พระสงฆ์ที่ฟังแก้บาป

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 5:03 pm

    คือทราบมาว่าพระสงฆ์ที่ฟังแก้บาปนั้นห้ามไม่ให้นำความลับในห้องแก้บาปมาบอกผู้อื่น แล้วถ้าหากว่ามีคริสตชนผู้หนึ่งกระทำความผิดร้ายแรงแล้วมาสารภาพในห้องแก้บาป แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการที่จะทราบว่าคนๆนี้ได้ทำความผิดมายังไง จึงมาถามพระสงฆ์ที่ฟังแก้บาปนั้น อยากทราบว่า "พระสงฆ์มีกรณีพิเศษที่สามารถบอกความลับนั้นให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ครับ"
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 5:05 pm

ไม่มี สวดให้แล้วต้องลืม : emo036 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 5:13 pm

ความลับสวรรค์ครับ เป็นเรื่องระหว่างพระเจ้ากับเค้าคนนั้น

พระสงฆ์ไม่สามารถบอกได้ไม่ว่ากรณีใดๆ
และตำรวจก็ไม่สามารถบังคับให้บอกได้ด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
yack
โพสต์: 816
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 11, 2008 11:01 am

ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 5:16 pm

อืม ข้อมูลนี้ทำให้เราเชื่อว่า พระเจ้าทรงเป็นความวางใจของเราได้ทุกเรื่อง จริง ๆ  ::022::
ภาพประจำตัวสมาชิก
ignatius
.
.
โพสต์: 2597
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:48 pm

ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 6:13 pm

Immanuel (MichaelPaul) เขียน:      คือทราบมาว่าพระสงฆ์ที่ฟังแก้บาปนั้นห้ามไม่ให้นำความลับในห้องแก้บาปมาบอกผู้อื่น แล้วถ้าหากว่ามีคริสตชนผู้หนึ่งกระทำความผิดร้ายแรงแล้วมาสารภาพในห้องแก้บาป แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการที่จะทราบว่าคนๆนี้ได้ทำความผิดมายังไง จึงมาถามพระสงฆ์ที่ฟังแก้บาปนั้น อยากทราบว่า "พระสงฆ์มีกรณีพิเศษที่สามารถบอกความลับนั้นให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ครับ"
ในหนังสือกฎหมายคริสต์ศาสนา 2 CANON LAW 2
โดยบาทหลวง ดร.ไพยง มนิราช หลักสูตรศาสนศาสตร์บัณฑิต สาชาวิชาเทววิทยา
คณะศาสนศาตร์ วิทยาลัยแสงธรรม หน้า 48
ข้อที่ 5.3.4  การรักษาความลับของศีลอภัยบาป (ม.983-984)
ก. ต้องรักษาความลับของศีลอภัยบาปด้วยชีวิต และต้องไม่มีอคติต่อผู้มาขอแก้บาป
ข. ห้ามนำความรู้/ความลับในที่ฟังแก้บาปไปใช้แก้ปัญหาหรือจัดการปกครอง
ค. ห้ามนำความรู้/ความลับในที่ฟังแก้บาปไปใช้ในฐานะพยาน
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 6:19 pm

ไม่ได้เด็ดขาด


เคยมีคนเล่าให้ฟังไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ที่ว่ามีคนนึงไปฆ่าคนแล้วเกิดสำนึกผิดไปแก้บาปกับคุณพ่อท่านนึง  แล้วพอดีตำรวจก็ออกตามล่าผู้ร้ายคนนี้ก็มีพยานคนนึงให้การว่าเห็นว่าคนร้ายได้ไปคุยกับคุณพ่อ   ตำรวจก็เลยไปถามคุณพ่อ คุณพ่อก็ไม่ยอมบอกว่าคุยอะไรกับผู้ชายคนนั้นตำรวจเลยตั้งข้อหาว่าสมรู้ร่วมคิดกันฆ่า คุณพ่อพูดได้แค่ว่า "ผมไม่ได้ทำ" พอเรื่องถึงที่สุดคุณพ่อก็โดนตัดสินประหารชีวิตซึ่งโจรคนที่ฆ่ายังตามจับตัวไม่ได้เลย  จนเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายปีมีคนขุดเจอศพคุณพ่อปรากฏว่าทุกส่วนเหลือแต่โครงกระดูกแต่มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ยังสดไม่เน่าเปื่อยก็คือลิ้นของคุณพ่อ ที่รักษาสัตย์ในห้องแก้บาปใว้อย่างครบถ้วนแม้ตัวเองจะต้องตายก็ตาม
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 10:11 pm

ฝาแก้บาปศักดิ์สิทธ์นะครับ

ถ้าต้องตายก้อต้องตายครับ

สปิริตของพระสงฆ์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 10:30 pm

พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: ไม่ได้เด็ดขาด


เคยมีคนเล่าให้ฟังไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ที่ว่ามีคนนึงไปฆ่าคนแล้วเกิดสำนึกผิดไปแก้บาปกับคุณพ่อท่านนึง  แล้วพอดีตำรวจก็ออกตามล่าผู้ร้ายคนนี้ก็มีพยานคนนึงให้การว่าเห็นว่าคนร้ายได้ไปคุยกับคุณพ่อ   ตำรวจก็เลยไปถามคุณพ่อ คุณพ่อก็ไม่ยอมบอกว่าคุยอะไรกับผู้ชายคนนั้นตำรวจเลยตั้งข้อหาว่าสมรู้ร่วมคิดกันฆ่า คุณพ่อพูดได้แค่ว่า "ผมไม่ได้ทำ" พอเรื่องถึงที่สุดคุณพ่อก็โดนตัดสินประหารชีวิตซึ่งโจรคนที่ฆ่ายังตามจับตัวไม่ได้เลย  จนเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายปีมีคนขุดเจอศพคุณพ่อปรากฏว่าทุกส่วนเหลือแต่โครงกระดูกแต่มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ยังสดไม่เน่าเปื่อยก็คือลิ้นของคุณพ่อ ที่รักษาสัตย์ในห้องแก้บาปใว้อย่างครบถ้วนแม้ตัวเองจะต้องตายก็ตาม
อันนี้อาจจะเป็นเคสอื่น หรือเคสที่จำผิด ก็ไม่รู้ แต่มีเคสที่เป็นความจริง และเป็นนักบุญของพระศาสนจักร ชื่อเต็มคือ st. John Nepomuk

รูปภาพ

St John of Nepomuk's tomb, the patron saint of the Czechs.  He was thrown off the Charles Bridge by Bad King Wenceslas in 1393 (there was a good king of the same name).

สำหรับนักบุญท่านนี้คือนักบุญองค์อุปถัมภ์ของสาธรณรัฐเชค และเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของพระสงฆ์ผู้ฟังแก้บาปด้วย

ในสมัยนั้น ประเทศนั้นไม่ได้มีคนเป็นคริสต์มากนัก แต่พระราชินีของประเทศนั้นเป็นคริสตชน ด้วยที่ว่าเป้นพระสงฆ์ท่านได้ฟังสารภาพบาปของพระราชินี แล้วพระราชา ได้ทรงต้องการรู้ว่าพระราชินีสารภาพบาปอะไร มีเรื่องชู้สาวนอกใจหรือเปล่า แต่มีระเบียบข้อบังคับเป็นกฎจากพระศาสนจักรว่า พระสงฆ์ที่ฟังแก้บาปต้องรักษาความลับของผู้มาสารภาพบาป เพราะศีลแก้บาปคือศีลศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่พระสงฆที่ฟังและยกบาป แต่เป็นองค์พระจิตเจ้าที่ฟังและอภัยบาปให้

ท่านรักษาความศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างเคร่งครัด ไม่ยอมบอกพระราชา พระราชาจึงลงโทษท่าน และสั่งประหารโดยจับโยนแม่น้ำ ที่สะพานCharles

นี่เท่ากับว่าท่านได้เป็นมารติร์ หรือมรณสักขี คือผู้ที่ยอมสละชีวิตเพื่อรักษาความเชื่อ

หลังจากนั้นมีคนเห็นแสงสว่างรูปดาว5ดวง ปรากฎเหนือน้ำ เมื่อว่ายลงไปดูก็พบศพของท่าน เมื่อนำขึ้นมาปรากฎว่ามีสิ่งอัศจรรย์ คือ แม้ร่างกายท่านจะเน่าเปื่อยไปในน้ำ แต่.............

ลิ้นของท่านไม่เน่าเปื่อยและยังสด

นี่คือเกียรติอันเป็นอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าประทานให้ท่าน และเป็นการยืนยันความศักดิ์สิทธิ์ของศีลอภัยบาปในพระศาสนจักรคาทอลิค

มก 16:20
บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา

จากเหตุการณ์นี้ทำให้คนเกือบทั้งประเทศเชคสมัยนั้นกลับใจรับศีลล้างบาปเป็นคาทอลิค

และทุกวันนี้ลิ้นของท่านยังเก็บไว้ในผอบเงินรูปทูตสวรรค์ สามารถเห็นได้ทุกวันนี้

ผมไปเห็นมาแล้วทั้งสะพาน และทั้งลิ้นครับ

ขอพระนามของพระเจ้าได้รับการสรรเสริญ

สัญลักษณ์ของนักบุญองค์นี้มี2อย่าง

คือ
1.ลิ้น
และ
2.ดาว5ดวง

นอกจากดาว5ดวงจะเป็นแสงอัศจรรย์ตอนพบศพท่านแล้ว ยังแทนความหมายของบาดแผลทั้ง5ของพระเยซูเจ้าด้วย ดังนั้นจะเห็นว่ารูปของท่านจะเป็นลักษณะถือกางเขน หรือก้มมองกางเขน เพราะท่านยอมตายเพราะเห็นแก่พระเยซูเจ้า และฝักใฝ่ในพระคริสต์มากกว่าชีวิตหรือสิ่งอื่นใดในโลก
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 10:34 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ ส.ค. 01, 2009 2:08 am

กฎหมายไม่อนุญาตให้บังคับบุคคลที่ถูกบังคับให้มาเป็นพยานพูดความจริงครับ
คือจะพูดยังไงดีล่ะ คือ ถ้าเจ้าตัวเค้าุถูกบังคับมาให้เป็นพยาน แม้โดยการเรียกของศาล เจ้าตัวก็มีสิทธิที่จะไม่พูด (แต่ห้ามโกหก)

แต่ถ้าเจ้าตัวต้องการเป็นพยานเอง แล้วโกหก นั่นก็เป็นความผิด
Isolation
โพสต์: 1042
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 22, 2008 11:37 am
ที่อยู่: Ether23@hotmail.com

เสาร์ ส.ค. 01, 2009 2:02 pm

: emo080 : เอากันจริงจริง อย่าทำบาป ซะจะดีกว่าจริงไหม๊ คับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
My Hope
โพสต์: 735
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 8:42 am
ติดต่อ:

เสาร์ ส.ค. 01, 2009 2:13 pm

> เขียน: : emo080 : เอากันจริงจริง อย่าทำบาป ซะจะดีกว่าจริงไหม๊ คับ
แต่มันก็อยากนะครับ พี่วิน มนุษย์เราเนี่ย จะไม่ทำบาปเลยก็ไม่ได้ บางครั้งตั้งใจว่าจะไม่ทำ แต่มันก็เผลอทำจนได้ละครับ แต่พระเยซูเจ้าทรงไถ่เราให้พ้นจากอำนาจบาปแล้วครับ งั้นผมขอถามกลับนะครับว่า "พี่วินเคยตั้งใจว่าจะไม่ทำบาปไหมครับ แต่ สุดท้ายก็เผลอทำอยู่ดี" จริงไหมละครับ??

พระเจ้าอวยพรครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ส.ค. 01, 2009 2:16 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ ส.ค. 01, 2009 7:43 pm

ลองคลายเครียดดู จากน้อง Buddy http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 53#p141853

A priest was being honoured at his retirement dinner after 25 years in the parish. A leading local politician and member of the congregation was chosen to make the presentation and to give a little speech at the dinner.

However, he was delayed, so the priest decided to say his own few words while they waited:

'I got my first impression of the parish from the first confession I heard here. I thought I had been assigned to a terrible place. The very first person who entered my confessional told me he had stolen a television set and, when questioned by the police, was able to lie his way out of it. He had stolen money from his parents, embezzled from his employer, had an affair with his boss's wife, taken illegal drugs, and gave VD to his sister. I was appalled. But as the days went on I learned that my people were not all like that and I had, indeed, come to a fine parish full of good and loving people.'...

Just as the priest finished his talk, the politician arrived full of apologies at being late.  He immediately began to make the presentation and gave his talk:

'I'll never forget the first day our parish priest arrived,' said the politician. 'In fact, I had the honour of being the first person to go to him for confession.'

Moral: Never, Never, Never Be Late
ตอบกลับโพส