รู้จัก "ปฏิสสาร" ให้มากขึ้น

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ พ.ค. 31, 2009 6:05 pm

รู้จัก "ปฏิสสาร" ให้มากขึ้นจาก "เทวากับซาตาน"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9520000058089

รูปภาพ

ยวน แม็คเกรเกอร์ (ขวา) ในมาดนักบุญแห่งวาติกัน (โคลัมเบียพิคเจอร์ส/เอพี)


รูปภาพ

ในฉากที่ปฏิสสารถูกผลิตขึ้น (โซนีพิคเจอร์ส/ยูเอสเอทูเดย์)

รูปภาพ

อุปกรณ์กักเก็บในภาพยนตร์ ที่จินตนาการสร้างขึ้นสำหรับการขนย้ายปฏิสสารออกจากห้องทดลอง

แม้จะเคยชี้แจงแถลงไขผ่านเว็บไซต์ของ "เซิร์น" ไปแล้วนับแต่นวนิยาย "เทวากับซาตาน" ของ "แดน บราวน์" ออกมาโลดแล่นผ่านหน้าหนังสือสู่สายตาผู้อ่าน แต่เมื่อเรื่องราวดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่อีกครั้งในแผ่นฟิล์ม ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องออกมาชี้แจงอีกครั้ง ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ "ปฏิสสาร" ที่ในเรื่อง ถูกนำเสนอให้เป็นอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูง
       
       ในภาพยนตร์ "เทวากับซาตาน" (Angels & Demons) ที่สร้างขึ้นโดยอิงจากนิยายแนวระทึกขวัญของ "แดน บราวน์" (Dan Brown) ที่ล้วงลึกข้อมูลภายในของ "วาติกัน" ผู้นำแห่งคริสตจักร และ "เซิร์น" [url=http://"http://www.cern.ch/"](องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ - European Center for Nuclear Research : CERN)[/url] ผู้นำแห่งโลกวิทยาศาสตร์ ซึ่งทั้ง 2 องค์กร มีความเชื่อในจุดกำเนิดจักรวาลที่ต่างกันคนละขั้ว
       
       สิ่งที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ได้สร้างขึ้น เพื่อค้นหาต้นตอแห่งจุดกำเนิดของจักรวาลนั่นก็คือ "ปฏิสสาร" (antimatter) โดยห้องแล็บของเซิร์นในภาพยนตร์ได้สร้างปฎิสสารมากถึง 1 กรัม ซึ่งมีความร้ายแรงเทียบเท่าระเบิดไดนาไมต์ 5,000 ตัน นับว่ามากเพียงพอที่จะทำให้กลุ่มองค์กรลับนามว่า "อิลูมิเนติ" (Illuminati) นำมาใช้ข่มขู่ระหว่างการเลือกตั้งพระสันตปาปาองค์ใหม่ เพื่อทำลายล้างให้นครวาติกันหายไปในพริบตา
       
       บอริส เคย์เซอร์ (Boris Kayser) นักวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการเครื่องเร่งอนุภาคเฟอร์มิแห่งสหรัฐฯ (Fermi National Accelerator Laboratory) หรือเฟอร์มิแล็บ (Fermi Lab) ในบาตาเวีย มลรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ตัวเลขที่อ้างในภาพยนตร์นั้นถูกต้อง แต่คงต้องใช้เวลาอีกหลายพันล้านปี กว่าที่มนุษย์จะผลิตปฏิสสารได้มากเท่าที่ปรากฎในภาพยนตร์
       
       รอล์ฟ ลันดัว (Rolf Landua) ผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิสสารจากเซิร์น และยังเป็นที่ปรึกษาทางด้านฟิสิกส์แก่รอน โฮวาร์ด (Ron Howard) ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ให้ความเห็นกับยูเอสเอทูเดย์ว่า งานของพวกเขานั้น พุ่งเป้าไปที่การทำความเข้าใจในความลึกลับของเอกภพ และไม่ได้สนใจการสร้างอาวุธเลย อีกทั้งที่เซิร์นยังเป็นห้องปฏิบัติการที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ผลิตปฏิสสารในจำนวนน้อยนิด คงไม่มากพอที่จะกลายเป็นระเบิดได้ในที่สุด

       แท้จริงแล้วปฏิสสารคืออะไรกันแน่?
       
       บทความจากนิตยสารป็อปปูลาร์มาแคนิก (Popular Machenic) อธิบายโดยอาศัยคำสัมภาษณ์ของลันดัวว่า ทฤษฎีเรื่องปฏิสสารเริ่มพูดถึงเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2471 ปฏิสสารเป็นภาพสะท้อนกลับด้านของสสารที่พบทุกวันนี้ภายในอะตอม เรียกได้ว่าเมื่อมีสสารก็ย่อมต้องมีปฎิสสาร เป็นการสร้างความสมดุลของธรรมชาติ
       
       ต่อมาเมื่อนักวิทยาศาสตร์สร้าง "แอนติอิเล็กตรอน" (anti-electron) คู่ตรงข้ามกับอิเล็กตรอนในปี พ.ศ.2475 และ "แอนติโปรตอน" (anti-proton) ได้ในปี 2498 ก็เท่ากับยืนยันทฤษฎีดังกล่าว
       
       อย่างไรก็ดี ปฏิสสารเพิ่งจะถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 2538 แต่ไม่ใช่ที่ห้องปฏิบัติการของเซิร์นตามแบบในภาพยนตร์ ซึ่งเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) ที่เป็นห้องทดลองสำคัญ ที่ทำให้อนุภาคชนกัน จนได้ปฏิสสารออกมาอย่างที่เห็นในภาพยนตร์นั้น ณ ปัจจุบันยังไม่ได้มีการทดลองจริงแต่อย่างใด มีแค่เพียงการทดสอบเดินเครื่องไปเมื่อช่วงเดือน ก.ย.ของปีที่ผ่านมา
       
       อีกทั้ง ในทางทฤษฎีแล้ว ควรมีปริมาณปฏิสสารพอๆ กับสสารที่เกิดจากระเบิด "บิกแบง" (Big Bang) เมื่อ 1.37 หมื่นล้านปีมาแล้ว และที่น่าสนใจ คือ สสารกับปฏิสสารต่างทำลายล้างซึ่งกันและกัน แต่เหตุใดจึงมีสสารออกมาในรูปของดวงดาว ดาวเคราะห์และผู้คนอยู่เต็มไปหมดในเอกภพ นั่นคือหนึ่งในความลึกลับของจักรวาลวิทยา
       
       ในชีวิตจริง เราพบปฏิสสารได้เพียงในห้องปฏิบัติการ และกรณีที่รังสีคอสมิคพุ่งเข้าชนชั้นบรรยากาศ แล้วปลดปล่อยปรากฏการณ์แปลกประหลาดทางฟิสิกส์ในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งพบเห็นได้ยาก
       
       ส่วนที่เซิร์นนั้น ลำรังสีพลังงานสูงของอนุภาคโปรตอนจะถูกยิงเข้าไปยังกำแพงโลหะเพื่อผลิตปฏิสสาร ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ประมาณ 1 ในล้านครั้งของการชน แม่เหล็กอันสลับซับซ้อนจะดักจับสิ่งที่ยากจะพบในสภาพสุญญากาศ เพื่อป้องกันการสัมผัสกับสสารจริง
       
       สำหรับการเก็บปฏิสสารไว้ภายในอุปกรณ์ เหมือนขวดแม่เหล็กรักษาอุณหภูมิตามที่เห็นในภาพยนตร์นั้น นักวิทยาศาสตร์จากเซิร์นเปิดเผยว่า พวกเขามีอุปกรณ์หน้าตาคล้ายๆ กันนี้เรียกว่า "กับดักเพนนิง" (Penning Trap) เพื่อเก็บแอนตีโปรตอนไว้ศึกษา 57 วัน แต่การขนย้ายปฏิสสารนั้น แม้ว่าในทางทฤษฎีจะเป็นไปได้ แต่ยังไม่มีการขนย้ายในโลกแห่งความจริง
       
       ที่สำคัญ บรรดานักวิทยาศาสตร์ยังคาดหวังว่า เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี ที่ขดเป็นวงกลมยาว 27 กิโลเมตรอยู่ใต้ดินบริเวณชายแดนสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศสนั้น จะเป็นเครื่องมือที่ยืนยันการมีอยู่จริงของอนุภาค "ฮิกก์โบซอน" (Higgs Boson) หรือ "อนุภาคพระเจ้า" (God particle) ซึ่งเป็นอนุภาคที่จะอธิบายว่าสสารมีมวลได้อย่างไร ซึ่ง ลีออน เลเดอร์แมน (Leon Lederman) อดีตผู้อำนวยการของเฟอร์มิแล็บและผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์เมื่อปี 2531 เป็นผู้หนึ่งที่มีความหวังต่อเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี
       
       "อนุภาคพระเจ้า (ในบทภาพยนตร์ของไทยแปลว่า "เถ้าธุลีพระเจ้า") จะให้คำอธิบายได้ถึงการไม่ปรากฏของปฏิสสารในเอกภพนี้" เลเดอร์แมนกล่าว

       *สนใจติดตามไขประเด็นทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องปฏิสสารที่ปรากฎในเทวากับซาตาน เซิร์นได้ทำเว็บไซต์อธิบายไว้ที่ angelsanddemons.cern.ch
แก้ไขล่าสุดโดย Kichinto เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 31, 2009 6:08 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
PrinzSchweini
โพสต์: 31
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ค. 17, 2009 3:10 pm

อาทิตย์ พ.ค. 31, 2009 8:28 pm

สรุปว่า
ปฏิสสารคือสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับสสาร
หน้าที่ของมันแตกต่างกับสสารอย่างสุดขั้ว
เมื่อสสารและปฏิสสารมาถูกกัน
ผลลัพธ์คือโฟตอนที่มีค่ามากมาย
สามารถใช้เป็นพลังงานได้ สะอาดกว่าพลังงานทุกอย่างในโลก
และการทำลายล้างในระดับรุนแรง หากใช้ในทางที่ผิด
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ พ.ค. 31, 2009 11:12 pm

ขอบคุณที่หามาให้อ่านนะครับ : xemo017 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Happiiloo
โพสต์: 181
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 27, 2009 11:35 pm

จันทร์ มิ.ย. 01, 2009 3:50 pm

พระเจ้าสุดยอดๆๆ : emo107 :

พลังงานบริสุทธิ
ตอบกลับโพส