เดือนที่แล้วเป็นเดือนแรกที่โบสถ์เราติดลบ
เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้คนถวายน้อยลง
ลองคิดดูว่าถ้าโบสถ์อยู่ไม่ได้ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกัน
โบสถ์เราติดลบแล้วนะ...อาจารย์พูดขึ้นมา แล้วทุกคนก็อึ้ง...ก้มหน้านิ่ง
ใช่แล้วล่ะ... ทุกคนก็มีส่วนในเรื่องนี้ด้วยกันทั้งนั้น
ไหนบอกว่าเราให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่ง เราจะรับใช้พระเจ้าด้วยทุกสิ่งที่เรามีอยู่
แต่พอเราได้เงินน้อยลง ส่วนที่ลดลงกลับเป็นส่วนของพระเจ้า ไม่ใช่ส่วนของเรา
ขอบคุณพระเจ้าที่เงินส่วนที่ลูกได้รับน้อยลงนั้นเป็นส่วนของพระองค์ ส่วนของลูกยังอยู่ครบ... เรากล้าทูลแบบนี้จริงๆเหรอ?
ของโบสถ์อื่นเราไม่รู้ แต่ตอนที่เรารับบัพติสมา เราสัญญาจะถวาย 10% ของเงินได้คืนเข้าสู่ท้องพระคลังของพระองค์
สารภาพผิดว่าไม่เคยถวายถึง 10% จริงๆ เลย เพราะมันเ็ป็นเงินเกือบครึ่งแสน
ที่จริงแล้วเดือนหนึ่งๆ ถวายไม่ถึง 5% ของเงินได้ต่อเดือนด้วยซ้ำ
ด้วยความอ่อนแอของมนุษย์... เราได้แค่ติดว่าพระเจ้าคะ ถ้าลูกมีเิงินมากพอที่จะถวายโดยไม่เดือดร้อนลูกจะถวายพระองค์แน่
แต่วันนั้นไม่เึคยมาถึงเลย...เราไม่เคยมีเงินพอที่ถวาย 10% โดยไม่ต้องเอาไปจ่ายค่าอย่างอื่น
มาคิดดูดีๆ ที่เราไม่เคยมี เพราะเราไม่ได้ถวายอย่างสัตย์ซื่อหรือเปล่า เราจะทวงสัญญาว่าพระองค์จะทรงประทานทุกสิ่งที่จำเป็นให้กับเราได้ยังไง
ถ้าเราเองไม่ได้สัตย์ซื่อกับสัญญาที่ให้พระองค์ ที่จริงแล้วทุกอย่างที่เรามีเป็นของพระองค์ทั้งนั้น
ไม่ว่าจะสมองทีใช้คิด มือที่ใช้ทำงาน อาหารที่เรากิน งานที่เราทำ โอกาสในการหารายได้
ทุกอย่างอยู่ในความดูแลของพระองค์ทั้งนั้น แม้แต่เส้นผมของเราก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น
ถ้าพระเยโฮวาห์มิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า ถ้าพระเยโฮวาห์มิได้ทรงเฝ้าอยู่เหนือนคร คนยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า
ถ้าพระเจ้าจะให้การงานของเราไม่เป็นผล เราตื่นแ่เช้า กระหืดกระหอบทำงานไปก็เหนื่อยเปล่า
แต่ถ้าจะทรงอวยพระพร เราย่อมจะได้มาก พระคัมภีร์ว่าไว้อย่างนั้น
ปากเราบอกว่าเชื่อ แต่เราไม่กล้าจะทำตาม เหมือนเศรษฐีที่พระเยซูบอกให้ไปขายทรัพย์สินแจกจ่ายแก่คนยากจนแล้วตามพระองค์มา
สุดท้ายเขาก็กลับไปบ้านด้วยสีหน้าเศร้าหมองและไม่ได้ทำตาม หรือเรากำลังเป็นเศรษฐีคนนั้น
เราให้คุณค่ากับเงินทองมากกว่าแผ่นดินของพระองค์บนโลกหรือเปล่า
ประโยชน์อะไรที่จะได้ทรัพย์สินทั้งโลกแต่เสียชีวิตของตนเอง
พระเจ้าไม่ได้ทรงเรียกเรามาให้มีเงินมากกว่านี้อีก 10% แต่เรียกเรามาเพื่อให้รับชีวิตนิรันดร์ต่างหาก
และนั่นมีค่ามากกว่าทรัพย์สินเงินทองไหนๆ เพราะแลกมาด้วยพระโลหิตบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิของพระบุตรพระองค์เดียวของพระเจ้าสูงสุด
เราจะแก้ตัวกับคนที่ถูกเฆี่ยนจนยับไปทั้งตัวและถูกตรึงกางเขนตายแทนเราได้ยังไงว่า
รอก่อนนะพระองค์ ขอลูกเอาเงินไปเที่ยวเล่น ดูหนัง ซื้อทีวีจอแบนก่อน เหลือแล้วลูกจะถวายเพื่อการขยายพระอาณาจักรทีหลัง!
ถ้าเมื่อ 2 พันกว่าปีก่อน เด็กชายคนหนึ่งไม่ได้ถวายขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัวที่เขามีให้พระเยซูทรงใช้
คน 5 พันคนก็ไม่มีืทางได้อิ่ม
อย่างที่อาจารย์สมศักดิ์ ชูสงฆ์พูดไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนว่า เงินที่เราถวายให้พระเจ้าทรงใช้ จะเกิดประโยชน์มากกว่าเราใช้เองแน่นอน
เงินไม่กี่หมื่นของเราจะเกิดผล 30 เท่า 60 เท่า เป็นประโยชน์กับมนุษยชาติมากกว่าที่เราจะเอามาใช้ซื้อความสุขส่วนตัวแน่นอน
พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่าจงนำทศางค์ เต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่า
เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่
เราจะขนาบตัวที่ทำลายให้แก่เจ้า เพื่อว่ามันจะไม่ทำลายผลแห่งพื้นดินของเจ้า และผลองุ่นในไร่นาของเจ้าจะไม่ร่วง
เราเชื่ออย่างจริงใจหรือเปล่าว่าถ้าเราถวาย 10% อย่างสัตย์ซื่อแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้เราเดือดร้อน
ถ้าเราเชื่อ... แล้วทำไมเราไม่ทำตาม
เรเองตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่วันนี้จะถวายสิบลดให้ครบถ้วนตามจำนวน เพื่อให้สามารถพูดได้เต็มปากกว่าเรารักษาสัญญากับพระเจ้า
เราอาจไม่มีปัญญาไปประกาศข่าวประเสริฐด้วยตนเอง แต่เงินที่เราถวายจะช่วยให้ทีมประกาศมีใบปลิว ช่วยให้คนยากจนได้อิ่ม
ช่วยให้แผ่นดินของพระองค์ได้ขยายออกไป
เ้หมือนตอนที่เราอธิษฐานอดอาหาร เราปฏิเสธโลกและตัวตนโดยพึ่งพาพระเจ้าในทุกทาง
และครั้งนี้ก็เช่นกัน หากมันทำให้เรา "ยอม" ให้กับพระเจ้าเป็นผู้นำชีวิตมากกว่าที่เป็นอยู่
ทรัพย์สินเงินทองก็เป็นเรื่องเล็ก
เราไม่ได้พูดได้เพราะเรามีเงิน บ้านเรามีหนี้สินอีกหลายล้าน แม่เราเป็นมะเร็ง รถเราเสียตลอดเวลา เครื่องซักผ้า ตู้เย็น พังไม้เว้นแต่ละวัน
แต่ขอบคุณพระเจ้าที่เรายังไม่ขัดสน และต่อไปถึงแม้เราถวายมากขึ้นเราก็เชื่อมั่นว่าเราจะไ่ม่ขัดสน
ดูอย่างสาวกของพระเยซูที่ทรงใช้ออกไป เสื้อผ้าก็ไม่มี เงินทองก็ไม่มี
แต่พวกเขากลับไม่ขาดสิ่งใดเลย พระเยซูผู้ทรงเลี้ยงนกน้อยใหญ่จะทรงเลี้ยงเราเช่นกัน
เหตุฉะนั้นเรอยากขอให้เพื่อนๆ ลองถวายเงินให้มากขึ้น อธิษฐานให้มากขึ้น
ยอมให้พระเจ้าใช้ให้มากขึ้น
เพื่อนๆ อาจได้พบสันติสุขที่ไม่เหมือนที่โลกให้ยิ่งกว่าตอนที่ถวายน้อยเสียอีก มาถวายด้วยกันเถอะนะคะ
เพื่อนๆ บางคนอาจยังใจไม่เข็งพอจะถวาย 10% แต่ขอให้ถวายให้มากกว่าที่เคย แล้วอธิษฐานขอให้ทรงดูแลจัดเตรียมสิ่งจำเป็นให้
เพื่อนๆ อาจจะพบกับพระพรอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนก็ได้ เพราะพระเจ้าของเราทรงยิ่งใหญ่และทรงกระทำได้ทุกอย่างค่ะ!
มาถวายเงินให้มากขึ้นกันเถอะ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 10, 2009 4:57 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ก็ว่ากันจริงๆ หลายๆครั้ง ค่าใช้จ่ายในเรื่องเกี่ยวกับศาสนา จะถูกตัดก่อนอันดับแรกๆ เวลาที่เราไม่มีตัง
เพราะคนทั่วไปคิดว่าตัวเองยังไม่พอใช้ ไม่มีเหลือให้คนอื่นหรอก และคิดว่าเรื่องการบริจาคควรทำตอนมีเหลือไม่ใช่ตอนขาด
พระเยซูจึงสอนเรื่องเศษเงินของหญิงม่าย ว่า แม้ตัวเองแทบจะไม่มียังพยายามบริจาคอีก จึงถือว่าบริจาคมากกว่า คนที่มีเหลือแล้วค่อยบริจาค
และสิ่งนี้ สะท้อนว่า เราเอาเรื่องของพระเจ้าไว้ที่อันดับเท่าไรในชีวิต อันดับแรกๆ หรืออันดับหลังๆ
เพราะคนทั่วไปคิดว่าตัวเองยังไม่พอใช้ ไม่มีเหลือให้คนอื่นหรอก และคิดว่าเรื่องการบริจาคควรทำตอนมีเหลือไม่ใช่ตอนขาด
พระเยซูจึงสอนเรื่องเศษเงินของหญิงม่าย ว่า แม้ตัวเองแทบจะไม่มียังพยายามบริจาคอีก จึงถือว่าบริจาคมากกว่า คนที่มีเหลือแล้วค่อยบริจาค
และสิ่งนี้ สะท้อนว่า เราเอาเรื่องของพระเจ้าไว้ที่อันดับเท่าไรในชีวิต อันดับแรกๆ หรืออันดับหลังๆ
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
อ่า.. อ่านแล้วนึกถึงตัวเองขึ้นมาทันทีเลย - -"
ก็ถ้าเรามีตังค์อยู่ 10 บาท แล้วตกหายไปบาทนึง
เราจะหักจาก 9 บาทที่เหลืออยู่ไปถวาย
หรือเราจะทูลว่า พระเจ้าขา เงินส่วนของพระองค์หายไปแล้วค่ะ อีก 9 บาทนี่ของลูกนะคะ
พี่น้องโปรดคิดดู...
เราจะหักจาก 9 บาทที่เหลืออยู่ไปถวาย
หรือเราจะทูลว่า พระเจ้าขา เงินส่วนของพระองค์หายไปแล้วค่ะ อีก 9 บาทนี่ของลูกนะคะ
พี่น้องโปรดคิดดู...
ส่วนตัวผมแล้วคิดว่า
ถ้าพอใจที่จะถวายแล้ว จะร้อยละ 1 ร้อยละ 5 ร้อยละ 10 หรือมากกว่านั้น ก็มีความหมาย
อย่าให้เราถวายเพียงเพราะว่า เราจำเป็น หรือถูกบังคับให้ถวาย
เพราะพระองค์มิได้ทรงประสงค์เครื่องสัตวบูชา มิฉะนั้นข้าพระองค์จะถวายให้ พระองค์มิได้พอพระทัยเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงรับได้คือจิตใจที่ชอกช้ำ จิตใจที่สำนึกผิดและชอกช้ำนั้น โอ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะมิได้ทรงดูถูก สดด. 51:16-17
อย่างไรก็แล้วแต่ กระทู้นี้เป็นที่ๆ เหมาะสำหรับคริสตชนทุกหมู่เหล่าจะได้สำรวจมโนธรรมของตัวเอง ว่าเราให้ความสำคัญกับการมอบถวายแทบแท่นบูชามากเท่าใดเมื่อเทียบกับการมอบสิ่งต่างๆ ให้กับตัวเราเอง
ผู้ใดที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเราก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดรักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดที่ไม่รับเอากางเขนของตนตามเราไป ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอดจะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่สู้เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด มธ. 10:37-39
ถ้าพอใจที่จะถวายแล้ว จะร้อยละ 1 ร้อยละ 5 ร้อยละ 10 หรือมากกว่านั้น ก็มีความหมาย
อย่าให้เราถวายเพียงเพราะว่า เราจำเป็น หรือถูกบังคับให้ถวาย
เพราะพระองค์มิได้ทรงประสงค์เครื่องสัตวบูชา มิฉะนั้นข้าพระองค์จะถวายให้ พระองค์มิได้พอพระทัยเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงรับได้คือจิตใจที่ชอกช้ำ จิตใจที่สำนึกผิดและชอกช้ำนั้น โอ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะมิได้ทรงดูถูก สดด. 51:16-17
อย่างไรก็แล้วแต่ กระทู้นี้เป็นที่ๆ เหมาะสำหรับคริสตชนทุกหมู่เหล่าจะได้สำรวจมโนธรรมของตัวเอง ว่าเราให้ความสำคัญกับการมอบถวายแทบแท่นบูชามากเท่าใดเมื่อเทียบกับการมอบสิ่งต่างๆ ให้กับตัวเราเอง
ผู้ใดที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเราก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดรักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดที่ไม่รับเอากางเขนของตนตามเราไป ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอดจะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่สู้เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด มธ. 10:37-39
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เห็นด้วยนะครับEdwardius เขียน: ส่วนตัวผมแล้วคิดว่า
ถ้าพอใจที่จะถวายแล้ว จะร้อยละ 1 ร้อยละ 5 ร้อยละ 10 หรือมากกว่านั้น ก็มีความหมาย
อย่าให้เราถวายเพียงเพราะว่า เราจำเป็น หรือถูกบังคับให้ถวาย
เพราะพระองค์มิได้ทรงประสงค์เครื่องสัตวบูชา มิฉะนั้นข้าพระองค์จะถวายให้ พระองค์มิได้พอพระทัยเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงรับได้คือจิตใจที่ชอกช้ำ จิตใจที่สำนึกผิดและชอกช้ำนั้น โอ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะมิได้ทรงดูถูก สดด. 51:16-17
อย่างไรก็แล้วแต่ กระทู้นี้เป็นที่ๆ เหมาะสำหรับคริสตชนทุกหมู่เหล่าจะได้สำรวจมโนธรรมของตัวเอง ว่าเราให้ความสำคัญกับการมอบถวายแทบแท่นบูชามากเท่าใดเมื่อเทียบกับการมอบสิ่งต่างๆ ให้กับตัวเราเอง
ผู้ใดที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเราก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดรักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดที่ไม่รับเอากางเขนของตนตามเราไป ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอดจะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่สู้เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด มธ. 10:37-39
แก้ไขล่าสุดโดย Batholomew เมื่อ จันทร์ พ.ค. 11, 2009 10:43 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
บางคนกินกาแฟ ดาวแมลง แก้วละร้อยกว่าสัปดาห์ละหลายแก้ว บางคนดูหนังเดือนละหลายเรื่องค่าตั๋วร้อยกว่า บางคนซื้อการ์ตูนเดือนละหลายเล่มก็หลายร้อยอีกBatholomew เขียน:เห็นด้วยนะครับEdwardius เขียน: ส่วนตัวผมแล้วคิดว่า
ถ้าพอใจที่จะถวายแล้ว จะร้อยละ 1 ร้อยละ 5 ร้อยละ 10 หรือมากกว่านั้น ก็มีความหมาย
อย่าให้เราถวายเพียงเพราะว่า เราจำเป็น หรือถูกบังคับให้ถวาย
เพราะพระองค์มิได้ทรงประสงค์เครื่องสัตวบูชา มิฉะนั้นข้าพระองค์จะถวายให้ พระองค์มิได้พอพระทัยเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงรับได้คือจิตใจที่ชอกช้ำ จิตใจที่สำนึกผิดและชอกช้ำนั้น โอ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะมิได้ทรงดูถูก สดด. 51:16-17
อย่างไรก็แล้วแต่ กระทู้นี้เป็นที่ๆ เหมาะสำหรับคริสตชนทุกหมู่เหล่าจะได้สำรวจมโนธรรมของตัวเอง ว่าเราให้ความสำคัญกับการมอบถวายแทบแท่นบูชามากเท่าใดเมื่อเทียบกับการมอบสิ่งต่างๆ ให้กับตัวเราเอง
ผู้ใดที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเราก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดรักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดที่ไม่รับเอากางเขนของตนตามเราไป ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอดจะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่สู้เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด มธ. 10:37-39
แต่เวลาถุงทานผ่านหน้า อาทิตย์ละครั้ง ใส่ไม่เกิน20บาท หรือบางทีไม่ใส่ลงไปเลย
นั่นสิครับ การเป็นคริสเตียนไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ แต่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ (ลอกเค้ามา)Holy เขียน:บางคนกินกาแฟ ดาวแมลง แก้วละร้อยกว่าสัปดาห์ละหลายแก้ว บางคนดูหนังเดือนละหลายเรื่องค่าตั๋วร้อยกว่า บางคนซื้อการ์ตูนเดือนละหลายเล่มก็หลายร้อยอีกBatholomew เขียน:เห็นด้วยนะครับEdwardius เขียน: ส่วนตัวผมแล้วคิดว่า
ถ้าพอใจที่จะถวายแล้ว จะร้อยละ 1 ร้อยละ 5 ร้อยละ 10 หรือมากกว่านั้น ก็มีความหมาย
อย่าให้เราถวายเพียงเพราะว่า เราจำเป็น หรือถูกบังคับให้ถวาย
เพราะพระองค์มิได้ทรงประสงค์เครื่องสัตวบูชา มิฉะนั้นข้าพระองค์จะถวายให้ พระองค์มิได้พอพระทัยเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงรับได้คือจิตใจที่ชอกช้ำ จิตใจที่สำนึกผิดและชอกช้ำนั้น โอ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะมิได้ทรงดูถูก สดด. 51:16-17
อย่างไรก็แล้วแต่ กระทู้นี้เป็นที่ๆ เหมาะสำหรับคริสตชนทุกหมู่เหล่าจะได้สำรวจมโนธรรมของตัวเอง ว่าเราให้ความสำคัญกับการมอบถวายแทบแท่นบูชามากเท่าใดเมื่อเทียบกับการมอบสิ่งต่างๆ ให้กับตัวเราเอง
ผู้ใดที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเราก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดรักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดที่ไม่รับเอากางเขนของตนตามเราไป ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอดจะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่สู้เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด มธ. 10:37-39
แต่เวลาถุงทานผ่านหน้า อาทิตย์ละครั้ง ใส่ไม่เกิน20บาท หรือบางทีไม่ใส่ลงไปเลย
เพราะพระองค์ทรงเรียกเราออกจากธรรมชาติของมนุษย์ และความตายของมนุษย์
พระองค์ทรงนำพาเราเข้าสู่ทางสวรรค์ และค้ำจุนเราทุกวินาที
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มนุษย์จะทำเช่นนั้น คือ แสวงหาสิ่งต่างๆ เพื่อตนเองก่อน
แต่เราก็จงพยายามหนุนใจเขาให้เห็นความสำคัญของการให้ การถวาย การมอบที่ออกจากกรอบของความเป็นตนเอง
ถ้าเราทำเช่นนั้นแล้ว ก็จงใช้เวลาที่เหลือภาวนาต่อพระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพ เพื่อให้พระองค์ทำให้คนเหล่านั้นสำนึก
เพราะหลังจากที่เราบอกเขาเหล่านั้นไปแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของพระเจ้า และเป็นเรื่องของเขาทั้งหลายกับพระองค์
ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ที่จะมีคนรวย และคนจนในพระศาสนจักร
เำำพราะแผ่นดินที่ราบเรียบ น้ำย่อมไม่ไหลไปทางซ้ายหรือทางขวา แต่แผ่นดินที่ลาดชัน น้ำย่อมไหลจากที่สูงสู่ที่ต่ำ
ให้เราภาวนาเพื่อความอยู่รอดของคริสตจักร/พระศาสนจักร ณ เวลานี้
เพราะว่าเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะให้สิ่งหนึ่งคงอยู่ หรือสูญสลายไป
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
อันที่จริงคริสตจักรของพี่เร มีระดับคนฐานะการงานดีมากๆ อยู่เยอะ
ปัญหาเรื่องการถวาย มีมานมนานแล้วครับ ที่เจี๊ยบแอบได้ยิน
มักจะมีของตัวเอง แต่ไม่มีของพระเจ้า (เงินในท้องพระคลัง)
ปัญหาเรื่องการถวาย มีมานมนานแล้วครับ ที่เจี๊ยบแอบได้ยิน
มักจะมีของตัวเอง แต่ไม่มีของพระเจ้า (เงินในท้องพระคลัง)
-
- โพสต์: 291
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 14, 2009 1:34 pm
ตอบได้ดีมากครับ ผมเห็นด้วยอยากแรง ขอให้เราไม่ต้องคิดมากมีมากให้มาก มีน้อยให้น้อย ขอให้เราศรัทธาก้อดีแล้ว หรือ บางคนอาจจะไม่มีเลย ก้อไม่เป็นไร ขอให้มีความรัก รักพระองค์และปฏิบัติตามพระองค์แค่นี้ก้อดีแล้วครับ พระเจ้ารักทุกคนครับEdwardius เขียน: ส่วนตัวผมแล้วคิดว่า
ถ้าพอใจที่จะถวายแล้ว จะร้อยละ 1 ร้อยละ 5 ร้อยละ 10 หรือมากกว่านั้น ก็มีความหมาย
อย่าให้เราถวายเพียงเพราะว่า เราจำเป็น หรือถูกบังคับให้ถวาย
เพราะพระองค์มิได้ทรงประสงค์เครื่องสัตวบูชา มิฉะนั้นข้าพระองค์จะถวายให้ พระองค์มิได้พอพระทัยเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงรับได้คือจิตใจที่ชอกช้ำ จิตใจที่สำนึกผิดและชอกช้ำนั้น โอ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะมิได้ทรงดูถูก สดด. 51:16-17
อย่างไรก็แล้วแต่ กระทู้นี้เป็นที่ๆ เหมาะสำหรับคริสตชนทุกหมู่เหล่าจะได้สำรวจมโนธรรมของตัวเอง ว่าเราให้ความสำคัญกับการมอบถวายแทบแท่นบูชามากเท่าใดเมื่อเทียบกับการมอบสิ่งต่างๆ ให้กับตัวเราเอง
ผู้ใดที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเราก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดรักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดที่ไม่รับเอากางเขนของตนตามเราไป ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอดจะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่สู้เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด มธ. 10:37-39
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
สู้เค้านะครับ