คำแปลบทสัมภาษณ์ "Lacerta" ชาวโลกอีกหนึ่งเผ่าพันธุ์

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:08 am

คำถาม: มันน่าหลงไหลมาก มันสามารถใช้ทำอะไรอย่างอื่นได้อีก?

คำตอบ: ทุกอย่าง ทุกๆสิ่งที่คุณเรียกว่าเหนือธรรมชาติ อย่างที่ได้พูดไป,ระดับชั้นพิเศษที่อยู่ใน sphere of influence{Feldraum} ระหว่างระดับชั้นข้อมูลของ morphogenetic และระดับชั้นของสสาร, และสามารถที่จะปฏิสัมพันธ์กันได้ทั้งสองด้าน มันพูดได้ว่า,มันสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสสารที่เป็นของแข็งได้ดีพอๆกับทาง ด้านความจิตซึ่งที่ให้สามารถทำได้ทุกๆอย่าง อย่างเช่นที่เรียกว่าเทเลคิเนซิสและเทเลพาธี "connection absorption[การดูดซืมการติดต่อ?]" กับ consciousness/awareness อันอื่นๆ ใช้วิธีที่แตกต่างจากการติดต่อกับสสาร,เพราะว่า สนามพลัง consciousness/awareness อันอื่นๆ ก็มีระดับความถี่ต่างกันไป consciousness/awareness ที่เป็นตัวส่งหรือ consciousness/awareness ที่เป็นตัวรับจะต้องปรับตัวมันเองให้เข้ากับจิตอันอื่นก่อน,ก่อนที่การ ติดต่อถึงจะทำได้ เผ่าพันธุ์ส่วนมากมีโอกาสที่จะปิดกั้นไม่ให้พวกเอเลี่ยนติดต่อ/แทรกซึม [access]เข้ามา,แต่ว่าพวกของคุณไม่มีความสามารถนี้ มันเป็นความจริงว่า:เผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถทางจิตสูง,ก็เป็นเรื่องง่าย ที่จะเปลี่ยนแปลง consciousness/awareness ของเค้าและ แทรกซึม[access]เข้ามา ความสามารถของพวกเราไม่มีกำลังสูงพอ; ดังนั้นพวกเราตอนแรกพวกเราต้องเรียนรู้ที่จะจิตของพวกเอเลี่ยนเพื่อที่จะใช้ วิธีการพรางตัว[mimicry] ยกตัวอย่างเช่นการพรางตัว[mimicry] ทำได้ง่ายมากสำหรับจิตพวกคุณเพราะว่าพวกคุณมีสวิตซ์ เปิด/ปิต อยู่แล้ว ความสามารถเหล่านี้บางส่วนสามารถที่สืบทอดไปได้; แม่กับลูกของพวกของฉันก็เป็นตัวอย่างนึงที่ว่าติดต่อกันได้ในช่วงเดือนแรก- บางกรณีสามารถทำได้แม้ว่ายังอยู่ในไข่ในครรภ์ของแม่ -โดยวิธีเทเลพาธี ในการที่จะจูงจิตของพวกคุณนั้น,พวกเราต้องการเวลาในการฝึก,แม้ว่าระดับจิต ของพวกคุณจะพื้นๆ ดังนั้นมันจึงมีการห้าม,ยกตัวอย่างเช่น,สำหรับผู้ใหญ่ในพวกของฉันที่ยังไม่ ผ่านช่วง "Age of Enlightenment[ช่วงอายุในการบรรลุ]" ขึ้นมายังผิวโลก(ในกรณีนี้รวมถึงความสามารถทางกายภาพด้วย) ในกรณีที่ยังฝึกไม่สมบูรณ์,อันตรายที่จะเกิดขึ้นเมื่อพวกคุณมาพบเข้าก็จะ เกิดขึ้นได้สูง และมันยังมีการสอนลับๆจำนวนมากที่สอนและฝึกฝนความสามารถเหล่านี้,แต่ฉันก็ ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:08 am

แม้ว่าจิตของพวกเอเลี่ยนจะสามารถจูงจิตได้, มันก็มีขั้นตอนที่จะทำสิ่งเหล่านั้นกับเผ่าพันธุ์เอเลี่ยนกลุ่มอื่นๆ เริ่มแรกสุดเลยต้องรู้สึกถึงความถี่[oscillation]ของพวกเอเลี่ยนก่อน,สิ่ง นี้จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติโดยสมอง เช่น ความถี่[oscillation]ในย่านๆนึง,คลื่น quasi-electrical ในสมองในระดับต่างๆ ในที่ช่องว่างปกติ{ในที่ที่สสารดำรงอยู่} กระบวนการนี้มันไม่ยาก หลังจากนั้นก็จะตรวจสอบ consciousness/awareness ของสิ่งๆนั้นโดยจิตโดยผ่านทาง post-plasma, ส่วนของ sphere of influence{Feldraum} จะทำปฏิสัมพันธ์และเชื่อมต่อกันในขั้นตอนนี้ ตอนนี้คนๆ นั้นก็สามารถที่จะอ่านข้อมูลในขั้นตอนแรกและบันทึกข้อมูลที่อยากบันทึกลงไป ให้อีกฝ่ายกลับไปในขั้นตอนที่สองในตำแหน่งที่ถูกต้อง คุณได้ถามฉันในคราวที่แล้วว่าพวกคุณนั้นมีโอกาสที่จะป้องกันตัวคุณเองจากการ จูงจิตมั้ย,และฉันก็ได้บอกไปว่าต้องตื่นตัวและทำจิตให้เป็นความสมาธิเท่า นั้นถึงจะสามารถป้องกันได้ ในสภาวะนั้นความถี่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลันและทำให้การแทรกซึม[access] ยากที่จะทำได้ มากกว่านั้นมันยังทำให้ผู้ที่ส่งกระแสจิตมาได้รับความเจ็บปวดด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหลับตา,สนามพลังจะ "flat[เรียบ]", และพวกเอเลี่ยนจะสามารถแทรกเข้ามา{ในจิต}ได้อย่างทันทีและโดยปราศจากการต่อ ต้าน ในกรณีของพวกคุณโอกาสที่จะป้องกันพวกเอเลี่ยนที่มีการพัฒนาสูงส่งกระแสจิต แทรกเข้ามานั้น,ไม่มีเลย พวกเขาสามารถที่จะปรับเปลี่ยนความถี่ได้เร็วกว่าพวกคุณ ฉันได้สาธิตให้คุณดูแล้วในครั้งก่อนแต่รู้สึกคุณจะรู้สึกหวาดกลัวและสับสน, ดังนั้นพวกเราจึงจบลงตรงคำอธิบายตรงนั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:08 am

เรื่องที่ฉันอธิบายให้คุณฟังนี้บางทีคุณอาจจะรู้สึกว่ามันเหมือน- ตามคำพูดของคุณ - เรื่องที่ลึกลับหรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์ เหตุผลที่คุณรู้สึกอย่างนี้ก็เพราะว่าคุณขาดความเข้าใจพื้นฐานในการมองสิ่ง ต่างๆ เหล่านี้ เหตุการณ์เหนือธรรมชาติทุกอย่างนั้นทุกเรื่องมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ทั้ง นั้น ไม่มีเรื่องไหนซักเรื่องเลยที่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ พวกเราเติบโตมาด้วยความรู้เหล่านี้, พวกเรารู้ว่าพวกเราสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไรและมันเกิดจากอะไร พวกเรามีทฤษฏีและมีการฝึกฝน แต่พวกคุณไม่มี ดังนั้นพวกคุณจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในโลกนี้-คุณเห็นแค่ด้านๆ เดียว แต่ไม่ได้เห็นอีกด้านนึง(ฉันหมายความว่าทั้งสองด้านที่เป็นด้านกายภาพเหมือน กัน) เหตุการณ์เหนือธรรมชาติทุกอย่างมันเกิดขึ้นสองด้านควบคู่กันไป,มันเกิดขึ้น ในที่ว่างที่วัตถุอยู่และเกิดขึ้นใน sphere of influence{Feldraum} ด้วย ในการอธิบายมันก็อธิบายได้ในรูปแบบของตัวอักษรเท่านั้น,เพราะว่า sphere of influence เป็นสิ่งพื้นฐาน ฉันคงจะจบการอธิบายคำถามนี้ไว้แค่นี้เพราะว่าคุณคงจะไม่สามารถเข้าใจมันมาก ไปกว่านี้แล้ว พวกเราจะเสียเวลาอันมีค่าไปเปล่าๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:09 am

คำถาม: ขออีกคำถามนึง ครั้งแรกที่เราพบกันเมื่อเดือนธันวาคน,คุณบอกว่าคุณไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์หรือเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ แต่ว่าทำไมตอนนี้คุณถึงเล่าให้ฟังล่ะ?

คำตอบ: ครั้งที่แล้วฉันเห็นว่ามันไม่จำเป็นและคงจะเป็นเรื่องที่หนักไปสำหรับคุณที่ จะอธิบายถึงความจริงเหล่านั้น(และตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่หนักไป สำหรับคุณจริงๆ) ดังนั้นฉันจึงอยากที่จะแค่พูดถึงเรื่องเหล่านี้แค่ผิวเผินไม่เจาะลึกมาก และเป็นที่ปรากฏว่าสิ่งที่ฉันทำไปนั้นทำให้คุณคิดเกี่ยวกับโลกมากขึ้น, บางสิ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร และอีกเรื่องนึง,พวกนักวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ก็มีแนวโน้มที่คิดว่าเรื่องที่ ฉันพูดนั้นเป็นแค่ "เรื่องหลอกลวง[humbug]" ดังนั้นฉันจึงเห็นว่าไม่มีอันตรายอะไรถ้าเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ไม่มีใครใส่ใจกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก และก็,ผู้คนที่ขนานนามฉันว่าเป็นพวก"เผ่าพันธุ์ปีศาจ" นั้นพวกเขาก็มีพื้นฐานความเชื่อในเรื่องอำนาจลึกลับและเวทมนตร์คาถา-ซึ่ง ทั้งสองสิ่งนี้ ไม่มี จริง มันไม่มีเวทมนตร์,มันเป็นแค่วิทยาศาสตร์ขั้นสูง และทุกๆ สิ่งที่คุณขนานนามว่า "เวทมนตร์" ก็เป็นแค่ส่วนนึงของวิทยาศาสตร์ ถ้าคุณอยากเข้าใจเรื่องพวกนี้,คุณก็ควรจะพัฒนาวิทยาศาสตร์ให้ก้าวหน้ากว่า นี้ ฉันขอพูดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไว้เพียงแค่นี้ กรุณาถามคำถามอื่นต่อเถอะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:09 am

คำถาม: ดี,ต่อไปพูดเกี่ยวกับเรื่อง UFOs แล้วกัน คุณอธิบายให้หน่อยได้มั้ยว่ารัฐบาลของพวกเราไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง UFO จนถึงจุดที่ว่ามีโปรเจคที่จะสร้าง UFO ขึ้นมาได้ยังไง? มันเกี่ยวกับเหตุการณ์ UFO ตกที่รอสเวล[Roswell]หรือเปล่า?

คำตอบ: ใช่แล้ว แต่ว่าเหตุการณ์ UFO ตกในครั้งนั้นไม่ใช่ครั้งแรก ฉันไม่ได้เป็นนักประวัติศาสตร์,ฉันศึกษาแค่ความประพฤติของพวกคุณในขณะนี้, ดังนั้นความรู้ของฉันเกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านี้ในตามประวัติศาสตร์ของคุณ แล้วจึงไม่รู้ชัดเท่าไหร่ ฉันจะบอกคุณตามที่ฉันรู้ก็แล้วกัน ขอเวลาฉันนึกสักหน่อย ตามช่วงปี 1946 ถึง 1953 ในเวลาของคุณ, มีห้าเหตุการณ์ที่ยานบินของพวกเอเลี่ยนตกมายังผิวโลก ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ UFO ตกที่รอสเวลด้วย, มันไม่ได้มีแค่ยานเอเลี่ยนลำเดียว,แต่มีสองลำที่ตกหลังจากการปะทะกันในที่ ส่วนอื่นของดินแดนในตะวันตก-คือที่คุณเรียกว่าอเมริกา(คุณควรรู้ว่ายานบิน ของพวกเผ่าพันธุ์นี้ยังสามารถลอยตัวอยู่ได้ในอากาศเป็นระยะเวลาหนึ่งแม้ว่า ยานจะเสียหาย;นั่นเลยทำให้มันตกคนละที่{กับที่ที่มันชนกันกับที่ที่ตก}) เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่สองและสาม[เนื่องด้วยมี UFO สองลำที่ชนกันและตกลงมา] ลำอื่นนั้นตกมาในปี 1946[เหตุการณ์ที่รอสเวลเกิดปี 1947] แต่ว่ามันเสียหายจนไม่สามารถนำมาใช้งานได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:09 am

สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ก่อนที่จะอธิบายต่อ: มันคงดูเป็นเรื่องน่าขันสำหรับคุณที่ยานบินของพวกเอเลี่ยนที่เจริญมากๆ ตกลงมาได้,และดูเป็นจำนวนมากในเวลาสั้นๆ คำอธิบายในเรื่องนี้อาจฟังดูแปลกๆ แต่เป็นเรื่องจริง มันไม่เป็นเรื่องโกหกที่ยานบินมีตัวขับเคลื่อนในตัวมันเอง,แต่ว่ามันก็ยัง อาศัยสนามแม่เหล็กโลกด้วย เผ่าพันธุ์นั้นที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่-และตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงเวลาที่ เผ่าพันธุ์นี้ใช้ยานที่รูปร่างเหมือนจานอยู่-ใช้ระบบขับเคลื่อนที่ขับ เคลื่อนยานโดยใช้หลักการฟิวชั่นแต่แค่อย่างนั้นอย่างเดียวนั้นในชั่วเวลา นั้นไม่เป็นไปตามวิธีการบินที่ต้องสอดคล้องกับสนามแม่เหล็กโลกเป็นอย่างมาก วิธีนี้มีข้อดีหลายอย่างแต่ก็มีข้อเสียด้วย สนามพลังที่ถูกขับออกมานั้นจะต้องสอดคล้องในมุมที่เหมาะสมกับผิวโลก เผ่าพันธุ์นี้ใช้เทคโนโลยีในการปรับเปลี่ยนสนามพลังที่ถูกขับออกมานี้,เป็น แบบล็อกค่าไว้เป็นค่าเดียวกันในทุกจุดของสนามแม่เหล็กโลก ตอนนั้นพวกเอเลี่ยนกลุ่มนี้พึ่งเข้ามายังโลกและดาวของพวกเขานั้นมีสนามแม่ เหล็กที่คงที่,ซึ่งเป็นที่ที่เขาพัฒนาตัวขับดัน แต่สนามแม่เหล็กบนโลกนั้นไม่คงที่; มันมีการเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักรและทำให้เกิดกระแสหมุนวน [eddy] ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่เหมาะสม เมื่อยานของพวกนี้เข้าไปในสนามแม่เหล็กที่แกว่งไปมา[fluctuation]หรือ หมุนวน [eddy] ที่แรงมาก, ทำให้สนามพลังที่ถูกปล่อยออกมาจากยานไม่สามารถจะปรับเปลี่ยนตัวมันเองให้ถูก ต้องในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และระบบนำร่องของยานไม่สามารถควบคุมเส้นทางการบินได้ ตัวขับเคลื่อนทำงานถูกต้องแน่ๆ แต่ว่าสนามแม่เหล็กโลกที่เปลี่ยนแปลง[fluctuate]ในทุกๆ ทิศทาง เพราะว่าเหตุผลเหล่านั้นทำให้ยานตกลงมา ในการตกเมื่อปี 1947 ตามตำแหน่งที่คุณเจอยานที่ตก,ในความเข้าใจของฉัน ยานลำนึงตกอยู่ในสนามแม่เหล็กที่ปั่นป่วน, มันเกิดขึ้นกับผู้นำฝูงบินและยานลำนั้นได้ชนกับลำอื่นทำให้ยานทั้งสองลำเสีย หายมาก สาเหตุของการปั่นป่วนของสนามแม่เหล็กโลกครั้งนั้นบางทีอาจะเกิดจากการรบกวน ทางไฟฟ้าที่มาจากสภาพอากาศ ท้ายสุดยานทั้งสองลำก็ตกลงมา;ยานลำนึงตกลงใกล้ๆ จุดที่ปะทะกัน ส่วนอีกลำตกห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ลูกเรือตายทั้งหมด โครงสร้างบางๆ ของยานไม่แข็งแรงมากนักเพราะว่าไม่ได้ถูกออกแบบมาเผื่อการตกและสำหรับการบิน ในสนามพลังที่สนามพลังภายนอกมีการเปลี่ยนแปลง
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:09 am

หลังจากนั้นพวกทหารของมนุษย์ก็ได้มาเก็บชึ้นส่วนยานจนกระทั่งพวกเขาพบยาน ทั้งลำที่มีศพลูกเรืออยู่ข้างใน ทันทีทันใดนั้นพวกเราก็ระบุว่าทุกๆสิ่งเป็น "ความลับสุดยอด" และนำซากเหล่านั้นไปที่ฐานทัพของพวกเขาเพื่อที่จะนำไปวิเคราะห์ตัวขับ เคลื่อน ความพยายามอย่างลับๆ ที่จะเอาเทคโนโลยีของพวกเอเลี่ยนเพื่อที่จะนำไปใช้กับศัตรูของประเทศที่ยิ่ง ใหญ่นั้น มันเป็นเรื่องที่น่าขันสิ้นดี ฉันเชื่อว่าฉันจำได้ - ฉันไม่ต้องการที่จะระบุวันเวลาที่แน่นอนลงไป - ว่าในช่วงปี 1949 และ 1952 นั้นมีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นระหว่างการวิจัยซากยาน ตามที่ฉันได้ยินมา -จากพวกเผ่าพันธุ์ของฉันที่สมาชิกของรัฐบาลนั้นเล่าให้ฟัง- มันเป็นผลมาจากไปกระตุ้นชิ้นส่วนของตัวขับเคลื่อนโดยไม่ได้ตั้งใจในสภาพที่ ไม่มีอะไรป้องกัน[unshield]ตัวขับเคลื่อน ผลที่ตามมา ในช่วงเวลาสั้นๆ - ฉันจะใช้คำพูดอะไรดี - มันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมให้เปลี่ยนแปลงระดับขึ้นเป็นสภาพที่ เหมือนพลาสม่า,ซึ่งในอีกนัยหนึ่ง,ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ถือว่าโชคไม่ดีเอา มากๆ,ทำให้เกิดการสร้างสนามพลังที่มากเกินไปในการสั่นสะเทือนทางแม่เหล็กของ พลังที่มหาศาล คุณพอจะรู้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าสนามพลัง plasma-manatic เมื่อกระแทกเข้าใส่ร่ายกายสิ่งมีชีวิตแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คงไม่ มันจะทำให้เกิดการปั่นป่วนในโครงสร้างของสนามพลังและไฟฟ้าชีวภาพ [bioelectric] ลองจินตนาการดู,ถ้าคุณนึกออก,ร่างกายของมนุษย์ที่มีไฟลุกท่วมเป็นเวลา 3 หรือ 4 วัน เปลวไฟพวกนี้ไม่ดับและจะเผาพลาญจนกระทั่งองค์ประกอบสุดท้าย ตอนนี้คุณคงรู้บ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่ามีนักวิทยาศาสตร์ 20 หรือ 30 คนตายไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:10 am

เหตุการณ์ UFO ตกอีกสองครั้งหลังเกิดขึ้นในปี 1950 และ 1953 ตกลงในส่วนที่เป็นที่กักน้ำของแผ่นดินอเมริกา ยานสามารถกู้ขึ้นมาได้ในสภาพที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ (ยานลำที่ตกในปี 1953,เท่าที่ฉันจำได้,แม้ว่าตัวขับเคลื่อนจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ในความหมายของคุณที่คุณเข้าใจว่าสิ่งนั้นเรียกว่าตัวขับเคลื่อน มันถูกสร้างมาด้วยแนวความคิดที่ไม่ถูกต้องและคุณก็นำเอาไปเป็นแบบทำให้สร้าง ออกมาก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน จนกระทั่งบัดนี้มันก็ยังไม่ปรังปรุงให้มันถูกต้อง) เผ่าพันธุ์นั้น,ที่สร้างยานของเขาที่ดาวดาวของเขา - เผ่าพันธุ์ที่ฉันนับว่าพวกเขาไม่เป็นมิตรกับพวกคุณ - มีความกังวลเกี่ยวกับการที่พวกเราไปวิเคราะห์เทคโนโลยีของพวกเขา พวกเขาไม่อยากให้ทำ,อย่างไรก็ตาม,ก็ในช่วงแรก ทำให้พวกเขามีการติดต่อโดยตรงกับรัฐบาลประเทศนั้นในช่วง 1960 ตามเวลาของคุณ แน่นอนพวกเขาไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงว่าพวกเขามาทำไมที่โลกนี้ -ทองแดง, ไฮโดรเจน, อากาศ นี่เป็นสิ่งที่พวกนั้นต้องการ- แต่ว่าพวกก็แอบอ้างว่าเป็น "นักวิจัย[researchers]" ที่อยากรู้อยากเห็นและเสนอที่จะให้หลักการการทำงานของยานของพวกเค้าและคาด ว่ามี "ความกรุณา" บางอย่างเป็นการตอบแทน ความคิดที่พื้นๆ ของคุณทำให้คุณตกลง...และมันเป็นการหลอกลวงของพวกนั้น คุณให้วัตถุดิบ, คุณให้สถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อให้พวกนั้นใช้เป็นที่อยู่, คุณให้พวกเขารู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับกำลังทางทหารที่เป็นความลับของพวกคุณ, คุณให้พวกเขารู้ถึง DNA ของพวกคุณและมากมายกว่านั้น-ทั้งหมดนั้นคุณทำไปเพื่อสนองความอยากของคุณที่ จะได้มีกำลังทหารที่ยิ่งใหญ่และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า พวกเอเลี่ยนเหล่านั้นรู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังติดต่อกับพวกสัตว์โลกที่มี ความคิดพื้นๆ[หรือจะเรียกว่าโง่ก็ได้], พวกเขาให้ข้อมูลที่ผิดๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีกับคุณดังนั้นพวกเขาจึงได้ประโยชน์มากกว่าพวกคุณ ยกตัวอย่างเช่น,พวกเขาให้ข้อมูลว่าตัวขับเคลื่อนนั้นสามารถสร้างโดยใช้ธาตุ ที่ไม่เสถียรที่มีเลขอะตอมสูงๆ ได้เพียงอย่างเดียว, แต่พวกเขาไม่บอกข้อมูลที่ว่าตัวขับเคลื่นสนามพลังนั้นต้องถูกสร้างด้วยการมี การดัดแปลงหลายอย่างถึงจะทำงานได้ดีด้วยธาตุที่เสถียรและมีเลขอะตอมน้อยกว่า ,และต้องทำอย่างนี้มันถึงจะสมบูรณ์ ความจริงเพียงแค่ครึ่งนึงที่พวกเขาบอกไปนั้นทำให้คุณต้องใช้แต่ธาตุ สังเคราะห์ที่{มีเลขอะตอม}สูง,และด้วยเหตุนั้นจึงต้องนำไปทำใหม่ด้วย เทคโนโลยีของพวกเขาเอง คำใบ้ของพวกเขาในการสร้าง "UFOs" ของพวกคุณวางอยู่ในแนวทางในการแก้ปัญหาเก่าๆ และก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆตามมา พวกเขาไม่เคยบอกความจริงทั้งหมด,แต่สร้างเรื่องโกหกที่แนบเนียนหลายต่อหลาย ครั้ง,ที่ทำให้เกิดปัญหาทางเทคนิก-และทำให้ต้องพึ่งพวกเขาตลอด
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:10 am

ในช่วงปลาย 1970 และต้น 1980 ของพวกคุณ เป็นครั้งสุดท้ายที่มีเหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้นกับพวกเอเลี่ยนกับรัฐบาลมนุษย์พวกนั้น - ฉันไม่ต้องการพูดลึกลงไปในรายละเอียดเพราะว่ามีหลายเรื่องที่ฉันไม่รู้จริง เหตุการณ์มันเกิดมาจากปัญหาปัญหาทางเทคนิคใหม่,หรือจะพูดให้ดีกว่านั้น,เป็น ปัญหาเก่าๆ[ของเอเลี่ยน]กับยานที่พวกคุณสร้างซึ่งการพรางตัวและการขับ เคลื่อนบางส่วนไม่ทำงานในการทดลองบินกลางแจ้ง เพราะว่าเรื่องนั้นทำให้เรื่องที่เป็นความลับนี้ถูกเปิดเผย ทหารของพวกคุณและนักการเมืองของพวกคุณรู้สึกตัวได้ช้า-ช้ามากๆ-ว่าเป็นเวลา กว่า 20 ปีมานี้พวกเขาถูกหลอกโดยมนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้ มีการไม่ลงรอยกันหลายอย่างและมีการก้าวล้ำขอบเขตข้อตกลงโดยทั้งสองฝ่ายท้าย สุดมันเป็นการนำไปสู่การทะเลาะกันระหว่างคุณกับพวกเอเลี่ยนจนกระทั่งถึงจุด ที่แตกหักที่ว่ามีการทำลายยานของเอเลี่ยนสามลำโดยอาวุธพิเศษ-คุณเรียกมันว่า อะไร?- อาวุธที่ปล่อย EMP{คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า} และมีการโจมตีทางทหารที่ฐานใต้ดินแห่งหนึ่งของพวกเอเลี่ยน ผลที่ตามมาจากการโจมตีครั้งนี้,พวกเอเลี่ยนยกเลิกการติดต่อกับพวกคุณทั้งหมด และเข้าใจว่าโมโหพวกคุณมาก ดังนั้น,ฉันจึงนับว่าพวกเอเลี่ยนกลุ่มนี้ในสามกลุ่มเป็นศัตรูกับคุณ,และอีก สองกลุ่มที่เหลือก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาเอง,และก็มีสงครามเย็นท่าม กลางพวกนี้ในการยึดโลกเป็นของพวกตัวเอง,"เพื่อน"เก่าของคุณกำลังเตรียมหา เสบียงให้พวกตัวเองโดยการยึดครองวัตถุดิบทั้งหมดและ DNA ของมนุษย์ไว้แต่เพียงกลุ่มเดียว ในตอนนี้มันอาจจะจริงที่ว่าพวกเขาขาดความเป็นไปได้ทางเทคนิกและกำลังทางทหาร ที่เยอะพอที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย แม้ว่าอย่างนั้น,พวกเราก็คาดว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น - เป็นไปได้ว่ามีการใช้เลห์เหลี่ยมมาก - ต่อพวกคุณในไม่กี่ปีหรืออีก 10 กว่าปีข้างหน้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:10 am

คำถาม: แล้วกลุ่มเอเลี่ยนกลุ่มอื่นๆ จะไม่ทำอะไรต่อเหตุการณ์ที่ดูเหมือนสงครามนี้เลยเหรอ?โดยเฉพาะ,บางสิ่งที่ อาจจะเกิดบนโลกกับเผ่าพันธุ์ที่เจริญก้าวหน้ามาก

คำตอบ: คุณเข้าใจผิดแล้ว,กับคำว่า โดยเฉพาะ,สำหรับคำว่าเผ่าพันธุ์ที่เจริญก้าวหน้ามาก นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยมากในโชคชะตาของพวกคุณ คุณเหมือนกับสัตว์ในสายตาของพวกเขา สัตว์ในห้องวิจัยที่ใหญ่โต เพื่อให้เข้าใจมากกว่านี้,การที่มีเอเลี่ยนกลุ่มอื่นเข้ามายุ่งบนโลกใบนี้ อาจจะรบกวนโปรเจคของพวกเขา,แต่ฉันก็ไม่คิดว่าพวกนั้นจะออกมาเผชิญหน้ากับ กลุ่มที่มารบกวนหรอก พวกเค้าอาจจะออกไปหาดาวอื่นเพื่อทำการวิจัยหรือพวกเค้าอาจอยู่ศึกษาพฤติกรรม ของคุณและ consciousness/awareness ของคุณเมื่อเผชิญกับวิกฤตการณ์ นั่นอาจจะเป็นเรื่องที่สนใจสำหรับพวกเขาก็ได้ เหมือนอย่างที่เมื่อพวกคุณสังเกตรังมดอยู่,และก็มีคนอื่นเดินมาเหยียบรังมด คุณจะทำอะไรล่ะ? ทำตามวิธีของคุณ,หารังมดรังใหม่หรือสังเกตมดเมื่อมันอยู่สภาวะที่วิกฤต แต่พวกคุณนั้น - ถึงแม้ว่าจะมีกำลังมากกว่าคนที่เดินมาเหยียบรังมด - จะปกป้องมดที่ไม่มีค่าอะไรเหรอ? ไม่หรอก คุณลองจินตนาการตัวคุณเองในมุมมองของเผ่าพันธุ์ที่เจริญกว่า คุณก็เป็นเหมือนมด อย่าคาดว่าจะมีความช่วยเหลือจากพวกเขาเลย แน่นอนพวกเราก็คุณขอความช่วยเหลือด้วยเมื่อมันเป็นที่แน่ชัดว่าพวกเพื่อน เก่าๆของคุณรวมตัวกันเพื่อทำไม่ดีกับคุณ สมาชิกของรัฐบาลของมนุษย์บางคนรู้ว่ามีพวกเราอยู่จริง-บางคนก็ยังยึดติดกับ พื้นฐานความเชื่อทางศาสนาแบบเก่าๆ ยกตัวอย่างเช่น มีสิ่งก่อสร้างใต้พื้นดินที่ใหญ่มากในเมืองหลวงบางแห่งที่เป็นของพวกเราและ มีลิฟต์ที่จะใช้ติดต่อโดยตรงกับสิ่งก่อสร้างนี้และระบบใต้ดิน ในตึกนี้บางทีก็เป็นที่สำหรับประชุมระหว่างพวกเรากับมนุษย์ พวกเราได้ให้ข้อมูลกับคุณในช่วงหลายปีที่ผ่านมา;ในเรื่องที่เรารู้ ,พวกเราพยายามจะอยู่ห่างจากข้อขัดแย้งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณควรเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเองหรือว่าฉลาดขึ้นมากพอที่จะไม่สร้าง สถานการณ์อย่างนี้อีก อะไรที่จะเกิดขึ้นและใครที่จะมาอยู่ข้างคุณนั้น,เวลาเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบ ฉันไม่ต้องการที่จะพูดเรื่องนี้ไปมากกว่านี้แล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:10 am

คำถาม: ฉันมีรูป UFOs ที่แตกต่างกันอยู่ 5 รูป,ที่อ้างว่าเป็นรูป UFOs คุณช่วยดูรูปพวกนี้แล้วบอกหน่อยได้ไหมว่ารูปไหนเป็นของจริง?

คำตอบ: ฉันจะลองดู คุณถามคำถามมากมายในวันนี้ที่ฉันไม่สามารถตอบได้กระจ่าง อย่าประเมินค่าฉันสูงเกินไป,ฉันไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องเทคโนโลยีของพวกเอ เลี่ยนและโครงสร้างยานของพวกเอเลี่ยน ถ้าให้ถูกต้องแน่นอนต้องมีข้อมูลทางเทคนิคและคุณสมบัติของ "UFOs" ด้วย,มันจะทำให้ฉันสามารถจำแนกได้ว่าเกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติหรือว่า มนุษย์ทำขึ้นเอง คุณปลอมแปลงโดยอาศัยรูปแบบยานของจริง,ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะ แยกออก ฉันจะลองดู เอารูปมาให้ฉัน

[คำอธิบายโดย Ole.K.:เธอพิจารณารูปโดยใช้เวลาแค่สองวินาทีและก็เรียงรูปที่ 1, 3 และ 5 ออกมา]

สามรูปนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นของปลอมหรือเข้าใจผิด ในรูปแรก,สำหรับฉันภาพยานที่ดูเหมือนของจริงนี้เป็นแค่โมเดลเล็กๆ มันขาดลักษณะเฉพาะที่สำคัญทางเทคนิค-และทางฟิสิกส์-ที่เกี่ยวข้องกับสนาม พลัง พูดให้ง่ายรูปนี้เป็นของปลอม เค้าโครงยานและสีของมันที่มองเห็นได้ชัด,เพราะว่ายานที่ลอยอยู่นั้นปกติ แล้วจะซ่อนอยู่ในสภาวะที่สนามพลังยกตัวขึ้น[shifted-field condition] นั่นจะทำให้สีมันผิดเพี้ยนไปหรือหว่ารูปร่างผิดเพื้ยนไป มันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่รูปที่ดูคลุมเคลือไม่ค่อยชัดและมีการยกระดับของแสงสเปกตัม[spectrally- shifted คงจะหมายความว่า รูป ufo ที่มีแสงเรืองออกมา] บางครั้งก็ระบุได้ว่าเป็นของจริง และอีกอย่าง,วัตถุนี้ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ถ้านี่เป็นของจริง,เราก็น่าจะเห็นน้ำบุ่มลงไปเป็นแอ่งหรือว่ามีคลื่นเกิด ขึ้น แต่ว่าผิวน้ำมันเรียบ,มันจึงไม่ใช่ยานของจริง ในความคิดของฉันทั้งสามรูปนี้ไม่ใช่วัตถุที่บินได้ของจริงหรือ UFOs อย่างในรูปนี้ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นวัตถุ มันดูเหมือนการหักเหของแสงในกล้องมากกว่า คุณควรจะฉลาดมากพอที่จะไม่หลงเชื่อภาพที่สร้างขึ้นมา พวกผู้คนของพวกคุณตามล่าของปลอมที่โดนหลอกเป็นเวลานาน,มันก็คงสายไปมากที่จะ ค้นพบว่าที่แท้จริงแล้วอะไรที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:11 am

ปที่ 2:Albiosc, France, 1974



รูปนี้ดูเหมือนว่าเป็นของจริง เพราะว่ามันเห็นลักษณะที่สำคัญของยาน ฉันมองก็รู้แล้วว่าเป็นยานของพวกเอเลี่ยนที่มาโลกนี้เมื่อ 35 ปีก่อน สีของยานเหมือนโลหะและมีรูปร่างคล้ายจาน;แน่นอนว่ารูปที่เห็นนั้นทั้งรูป ร่างและสีของยานถูกบิดเบือนเนื่องด้วยได้รับผลกระทบจากสนามพลังงานที่ยาน ปล่อยออกมา แสงสี่ขาวสี่ลำยาวๆ นี้เกิดจาก "กระบวนการ" ที่เกิดด้านใต้ยานเพื่อสร้างแสงจำลองแรงโน้มถ่วง [quasi-gravitational], มันทำให้สนามพลังงานของจักรวาลขยับ[shift] ขึ้นไปในทิศทางที่ก่อให้เกิดแรงโน้มถ่วง จริงๆ แล้วแสงนี่ก็ไม่ใช่แสงจริงๆหรอก(แสงที่เห็นส่องสว่างจาก "UFOs" นั้นโดยมากไม่ใช่แสงจริงๆ) แต่ว่ามันเกิดจากการสนามพลังที่มีพลังงานอัดแน่นอยู่เยอะมากซึ่งเมื่อมองจาก อากาศแล้วจะเห็นว่ามันดูคล้ายแสง[quasi-light] ฉันยังไม่เข้าใจในเรื่องของระบบพลังงานสูงพิเศษในบรรยากาศนี้นักหรอก มันเป็นไปได้ว่ามันเป็นมีอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมด้วย อีกอย่างนึงมันแย่มากที่พวกนี้ไม่มีความระวังทำให้ถูกมนุษย์ถ่ายภาพได้ เอาล่ะ ฉันคิดว่าที่ฉันพูดว่าเนี่ยพวกของคุณคงไม่ค่อยเข้าใจกันหรอก,และพวกที่เข้า ใจคงไม่พูดอะไรเกี่ยวกับให้สาธารณะชนรู้หรอก


รูปที่ 4:Petit Rechain, Belgium, 1990




นี่เป็นวัตถุที่บินได้ของจริง;แต่มันไม่มีทางเป็นของพวกเอเลี่ยนหรอก รูปทรงสามเหลี่ยมแบบนี้ไม่มีเอเลี่ยนเผ่าไหนใช้ รูปร่างเพลียวลมแบบนี้น่าจะเป็นความคิดของมนุษย์ มันเป็นของกองทัพของพวกคุณซึ่งเป็นโครงการลับที่สร้างมันขึ้นมาโดยอาศัย เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวที่ยังไม่สมบูรณ์-เทคโนโลยีที่มนุษย์ต่างดาวโละ ทิ้งให้คุณเมื่อระหว่างปี 1960 และ 1970 โดยปกติแล้วรูปร่างของยานของพวกเอเลี่ยนนั้นไม่ค่อยมีผลอะไรเท่าไหร่,เพราะ ว่าเมื่อมันอยู่ในสนามพลังที่สร้างขึ้นมาแล้วแรงจากภายนอกจะไม่มีผลอะไรเลย รูปร่างยานโดยปกติจะทำให้รูปร่างเป็นวงกลมและจะไม่มีขอบ-เหมือนอย่างจานหรือ ทรงกระบอก-เพื่อให้สนามพลังสามารถไหลผ่านได้ง่าย โครงการของพวกคุณนั้นใช้สนามพลังขับเคลื่อนของเอเลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อน เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงใช้รูปทรงสามเหลี่ยมและสร้างให้เพรียวลมในการกำหนดทิศ ทางบิน[steerable]ด้วยหลักการ recoil


ในตัวอย่างนี้ยานบินจะลอยตัวด้วยตัวขับสนามพลังงาน คุณเห็นการบิดเบือนและแสงเทียม[quasi-light] ในกระบอกที่หมุนอยู่มั้ย? มันเป็นตัวที่ชี้ชัดว่าภาพนี้เป็นของจริง แต่ทำไม,คุณอาจจะถามว่า,ทำไมมี 4 อัน? มันผิดปกติ-แม้แต่ระยะห่างแต่ละอัน[interval]ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ สีมืดมากและการบิดเบือนที่เกิดขึ้นภายในก็ยังสังเกตเห็นได้ชัด น่าจะเป็นไปได้ที่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากระบบเดิมโดยนักวิทยาศาสตร์ของพวก คุณ เพราะว่าพวกเอเลี่ยนไม่ได้ให้ข้อมูลคุณอีกเลยหลังจากไม่ลงรอยกัน,พวกเขา สร้างระบบมาใหม่โดยพวกเขาเองและโดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมัน อันตรายขนาดไหน การปรับปรุงไม่ได้ทำให้ระบบดีขึ้นแต่จะทำให้แย่ลงด้วยซ้ำ วัตถุทรงกระบอก[cylinder] สองอันข้างหน้านั้นอยู่ใกล้กันเกินไปสนามพลังที่เกิดจะไหลไปยังอีกตัวนึงได้ สีที่เห็นบอกได้ว่ามีการแผ่รังสีออกมาเยอะมาก มันเป็นไปได้ว่าเกิดจากการใช้ธาตุที่มีเลขอะตอมสูง มันเป็นอันตรายต่อพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่มีอะไรป้องกันมาก คนที่ถ่ายภาพนี้แสดงอาการการบาดเจ็บจากการรับรังสีหรือเปล่า?
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:11 am

คำถาม: ฉันไม่รู้ "UFOs" ของพวกทหารนี้มาจากไหน?จากอเมริกาหรือเปล่า?

คำตอบ: ใช่ ฉันคิดว่ามันใช่ มาจากแผ่นดินทางตะวันตก


คำถาม: ทำไมพวกเขาถึงมาบินเหนือพื้นที่ที่มีคนหนาแน่นของยุโรปล่ะ?รูปนี้มาจาก เบลเยียม มันดูไม่มีความหมายอะไรเลย คุณช่วยอธิบายอะไรได้มั้ย?

คำตอบ: ฉันก็ได้แต่พูดว่า ทำไม เหมือนกับกับพฤติกรรมแปลกๆของมนุษย์ มันเป็นไปได้ว่ามันเป็นการทดสอบระยะทางไกลหรือเป็นการทดสอบระบบการพรางตัว แม่เหล็กไฟฟ้า ประเทศที่เป็นศัตรูของอเมริกามาแต่ก่อนอยู่อีกฟากของโลก,ดังนั้นทำไมพวกเขา ถึงมาทดสอบที่นี่ล่ะ? ที่ประเทศพวกเขาพวกเขาอาจจะมีเวลาเพียงพอที่จะขับยานของพวกเขาไปและกลับ หรือบางทีพวกเขาอาจสนใจที่จะมาสังเกตบริเวณนี้ ด้วยโครงสร้างของตัวสร้างสนามพลังที่ไม่เสถียร-ตามที่รูปนี้ระบุ-ฉันพิจารณา ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ยานลำนี้จะบินข้ามทะเลมาถึงที่นี่ มันเป็นไปได้ว่ามีสถานีที่ใช้ทดสอบอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ โชคไม่ดี ที่ฉันไม่รู้อะไรเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:11 am

คำถาม: มีผู้อ่านจำนวนมากที่อ่านบทสัมภาษณ์ครั้งแรกแล้วได้ถามคำถามว่ามาคุณเริ่มมี การติดต่อกับ E.F. ได้อย่างไร ฉันรู้แล้วจากที่คุณเล่าให้ฟังแต่คุณเล่าอีกครั้งได้ไหมสำหรับเพื่อเอาลงบท สัมภาษณ์ครั้งนี้

คำตอบ: ได้ เอาล่ะ เริ่มมันเริ่มต้นประมาณสองปีก่อนตามเวลาของคุณที่สวีเดน ฉันมีความสนใจเผ่าพันธุ์ของคุณและพฤติกรรมของพวกคุณมากตั้งแต่ฉันยังเด็ก; ฉันได้ศึกษาวรรณคดีของพวกคุณในเวลานั้น,ตามที่ฉันมีโอกาส(โดยปกติแล้ว,ที่ บ้านเกิดของฉันมันไม่ง่ายที่จะมีหนังสือของมนุษย์ไว้ครอบครอง,แต่เพราะว่า กลุ่มหรือครอบครัวของฉันเป็นกลุ่มที่อยู่ระดับสูง ฉันจึงสามารถเก็บได้และบางครั้งก็ได้พูดคุยกับพูดคุยกับคนอื่นๆที่ได้มีการ ติดต่อกับพวกคุณ) ฉันรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับพวกของคุณและทันทีที่ฉันได้รับอนุญาตให้ ขึ้นมาบนผิวโลกได้ ฉันก็ได้มาเก็บข้อมูลทันที;เหนือสิ่งอื่นใด มันมีข้อห้ามไม่ให้ติดต่อโดยตรงกับมนุษย์เพราะว่าพวกเรานั้นในเวลานั้น,ไม่ มีความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น

ในปี 1998 ของพวกคุณ ที่ทางเหนือห่างจากที่นี่ไปไกลในป่าอันไกลพ้นฉันเดินอยู่ใกล้ๆ ทางเข้าไปยังโลกของฉันและกำลังหาตัวอย่างทางชีวภาพ ที่พวกเราใช้ในการสังเกตมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมและสถิติข้อมูลพวกพืช[flora] และสัตว์[fauna] ที่ถูกทำลายโดยมนุษย์ ในตอนนั้นฉันกำลังเดินกลับไปยังทางเข้า-พวกเราสามารถหาทิศทางได้ง่าย โดยการสัมผัสถึงสนามแม่เหล็กโลก-และตอนนั้นอยู่ใกล้กับทะเลสาปที่กว้างแล้ว ฉันรู้สึกประหลาดใจที่เห็นกระท่อมอยู่ในป่า ในกระท่อมหลังนี้ฉันรู้สึกถึง consciousness/awareness ของมนุษย์ เค้าคือ E.F. จริงๆ แล้วฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับเผ่าพันธุ์อื่น แต่ฉันเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย ฉันเข้าไปที่นั่นโดยใช้วิธีการพรางตัว-แม้แต่อยู่ในกลุ่มพวกคุณก็ทำได้(ฉัน ไม่เคยเดินผ่านกลุ่มพวกมนุษย์เมื่อฉันอยู่คนเดียว) ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็เลยทำให้ฉันอยากที่จะคุยกับคนที่อยู่ในกระท่อม หลังนั้นดังนั้นฉันก็เลยเดินไปเคาะประตู E.F. ก็เปิดประตูออกมาและพวกเราก็ได้มีการพูดคุยที่น่าสนใจ ภาษาของเขายังไม่เป็นที่คุ้นเคยสำหรับฉันในตอนนั้นแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะเรียนรู้ภาษาใหม่ถ้าคนนั้นสามารถอ่านข้อมูลใน consciousness/awareness ของอีกฝ่าย ฉันบอกเขาว่าฉันมาจากประเทศอื่นทางตะวันออก ในตอนนั้นเขาไม่ได้ "ตระหนัก" เลยว่าฉันเป็นใคร เขาเชื่อว่าคนที่เขาพูดด้วยนั้นเป็นสิ่งมันชีวิตที่เป็นพวกเดียวกับเขา แต่ที่จริงมันเป็นแค่ภาพหลอกตา
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:11 am

เพราะว่าภาระกิจของฉันต้องยืดระยะเวลาออกไปฉันก็ได้เอาเวลาที่ยืดออกไปนี้ไป หาเขาอีกเป็นเวลาตามครั้งในแบบรูปร่างของมนุษย์ ในตอนแรกพวกเราคุยกันในเรื่องพื้นๆทั่วๆไป; หลังจากนั้นพวกเราก็ลงลึกไปในเรื่องศาสนาและเรื่องทางฟิสิกส์ เขาดูท่าทางจะประทับใจในความรู้ของฉัน,และฉันก็ประทับใจในความคิดที่กระจ่าง ของเขาและ-เมื่อเทียบอย่างมนุษย์-โครงสร้างทางบุคลิกทางร่างกายที่ดูดีและ ความคิดเห็นของเขา คุณมักจะให้ความคิดเห็นหรือเงี่อนไขของคนหมู่มากเข้ามาครอบงำคุณ ตัวอย่างเช่น "เผ่าพันธุ์มนุษย์เลื้อยคลานเป็นพวกปีศาจ" และอะไรอื่นๆที่คล้ายๆอย่างนี้ ฉันนำการสนทนาไปในทางนี้และ E.F. บอกว่าเขาเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงและพวกนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นปีศาจ แต่บางทีเป็นเพราะว่าความแตกต่างทางร่างกายทำให้คนเค้าคิดกันอย่างนั้น คำตอบนี้ทำให้ฉันพอใจมาก ในช่วงเวลานั้นฉันไม่ได้พูดอะไรมากเกี่ยวกับความรู้ของฉันเพราะว่าเขาคงจะ ไม่เชื่อฉัน-เขาคงมองฉันเหมือนตัวตลก ฉันมีความคิดที่ไม่ปกติเอามากๆ (สำหรับความคิดของฉัน)ในการที่จะเผยร่างจริงของฉันให้เขาเห็น ฉันได้ทำในระหว่างการสนทนาครั้งที่สี่ที่กระท่อมหลังนั้น จริงๆ แล้วเขาได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วสำหรับการติดต่อ:เขาเป็นคนที่ความคิดเปิด กว้าง, ซื่อสัตย์, ฉลาด, ไม่มีความโน้มเอียงทางศาสนาหรือจากเงื่อนไขต่างๆ ,เขาอยู่คนเดียวและอยู่ห่างไกล, และคงไม่มีใครที่เชื่อเขาเมื่อเขาเอาเรื่องนี้ไปพูด ฉันเลยกล้าที่จะทำแต่นั่นก็ทำให้ฉันสงสัยกับความเหมาะสมของสิ่งที่ฉันทำไป, โดยเฉพาะเมื่อเขามีปฏิกริยาตอบกลับที่รุนแรงมากๆ เขาต้องใช้เวลาควบคุมตัวเองซักพักพวกเขาถึงจะสามารถพูดคุยกันได้ ตอนนั้นเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฉัน นี่จึงเป็นการเริ่มต้นของการพูดคุยกันครั้งต่อๆมาที่ตอนแรกคุยกันในป่านั้น แต่ตอนหลังไปคุยกันที่อื่น สุดท้ายเขาได้นำคุณมาติดต่อกับฉันและนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเรามานั่ง คุยกันอยู่ตอนนี้และคุยกันในเรื่องไม่น่าเชื่อในสังคมมนุษย์
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:11 am

คำถาม: คุณบอกว่าคุณไม่ได้รับอนุญาตในเวลานั้นในการติดต่อกับพวกมนุษย์ แล้วในตอนนี้คุณได้รับอนุญาตให้คุยกับ E.F. และฉันเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้และแม้แต่นำออกไปเผยแพร่ในทางวิทยาศาสตร์?

คำตอบ: ใช่มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้คุณเข้าใจ เอาอย่างนี้ฉันอยู่ในตำแหน่งที่จะกำหนดข้ออนุญาตโดยไม่ต้องรับผิดชอบผลที่จะ ตามมา ในตำแหน่งนี้ฉันเป็นกึ่งๆ "ได้รับการยกเว้น" ต่อข้อบังคับ เข้าใจในทางนี้ก็แล้วกันนะ


คำถาม: ถ้าคนอื่นๆต้องการที่ติดต่อกับพวกของคุณ พวกเขามีโอกาสที่จะทำได้หรือเปล่า?

คำตอบ: โดยปกติแล้วจะไม่ พวกเราหลีกเลี่ยงการติดต่อกับพวกคุณและพวกเราจะปฏิบัติการบนพื้นโลกในที่ที่ ห่างไกลเท่านั้นและพวกเราจะใช้วิธีการพรางตัวในกรณีที่พวกเราต้องติดต่อกับ มนุษย์ ที่ฉันคุยกับคุณได้ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะได้ทำตามอย่าง ดูท่าแล้วคุณพยายามที่จะหาทางเข้าไปยังโลกของฉันและชักนำเรื่องไปทางนั้น อย่างไรก็ตามมันจะนำไปยังเหตุการณ์ที่มีคนแอบลอบเข้าไปซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ น่าพอใจ คุณไม่มีโอกาสที่จะรู้ว่าตำแหน่งทางลงอยู่ตรงไหน และแม้แต่จะติดต่อกับพวกเราโดยตรง,พวกเราจะเป็นฝ่ายติดต่อกับคุณ เหมือนกับที่ฉันทำกับ E.F. รูปแบบการติดต่อนี้ไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้แต่มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดได้น้อย มาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:12 am

คำถาม: คุณสามารถอธิบายเกี่ยวกับสถานที่เกิดของคุณที่อยู่ใต้พื้นดินได้ไหม?

คำตอบ: ฉันสามารถบอกได้แต่ฉันจะไม่บอกว่าสถานที่ลงไปนั้นอยู่ที่ไหน สถานที่เกิดของฉันนั้นอยู่ทางทิศตะวันออกจากที่นี่เป็นที่อยู่เล็กๆ ฉันจะให้ตัวเลขบางอย่างที่จะทำให้คุณประทับใจมากขึ้น ขอเวลาคิดสักหน่อย..ฉันต้องพยายามที่จะเปลี่ยนมาตราวัดไปยังหน่วยของคุณ มันเป็นถ้ำที่มีรูปร่างเหมือนโดมที่อยู่ลึกลงไปประมาณ 4300 เมตรจากผิวโลก ถ้ำนี้ถูกใช้เป็นโคโลนีตั้งแต่ 3000 ปี มาแล้ว โครงสร้างของเพดานโดยหลักนั้นจะเป็นหินสังเคราะห์ที่มีการทำรูปร่างให้มีสัด ส่วนที่สวยงามและตรงส่วนหลังคาโดมจะเรียบโดยมีพื้นออกแบบเป็นรูปไข่ เส้นผ่าศูนย์กลางของโดมตามหน่วยวัดของคุณจะประมาณ สองกิโลเมตรครึ่ง ความสูงของหลังคาโดมนั้นจุดที่สูงที่สุดจะประมาณ 220 เมตร ของใต้จุดที่สูงที่สุดในทุกๆ โคโลนี่จะมีสิ่งก่อสร้างทรงกระบอกสีเทาค่อนข้างขาวซึ่งเป็นสิ่งพิเศษตั้ง อยู่-เป็นเสาที่คอยค้ำโครงสร้างรังผึ้งของโดม สิ่งก่อสร้างนี้จะสูงที่สุด, กว้างใหญ่ที่สุดและ เก่าแก่ที่สุดในสิ่งก่อสร้างทั้งหมดในโดมเพราะว่าเป็นสิ่งแรกที่สร้างเพื่อ ที่จะรับน้ำหนักของหลังคา(มันก็มีบางเวลาที่ซ่อมแซมปรับปรุงเสานี้) สิ่งก่อสร้างนี้มีชื่อที่พิเศษมากและมีนัยสำคัญทางศาสนา พวกเรามีแค่อันเดียว โคโลนีที่ใหญ่กว่านี้ก็จะมีเสานี้มากตามไปด้วยตามโครงสร้างของเพดาน

มีโคโลนีหลักที่นึงอยู่ข้างในทวีปเอเชียมีเสาอยู่ 9 ต้นแต่ว่าโคโลนีนั้นมีขนาดแค่ 25 กิโลเมตรในหน่วยของคุณ ตึกที่เป็นศูนย์กลางก็จะเป็นศูนย์กลางของศาสนา,และศูนย์กลางในการควบคุมสภาพ อากาศ,และศูนย์กลางของพฤติกรรมและการควบคุมระบบแสงสว่าง ที่ที่เราอยู่มีจุดที่สร้างแสงเทียมอยู่ 5 จุดที่สร้างแสง UV และสร้างความอบอุ่นโดยใช้แหล่งที่มาจากแรงดึงดูด ท่อระบายอากาศและระบบแสงจากผิวโลกจะวิ่งผ่านเสาเหล่านี้ และเสาพวกนี้นั้นจะมีการควบคุมแน่นหนามาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:12 am

เรามีท่อระบายอากาศอยู่ 3 ท่อ และมีระบบลิฟต์อยู่ 2 ที่และยังมีอุโมงค์ที่จะเชื่อมต่อกับโคโลนีหลักที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 500 กิโลเมตรไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีลิฟต์อยู่ตัวนึงที่เชื่อมไปยังถ้ำใกล้ผิวโลก,ส่วนอีกอันเชื่อมไปยังสถานี ยาน-อย่างที่คุณรู้, ยานรูปร่างทรงกระบอก- ที่นั่นถูกซ่อนอยู่ใกล้กับผิวหน้าของภูเขาหิน โดยปกติแล้วมันมียานอยู่สามลำ มันเป็นสถานียานเล็กๆ สิ่งก่อสร้างอื่นของโคโลนี่,โดยมากแล้ว,จะเรียงเป็นวงกลมมีจุดศูนย์กลางร่วม กันคือเสาหลัก, และตึกพวกนี้จะต้องต่ำกว่าด้วย โดยปกติจะมีความสูงระหว่าง 3 ถึง 20 เมตร รูปทรงของสิ่งก่อสร้างนั้นเป็นทรงกลมและมีรูปร่างเหมือนโดม สีก็จะแตกต่างกันไปตามวงกลมและระยะห่างจากเสาหลัก ทางเหนือของเสาเป็นตึกที่ใหญ่แต่เป็นทรงกลมราบ ตึกเหล่านี้ขัดกับระบบใช้ศูนย์กลางร่วม[concentric] ของโคโลนีด้วยเส้นผ่าศูนย์กลางของมันประมาณ 250 เมตร มันเป็นแหล่งดวงอาทิตย์สังเคราะห์ที่มีบ้านที่มีห้องและระเบียงส่องสว่าง สถานที่เหล่านี้มีจะแสง UV ที่แรงมากและพวกมันจะใช้ในการทำให้เลือดเราอุ่นขึ้น และยังใช้เป็นสถานที่รักษาทางแพทย์และห้องประชุมจะอยู่ตรงนี้ด้วย นอกออกไปจากเขตรอบนอกของโคโลนีก็จะเป็นเขตสำหรับเก็บสัตว์เอาไว้-คุณก็รู้, พวกเรา ต้อง กินเนื้อสด- และเป็นสวนสำหรับปลูกพืชและเห็ดสำหรับเอาไว้กิน มันยังมีน้ำใต้ดินที่ร้อนและเย็นไหลอยู่ด้วย สถานีพลังงานอยู่ที่ขอบของโคโลนี สถานีนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานฟิวชั่นและจ่ายพลังงานไปทั่วโคโลนีและ "ดวงอาทิตย์"[สาเหตุที่ไม่เรียกไฟฟ้าเพราะว่าเค้าอาจใช้พลังงานอื่นก็ได้] กลุ่มของฉันหรือ "ครอบครัว" อาศัยอยู่ในวงที่สี่ที่นับออกจากเสาหลัก เรามีเวลาน้อย การที่จะอธิบายถึงสิ่งก่อสร้างทั้งหมดและหน้าที่ของมันคงใช้เวลาเยอะมาก มันเป็นการยากที่จะอธิบายสิ่งเหล่านั้นให้คุณเข้าใจ เพราะว่ามันมีการแตกต่างกันมากในรูปแบบและวัฒนธรรมของพวกคุณที่คุ้นเคยอยู่ บนผิวโลก คุณต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองถึงจะเชื่อมัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:12 am

คำถาม: ฉันจะได้เห็นมันมั้ย?

คำตอบ: ใครจะไปรู้ล่ะ,บางที เวลาอาจะนำโอกาสใหม่ๆ มาให้


คำถาม: พวกคุณอยู่กันเท่าไหร่ในโคโลนีนี้

คำตอบ: ประมาณ 900


คำถาม: นี่เป็นการจบการสัมภาษณ์ครั้งนี้ คุณมีคำพูดไปยังผู้อ่านบทสัมภาษณ์นี้หรือไม่?

คำตอบ: ใช่ ฉันประหลาดใจกับคอมเม้นที่ส่งมา ฉันรู้สึกผิดหวังเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาที่วาดภาพฉันเป็นเหมือนศัตรู ซึ่งมันเป็นเสียงที่ยังดังก้องอยู่และมันอยู่ลึกๆภายในใจของคุณ คุณควรจะเรียนรู้ที่จะแยกออกจากเงื่อนไขเก่าๆ และไม่ควรอยู่ประหนึ่งว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของบางสิ่งหรือบางคนผู้ซึ่งจาก ไปเป็นเวลา 5000 ปีแล้ว พวกคุณทั้งหมดนั้นเป็นจิตวิญญาณอิสระ นี่เป็นคำพูดสุดท้ายของฉัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 1:23 am

สำหรับตัวผมแล้วบทสัมภาษณ์นี้เป็นเหมือนอีกนัยหนึ่งในนิยายวิทยาศาสตร์ หรือทฤษฏีความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อทางศาสนาเลย และผมก็ไม่มีเจตนาจะปลูกฝังความเชื่อใหม่โดยการโพสบทสัมภาษณ์นี้ลงที่นี่ เพราะส่วนตัวผมเองทราบดีว่า ผู้มีความเชื่อในพระองค์จะไม่มีวัน ไขว้เขวจากอะไรทั้งมวล รวมทั้งตัวผมเอง

P.S. โปรดใช้วิจารณญาณในการชม ถือว่าชมเพื่อความบันเทิงนะครับอ่านแล้วก็สนุกดี
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 5:46 am

ยังไม่ได้อ่านครับ มันยาวเกินเหตุ  ถ้าเชื่อถือไม่ได้ อาจจะโดนแบน นะครับ :cheesy:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 9:42 am

คนเดียว 5-6 หน้า  ::010::  เข้าข่ายปั๊ม Rep ไหมเนี่ย

ปล. มันมีมูลไหมเนี่ยเรื่องนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 9:47 am

joruno เขียน: คำถาม: ข้อแรกคุณเป็นใครและคุณเป็นอะไร? คุณมาจากต่างดาวหรือว่าถือกำเนิดบนโลกใบนี้

คำตอบ: ตามที่คุณเห็นด้วยตาของคุณ ฉันไม่ได้เป็นมนุษย์อย่างคุณและด้วยความสัตย์จริงฉันไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยง ลูกด้วยนม(แม้ว่าร่างกายจะดูเหมือนก็เถอะ,ซึ่งมันก็เป็นผลมาจากการวิวัฒนา การ) ฉันเป็นสิ่งมีชีวิตแบบสัตว์เลื้อยคลานเป็นผู้หญิงพัฒนามาจากเผ่าพันธุ์สัตว์ เลื้อยคลานที่เก่าแก่มาก พวกเราเกิดที่โลกนี้และอาศัยอยู่มาเป็นล้านๆปีแล้ว พวกเราถูกอ้างอิงในงานเขียนเกี่ยวกับศาสนาอย่างไบเบิ้ลและของชนเผ่าพื้น เมืองต่างๆที่รู้ว่ามีพวกเราอยู่และนับถือเฉกเช่นพระเจ้า ตัวอย่างเช่นชาวอียิปต์,ชาวอินคาและชนเผ่าเก่าแก่อีกมาก ความเชื่อของคริสเตียนเข้าใจผิดเกี่ยวกับบทบาทของพวกเราในตอนที่พระเจ้า สร้างคุณดังนั้นพวกเราเลยถูกกล่าวถึงว่าเป็น "งูปีศาจ" ในงานเขียนของคุณ สิ่งนี้มันผิดมาก เผ่าพันธุ์ของคุณนั้นถูกดัดแปลงพันธุกรรมโดยเอเลี่ยนและพวกเรานั้นเป็นแค่ ผู้เยี่ยมชมที่เกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยในการเร่งกระบวนการวิวัฒนาการ คุณต้องรู้ว่า(นักวิทยาศาสตร์ของคุณบางคนก็คิดในแง่นี้)เผ่าพันธุ์ของคุณ นั้นไม่สามารถวิวัฒนาการทางธรรมชาติจนมาถึงขั้นได้นี้ได้โดยใช้เวลาแค่ 2-3 ล้านปีหรอก มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่าการวิวัฒนาการทางธรรมชาตินั้นมันเกิดขึ้นช้ามากแต่ คุณยังไม่เข้าใจในเรื่องนี้ คุณเกิดจากการสร้างขึ้นมาโดยวิธีพันธุวิศวกรรมแต่ไม่ใช่โดยเราแต่โดยเอ เลี่ยน ถ้าคุณถามฉันเรื่องนี้และถ้าฉันเป็นพวกเอเลี่ยนฉันก็คงตอบว่าไม่ใช่ พวกเราเป็นคนพื้นโลก พวกเรามีโคโลนีที่อื่นในระบบสุริยจักรวาลนี้แต่พวกเราเกิดมาบนโลกในนี้ มันเป็นความจริงที่ว่าโลกนี้เป็นของเราและไม่ใช่ของคุณ มันไม่เคยเป็นของคุณ
- -" แค่นี้ผมก็ว่ามันเป็นการคัดค้านต่อความเชื่อแล้วนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 12:44 pm

ขอชี้แจงนะครับ

1.ผมนำมาให้อ่านเพราะผมว่ามันเป็นเหมือนนวนิยายวิทยาศาสตร์ ที่ผมไปดูมาแล้วน่าสนใจดี อีกอย่างผมก็เป็นคาทอลิกและไม่เห็นว่ามันกระทบกระเทือนต่อความเชื่อ และไม่แปลกที่คาทอลิกจะกรอกความรู้อะไรใหม่ๆเข้าไปในสมองแต่พวกเขาคุณหรือเธอเหล่านั้นก็ไม่ได้มีความเชื่อลดน้อยในพระเจ้าลงไปเลย ผมก็ยังเชื่อในพระองค์ลึกซึ้งเหมือนเดิม โลกปัจจุบันมันยิ่งโหดร้ายกว่านี้เยอะยิ่งในประเทศไทยเป็นสังคมชาวพุทธสิ่งที่จะมาลดทอนความเชื่อคุณมีรอบด้าน ถ้าคุณเห็นว่าเพียงแค่บทสัมภาษณ์นี้ลดทอนความเชื่อ ชีวิตคุณคงดำเนินต่อไปได้ยากล่ะครับ ทำไมไม่ลองเปิดใจกว้างๆอ่านมันโดยเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าสนุกๆเกี่ยวกับนวนิยายวิทยาศาสตร์ล่ะ หรือยังไม่อ่านก็ตัดสินซะแล้ว....

2.ในส่วนของการปั้มกระทู้อะไรของคุณผมก็เห็นว่าไม่เห็นจะมีประโยชณ์อะไรส่วนตัวผมเองก็เล่นมาพักหนึ่งแล้วกับบอร์ดนี้และผมก็ยังไม่เล็งเห็นถึงประโยชณ์ของการปั้มกระทู้เมื่อเทียบกับประโยชณ์หรือความบันเทิงที่เพียงแค่หวังดีนำมาให้อ่าน

ป.ล.สุดท้ายหากอยากจะแบนเพราะเหตุผลหรือความคิดที่ตื้นๆของคุณก็เชิญตามสบายแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความเชื่อผมจะลดลงเพราะบทความที่คล้ายนวนิยายวิทยาศาสตร์ที่ผมนำมาให้อ่านนะครับ


ข้อมูลอ้างอิงค์จากเว็บต่างประเทศ : http://www.sabon.org/reptiloid/index3.html   

บทสัมภาษณ์นี้ได้ถูกแปลเป็นหลายภาษาสาเหตุที่มีผู้สนใจมากเพราะในบางส่วนเป็นการอธิบายถึงวิทยาศาสตร์ชั้นสูงที่หลายๆคนอยากทราบและคุณต้องเข้าใจว่าความเชื่อทางวิทยาศาสตร์โดยสวนมากก็ขัดกับความเชื่อทั้งนั้น
แก้ไขล่าสุดโดย 13PM. เมื่อ จันทร์ ส.ค. 04, 2008 3:38 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
francisco xavier
โพสต์: 300
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 2:17 pm

ผมว่านี่เป็นบทความที่อันตรายครับ เพราะอาจจะมีบางคนเชื่อว่านวนิยายเป็นความจริงอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในกรณีดาวินชี่โค้ด
จากที่อ่านมา ถ้าใครเชื่อว่าเป็นความจริง ก็เท่ากับการประกาศว่า  พระเจ้าไม่มีอยู่จริง และหลักการของเทววิทยาและข่าวดีของพระเยซูคริสต์  ก็เป็นเพียงเรื่องโกหกเท่านั้น

ดังนั้น  หากบอกว่าพระเจ้าเป็นความจริง ก็เท่ากับบอกว่าบทความนี้เป็นเรื่องโกหก
และหากว่าบทความนี้เป็นเรื่องจริง ก็เท่ากับการปฏิเสธหลักข้อเชื่อของคริสตชนโดยสิ้นเชิง

อันตรายครับ ผมว่าอันตราย
Dis volentibus

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 2:50 pm

เราเชื่อ ว่าคุณ Joruno อาจมีความเชื่อที่เข้มเเข็งมาก เเละบทความนี้อาจไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อของคุณ อันนี้ก็ดี ขอบพระคุณพระเจ้า
เเต่อย่าลืมว่า ยังมีคนที่ไม่ได้มีความเชื่อมั่นคงเท่ากับคุณ หรืออาจอยู่ในช่วงกำลังตัดสินใจ ที่จะมาเชื่อในพระเจ้า อีกเป็นจำนวนมาก...
ซึ่งถ้าเขาไม่ใส่ใจอะไร อ่านไปขำๆ ก็สนุกดี
ถ้าหากมันไม่ใช่เเบบนั้นล่ะ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 2:51 pm

สำหรับผมถ้าจะแปะบทความหรือนิยายอะไรที่ยาวๆ และไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาในบอร์ดศาสนาผมจะลิ้งค์ไปครับ เพราะสิ่งที่คุณนำมาโพสต์ไม่ได้เกี่ยวกับจิตวิญญาณ เป็นแค่ นิยาย ที่ขัดต่อความเชื่อ

จะทำไรก็คิดสักนิดนึงก็ดีนะ กระทู้ยาว 6 หน้า แต่ละหน้าเป็นเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง และเสริมศรัทธาอะไรเลย
In the name of father
โพสต์: 719
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
ที่อยู่: กาญจนบุรี

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 5:10 pm

อ่านแล้วเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ที่มันส์ดีจริงๆนั่นแหละ (ลัทธิราห์เอเลี่ยนเรอะ?) แต่ในบทสัมภาษณ์เนี่ย เจ๊มนุษย์ใต้ดินแกเล่นพูดดักทางเอาไว้หมดเลยแฮะ (ประมาณว่ากะจะไม่ให้เถียงงั้นสิ)

โดยส่วนตัวผมเป็นคริสเตียน ไม่เชื่อเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการอยู่ เพราะงั้นเรื่องเอเลี่ยนตัดต่อพันธุกรรมนี่เลิกคุยได้เลย  ::010::
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 10:53 pm

เยอะแฮะ ตอนแรกว่าจะอ่าน พอหลายคนบอกว่าขัดต่อความเชื่อ ก็ล้มเลิกความตั้งใจ ::010::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ ส.ค. 04, 2008 11:48 pm

Batholomew เขียน: เยอะแฮะ ตอนแรกว่าจะอ่าน พอหลายคนบอกว่าขัดต่อความเชื่อ ก็ล้มเลิกความตั้งใจ ::010::
แค่ย่อหน้าแรกก็เด่นชัดแระ หุหุ
ตอบกลับโพส