กระสอบสองใบจากแม่ถึงลูก

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ก.ค. 04, 2020 8:25 pm

.................กระสอบสองใบจากแม่ถึงลูก...........
________________
หลิวกังเป็นนักโทษต้องโทษคดีจี้ปล้น ติดคุกมาแล้วเป็นปี แต่ก็ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมเยือนเลยสักครั้ง เห็นนักโทษคนอื่นมักมีญาติๆมาเยี่ยมพร้อมเสบียงอาหาร จึงเพียรเขียนจดหมายถึงพ่อแม่วอนให้มาเยี่ยมตนบ้าง แม้จะส่งจดหมายไปแล้วหลายฉบับ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลิวกังเข้าใจว่าตนคงถูกพ่อแม่ตัดขาดแล้ว เสียใจและน้อยใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจเขียนจดหมายอีกครั้ง บอกว่าหากไม่มาเยี่ยมอีก พวกเขาจะสูญเสียลูกชายคนนี้ไปแน่นอน แท้จริงหลิวกังก็ไม่ได้ขู่พ่อแม่เล่น เขาถูกนักโทษอีกหลายคนที่ต้องโทษฉกรรจ์ชักชวนให้ร่วมกันแหกคุก อาจด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกพ่อแม่ตัดหางปล่อยวัด เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมกับคำชักชวน

วันนั้นอากาศหนาวเย็นเป็นพิเศษ เป็นอีกวันหนึ่งที่พวกเขากำลังร่วมวงคุยกันวางแผนเกี่ยวกับการแหกคุกครั้งนี้ แต่แล้วก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาแจ้งว่า

"นักโทษหลิวกัง มีคนมาเยี่ยม"
ใครมาเยี่ยมตน พอหลิวกังโผล่เข้าไปในห้องเยี่ยม แกก็ต้องตกใจ แม่นั่นเอง แค่ไม่เจอแม่ปีเดียว แทบจะจำหน้าแม่ไม่ได้เลย อายุแม่ก็แค่ห้าสิบกว่า แต่หัวขาวโพลนหมดไปทั้งหัว หลังค่อมงอเหมือนกุ้งแห้ง ผอมโทรมจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม เสื้อผ้าทั้งเก่าทั้งขาด เท้าทั้งคู่เปลือยเปล่าไม่ได้ใส่รองเท้า มีแต่ความสกปรกและรอยแผลถลอกที่มีคราบเลือดแห้งเกาะอยู่เต็ม ข้างๆตัวแม่มีกระสอบย่อมๆเก่าๆวางอยู่สองใบ

แม่ลูกสบตากัน หลิวกังยังกำลังตกใจกับสภาพที่เห็นต่อหน้า ดวงตาที่ฝ้าฟางของแม่เริ่มมีน้ำตาเอ่อล้น

"ลูกจ๋า สบายดีนะ.... จดหมายที่ลูกส่งไปที่บ้านนะ ได้รับทุกฉบับ..... อย่าหาว่าพ่อแม่ใจร้ายเลยนะ แต่มันปลีกตัวมาเยี่ยมลูกไม่ได้จริงๆ.... พ่อแกป่วยหนัก แม่ต้องดูแลเขา แล้วระยะทางจากบ้านมาที่นี่ก็ไกลโขอยู่......."
พอพูดมาถึงตรงนี้ ก็มีหัวหน้าเจ้าหน้าที่ยกเอาบะหมี่ร้อนๆเข้ามาให้ชามหนึ่ง "คุณป้าครับ เดินทางมาไกล กินบะหมี่ก่อนแล้วค่อยคุยต่อ"
แม่หลิวกังรีบลูกขึ้นพร้อมปฏิเสธว่า
"ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้" หัวหน้ายื่นชามใส่มือแม่หลิวกัง
"คุณป้าอายุก็รุ่นราวคราวเดียวกับแม่ผม คุณป้าไม่ต้องเกรงใจ นึกเสียว่ากินบะหมี่จากลูกหลานสักชามก็แล้วกัน"
แม่หลิวกังไม่สามารถปฏิเสธอีก รับมาเสร็จก็ก้มหน้าก้มตากินอย่างเอร็ดอร่อย คล้ายกับไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน

หลังกินบะหมี่เสร็จ หลิวกังเห็นเท้าแม่มีแต่บาดแผล จึงถามว่า
"เท้าแม่เป็นอะไร ทำไมไม่ใส่รองเท้า"
แม่ยังไม่ได้ตอบ หัวหน้าชิงตอบก่อน
"แม่แกเดินเท้าจากบ้านมาถึงนี่ รองเท้าสึกจนขาดกระจุยหมดระหว่างทาง"
"เดินมา......"
หลิวกังหวนนึกถึงเส้นทางจากบ้านถึงนี่ก็สองสามร้อยกิโลเมตร แล้วเส้นทางล้วนเป็นภูเขาเสียส่วนใหญ่ หลิวกังค่อยๆนั่งลงกับพื้นพร้อมทั้งประคองเท้าแม่ที่บวมแทบไม่เป็นรูปทรงขึ้นมาเบาๆ "แล้วทำไมแม่ไม่นั่งรถมา ทำไมไม่ซื้อรองเท้าใส่อีกสักคู่
"แม่รีบหดขา ทำสีหน้าแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"นั่งรถทำไม ค่อยๆเดินมาก็ได้อยู่ เออ.... ปีนี้เกิดโรคระบาด หมูที่บ้านตายหมด... ฝนก็แล้ง เก็บเกี่ยวก็ไม่ดี พ่อแกก็ป่วยหนัก เสียเงินรักษาไปเยอะ... หากพ่อแกอาการดีกว่านี้ พวกเราคงมาเยี่ยมลูกนานแล้ว อย่าโกรธพ่อแม่นะ...." หัวหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆแอบเช็ดน้ำตา แล้วเดินออกจากห้องเยี่ยมไป
"แล้วอาการพ่อดีขึ้นหรือยัง"
หลิวกังไม่ได้ยินคำตอบจากแม่ พอเงยหน้า ก็เห็นแม่กำลังเช็ดน้ำตาอยู่
"ผงมันคงเข้าตา... ถามถึงพ่อใช่ไหม.... พ่อดีขึ้นเยอะแล้ว พ่อฝากมาบอกว่า อย่าได้เป็นห่วงพ่อ ขอให้ลูกกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีก็พอ......"

หัวหน้าเจ้าหน้าที่เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมยื่นคูปองของสหกรณ์คอมมูนที่สามารถไว้ใช้แลกเสบียงอาหารและของใช้จำเป็นให้แม่หลิวกังจำนวนหนึ่ง

"คุณป้าครับ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากเจ้าหน้าที่ของเราทุกคนที่นี่ อย่าเดินเท้าเปล่ากลับบ้านเด็ดขาด ไม่งั้น หลิวกังคงทุกข์ใจแน่ๆ"
แม่หลิวกังก็ต้องรีบปฏิเสธอีกครั้ง

"ไม่ได้เด็ดขาด.... ลูกฉันอาศัยพักอยู่ที่นี่ ก็รบกวนพวกคุณมามากแล้ว.... หากยังรับเงินจากพวกคุณอีก เหมือนสาปแช่งตัวฉันเองว่าเป็นไม่รู้คุณคน...."

หัวหน้าบอกว่า
"คนเป็นลูกไม่มีปัญญาดูแลพ่อแม่ แล้วยังทำให้พ่อแม่ต้องมาหนักอกหนักใจ นี่ยังต้องเดินเท้าเปล่าตั้งหลายร้อยกิโลมาเยี่ยมลูก หากยังเดินเท้าเปล่ากลับบ้าน หลิวกังก็คงไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่ในตัว...."
หลิวกังทนไม่ไหวอีกต่อไป ได้แต่ร้องไห้ด้วยเสียงสั่นเครือว่า "แม่......"
แล้วก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อไปอีก

เสียงร้องไห้ระงมจากนอกห้อง เป็นเสียงร้องไห้ของเหล่านักโทษที่มาทำงานอยู่บริเวณนั้นมายืนดู เป็นการอนุญาตในกรณีพิเศษจากเจ้าหน้าที่ให้มาเฝ้าสังเกตการณ์

มาถึงตอนนี้ ก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนซึ่งมีหน้าที่ตรวจเช็คสัมภาระของผู้มาเยี่ยมเดินเข้ามาสมทบในห้อง ซึ่งสัมภาระในกระสอบสองใบที่แม่หลิวกังนำติดตัวมาก็ได้ผ่านการตรวจเช็คจากแกมาแล้วก่อนหน้านี้ แกแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า

"อย่าร้องไห้กันเลย แม่มาเยี่ยมก็ควรจะดีใจ ควรยิ้มให้กันมากกว่า แกมาดูสิว่าแม่เอาอะไรมาฝากแกบ้าง หลิวกัง...."
พูดเสร็จแกก็คว้ากระสอบใบแรกแล้วเทของออกมา แม่หลิวกังห้ามไม่ทัน แล้วสิ่งที่ทุกคนเห็นก็ทำให้นิ่งอึ้งไปหมด มันล้วนเป็นหมั่นโถวแห้งๆ แผ่นขนมปังแข็งๆ แตกๆหักๆ แข็งราวกับก้อนหิน และขนาดแต่ละชิ้นก็ไม่เท่ากันเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ เหล่านี้ล้วนเป็นเสบียงที่แม่หลิวกังขอทานเขามาตลอดทาง แม่หลิวกังต้องก้มหน้าด้วยความอาย ได้แต่พูดว่า
"ลูกจ๋า อย่าโทษแม่เลยนะที่ต้องทำอย่างงี้.... ที่บ้านไม่สามารถหาอะไรมาให้ลูกจริงๆ......"

หลิวกังเหมือนยังไม่ได้ยินที่แม่พูด แต่สายตาเพ่งไปจับจ้องกับสิ่งของที่ถูกเทออกมาจากกระสอบใบที่สอง มันเป็นกล่องใส่อัฐิกล่องหนึ่ง หลิวกังงงไปหมด
"แม่ นี่มันอะไรกัน"
แม่ทรุดตัวลงไปกับพื้นอย่างหมดแรง เนื้อตัวสั่นไปหมด รออยู่นานกว่าจะมีเสียงพูดออกมาอย่างสั่นเครือว่า

"นั่นคืออัฐิของพ่อแก... เพราะพ่ออยากรวบรวมเงินเพื่อเดินทางมาเยี่ยมลูก... พ่อแกต้องทำงานอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน ร่างกายเลยรับไม่ไหว ในที่สุดก็ล้มป่วยลง..... รักษายังไงก็ไม่ดีขึ้น สุดท้ายก่อนตาย แกบอกกับแม่ว่า.... คงนอนตายตาไม่หลับแน่เพราะไม่เคยมาเยี่ยมลูกสักครั้ง บอกแม่ว่า แม้จะตายไปแล้ว ก็ขอให้แม่พาแกมาเยี่ยมลูกให้ได้.... ขอพบหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้ายในชาตินี้........"
หลิวกังตัวสั่นเหมือนเจ้าเข้า สะอื้นสุดเสียงพร้อมน้ำตาว่า

"พ่อครับ..... ผม....กลับเนื้อกลับตัวแน่..... พ่ออย่าได้เป็นห่วง.....ผมขอโทษ......"

และแล้วก็ทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้น เอาหน้าผากโขกกับพื้นอย่างแรง.........

เหล่านักโทษที่ยืนดูอยู่นอกห้อง ล้วนทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นอย่างไม่ได้นัดหมาย.....เสียงร้องไห้ระงมเซ็งแซ่ไปหมดทั่วเรือนจำ..........

*****************
เกิดเป็นคนทั้งที อย่าได้สร้างความหนักอกหนักใจมาประเคนให้พ่อแม่เลย บุญคุณท่านล้นเหลือที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเรามา หากไม่รู้จักกตัญญูรู้คุณท่าน ยังมาซ้ำเติมด้วยเรื่องเสียๆหายๆให้ท่านทุกข์ใจนานับประการ ขอถามว่า ลูกทูนหัวที่ว่านี้ยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า
_______________
"ขจรศักดิ์"
แปลและเรียบเรียง

ขออรุณสวัสดิ์ทุกๆท่านด้วยบทความที่ได้รับการแปลมานี้
ก็เพื่อหวังให้บางท่านเหลียวหันกลับไปดูแลใครบางคน
ที่อยู่เบื้องหลังของท่านมาตลอดทั้งชีวิต

ขอให้ทุกๆท่านมีแต่ความสุขในทุกๆวินาทีของชีวิตครับ

อ่านแล้วช่วยกันแชร์ด้วยนะครับ เพื่อเป็นวิทยาทาน
"มาร่วมกันสร้างบุญด้วยการแบ่งปันความรู้"
เกิดชาติใดขอให้มีความมั่งคั่งเป็นคุณสมบัติประจำตัว

ติดตามเรื่องราวสุขภาพดีๆได้จาก

ความรู้คู่สุขภาพ
ตอบกลับโพส