ท่านคิดอย่างไรกับคำสอนของคริสตจักรความหวัง
- o๐.Michael.๐o
- โพสต์: 11
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:46 pm
อยากทราบนักศาสนศาสตร์ หรือคริสเตียนคิดอย่างไรกับคำสอนของคริสตจักรความหวังที่ว่าไม่ถวายสิบลดพระเจ้าจะสาปแช่ง เราเป็นการโกงพระเจ้าหากไม่ถวาย ผมว่ายุคนี้ยุคพระคุณพระเจ้าจะสาปแช่งลูกพระเจ้าหรือ ผมว่าควรปรับคำสอนใหม่เพราะทำให้หลายคนสะดุด และคิดว่าบางทีอาจเป็นคำสอนผิดๆ ด้วยทำให้หลายคนเกิดรากข่มขึ่น มองคริสเตียนโบสถ์อื่นเป็นเหมือนกันหมด ทั้งการบังคับให้ทำนั่นทำนี่เพราะเห็นว่ารักพระเจ้า และอ้างเป็นน้ำพระทัยจากพระเจ้า ท่านคิดอย่างไร
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
คำถามพี่น่าสนใจ เดี๋ยวจะหาเวลามาสนทนา เมื่อกี้ตอบแล้ว แต่สะดุดมือตัวเอง ข้อมูลหายหมด อิอิ
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
พระเจ้ารักเราเสมอ ท่านไม่มีทางสาปแช่งเพราะแค่เราไม่ยอมจ่ายตังค์แน่นอน
อีกอย่าง สิบลดนั้นเป็นการถวายด้วยใจไม่ใช่การบังคับ ถ้าบังคับให้จ่ายกันแบบนี้ก็ไม่เรียกสิบลดแล้วครับ
พึ่งรู้นะเนี่ยว่าคริสตจักรความหวังสอนกันแบบนี้
อีกอย่าง สิบลดนั้นเป็นการถวายด้วยใจไม่ใช่การบังคับ ถ้าบังคับให้จ่ายกันแบบนี้ก็ไม่เรียกสิบลดแล้วครับ
พึ่งรู้นะเนี่ยว่าคริสตจักรความหวังสอนกันแบบนี้
สิบลดมันหมดสมัยแล้วครับ คริสเตียนความหวังหรือคริสเตียนอื่นจะคิดยังไงก็สุดแล้วแต่จะเชื่อเถอะ แต่สำหรับพี่แล้วคิดว่าสมัยยิว พระเจ้าตั้งชนชาติอิสราเอลไว้ 12 เผ่า แล้วพี่ก็เห็นดีด้วยที่พระเจ้าตั้งระเบียบไว้ดีแล้ว คือ 12 เผ่านั้นมีเผ่าหนึ่งที่ไม่ต้องทำงาน แต่มีหน้าที่เข้าเฝ้าพระเจ้า และเป็นตัวแทนของชนชาติอิสราเอลทั้งหมด คนทั่วไปเข้าเฝ้าพระเจ้าไม่ได้คนที่จะเขาเฝ้าพระเจ้าได้คือชนเผ่าเลวีเท่านั้น ภายในพระวิหารพระเจ้านั้นมีม่าน 7 ชั้น กั้นอยู่ คนที่จะเข้าไปในชั้นในได้ต้องเป็นชนเผ่าเลวีระดับสูงเท่านั้น คนที่มีตำแหน่งทางศาสนาสูงก็ต้องถือกฏวินัยมากกว่าคนอื่นจึงจะเข้าไปหาพระเจ้าได้
เมื่อมีชนเผ่าเลวีเป็นที่ถวายเครื่องบูชาให้พระเจ้าแล้วไม่ต้องยุ้งเกียวกับทางโลก ก็ต้องมีเผ่าอื่น 12 เผ่า ทำงานหาเลี้ยง ดังนั้นผลแรกของสิ่งที่ผลิตไม่ว่า โคที่คลอดลูกเป็นครั้งแรก แกะที่ครอดลูกเป็นตัวแรก หรือพืชผลที่เป็นผลผลิตแรกจะต้องนำมาถวายไว้ในวิหารพระเจ้า มันก็ควรอยู่ ที่ควรว่าควรเพราะ พระเจ้าให้เผ่าหนึ่งเป็นเผ่าที่ให้สนใจแต่พระเจ้าโดยตรงไม่ต้องทำงานหรือสนใจเกียวกับโลก แล้วอีก 11 เผ่าต้องหักหนึ่งในสิบถวายให้แก่วิหารเพื่อเลี้ยงดูเผ่าเลวี แล้วอีกข้อหนึ่งที่เห็นว่าควรก็คือ คือให้ใจเรารู้จักเสียสระตัวเองเพื่อพระเจ้าบ้าง คือหักผลแรกถวายพระเจ้า หรือทุกวันนี้บางคนอาจจะอดอะไรอย่างหนึ่งตลอดชีวิตก็ได้เพื่อถวายสิ่งนั้นให้พระเจ้าโดยไม่ต้องสิบลดก็ได้เพราะมันหมดยุคไปแล้ว
ชนเผ่าเลวีไม่ต้องทำงานแต่พระเจ้าก็ทรงเลี้ยงดูผ่านเงินถวายของพระเจ้าที่พี่น้องทั้งสิบสองเผ่าถวายให้นี่ก็เป็นระบบที่ดี ชนเผ่าเลวีมีสิทธินำเงินไปใช่ได้ครับ แต่มาดูทุกวันนี้ชนเผ่าเลวีก็อยู่ของเขาอย่างนั้น แล้วพวกเราละเป็นคริสต์ไม่ใช่ยิวเราจะถวายทำไม เราสามารถถวายสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้พระเจ้าแทนได้ เช่น อดอะไรบางอย่างไม่กินเลยตลอดชีวิต เรามีเสรีภาพที่เห็นว่าจะยกอะไรบางอย่างให้พระเจ้า เช่นผลแรกที่เราผลิตได้ กำไรผลแรกที่ได้มาก็หักสิบเปอร์เซนต์ถวายให้พระเจ้า ก็ได้ หรือลูกแกะพึ่งคลอดเราจะถาวยให้พระเจ้าก็ได้ จะทำตรงตัวแบบพระคัมภีร์เดิมอย่างนั้นก็ได้ไม่รู้ว่าทุกวันนี้เอาแกะไปถวายให้วัดทางวัดจะเอาไปไว้ไหน หรือเอาลูกโคไปถวายวัดก็คงบอกว่าอย่าเอามาเลยดีกว่า ก็ต้องดูยุคสมัยด้วย พระคัมภีร์ใหม่หรือชาวคริสต์ยุคแรกไม่ได้ถวายสิบลดให้ยิวอีกแล้วนับตั้งแต่ม่านวิหาร 7 ชั้นฉีกขาดตั้งแต่บนลงล่างในวันที่พระเยซูตาย ก็ืยืนยันแล้วว่าเราสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ โดยไม่ต้องผ่าน เลวี
พี่เข้าใจที่น้องพูดครับเพราะเคยอยู่ความหวังมา ความหวังเขาสองอย่างนั้น แถมยังยกพระคัมภีร์ ฉธบ.31 มาเทศนาขู่อีกว่าผลของการไม่ถวายแล้วเป็นยังไง ในค่ายความรักผูกพัน 94 ชื่อค่าย "ชุมชนแห่งความมัี่งคั่ง" ที่ทาง คจ.ความหวัีงจัดขึ้น ดร. เทศว่าคนที่ไม่ถวายคือคน "ช่อพระเจ้า" พี่น้องครับพูดดังๆ พร้อมกันในที่ประชุดว่า "ช่อพระเจ้า" เขาสอนมาอย่างนี้ พี่จะบอกว่าที่จริงแล้วพระเจ้ามองมองที่ท่าทีในใจ ยุคนี้เป็นยุคแห่งท่าทีในใจ ไม่ใช่ยุคแห่งกฏบัญญัติ ที่บางคริสตจักรไปดึงมันออกมาใช้เพื่ีอคนจะได้เอาเงินถวายให้ คจ.เยอะๆ ยิ่งถวายพระเจ้ายิ่งอวยพร ไม่ถวายถูกแช่งสาป วิบัติจะเกิดแก่คนที่ขี้ช่อพระเจ้า(คนโกงพระเจ้า)
ถ้าทีที่ถูกต้อง ยกตัวอย่าง ถ้าเด็ก ป.2 เก็บเงินค่าขนมวันละสามบาททุกวันถวายให้พระเจ้า โดยไม่รู้จักสิบลด หรือยึดหลักตายตัวว่าต้องเป็นสิบลดนั้นก็ได้พระพรแล้ว ไม่ต้องถูก คจ. บังคับให้ถวาย เวลาผู้นำบังคับแล้วเราก็ต้องถวาย ถวายเพราะใจไม่อยากถวาย หรือถวายเพราะ ผู้นำท้าทายว่า "ยิ่งถวายยิ่งมั่งคั่ง ยิ่งถวายยิ่งได้รับการอวยพร" คนไม่ถวายสิบลดคือคน "ช่อพระเจ้า"(โกงพระเจ้า) คนช่อพระเจ้าจะถูกพระเข้าแช่งสาปวิบัติจะตกต่อคนนั้น ต่อให้ถวายด้วยท่าทีอย่างนั้นก็ไม่ได้พร คนที่ถวายเพราะเพื่อพระเจ้าจะอวยพรกลับร้อยเท่าพันทวีถือว่าถวายด้วยท่าทีที่ผิดครับ เพราะพระเจ้าต้องการที่ใจเราไ่ม่ต้องการอะไรที่มีให้พระองค์มากกว่าทีี่เราถวายให้พระองค์เพื่อผลกำไรที่ได้จากพระองค์
คาทอลิกเราหรือคริสตจักรยุคแรกตกทอดจนมาทุกวันนี้ไม่มีลิบลด ไม่มีการถวายถวายทศางก์ในพระนิเวศพระเจ้าด้วยเอาผลผลิตหนึ่งเอาออกสิบแต่ถวายด้วยใจครับ
พระเจ้าอวยพรครับ
เมื่อมีชนเผ่าเลวีเป็นที่ถวายเครื่องบูชาให้พระเจ้าแล้วไม่ต้องยุ้งเกียวกับทางโลก ก็ต้องมีเผ่าอื่น 12 เผ่า ทำงานหาเลี้ยง ดังนั้นผลแรกของสิ่งที่ผลิตไม่ว่า โคที่คลอดลูกเป็นครั้งแรก แกะที่ครอดลูกเป็นตัวแรก หรือพืชผลที่เป็นผลผลิตแรกจะต้องนำมาถวายไว้ในวิหารพระเจ้า มันก็ควรอยู่ ที่ควรว่าควรเพราะ พระเจ้าให้เผ่าหนึ่งเป็นเผ่าที่ให้สนใจแต่พระเจ้าโดยตรงไม่ต้องทำงานหรือสนใจเกียวกับโลก แล้วอีก 11 เผ่าต้องหักหนึ่งในสิบถวายให้แก่วิหารเพื่อเลี้ยงดูเผ่าเลวี แล้วอีกข้อหนึ่งที่เห็นว่าควรก็คือ คือให้ใจเรารู้จักเสียสระตัวเองเพื่อพระเจ้าบ้าง คือหักผลแรกถวายพระเจ้า หรือทุกวันนี้บางคนอาจจะอดอะไรอย่างหนึ่งตลอดชีวิตก็ได้เพื่อถวายสิ่งนั้นให้พระเจ้าโดยไม่ต้องสิบลดก็ได้เพราะมันหมดยุคไปแล้ว
ชนเผ่าเลวีไม่ต้องทำงานแต่พระเจ้าก็ทรงเลี้ยงดูผ่านเงินถวายของพระเจ้าที่พี่น้องทั้งสิบสองเผ่าถวายให้นี่ก็เป็นระบบที่ดี ชนเผ่าเลวีมีสิทธินำเงินไปใช่ได้ครับ แต่มาดูทุกวันนี้ชนเผ่าเลวีก็อยู่ของเขาอย่างนั้น แล้วพวกเราละเป็นคริสต์ไม่ใช่ยิวเราจะถวายทำไม เราสามารถถวายสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้พระเจ้าแทนได้ เช่น อดอะไรบางอย่างไม่กินเลยตลอดชีวิต เรามีเสรีภาพที่เห็นว่าจะยกอะไรบางอย่างให้พระเจ้า เช่นผลแรกที่เราผลิตได้ กำไรผลแรกที่ได้มาก็หักสิบเปอร์เซนต์ถวายให้พระเจ้า ก็ได้ หรือลูกแกะพึ่งคลอดเราจะถาวยให้พระเจ้าก็ได้ จะทำตรงตัวแบบพระคัมภีร์เดิมอย่างนั้นก็ได้ไม่รู้ว่าทุกวันนี้เอาแกะไปถวายให้วัดทางวัดจะเอาไปไว้ไหน หรือเอาลูกโคไปถวายวัดก็คงบอกว่าอย่าเอามาเลยดีกว่า ก็ต้องดูยุคสมัยด้วย พระคัมภีร์ใหม่หรือชาวคริสต์ยุคแรกไม่ได้ถวายสิบลดให้ยิวอีกแล้วนับตั้งแต่ม่านวิหาร 7 ชั้นฉีกขาดตั้งแต่บนลงล่างในวันที่พระเยซูตาย ก็ืยืนยันแล้วว่าเราสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ โดยไม่ต้องผ่าน เลวี
พี่เข้าใจที่น้องพูดครับเพราะเคยอยู่ความหวังมา ความหวังเขาสองอย่างนั้น แถมยังยกพระคัมภีร์ ฉธบ.31 มาเทศนาขู่อีกว่าผลของการไม่ถวายแล้วเป็นยังไง ในค่ายความรักผูกพัน 94 ชื่อค่าย "ชุมชนแห่งความมัี่งคั่ง" ที่ทาง คจ.ความหวัีงจัดขึ้น ดร. เทศว่าคนที่ไม่ถวายคือคน "ช่อพระเจ้า" พี่น้องครับพูดดังๆ พร้อมกันในที่ประชุดว่า "ช่อพระเจ้า" เขาสอนมาอย่างนี้ พี่จะบอกว่าที่จริงแล้วพระเจ้ามองมองที่ท่าทีในใจ ยุคนี้เป็นยุคแห่งท่าทีในใจ ไม่ใช่ยุคแห่งกฏบัญญัติ ที่บางคริสตจักรไปดึงมันออกมาใช้เพื่ีอคนจะได้เอาเงินถวายให้ คจ.เยอะๆ ยิ่งถวายพระเจ้ายิ่งอวยพร ไม่ถวายถูกแช่งสาป วิบัติจะเกิดแก่คนที่ขี้ช่อพระเจ้า(คนโกงพระเจ้า)
ถ้าทีที่ถูกต้อง ยกตัวอย่าง ถ้าเด็ก ป.2 เก็บเงินค่าขนมวันละสามบาททุกวันถวายให้พระเจ้า โดยไม่รู้จักสิบลด หรือยึดหลักตายตัวว่าต้องเป็นสิบลดนั้นก็ได้พระพรแล้ว ไม่ต้องถูก คจ. บังคับให้ถวาย เวลาผู้นำบังคับแล้วเราก็ต้องถวาย ถวายเพราะใจไม่อยากถวาย หรือถวายเพราะ ผู้นำท้าทายว่า "ยิ่งถวายยิ่งมั่งคั่ง ยิ่งถวายยิ่งได้รับการอวยพร" คนไม่ถวายสิบลดคือคน "ช่อพระเจ้า"(โกงพระเจ้า) คนช่อพระเจ้าจะถูกพระเข้าแช่งสาปวิบัติจะตกต่อคนนั้น ต่อให้ถวายด้วยท่าทีอย่างนั้นก็ไม่ได้พร คนที่ถวายเพราะเพื่อพระเจ้าจะอวยพรกลับร้อยเท่าพันทวีถือว่าถวายด้วยท่าทีที่ผิดครับ เพราะพระเจ้าต้องการที่ใจเราไ่ม่ต้องการอะไรที่มีให้พระองค์มากกว่าทีี่เราถวายให้พระองค์เพื่อผลกำไรที่ได้จากพระองค์
คาทอลิกเราหรือคริสตจักรยุคแรกตกทอดจนมาทุกวันนี้ไม่มีลิบลด ไม่มีการถวายถวายทศางก์ในพระนิเวศพระเจ้าด้วยเอาผลผลิตหนึ่งเอาออกสิบแต่ถวายด้วยใจครับ
พระเจ้าอวยพรครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ อังคาร ต.ค. 07, 2008 10:00 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
สิบลดผมก็ใส่ซองชมพูไป(40บาท เพราะได้ค่าขนมอาทิตย์ละ 400)
แต่ที่เหลือ(ราว 200 กว่าบาท 100 หักเก็บไว้ใช้เอง อีก 100 ถวายพิเศษซองสีฟ้า ช่วยเหลือเด็กและแม่หม้าย)
แบบนี้สบายใจกว่าเยอะ
แต่ที่เหลือ(ราว 200 กว่าบาท 100 หักเก็บไว้ใช้เอง อีก 100 ถวายพิเศษซองสีฟ้า ช่วยเหลือเด็กและแม่หม้าย)
แบบนี้สบายใจกว่าเยอะ
- o๐.Michael.๐o
- โพสต์: 11
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:46 pm
ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องสิบลด ผมซีเรียสเรื่องพระเจ้าสาป พระเจ้าไม่สาปแน่นอน ไม่ใช่ว่าแค่เงินน้อยนิด แต่ถ้าไม่ได้ถวายโดยพระคุณความรักของพระเจ้าพระเจ้าก็ไม่สาปเรา มันหมดยุคธรรมบัญญัติแล้ว แต่เราควรเห็นแก่งานพระเจ้าอย่าบอกว่าพระเจ้าสาปสิ
- Jack Sparrow
- โพสต์: 353
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 26, 2007 3:06 am
ถ้าถวายให้พระเจ้าก็ถวายไปเถอะ แต่ถวายให้ผีให้พวกขี้โกงไม่ต้องถวาย
-
- โพสต์: 127
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 20, 2008 1:18 pm
เราว่าพระท่านคงอยากรับของถวายที่มาจากใจคนถวายมากกว่า
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
ด้วยความเคารพจริงๆนะครับพี่โยเซฟ
ฉ้อน่าจะสะกดแบบนี้น่ะครับ ^ ^
กระทู้นี้ร้อนแน่นอน อิๆ
ฉ้อน่าจะสะกดแบบนี้น่ะครับ ^ ^
กระทู้นี้ร้อนแน่นอน อิๆ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
พระเจ้าไม่ได้สาปแช่ง ผู้ที่ไม่ถวายสิบลดหรอก เพราะพระองค์ทรงรักมนุษย์ด้วยชีวิตของพระบุตร (บนไม้กางเขน)o๐.Michael.๐o เขียน: ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องสิบลด ผมซีเรียสเรื่องพระเจ้าสาป พระเจ้าไม่สาปแน่นอน ไม่ใช่ว่าแค่เงินน้อยนิด แต่ถ้าไม่ได้ถวายโดยพระคุณความรักของพระเจ้าพระเจ้าก็ไม่สาปเรา มันหมดยุคธรรมบัญญัติแล้ว แต่เราควรเห็นแก่งานพระเจ้าอย่าบอกว่าพระเจ้าสาปสิ
แต่ที่คริสตชนต้องถวายคืนแด่พระเจ้า ก็เพราะความรัก ถวายด้วยการขอบพระคุณ ถวายเพื่อสำแดงถึงความรักเพื่อนบ้าน ถวายเพราะเรารักสงฆ์(ศิษยาภิบาล)ของพระเจ้า เพราะว่าปัจจัยที่คริสตสมาชิกถวาย จะได้เป็นกองทุนในท้องพระคลัง เพื่อให้ ผู้รับใช้ของพระเจ้าได้นำไปขยายพันธกิจแห่งความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้า ครับ
เชิญพี่ไมเคิ้ล และท่านผู้อ่าน อ่านบทความของคุณพี่โปรดปราน ครับ
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=322.0
มาดูที่ฟากคริสเตียน เรามักจะโดนโจมตีเรื่องเน้นการถวาย โดยเฉพาะสิบลด และ ถวายอื่นๆ จนฆราวาสบางคนรู้สึกเหมือนมี
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
มองว่าช่วยค่าน้ำค่าไฟตลอด ผมอ่ะเวลาถวาย
เห็นด้วยเรื่องถวายตามที่คิดหมายไว้ในใจ
พระคัมภีร์ก็บอกไว้ชัดเจนว่าให้ทำบุญตามที่คิดหมายไว้ในใจ ไมได้คิดเสียดาย เราคิดหมายไว้ในใจเท่าไรก็ถวายเท่านั้น อย่างที่น้องเจี๊ยบยกมา แต่รวยขนาดเดือนละเป็นล้านถวาย ยี่สิบบาท ห้าสิบบาท หรือร้อยบาท ตามที่อ้างอิงมาพี่รู้สึกว่าน้อยหน่อย เฮ้อๆ น่าจะให้มันมากหน่อย แต่ก็สุดแล้วแต่ท่าทีในใจไม่ได้มีใครบังคับ บางทีเศรษฐีถวายน้อยคนจนถวายเยอะก็มี อย่างหญิงม่ายในพระคัมภีร์ (มาระโก 12:41-44)
สิบลดหรือถวายอะไรก็ตามถ้าเรามีภาระใจ ในงานของพระเจ้า หรือสงสารคนขัดสน หรือ อยากช่วยวัดก็ช่วยไปเถอะ ถ้าวัดไม่มีพวกเราวัดก็อยู่ไม่ได้ พวกเราถ้ามีรายได้ก็ต้องช่วยกันถวาย แล้วถ้าเราโดนบังคัุบให้ถวาย ถึงถวายไปก็ไม่ได้เกิดพระพรอะไร ถวายแล้วทำให้เรารู้สึกเสียดายไม่สบายอกสบายใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่ถวายก็โดนบังคับรู้สึกผิดรู้สึกว่ากลัวจะเจ้าจะแช่งสาป
จากพระธรรมเก่าที่ถูกดึงมาสอนในบทเรียนเรื่องการถวาย
8คนจะฉ้อพระเจ้าหรือ แต่เจ้าทั้งหลายได้ฉ้อเรา แต่เจ้ากล่าวว่า `เราทั้งหลายฉ้อพระเจ้าอย่างไร' ก็ฉ้อในเรื่องสิบชักหนึ่งและเครื่องบูชานั่นซี
9เจ้าทั้งหลายต้องถูกสาปแช่งด้วยคำสาปแช่ง เพราะเจ้าทั้งหลายทั้งชาติฉ้อเรา
10พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสว่า จงนำสิบชักหนึ่งเต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ ดูทีหรือว่าเราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่
11เราจะขนาบตัวที่ทำลายให้แก่เจ้า เพื่อว่ามันจะไม่ทำลายผลแห่งพื้นดินของเจ้า และผลองุ่นในไร่นาของเจ้าจะไม่ร่วง พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
12พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสว่า แล้วประชาชาติทั้งสิ้นจะเรียกเจ้าว่า ผู้ที่ได้รับพระพร ด้วยว่าเจ้าจะเป็นแผ่นดินที่น่าพึงใจ (มาลาคี 3:8 - 12)
จากพระธรรมตอนนี้ก็ต้องเข้าใจอย่างว่าเราไม่ใช่ยิวแล้ววพระเจ้ากำลังพูดถึงชนชาติอิสราเอลทั้งหมดที่ไม่ยอมถวายทศางก์ในพระนิเวศ์ของพระองค์ซึ่งเป็นกฏที่โมเสสตั้งไว้ พวกชนอิสราเอลยุคสมัยของมาลาคีคือยุคที่ชนชาติอิสราเอลเอาใจออกห่างจากพระเจ้าแล้วหันไปติดตามพระอื่น ลองอ่านดูเรื่องราวของมาลาคีทั้งหมดก็จะเข้าใจ
เราจะตีความพระคัมภีร์ตามตัวอักษรอย่างนั้นมันก็ไม่ถูก แต่เป้าหมายของพระคัมภีร์ทั้งหมดอยู่ที่ท่าทีในใจ ไม่ใช่รูปแบบภายในนอก พระเจ้าพอใจให้เราถวายกับพระองค์ด้วยใจมากกว่า
41ขณะที่พระองค์ประทับนั่งตรงหน้าตู้ทาน ทอดพระเนตรเห็นประชาชนใส่เงินลงในตู้ทาน คนมั่งมีหลายคนใส่เงินจำนวนมาก 42หญิงม่ายยากจนคนหนึ่งเข้ามา เอาเหรียญทองแดงสองเหรียญใส่ลงในตู้ทาน 43พระองค์จึงทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ได้ทำทานมากกว่าทุกคนที่ได้ใส่เงินลงในตู้ทาน 44เพราะทุกคนเอาเงินที่เหลือใช้มาทำทาน แต่หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำเงินทั้งหมด นำทุกอย่างที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตมาทำทาน”
(มาระโก 12:38-44)
จากพระธรรมตอนนี้ก็เห็นแล้วว่า พระเจ้าหรือเป้าหมายในพระธรรมใหม่เน้นที่ท่่าทีในใจมากกว่าท่าทีภายนอก ต้องเข้าใจไว้อย่างหนึ่งว่าเป้าหมายสูงสุดในพระคัมภีร์อยู่ที่ใจเรากับพระเจ้า เรารักพระองค์ เราพึ่งพาพระองค์ เราวางใจในพระองค์ นี่คือเป้าหมายสำคัญของพระคัมภีร์ ส่วนเรื่องจะถวายเท่าไรนั้นเป็นเรื่องภายนอก
เราควรถวายให้วัด(โบสถ์) ให้มากๆ ตามที่เรามีความสามารถที่จะให้ได้ แต่ไม่ใช่ให้ด้วยการฝืนใจหรือถูกบีบถูกบังคับ แต่ควรให้ด้วยความสมัครใจและความยินดี
“ทุกคคนคงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยความฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี” (2 โครินธ์ 9: 7)ฉันเป็นสมาชิก คริสตจักรเก่า แก่ มี สัตบุรุษจำนวนมากถวายสิบลด และจำนวนไม่น้อยถวาย หรือทำบุญตามที่คิดหมายไว้ในใจ ฉันสังเกตว่า ยี่สิบปีก่อนคริสเตียนบางคนคิดหมายไว้ในใจ ยี่สิบบาท ห้าสิบบาท หรือร้อยบาท พวกเขาจึงหย่อนเงินลงถุงทาน ยี่ สิบบาท ห้าสิบบาท หรือร้อยบาท ปัจจุบัน คนเหล่านั้นมีรายได้ เดือนละ เหยียบแสน หรือ ล้าน (ๆ )บาทแล้ว แต่ ดูเหมือนว่าเรื่องการทำบุญให้ โบสถ์ พวกเขาก็ยังคิดหมายในใจเท่าเดิม (ไม่ทราบว่าฟากคริสตังมีอย่างนี้บ้างไหม ???)
พระคัมภีร์ก็บอกไว้ชัดเจนว่าให้ทำบุญตามที่คิดหมายไว้ในใจ ไมได้คิดเสียดาย เราคิดหมายไว้ในใจเท่าไรก็ถวายเท่านั้น อย่างที่น้องเจี๊ยบยกมา แต่รวยขนาดเดือนละเป็นล้านถวาย ยี่สิบบาท ห้าสิบบาท หรือร้อยบาท ตามที่อ้างอิงมาพี่รู้สึกว่าน้อยหน่อย เฮ้อๆ น่าจะให้มันมากหน่อย แต่ก็สุดแล้วแต่ท่าทีในใจไม่ได้มีใครบังคับ บางทีเศรษฐีถวายน้อยคนจนถวายเยอะก็มี อย่างหญิงม่ายในพระคัมภีร์ (มาระโก 12:41-44)
สิบลดหรือถวายอะไรก็ตามถ้าเรามีภาระใจ ในงานของพระเจ้า หรือสงสารคนขัดสน หรือ อยากช่วยวัดก็ช่วยไปเถอะ ถ้าวัดไม่มีพวกเราวัดก็อยู่ไม่ได้ พวกเราถ้ามีรายได้ก็ต้องช่วยกันถวาย แล้วถ้าเราโดนบังคัุบให้ถวาย ถึงถวายไปก็ไม่ได้เกิดพระพรอะไร ถวายแล้วทำให้เรารู้สึกเสียดายไม่สบายอกสบายใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่ถวายก็โดนบังคับรู้สึกผิดรู้สึกว่ากลัวจะเจ้าจะแช่งสาป
จากพระธรรมเก่าที่ถูกดึงมาสอนในบทเรียนเรื่องการถวาย
8คนจะฉ้อพระเจ้าหรือ แต่เจ้าทั้งหลายได้ฉ้อเรา แต่เจ้ากล่าวว่า `เราทั้งหลายฉ้อพระเจ้าอย่างไร' ก็ฉ้อในเรื่องสิบชักหนึ่งและเครื่องบูชานั่นซี
9เจ้าทั้งหลายต้องถูกสาปแช่งด้วยคำสาปแช่ง เพราะเจ้าทั้งหลายทั้งชาติฉ้อเรา
10พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสว่า จงนำสิบชักหนึ่งเต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ ดูทีหรือว่าเราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่
11เราจะขนาบตัวที่ทำลายให้แก่เจ้า เพื่อว่ามันจะไม่ทำลายผลแห่งพื้นดินของเจ้า และผลองุ่นในไร่นาของเจ้าจะไม่ร่วง พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
12พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสว่า แล้วประชาชาติทั้งสิ้นจะเรียกเจ้าว่า ผู้ที่ได้รับพระพร ด้วยว่าเจ้าจะเป็นแผ่นดินที่น่าพึงใจ (มาลาคี 3:8 - 12)
จากพระธรรมตอนนี้ก็ต้องเข้าใจอย่างว่าเราไม่ใช่ยิวแล้ววพระเจ้ากำลังพูดถึงชนชาติอิสราเอลทั้งหมดที่ไม่ยอมถวายทศางก์ในพระนิเวศ์ของพระองค์ซึ่งเป็นกฏที่โมเสสตั้งไว้ พวกชนอิสราเอลยุคสมัยของมาลาคีคือยุคที่ชนชาติอิสราเอลเอาใจออกห่างจากพระเจ้าแล้วหันไปติดตามพระอื่น ลองอ่านดูเรื่องราวของมาลาคีทั้งหมดก็จะเข้าใจ
เราจะตีความพระคัมภีร์ตามตัวอักษรอย่างนั้นมันก็ไม่ถูก แต่เป้าหมายของพระคัมภีร์ทั้งหมดอยู่ที่ท่าทีในใจ ไม่ใช่รูปแบบภายในนอก พระเจ้าพอใจให้เราถวายกับพระองค์ด้วยใจมากกว่า
41ขณะที่พระองค์ประทับนั่งตรงหน้าตู้ทาน ทอดพระเนตรเห็นประชาชนใส่เงินลงในตู้ทาน คนมั่งมีหลายคนใส่เงินจำนวนมาก 42หญิงม่ายยากจนคนหนึ่งเข้ามา เอาเหรียญทองแดงสองเหรียญใส่ลงในตู้ทาน 43พระองค์จึงทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ได้ทำทานมากกว่าทุกคนที่ได้ใส่เงินลงในตู้ทาน 44เพราะทุกคนเอาเงินที่เหลือใช้มาทำทาน แต่หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำเงินทั้งหมด นำทุกอย่างที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตมาทำทาน”
(มาระโก 12:38-44)
จากพระธรรมตอนนี้ก็เห็นแล้วว่า พระเจ้าหรือเป้าหมายในพระธรรมใหม่เน้นที่ท่่าทีในใจมากกว่าท่าทีภายนอก ต้องเข้าใจไว้อย่างหนึ่งว่าเป้าหมายสูงสุดในพระคัมภีร์อยู่ที่ใจเรากับพระเจ้า เรารักพระองค์ เราพึ่งพาพระองค์ เราวางใจในพระองค์ นี่คือเป้าหมายสำคัญของพระคัมภีร์ ส่วนเรื่องจะถวายเท่าไรนั้นเป็นเรื่องภายนอก
เราควรถวายให้วัด(โบสถ์) ให้มากๆ ตามที่เรามีความสามารถที่จะให้ได้ แต่ไม่ใช่ให้ด้วยการฝืนใจหรือถูกบีบถูกบังคับ แต่ควรให้ด้วยความสมัครใจและความยินดี
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ พุธ ต.ค. 08, 2008 5:32 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ดีครับ ช่วยๆ กันเสนอความเห็นครับ จริงๆ ก็ตะหงิดๆ กับเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะพระคัมภีร์ใหม่ไม่มีการเน้นเรื่องนี้เลย มีแต่ครั้งนึงที่พระเยซูถูกถามว่าได้ถวายเข้าพระวิหารหรือไม่ พระองค์จึงให้สาวกไปเอาเงินจากปากปลามาถวาย
สาวกของพระเยซูคริสต์ไม่ปรากฏในพระคัมภีร์ว่าถวายสิบลด แต่ถวายตามใจสมัคร และถวายเผื่อคนยากไร้ รวมถึงการเรื่อยไรเพื่อช่วยคนยากจนในครั้งที่เกิดการกันดานอาหารตามคำพยากรณ์ของอากาบัส
ในอีกไม่กี่ปีพวกเรารู้ไหมว่าจะมีการสร้างพระวิหารหลังที่ 3 ขึ้นที่อิสราเอลที่ภูเขาโมริยาห์ที่เดิม จะมีการรื้อฟื้นเลวีเพื่อทำภาระกิจของพระวิหารดั่งเดิม และที่แน่ๆ สิดลดจะกลับมาอีกครั้ง แต่จะมาจากยิวทั่วโลก....
คริสต์ชนก็คนละความคิดกับเขาเพราะเรายึดพระคัมภีร์เดิม (บางข้อ) และใหม่ (ทั้งหมด) ไปด้วยกัน
สาวกของพระเยซูคริสต์ไม่ปรากฏในพระคัมภีร์ว่าถวายสิบลด แต่ถวายตามใจสมัคร และถวายเผื่อคนยากไร้ รวมถึงการเรื่อยไรเพื่อช่วยคนยากจนในครั้งที่เกิดการกันดานอาหารตามคำพยากรณ์ของอากาบัส
ในอีกไม่กี่ปีพวกเรารู้ไหมว่าจะมีการสร้างพระวิหารหลังที่ 3 ขึ้นที่อิสราเอลที่ภูเขาโมริยาห์ที่เดิม จะมีการรื้อฟื้นเลวีเพื่อทำภาระกิจของพระวิหารดั่งเดิม และที่แน่ๆ สิดลดจะกลับมาอีกครั้ง แต่จะมาจากยิวทั่วโลก....
คริสต์ชนก็คนละความคิดกับเขาเพราะเรายึดพระคัมภีร์เดิม (บางข้อ) และใหม่ (ทั้งหมด) ไปด้วยกัน
ที่ คจ. ที่ผมอยู่ก็ถวายกันนะ
แต่ไม่ได้บังคับ ถึงขั้น บอกว่าสาปแช่งอ่าครับ
แต่ไม่ได้บังคับ ถึงขั้น บอกว่าสาปแช่งอ่าครับ
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ก็สงสัยเหมือนกันนะคะ ว่า"สิบลด"นี่เป็นยังไง? แล้วคำนวนยังไง ?
ถ้าทำงานกินเงินเดือนก็รู้ยอดแน่นอน แต่ถ้าค้าขายหล่ะ การค้ามันก็มีบ้าง ขาดทุน กำไร สลับกันไป
อย่างไหนบ้างที่ทำแล้วเรียกว่าถวาย"สิบลด"ให้แด่พระ เช่น เงินใส่ถุงทานในวัด , ทำบุญตอนฉลองวัด , ทำบุญสร้างวัด , ทำบุญสร้างศาลาพักศพ , หรือศาลาเอนกประสงค์ , สั่งทำเสื้อยืดมาแจก , บริจากเงินซื้อของมาจับฉลากในวันคริสต์มาส , ทำบุญให้พระสงฆ์เป็นการเฉพาะ , ใส่ซองขอมิสซา , ทำบุญตอนสร้างสุสานที่สองคอนให้ท่านบุญราศี
ทั้งหมดนี่..ทำหมดเลย แต่ไม่เคยจดเลยซักที ว่าเป็นเงินเท่าไร ?
เลยสงสัยว่า สิบสด สำหรับมนุษย์นี่ คำนวนกันยังไง ?
...
ไปเจอ บทความ ที่เกี่ยวกับ "สิบลด" เข้า เลยเอามาฝากกันเพิ่มเติมค่ะ
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=355.0
ลองเปิดเข้าไปอ่านเพิ่มเติมเอานะคะ เป็นกระทู้เก่าม๊าก ๆ แต่ "ดี"
ถ้าทำงานกินเงินเดือนก็รู้ยอดแน่นอน แต่ถ้าค้าขายหล่ะ การค้ามันก็มีบ้าง ขาดทุน กำไร สลับกันไป
อย่างไหนบ้างที่ทำแล้วเรียกว่าถวาย"สิบลด"ให้แด่พระ เช่น เงินใส่ถุงทานในวัด , ทำบุญตอนฉลองวัด , ทำบุญสร้างวัด , ทำบุญสร้างศาลาพักศพ , หรือศาลาเอนกประสงค์ , สั่งทำเสื้อยืดมาแจก , บริจากเงินซื้อของมาจับฉลากในวันคริสต์มาส , ทำบุญให้พระสงฆ์เป็นการเฉพาะ , ใส่ซองขอมิสซา , ทำบุญตอนสร้างสุสานที่สองคอนให้ท่านบุญราศี
ทั้งหมดนี่..ทำหมดเลย แต่ไม่เคยจดเลยซักที ว่าเป็นเงินเท่าไร ?
เลยสงสัยว่า สิบสด สำหรับมนุษย์นี่ คำนวนกันยังไง ?
...
ไปเจอ บทความ ที่เกี่ยวกับ "สิบลด" เข้า เลยเอามาฝากกันเพิ่มเติมค่ะ
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=355.0
ลองเปิดเข้าไปอ่านเพิ่มเติมเอานะคะ เป็นกระทู้เก่าม๊าก ๆ แต่ "ดี"
แก้ไขล่าสุดโดย กรอกสมบูรณ์ เมื่อ เสาร์ ต.ค. 11, 2008 8:02 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
"เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีกำลังใส่เงินถวายลงในตู้ทาน ทรงเห็นหญิงหม้ายยากจนคนหนึ่งใส่ เหรียญทองแดงสองเหรียญลงในตู้ทานด้วย จึงตรัสว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Viridian เมื่อ จันทร์ ต.ค. 13, 2008 10:02 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
อยู่ความหวังมีสามซองคือ สีแดง สีขาว สีฟ้า สิบลดคือซองสีขาว นอกจากนั้นแล้วยังมีสัญญาถวาย ถวายอนุสรณ์แห่งพระพรคือระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้พระพรอะไรเวลาร้องเพลงนมัสการก็ต้องเดินออกไปใส่กล่องหน้าเวที
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 25, 2009 12:53 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
การถวาย ถวายอะไรก็ได้ในสิ่งที่พระผู้เจ้า พึ่งปราถนาและ ไม่ใช่ว่าเป็นคริสเตียน ต้องถวายสิบรถ.
รู้ไหมสิบรถคืออะไร?
ทำไมพระเจ้าให้พันธสํญญากลับเรา เพราะเราเป็นรูปลักษณะของพระองค์มีอิสระ เสรีภาพ ไร้เขียดจำกัด.
ฉนั้นพระเจ้าจึงขอเราอย่างหนึ่ง ขอจิตวิณญาณเรา ขอคำมั้นสัญญา และความซื่อตรงของเรา.
พระองค์จึงเลือกสิ่งที่มนุษย์รักและห่วงแหนที่สุดเพื่อ เป็นลายลักอักษร และพยาน.
อย่าลืมสิ อากาศที่เราสูดดมกินเข้าไปทุกวันฟรีนะไม่ต้องจ่าย ตังค์.
ถ้าจ่ายตังค์ ลองช่วยประเมินราคาให้พี่น้องทั้งหลายทราบด้วย.....
รู้ไหมสิบรถคืออะไร?
ทำไมพระเจ้าให้พันธสํญญากลับเรา เพราะเราเป็นรูปลักษณะของพระองค์มีอิสระ เสรีภาพ ไร้เขียดจำกัด.
ฉนั้นพระเจ้าจึงขอเราอย่างหนึ่ง ขอจิตวิณญาณเรา ขอคำมั้นสัญญา และความซื่อตรงของเรา.
พระองค์จึงเลือกสิ่งที่มนุษย์รักและห่วงแหนที่สุดเพื่อ เป็นลายลักอักษร และพยาน.
อย่าลืมสิ อากาศที่เราสูดดมกินเข้าไปทุกวันฟรีนะไม่ต้องจ่าย ตังค์.
ถ้าจ่ายตังค์ ลองช่วยประเมินราคาให้พี่น้องทั้งหลายทราบด้วย.....
ไม่เคยมีปัญหากับใครก่อนออกโบสถ์ครับ ยืนยัน แล้วตอนก่อนออกจากโบสถ์กำลังเป็นที่ยอมรับ แต่ก็จำใจต้องตัดสำพัน เสียดายแต่ก็ต้องต้ดใจ พวกสมาชิกไม่อยู่ีในสายตาที่จะไม่พอใจ ไรสาระ ที่พี่ไม่เห็นด้วยคือหลักการของความหวังแล้วก็คำสอนของความหวังpanali เขียน: อ่านแล้วรู้สึกขมๆ หน่อยนึงนะคุณ Joseph มีปัญหากับใครก่อนจะออกจากโบสถ์หรือเปล่า ถามจริงๆ
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ เสาร์ ต.ค. 11, 2008 9:50 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ผมไม่เห็นด้วยในหลายประเด็นยังอยู่ได้เลย แค่อึดอัดนิดหน่อย แต่ก็ช่างมัน เพราะทุกๆ องค์กรย่อมมีสิ่งที่เราไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง จริงไหม แต่อย่างน้อยคริสตจักรความหวังก็ยังเป็นคริสตจักรอยู่ดี มีคำสอนเรื่องพระเยซูคริสต์ การไถ่ และเรื่องความรอดอย่างถูกต้องตามหลักการพระคัมภีร์ มีคำสอนหลักๆ ที่ตรงประเด็นและท้าทาย เรื่องหยุมหยิมก็มีที่ฟังดูทะแม่งๆ แต่ผมก็ผ่านๆ ไป ช่างมัน ไม่ได้ถึงต้องขนาดซีเรียสอะไรมาก แต่แน่นอนจะมีคนไม่ชอบบ้าง อย่างเรื่องสิบลดที่เราคุยกันที่นี่ แต่ท่าทีความรัก ความปรองดอง ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพระวรกายก็สำคัญมากกว่าทั้งหมด จริงไหมครับ ถ้าคจ.นี้สอนผิด หมายถึงผิดแล้วยังยืนยัน คุยกับผู้นำแล้วก็ยังดื้อรั้น อธิบายตามหลักพระคัมภีร์ก็ไม่ได้ ผมคนนึงหล่ะที่จะไปแน่ และถ้าเป็นอย่างนั้นผมถือว่าโบสถ์บีบคนอย่างผมออก ไม่ใช่ผมออกเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาสอน ผมอยู่มา 21 ปีแล้ว ยังคุยกันได้อยู่ ก็เตือนๆ กันไปในสิ่งที่เห็น และถูกเตือนด้วยในสิ่งที่เราผิด
คุณ Joseph ออกมาแล้วก็ดี จะได้เห็นอะไรที่กว้างขึ้น
ผมชอบบอร์ดนี้เพราะตรงนี้แหล่ะ เป็นการเสนอความเห็นที่ตรงไปตรงมาไม่ต้องไปเกรงใจใคร (คือรับผิดชอบกันเองจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า) ขอพระเจ้าอวยพรจ๊ะ
ป.ล. Joseph คุณกับผมมันคนรุ่นเดียวกัน อายุเท่ากัน เห็นโลกมาก็พอๆ กัน คุณคงเข้าใจสิ่งที่ผมคิดนะ ผมไม่รู้ว่ามีพี่น้องความหวังเข้ามาที่นี่อีกหรือเปล่า แต่ผมพูดตรงๆ ว่า ยิ่งผมศึกษาประวัติศาสตร์คริสตจักร ผมยิ่งประทับใจคาทอลิกมากขึ้นเรื่อยๆ คงเหมือนคุณหล่ะมั้ง ไม่งั้นคงไม่มาอยู่นี่
คุณ Joseph ออกมาแล้วก็ดี จะได้เห็นอะไรที่กว้างขึ้น
ผมชอบบอร์ดนี้เพราะตรงนี้แหล่ะ เป็นการเสนอความเห็นที่ตรงไปตรงมาไม่ต้องไปเกรงใจใคร (คือรับผิดชอบกันเองจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า) ขอพระเจ้าอวยพรจ๊ะ
ป.ล. Joseph คุณกับผมมันคนรุ่นเดียวกัน อายุเท่ากัน เห็นโลกมาก็พอๆ กัน คุณคงเข้าใจสิ่งที่ผมคิดนะ ผมไม่รู้ว่ามีพี่น้องความหวังเข้ามาที่นี่อีกหรือเปล่า แต่ผมพูดตรงๆ ว่า ยิ่งผมศึกษาประวัติศาสตร์คริสตจักร ผมยิ่งประทับใจคาทอลิกมากขึ้นเรื่อยๆ คงเหมือนคุณหล่ะมั้ง ไม่งั้นคงไม่มาอยู่นี่
แก้ไขล่าสุดโดย panali เมื่อ เสาร์ ต.ค. 11, 2008 11:34 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
อ่านมาถึงตรงนี้เลยสงสัยขอถามเพิ่มเติมครับJoseph เขียน:จากประสบการณ์ที่พี่ได้มาจาก คจ.นู้นนะkroksomboon เขียน: ก็สงสัยเหมือนกันนะคะ ว่า"สิบลด"นี่เป็นยังไง? แล้วคำนวนยังไง ?
ถ้าทำงานกินเงินเดือนก็รู้ยอดแน่นอน แต่ถ้าค้าขายหล่ะ การค้ามันก็มีบ้าง ขาดทุน กำไร สลับกันไป
อย่างไหนบ้างที่ทำแล้วเรียกว่าถวาย"สิบลด"ให้แด่พระ เช่น เงินใส่ถุงทานในวัด , ทำบุญตอนฉลองวัด , ทำบุญสร้างวัด , ทำบุญสร้างศาลาพักศพ , หรือศาลาเอนกประสงค์ , สั่งทำเสื้อยืดมาแจก , บริจากเงินซื้อของมาจับฉลากในวันคริสต์มาส , ทำบุญให้พระสงฆ์เป็นการเฉพาะ , ใส่ซองขอมิสซา , ทำบุญตอนสร้างสุสานที่สองคอนให้ท่านบุญราศี
ทั้งหมดนี่..ทำหมดเลย แต่ไม่เคยจดเลยซักที ว่าเป็นเงินเท่าไร ?
เลยสงสัยว่า สิบสด สำหรับมนุษย์นี่ คำนวนกันยังไง ?
อย่างไหนที่เรียกว่าสิบลดก็คือ เงินทุกบาทที่เขามาในกระเป๋าเราต้องหักสิบเปอร์เซนต์ให้พระเจ้า ถ้าไม่เช่นนั้นถือว่า ฉ้อ พระเจ้า หรือโกงพระเจ้า ถ้าค้าขายวันหนึ่งเงินเข้าร้าาเท่าไรปิดร้านแล้วก็ต้องนับแล้วดึงออกมาสิบเปอร์เซนต์ เป็นเงินของพระเจ้า ห้ามใช้เด็จขาด รวมๆ กันแล้ว วันอาทิตย์นำไปใส่ซองถวายแต่โดยมากพวกพ่อค้าเขาจะเข้าธนาคารบัญชีของคริสตจักรแล้วเอาสลิปใส่ซอง เวลาไปโบสถ์ก็ต้องใส่ซองระบุชัดเจนว่าเป็นเงินสำหรับถวายสิบลด จะเป็นงินสดหรือสลิปธนาคารก็ได้ แต่ต้องระบุตัวเลขที่ถวายแล้วเป้าหมายที่ถวายให้ชัดเจน เงินถวายแต่ละซองต้องแยกตะหาก จะไปถวายพร้อมกันเงินถวายวันอาิทิตย์ไม่ได้ ทางโบสถ์จะจัดซองเปล่าให้สามซอง คือซอง แดง น้ำเงิน และขาว แต่ละซองก็มีหน้าที่ต่างกันไป อย่างซองน้ำเงินคืออนุสรณ์แห่งพระพร อาทิตย์นี้เราได้พรอะำไรพิเศษจากพระเจ้าก็ต้องใส่ซองน้ำเงิน ซึ่งไม่เกื่่ยวกับเงินถวายปกติประจำวันอาทิตย์นะครับ ต้องแยกประเภทแล้วต้องระบุที่หน้าซองด้วยให้ชันเจน นี่คือ คจ.ความหวังที่พี่เคยอยู่ที่นั้น ไม่เกียวกับคาทอลิกครับ
คาทอลิกเราไม่ได้สอนเรื่องการถวายสิบลด แล้วก็ไม่ถวายก็ไม่เป็นไร ไม่ปังคับ แล้วไม่บาปครับ ถวายตามใจ
ตามหลักการทำบุญของคริสตศาสนา เราไม่ควรให้ใครรู้ไม่ใช่เหรอว่าทำบุญเท่าไหร่ ตกลงว่าการถวายของทางความหวังนี้ ต้องเขียนโชว์จำนวนเงินที่ซองทุกกรณีเลยหรือครับ แล้วคนอื่นจะสามารถมาเห็นได้ไหม
จริง อย่างพี่ joseph ว่าครับ ผม ในฐานะ เคยเข้าโบสถ์ความหวัง ตอนนั้นผมรับใช้ เป็นหัวหน้าหน่วย สถาบัน E1 สมัย อาจารย์ ชูชาติ ไชยสมบัติ เป็นผู้ช่วยหัวหน้าส่วน แต่ตอนนี้ อาจารย์ ได้ไปดูแลความหวังเชียงใหม่ละ ก็ สิบลด ก็ 10 % ของรายได้เลย เงิน เดือน 10000 ก็ หักไป 1000 ไงครับ ไม่ต้องคิดอะไรให้ยุ่งยาก ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ความหวังแล้ว ตอนนี้ ผม คาทอลิก ครับ ผมออกมา ด้วยเหตุผลบางประการ อันไม่อาจบอกได้ ตอนที่ผม อยู่ในความหวัง ท่านอาจารย์ kc ( ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้ก่อตั้งโบสถ์ความหวัง) ก็ ยังเทศน์อยู่นะครับ
ผมก็เคยอยู่ความหวังคับความหวังที่สุพันน่ะคับเป้นโบสที่สอนอะไรบางอย่างก็ผิดแถมวันเสาอาทิตยังโทมาหาชวนออกไปประกาศอีกและคนที่ความหวังและ เรื่องสิบลด ยังบังคับไห้ถวายอีกเขาบอกว่าเราต้องคืนไห้แก่พระเจ้าถ้าอาทิตไห้ไมใมโบสยังโทมาตามไห้ไปเข้าอีกถ้าเราบอกว่าติดธุระก็หาว่าเราโกหกแต่ก็ไม่รู้ว่าความหวังที่อื่นเป็นแบบความหวังสุพันรึป่ะ แต่ตอนนี้ทนไม่ไหวก็เลยมาเข้าวัดคาทอลิก
- o๐.Michael.๐o
- โพสต์: 11
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:46 pm
ต้องเขียนหน้าซองว่าถวายเท่าใหร่ชื่ออะไร เพื่อให้ีรู้ว่าถวายหรือเปล่า แล้วมีช่วงนึง ให้พี่เลี้ยงเช็คสิบลด ผมก็อึดอัดเทศบังคับแล้วไ่ม่พอบางทีเช็คสิบลด ทำให้เราขาดพระพรเลยเพราะบางทีอึดอัดที่ต้องโดนเช็ค บางทีมีก็ถวายสิไม่มีจะบังคับให้มีหรอเทศบอกกลัวพี่น้องไม่ได้พระพรหรือกลัวไม่ได้เงิน จุดประสงค์ดี แต่สอนผิดไปเยอะแทนที่จะได้รับพระพร
ประสบการณ์ตรงเลยครับ ทำให้ผมมองศาสนาคริสตในแง่ลบเลยละครับ หลังจากที่ผมไปโบสถ์ความหวังแค่ครั้งเดียว แต่พี่ที่พาไป แกก็บอกว่า ยังไม่ต้องบริจาค ไว้...(ไรสักอย่าง จำไม่ได้อะคับ).. ก่อนแล้วค่อยบริจาคก็ได้ แล้วที่โบสถ์ความหวัง ผมคิดว่าพิธีกรรมที่เขาทำมันแปลกๆนะครับ ไม่เหมือนที่คิดo๐.Michael.๐o เขียน: อยากทราบนักศาสนศาสตร์ หรือคริสเตียนคิดอย่างไรกับคำสอนของคริสตจักรความหวังที่ว่าไม่ถวายสิบลดพระเจ้าจะสาปแช่ง เราเป็นการโกงพระเจ้าหากไม่ถวาย ผมว่ายุคนี้ยุคพระคุณพระเจ้าจะสาปแช่งลูกพระเจ้าหรือ ผมว่าควรปรับคำสอนใหม่เพราะทำให้หลายคนสะดุด และคิดว่าบางทีอาจเป็นคำสอนผิดๆ ด้วยทำให้หลายคนเกิดรากข่มขึ่น มองคริสเตียนโบสถ์อื่นเป็นเหมือนกันหมด ทั้งการบังคับให้ทำนั่นทำนี่เพราะเห็นว่ารักพระเจ้า และอ้างเป็นน้ำพระทัยจากพระเจ้า ท่านคิดอย่างไร
ไม่รู้ครับ ผมเคยไปแต่ร่มเกล้า