ
เธอมีพระพุทธเจ้าเป็นครู
เธอเรียนรู้พระธรรมคำสอนของครู

เธอย่อมรู้ว่าแม้พระพุทธองค์จะทรงประสูติในวรรณะกษัตริย์
พระองค์ก็มิได้ชื่นชมหรือปรารถนาจะดำรงอยู่ในความเป็นกษัตริย์

พระองค์ทรงสำแดงธรรมอย่างชัดแจ้งว่า
การเกิดเป็นกษัตริย์นั้นเป็นทุกข์ ไม่ต่างจากการเกิดเป็นพราหมณ์ 
การเกิดเป็นพราหมณ์นั้นเป็นทุกข์ไม่ต่างจากการเกิดเป็นนายวานิช 
การเกิดในตระกูลเศรษฐี  ก็เป็นทุกข์ไม่ต่างจากการเกิดเป็นช่างไม้ เป็นชาวนา เป็นกรรมกร ฯลฯ 

เมื่อการเกิดล้วนเป็นทุกข์
เหตุใดจึงหลงติดอยู่กับการเกิดอันเป็นกองทุกข์
ไม่น้อมนำจิตตนเข้าสู่การพิเคราะห์เหตุแห่งทุกข์
กำหนดรู้ว่าทางดับทุกข์นั้นมีอยู่
และเจริญศีล สมาธิ ปัญญาตามทางอันหลุดพ้น คือ อริยมรรคนั้นเล่า



ประเด็นที่สอง : อคติทางชนชั้น

เธอผู้ตั้งคำถามกำลังพิพากษาตัดสินว่า
ฐานะทางชนชั้น สำคัญกว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
คนรวยดีกว่าคนจน 
ไฮโซน่านับถือ โลโซน่าอับอาย 

โดยเหตุนี้ เธอจึงตกอยู่ในโมหคติ
อันเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อชาติบ้านเมือง
เพราะเธอตัดสินคนด้วยเงินทองและชาติตระกูล
มิได้ตัดสินคนที่ความดี

เรามีข้าวกินเพราะมีชาวนาผู้ปลูกข้าว จงรู้คุณชาวนา
เรามีถนน มีบ้าน มีเสื้อผ้าสวมใส่ เพราะมีผู้ใช้แรงงาน จงรู้คุณกรรมกร

ถ้าเธอเกิดในตระกูลผู้สร้างตนด้วยน้ำพักน้ำแรง เธอกำลังดูถูกชาติตระกูลของเธอเอง
ถ้าเธอเกิดในตระกูลที่พึ่งพาอาศัยน้ำพักน้ำแรงของผู้อื่น เธอกำลังอกตัญญูต่อผู้เลี้ยงดูเธอ

สังคมที่มีอคติเช่นนี้ ย่อมพินาศไปในไม่ช้า
(สังคมไทยกำลังบูชาเงินทอง มากกว่าคุณความดีหรือเปล่า)

ขอให้เธอจงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
เป็นความหวังอันดีงาม
เป็นอนาคตของสังคม

ประเด็นสุดท้าย : เกิิดในรางหญ้า เป็นลูกช่างไม้

เธอจะเข้าใจประเด็นสุดท้ายนี้ได้
ถ้าเธอกระจ่างในสองประเด็นข้างต้นแล้ว

ประวัติศาสนาคริสต์ อิสลาม ล้วนมีรากเหง้ามาจากศาสนายิว

ชาวยิวเชื่อว่า ตนเองถูกเนรเทศ ถูกไล่ออกจากบ้าน ถูกตัดพ่อตัดลูก (จากพระเจ้า)
ความเชื่อความหวังใหญ่ที่สุดของชาวยิว คือ
สักวันหนึ่ง พระเจ้าจะให้อภัยและรับคืนสู่ปิติภูมิ
สู่อ้อมแขนของบิดา


ถ้าอยากจะอิน กับความรู้สึกนี้
จงทะเลาะกับพ่อแม่
แล้วหนีออกจากบ้าน


ใจหนึ่งอยากกลับบ้าน
อีกใจหนึ่งกลัวเข้าบ้านไม่ได้
เฝ้าคอยฟังข่าว
ว่าเมื่อไหร่พ่อจะให้อภัย

เฮ้ย พ่อแกให้อภัยแล้ว
กลับบ้านซะทีเหอะ

เห่ย ล้อเล่นน่า
ถ้าพ่อให้อภัยจริงๆ ก็น่าจะออกข่าวทางทีวี
หรือฝากจดหมายน้อยมาบอก
หรือมีเครื่องหมายอะไรติดไว้ที่หน้าถนนใหญ่

เครื่องหมายน่ะมี  (ยังกะ R/C ตอนแข่ง rally) ฟังนะ

1. หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์

2. เบธเลเฮ็มเอ๋ย  เจ้าเล็กกระจิดริดที่สุดในหมู่พี่น้อง แต่จะไม่ต่ำต้อยที่สุด

ทำไมพระเยซูต้องเป็นลูกช่างไม้ 

ก็เพราะช่างไม้เป็นคู่หมั้นพระนางพรหมจารีมารีย์น่ะสิครับ
ถ้าพระนางหมั้นกับชาวประมง
พระเยซูก็เป็นบุตรชาวประมง

หัวใจสำคัญของหมายสำคัญนี้มิได้อยู่ที่นักบุญโยเซฟ
แต่อยู่ที่พระนางพรหมจารีมารีย์

ทำไมพระเยซูต้องเป็นลูกพระนางพรหมจารีมารีย์

เพราะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

พุธ ก.ย. 17, 2008 2:02 am

ขอแก้ไขของท่านหม่อมนิดนึงนะครับ  ::001::

- ที่พระเยซูต้องมาเกิดในครรภ์ของพระนางมารี นั่นก็เพราะถูกทำนายไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งปฐมกาลครับ
- และที่พระเยซูจะต้องเป็นลูกของท่านโยเซฟ นั่นเพราะ พระเจ้าสัญญาว่าจะให้ผู้ไถ่เกิดในตระกูลของดาวิดครับ (คือถูกทำนายไว้เช่นเดียวกัน)

ฉะนั้น ทั้งสองข้อที่กล่าวมานี้ไม่เป็นผลพวงของกันและกัน แต่ว่ามาจากที่เดียวกัน ซึ่งคือคำพูดของพระเจ้าครับ
ที่พระเยซูต้องเป็นลูกของท่านโยเซฟ ไม่ใช่เพราะท่านโยเซฟเป็นสวามีของพระนางมารี แต่เป็นเพราะท่านโยเซฟเป็นเชื้อสายของดาวิดครับ

ปล. ประเด็นช่างไม้ ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าได้กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ครับ

-------------------------------------------

ขอเสริมประเด็นอีกเล็กน้อย ในแง่ที่ว่า ศาสนาพุทธกับศาสนาคริสต์มองรูปแบบของชีวิตไม่เหมือนกัน

ศาสนาพุทธ : ทุกอย่างมาจากการกระทำของตัวเอง จะมองว่าถ้าเป็นคนระดับพระเยซู ถ้าเป็นพระเจ้าจริง ก็ไม่น่าที่จะเกิดมาในสถานที่แบบนี้ ซึ่งต่างกับพระพุทธเจ้า ซึ่งเกิดในที่วรรณะสูง มองดูเป็นเรื่องที่ make sense ตามความคิดแบบชาวพุทธ เพราะพระพุทธเจ้าสั่งสมบารมีสิบชาติ ก่อนที่จะเกิดมาเป็นสิตทัตถะ

ศาสนาคริสต์ : มองว่าทุกอย่างเป็นพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือไม่ดี ทุกสิ่งมีเหตุผล ที่พระเจ้าต้องการให้สิ่งนั้นดำเนินไปในตัวของมันเองอยู่เสมอ ฉะนั้น จึงไม่มีอะไรที่จะทำให้เรื่องร้ายๆดูไม่ make sense เพราะ"ทุกสิ่งมีเหตุผลที่ให้มันเกิดขั้นเสมอ"

แต่เราคริสตชนจะต้องมองย้อนดูว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นโดย"มีเหตุผลเสมอ"นั้น เหตุผลเหล่านั้นคืออะไร นี่จะเข้าสู่ประเด็นของคำพูดที่คริสตชนคุ้นหูอยู่เสมอว่า "จงแสวงหาน้ำพระทัยของพระเ็ป็นเจ้า" เราไม่ได้ดูแค่ในรายละเอียดเกร็ดปลีกย่อย ว่าพระเยซูทำไมต้องเกิดในที่ต่ำ เราต้องมองให้ได้ว่าพระเจ้าสอนอะไรจากการเกิดของพระเยซู ซึ่งเช่นเดียวกับในศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธที่แท้จริง จะไม่มองสิ่งใดแต่เปลือก แต่จะมองถึงความหมายของสิ่งนั้นๆ มองทะลุเปลือก ทะลุกะพี้ ลงไปถึงแก่น ว่าแก่นของสิ่งนั้นคืออะไร ถ้าคนที่ถามคำถามคุณ yack ฉุกคิดเรื่องเหล่านี้สักนิดหนึ่ง ก็คงจะพอเข้าใจเรื่องทั้งหมด และละวางสิ่งเหล่านั้นที่เค้าติดใจไปได้แล้ว ยกตัวอย่างสไตล์ชาวพุทธแบบง่ายๆ เมื่อครั้งพุทธกาล มีศิษย์กลุ่มหนึ่งที่ต้องการทราบเรื่องราวต่างๆจากพระพุทธเจ้า ว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเกิด หรือทำไมต้องเป็นสิ่งนี้ เป็นอย่างนี้ไม่ได้หรือ (ประเด็นเรื่องการเกิดของโลก และธรรมชาติต่างๆเป็นประเด็นร้อนมาก) พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ตอบคำถามเหล่านั้น แต่ตอบว่า "เรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับหนทางการพ้นทุกข์" ศิษย์เหล่านั้นเข้าใจได้ทันดี และก็ละวางสิ่งที่ติดใจนั้นไป  ::004::


กลับมาดูทางฝั่งของเรา สิ่งที่พระเยซูสอนเราก็คือความถ่อมตน พระเยซูสอนให้เรารู้จักที่จะยอมรับน้ำพระทัยพระเจ้า ที่ให้เราพบเจอกับสิ่งเลวร้ายต่าง ให้เราได้เห็นว่า แม้แต่"พระเจ้าแท้"อย่างพระเยซูก็ยังยอมทำสิ่งที่ต่ำต้อยที่สุด ในข้อนี้ก็สอนให้เรารู้จักที่จะยอมรับความยากลำบาก ที่เข้ามาในชีวิต และสอนให้เรารู้ว่า ในนาทีที่เหมือนว่าจะหมดหนทาง เหมือนว่าพระทอดทิ้ง แต่ความจริงแล้ว พระช่วยเราอยู่เสมอ เหมือนในเหตุการณ์นี้ ขณะพระนางมารีย์เจ็บท้องจะคลอด แต่ก็ไม่มีห้องพักในโรงแรมให้ที่ว่างเหลืออยู่เลย สถานการณ์ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางออกสักทาง ถ้าเป็นในหนังเราคงเดาเหตุการณ์ไม่ถูก พระนางมารีย์อาจต้องคลอดกลางแจ้ง หรืออาจจะเป็นเหตุการณ์อื่นที่ร้ายกว่านั้น การที่เจ้าของโรงแรมคนหนึ่งมีคอกสัตว์ที่พอจะใช้ได้ และก็ยินดีให้ยืมนั้น ช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่ายินดีเสียยิ่งในขณะนั้น สอนให้รู้ว่า ไม่ว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายสักเพียงใด พระเจ้าไม่เคยทิ้งเรา  และคอยยื่นมือช่วยเหลือเราตลอดครับ ::001::
แก้ไขล่าสุดโดย sasuke เมื่อ พุธ ก.ย. 17, 2008 12:55 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Dis volentibus

พุธ ก.ย. 17, 2008 2:20 am

โอ้!!!!!!! ตบมือให้ท่าน Sasuke ดังๆเจ้าค่ะ  : emo027 :
ได้ใจมาก  : xemo026 :
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

พุธ ก.ย. 17, 2008 2:48 am

"....ที่นี่เมืองพุทธนะ..."

^
^
^
^
^
^

ผมเองเคยเจอครับ เวลาเสวนากับพวกไร้ศรัทธา....ผมตอบไปว่า


"เมืองพุทธ......แล้วไงอ่ะ?".....(พยายามจินตนาการเสียงของนางเอกโฆษณาทรอสแชมป์ว่าว....)

อิๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
thanachard
โพสต์: 134
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 30, 2007 3:00 pm
ที่อยู่: ฺBangkok, Thailand

พุธ ก.ย. 17, 2008 10:21 am

Like_a_Heaven เขียน: "....ที่นี่เมืองพุทธนะ..."

^
^
^
^
^
^

ผมเองเคยเจอครับ เวลาเสวนากับพวกไร้ศรัทธา....ผมตอบไปว่า


"เมืองพุทธ......แล้วไงอ่ะ?".....(พยายามจินตนาการเสียงของนางเอกโฆษณาทรอสแชมป์ว่าว....)

อิๆ
OK ว่าที่นี่เป็นเมืองพุทธ ใช่ครับ คนพุทธเยอะ
แต่ในเรื่องของความเชื่อนั้น เป็นเรื่องของแต่ละคน
นักบวชหรือ Missionary สามารถโน้มนาวได้
แต่ไม่สามารถบีบบังคับให้เชื่อได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
yack
โพสต์: 816
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 11, 2008 11:01 am

พุธ ก.ย. 17, 2008 1:30 pm

thanachard เขียน:
Like_a_Heaven เขียน: "....ที่นี่เมืองพุทธนะ..."

^
^
^
^
^
^

ผมเองเคยเจอครับ เวลาเสวนากับพวกไร้ศรัทธา....ผมตอบไปว่า


"เมืองพุทธ......แล้วไงอ่ะ?".....(พยายามจินตนาการเสียงของนางเอกโฆษณาทรอสแชมป์ว่าว....)

อิๆ
OK ว่าที่นี่เป็นเมืองพุทธ ใช่ครับ คนพุทธเยอะ
แต่ในเรื่องของความเชื่อนั้น เป็นเรื่องของแต่ละคน
นักบวชหรือ Missionary สามารถโน้มนาวได้
แต่ไม่สามารถบีบบังคับให้เชื่อได้
เห็นด้วยครับ  ::013::  yack จะสู้ต่อไปครับ  ขอขอบคุณทุกคนนะครับ
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2008 4:24 am

yack เขียน:
thanachard เขียน:
Like_a_Heaven เขียน: "....ที่นี่เมืองพุทธนะ..."

^
^
^
^
^
^

ผมเองเคยเจอครับ เวลาเสวนากับพวกไร้ศรัทธา....ผมตอบไปว่า


"เมืองพุทธ......แล้วไงอ่ะ?".....(พยายามจินตนาการเสียงของนางเอกโฆษณาทรอสแชมป์ว่าว....)

อิๆ
OK ว่าที่นี่เป็นเมืองพุทธ ใช่ครับ คนพุทธเยอะ
แต่ในเรื่องของความเชื่อนั้น เป็นเรื่องของแต่ละคน
นักบวชหรือ Missionary สามารถโน้มนาวได้
แต่ไม่สามารถบีบบังคับให้เชื่อได้
เห็นด้วยครับ  ::013::  yack จะสู้ต่อไปครับ  ขอขอบคุณทุกคนนะครับ

ไม่ใช่อะไรหรอกครับ...ผมแค่อยากจะบอกว่า

ไม่ว่าจะเมืองพุทธ เมืองพราหมณ์ เมืองอะไรก้อแล้วแต่ ไม่จำเป็นว่าคนเมืองนั้นต้องเป็นศาสนานั้นๆสักหน่อย มันไม่เกี่ยวกัน(independence) ครับ
ตอบกลับโพส