(ตลกดี)Hommes ∴ Optare เขียน: แบบนั้นก็เรียกหมกมุ่นนั่นแหละครับ เพื่อนผมคนนึงเรียกแบบนั้นว่า "การสำเร็จความใคร่ด้วยคีย์บอร์ด"
ถ้าเราคิดลึกๆว่าเขาอ่านเพื่ออะไร ระหว่างอ่านเขาทำ เขาคิดอะไร มันยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ครับ
รวมกระทู้ น้องฮิปโป้ฟันหลอ
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
-
- โพสต์: 472
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 23, 2009 5:22 am
- ที่อยู่: 361/77 หมู่ 6 ซ.พหลโยธิน 55 ถ.พหลโยธิน อนุสาวรีย์ บางเขน กรุงเทพมหานคร
แหะๆ ส่วนมากที่เอามาคุย กันมักจะโอ้อวดนะครับ โชว์พาว์เวอร์ อะไรทำนองนี้แหละครับ
พูดง่าย ขอให้ข่มเพื่อนได้ พูดทุกอย่าง โดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา
งืมๆ
ไม่เข้าใจแหะ คือที่ผมเข้าใจไม่รู้ตรงกับที่ทุกคนกำลังเข้าใจหรือเปล่า ::042::Hommes ∴ Optare เขียน: แบบนั้นก็เรียกหมกมุ่นนั่นแหละครับ เพื่อนผมคนนึงเรียกแบบนั้นว่า "การสำเร็จความใคร่ด้วยคีย์บอร์ด"
ถ้าเราคิดลึกๆว่าเขาอ่านเพื่ออะไร ระหว่างอ่านเขาทำ เขาคิดอะไร มันยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ครับ
-
- โพสต์: 472
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 23, 2009 5:22 am
- ที่อยู่: 361/77 หมู่ 6 ซ.พหลโยธิน 55 ถ.พหลโยธิน อนุสาวรีย์ บางเขน กรุงเทพมหานคร
ไม่รู้เหมือนที่ผมคิดไหมนะครับ แบบว่าแชทกันเรื่อง เซ็กซ์ แล้วช่วยตัวเองนะครับMemory เขียน:ไม่เข้าใจแหะ คือที่ผมเข้าใจไม่รู้ตรงกับที่ทุกคนกำลังเข้าใจหรือเปล่า ::042::Hommes ∴ Optare เขียน: แบบนั้นก็เรียกหมกมุ่นนั่นแหละครับ เพื่อนผมคนนึงเรียกแบบนั้นว่า "การสำเร็จความใคร่ด้วยคีย์บอร์ด"
ถ้าเราคิดลึกๆว่าเขาอ่านเพื่ออะไร ระหว่างอ่านเขาทำ เขาคิดอะไร มันยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ครับ
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
Apostolic`See เขียน:ไม่รู้เหมือนที่ผมคิดไหมนะครับ แบบว่าแชทกันเรื่อง เซ็กซ์ แล้วช่วยตัวเองนะครับMemory เขียน:ไม่เข้าใจแหะ คือที่ผมเข้าใจไม่รู้ตรงกับที่ทุกคนกำลังเข้าใจหรือเปล่า ::042::Hommes ∴ Optare เขียน: แบบนั้นก็เรียกหมกมุ่นนั่นแหละครับ เพื่อนผมคนนึงเรียกแบบนั้นว่า "การสำเร็จความใคร่ด้วยคีย์บอร์ด"
ถ้าเราคิดลึกๆว่าเขาอ่านเพื่ออะไร ระหว่างอ่านเขาทำ เขาคิดอะไร มันยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ครับ
แล้วลองนึกว่าเวลาคนอ่านนิยายอีโรติก เค้าทำอะไรกันสิคับ-0-
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ก็เหมือนกับบาปงัยจ้า ทำบ่อย ๆ จนชิน เลยคิดว่าไม่เป็นไร เป้นปกติ
เรื่องอย่างว่า พูดบ่อย ๆ อ่านบ่อย ๆ เห็นบ่อย ๆ ก็ชิน คิดว่าไม่บาป
เรื่องอย่างว่า พูดบ่อย ๆ อ่านบ่อย ๆ เห็นบ่อย ๆ ก็ชิน คิดว่าไม่บาป
Hommes ∴ Optare เขียน: http://drama-addict.com/?p=1626 นี่เลยครับ
จริงๆแล้ว ผมค่อนข้างสะดุดกับเวบนี้มานานพอสมควรนะครับ
เวบนี้คือเวบรวมข่าวที่มีคนตั้งกระทู้แฉหรือทะเลาะกันในเนต โดยจากหัวที่ขึ้นมานี้ ประมาณว่าคนชอบดูคนด่ากันทะเลาะกัน เลยทำเวบรวบรวมให้คนเข้าไปอ่านไปดูมานฉันท์? WTF ? มันคืออะไร!?
ความร้าวฉานเท่านั้นที่เราต้องการ !
ถ้าคุณมีเบาะแสความร้าวฉาน!การด่าทอ!ทะเลาะเบาะแว้ง!
แจ้งเบาะแสมาที่เรา ! wmdramaaddict@gmail.com
เราไม่มีของอะไรจะสมนาคุณให้ท่าน! แต่เราจะช่วยท่านสุมไฟดราม่านั้นอย่างแน่นอน!”
ซึ่งความจริงมันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร
ปญจ 1:9:
สิ่งที่เป็นขึ้นแล้ว คือสิ่งที่จะเป็นขึ้นอีก
สิ่งที่ทำกันแล้ว คือสิ่งที่จะต้องทำกันอีก
และไม่มีสิ่งใดใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์
มนุษย์เป็นคนบาป บาปต้นทั้งความโมโห และการอาฆาตแค้น ตลอดจนความจองหอง พร้อมทะเลาะขัดแย้งแย่งกันอยู่แล้ว
รม 3:9-20 มนุษย์ทุกคนกระทำผิด
เราอยู่ในสถานะที่ดีกว่าคนอื่นหรือ เปล่าเลย เราได้กล่าวโทษชาวยิวและคนต่างชาติว่าทุกคนล้วนถูกบาปครอบงำไว้เช่นเดียวกัน ดังที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า
ไม่มีสักคนที่เที่ยงตรง ไม่มีแม้แต่คนเดียว
ไม่มีสักคนที่ฉลาด ไม่มีสักคนที่แสวงหาพระเจ้า
ทุกคนหลงผิด ทุกคนไม่มีประโยชน์เหมือนกันหมด
ไม่มีสักคนที่ทำความดี ไม่มีแม้แต่คนเดียว
ปากของเขาเป็นหลุมศพที่เปิดกว้าง
ลิ้นของเขายั่วยวนให้ทำความชั่ว
พิษงูร้ายอยู่หลังริมฝีปาก
คำพูดของเขามีแต่คำสาปแช่ง และนำมาแต่ความขมขื่น
เท้าของเขามีความแคล่วคล่องว่องไวไปหลั่งเลือดผู้บริสุทธิ์
เขาไปไหนก็ทิ้งร่องรอยความเสียหายและซากปรักหักพัง
เขาไม่รู้จักวิถีทางสันติภาพ
ในจิตสำนึกของเขา ไม่มีความยำเกรงพระเจ้าอยู่เลย
ดังนั้น ในสมัยก่อน เวลาแม่ค้าด่ากันกลางตลาดคนก็ชอบยืนฟังยืนขำ เวลาดูคลิปตบกัน เราก็เห็นคนมุงยืนขำยืนเชียร์ และเวลาคนต่อยตีกัน ก็มีไทยมุงคอยดูคอยเชียร์ ที่สำคัญ กีฬายอดฮิต มันคือกีฬาคนตีกันไม่ว่าจะเป้นการต่อยมวย หรือมวยปล้ำ ถ้าย้อนกลับไปสมัยกลาง กีฬาที่มีเกียรติคืออัศวินขี่ม้าเอาหอกแทงกัน ย้อนไปอีก กรีกโรมัน คือกีฬา กลาดิเอเตอร์ นักรบสู้นักรบ คนสู้กับสัตว์ และคริสตชนเราเอง ในสมัยเริ่มแรก ก็คือเหยื่อบันเทิงที่สนองตัณหาการชอบดูคนต่อสู้ คนตาย คนทรมาน คนเจ็บปวด บรรพบุรุษคริสตชนโดนจับไปให้สิงโต และเสือ กัดกินเป็นที่สนุกสนานของคนต่างศาสนา
ดังนั้นถามว่า ไม่รู้เหรอว่าความชั่วความบาปของมนุษย์นั้นมีสันดานอันนี้อยู่ตามบาปกำเนิด ตอบว่า รู้มานาน มันแค่เปลี่ยนจากการกระทืบกันจริงๆมาเป็นสงครามน้ำลาย แค่เปลี่ยนจากแม่ค้าด่ากัน มาด่ากันผ่านอินเตอร์เนต
ไม่มีอะไรใหม่ ความบาปที่เคยครอบงำมนุษย์มาตั้งแต่สมัยปฐมกาล ยังคงเหยียบมนุษย์ให้เป้นทาสมันเหมือนเดิมตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์ยังขึ้นและตก เปลี่ยนแค่รู้แบบไปตามเทคโนโลยีเท่านั้น
มันก็คงไม่ต่างกันกับความจริงที่ว่า มนุษย์ชอบเซ็กซ์ แต่ถามว่า ถ้ามนุษย์ชอบเซ็กซ์แล้ว เราก็เลยต้องโชว์มันให้มากๆ หรือตั้งเวบรวมลิงค์เวบลามกหรือ
คริสตชนไม่ได้มีหน้าที่สนับสนุนเรื่องความบาป
มธ 5:9
ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
เอาคำนี้คำเดียว ถ้าผู้สร้างสันติคือบุตรพระเจ้า แล้วผู้ที่สร้างความบาดหมางร้าวฉานให้กระจายขยายตัวออกไปเป็นบุตรของใคร?
1ทธ 6:3-14
นี่คือสิ่งที่ท่านควรสอนและควรแนะนำ ถ้าผู้ใดสอนแตกต่างจากนี้ และไม่สอนพระวาจาที่ถูกต้องของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ซึ่งเป็นคำสอนที่สอดคล้องกับความเคารพรักพระเจ้า ผู้นั้นก็เป็นคนจองหองและไม่เข้าใจสิ่งใดเลย เขาคอยแต่ตั้งปัญหาถามและโต้เถียงเกี่ยวกับถ้อยคำซึ่งก่อให้เกิดความอิจฉาริษยา การทะเลาะวิวาท การกล่าวร้ายและความไม่ไว้ใจมุ่งร้ายต่อกัน รวมทั้งการถกเถียงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผู้ทำเช่นนี้เป็นคนไร้ปัญญาและขาดความจริง และคิดว่าความเคารพรักพระเจ้าเป็นทางหากำไร ความเคารพรักพระเจ้านำผลกำไรมหาศาลมาให้เฉพาะแก่ผู้ที่พอใจในสิ่งที่ตนมีเท่านั้น เราไม่ได้นำสิ่งใดติดตัวเข้ามาในโลก และเราก็นำอะไรออกไปได้ ตราบใดที่มีอาหารและเครื่องนุ่งห่ม เราก็พอใจแล้ว คนที่อยากรวยก็ตกเป็นเหยื่อของการทดลอง ติดกับดักและตกลงไปในตัณหาชั่วร้ายโง่เขลามากมาย ซึ่งทำให้มนุษย์จมลงสู่ความพินาศย่อยยับ “ความรักเงินตราเป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทุกประการ” บางคนเมื่อแสวงหาแต่เงินก็พลัดหลงจากความเชื่อ เป็นเหตุให้ตนเองได้รับความทุกข์เป็นอันมาก
ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า จงหลีกเลี่ยงเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จงมุ่งหน้าหาความชอบธรรม ความเคารพรักพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความอดทนและความอ่อนโยน จงต่อสู้อย่างดีเพื่อความเชื่อ จงยึดมั่นในชีวิตนิรันดรที่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้ดำเนินอยู่ เมื่อท่านได้ประกาศยืนยัน ความเชื่อต่อหน้าพยานจำนวนมาก บัดนี้ เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตทั้งปวง และเฉพาะพระพักตร์ของพระคริสตเยซู ผู้ยืนยันประกาศความเชื่อเป็นอย่างดีไว้ต่อหน้าปอนทิอัส ปีลาต ข้าพเจ้าขอกำชับให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกประการโดยไม่บกพร่อง จนกว่าพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะทรงสำแดงพระองค์
---ในสายพระเนตรพระเจ้า บาปทุกบาปก็คือบาป มันน่าเกลียดในสายพระเนตรพระองค์ทั้งสิ้น จะเรื่องทางเพศ หรือเรื่องคนด่ากัน มันก็เป็นบาปผิดต่อความรักทั้งคู่ และคริสตชนมีหน้าที่ต้องหลีกเลี่ยง และสร้างสันติ ไม่ควรเสพติดพวกมัน คนที่ชอบดูคนทะเลาะกันแล้วสนุกมีความสุข ก็ไม่ต่างจากคนที่ชอบดูภาพคนโป๊คนร่วมเพศกันแล้วสนุกมีความสุข การที่คุณเสพติดมัน บ่งบอกว่าคุณก็เป็นทาสความเสื่อม ทาสของบาป ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่ามนุษย์เป็นกันทุกคน ไม่ต้องให้ใครมาชี้หน้าบอก
แต่เราคริสตชนมีหน้าที่ต้องเอาชนะมัน และต้องพ้นจากการตกเป็นทาสของมัน ไม่ใช่ยอมตามมัน เพราะเราคือบุตรพระเจ้าไม่ใช่ทาสของผีปีศาจ
ในโลกนี้ เรารับใช้ใครเป็นทาสใคร ตายไปก็ต้องไปอยู่กับคนนั้น เราเลือกเกิดไม่ได้ที่ต้องเกิดมาเป็นมนุษย์ที่เป็นคนบาป แต่เราเลือกที่ที่เราจะไปได้ครับ
ขอพระเจ้าอวยพร
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 06, 2009 2:33 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
เลือกที่จะบริโภคนะครับ
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
โดนครับ...
- ^_^Matthew^_^
- โพสต์: 354
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ค. 10, 2008 2:03 am
- ที่อยู่: 125 ม.7 ถ.ชัยภูมิ-สีคิ้ว ต.หนองนาแซง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ 36000
- ติดต่อ:
โดนสุดๆ
ตีความได้ลึกซึ้งดีจัง
มีอีกอย่างนึงก็คือ "การปรับตัว"
สังเกตตอนที่นางเอกเจอพระเอกตอนใกล้จบมั๊ย
พระเอกเพิ่งประชุมเสร็จกำลังจะขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านตอนเย็น ในขณะที่นางเอกกำลังจะขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน
ว่าแต่ ปรับตัวกันทั้งคู่แบบในหนังอย่างงั้น เวลาก็ไม่ตรงกันอยู่ดีง่า -*-
มีอีกอย่างนึงก็คือ "การปรับตัว"
สังเกตตอนที่นางเอกเจอพระเอกตอนใกล้จบมั๊ย
พระเอกเพิ่งประชุมเสร็จกำลังจะขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านตอนเย็น ในขณะที่นางเอกกำลังจะขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน
ว่าแต่ ปรับตัวกันทั้งคู่แบบในหนังอย่างงั้น เวลาก็ไม่ตรงกันอยู่ดีง่า -*-
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
ความรักที่ไร้ค่า
"เขา" เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง
ที่ยังคงวิ่งไล่ตามความฝัน....และยังคงค้นหาตัวเอง
"เขา" เป็นเหมือนกับผู้ชายทั่วๆ ไป
ไม่อ่อนหวานแต่อ่อนไหว...ไม่แข็งแรงแต่แข็งกระด้าง
แสดงออกในสิ่งที่ตรงข้ามกับความต้องการของจิตใจ
ไม่พูดคำว่ารัก ไม่เคยแสดงออกว่า "เขา" รัก "เธอ"
สิ่งเดียวที่เขามีให้อย่างเสมอต้นเสมอปลายก็คือสายตา...และความจริงใจ
"เขา" คิดว่ามันน่าจะเพียงพอแล้ว...
และ "เธอ" ก็คงจะคิดเช่นเดียวกับ "เขา"
ทุกครั้งที่ "เขา" คิดถึงก็มักจะพูดแต่เพียงว่า "ก็แค่อยากคุยด้วย"
มันคงจะดีกว่านี้ถ้า "เขา" กล้าที่จะยอมรับกับความต้องการของหัวใจตนเอง
"เธอ" เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต้องการใครสักคน...
คนที่ "เธอ" รัก/และเป็นคนที่รัก "เธอ"
"เธอ" ยังคงเชื่อมั่นและศรัทธาในความรัก
และหวังว่าสักวันจะต้องเจอคนที่เกิดมาเพื่อกันและกัน
"เธอ" มักจะวางตัวนิ่ง ๆ เฉย ๆ เมื่ออยู่กับ "เขา"
ไม่เคยบอกว่ารู้สึกเช่นไร...
สิ่งเดียวที่ "เธอ" ทำได้และทำเสมอมาคือการรอ
รอให้ "เขา" เปิดโอกาสให้กับ "เธอ"
และกับตัว "เขา" เอง รอสักวันที่ "คนทั้งคู่" เปิดหัวใจให้แก่กันและกัน
"เธอ" หวังไว้เช่นนั้น..
หากแต่ "เธอ" เองก็ไม่เคยบอกเช่นกันว่าคิดถึง "เขา" มากมายเพียงไร
สิ่งที่ "เธอ" มักจะย้ำตลอดเวลา "รักษาสุขภาพมาก ๆ "
มันคงจะดีกว่านี้ถ้า "เธอ" จริงใจกับความรู้สึกของหัวใจเธอเอง
เรื่องของคนทั้งคู่นี้...ไม่มีตอนจบ...เพราะไม่มีตอนเริ่มต้น..
ทั้งคู่ยังคงดำเนินชีวิตต่อไปตามวิถีทางที่ควรจะเป็น
พบเจอกันเพื่อความสุขใจ...และเก็บเกี่ยวความรู้สึกดี ๆ เอาไว้
แต่ทั้งคู่ไม่สามารถจะรับรู้ถึงความรักที่ต่างคนมีให้กันได้
เพราะต่างคนต่างแอบซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง
ได้โปรดรับรู้ไว้เถิดว่า มนุษย์...มีตาไว้ดู....มีหูไว้ฟัง
มีหัวใจ.....เอาไว้รู้จักความรัก
ความรักที่ไม่สามารถแสดงให้หัวใจอีกดวงได้รับรู้
ก็เป็นแค่ความรู้สึกที่สูญเปล่า...เป็น"ความรักที่ไร้ค่า"
อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป..จนไม่มีโอกาสที่จะแสดงความรัก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความรักคือชีวิต และชีวิตก็สถิตอยู่ในหัวใจ
วันนี้คุณบอกรักใครรึยัง
ขอให้ความรักที่อยู่ในก้นบึ้งของจิตใจคุณทุกคน จงเบ่งบานและงอกงาม
----------------------------------------------------------------------------------------
เค้าว่ากันว่า...
1. เค้าว่ากันว่า . . . อ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลา เช่นเดียวกัน เราคงไม่รู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก
2. เค้าว่ากันว่า . . . อย่าตัดสินหนังสือดี ๆ แค่ปกมันสวย เช่นเดียวกัน คนหน้าตาดี อาจจะไม่ใช่คนดีเสมอไป
3. เค้าว่ากันว่า . . . คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย ก็ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกในชีวิตที่ชอบไม่ได้ เช่นเดียวกัน คนที่เราไม่คิดจะอยากรู้จัก อาจจะเป็นคนที่ดีที่สุดในชีวิตเราก็ได้
4. เค้าว่ากันว่า . . . การชอบหนังสือสักเล่ม ไม่ได้หมายความว่า หนังสือเล่มนั้น เนื้อหาดีทุกหน้า เช่นเดียวกัน การรู้สึกดีกับใครสักคน ไม่จำเป็นว่าเขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย
5. เค้าว่ากันว่า . . . อย่ารู้สึกเสียดายเวลา กับการอ่านหนังสือบางเล่มจนจบ แล้วพบว่าเป็นหนังสือที่ไม่ชอบ เช่นเดียวกัน จงรู้สึกดี กับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่ แม้ว่าวันหนึ่งจะรู้ว่า เขาคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด เพราะอย่างน้อย ต่อจากนี้ไป เราจะได้เลือกทางที่ถูกและคนที่ใช่ซะที
-------------------------------------------------------------------------------------
หนังสือ. . .ความรัก
อย่าตัดสินหนังสือว่าดีแค่ปกสวยๆ...
อย่าบอกว่า...น่ารักเหลือเกินแค่คุยกันหนเดียว
คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ..ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกที ่ชอบไม่ได้
คนที่บอกว่าจะไม่แต่งงาน...มักแซงหน้าแจกการ์ดก่อนคน อื่นเสมอ
การชอบหนังสือสักเล่มก็ไม่ได้หมายความว่าหนังสือเล่ม นั้นเนื้อหาดีทุกหน้า
การรู้สึกดีกับใครสักคน...ไม่จำเป็นว่าเขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย
อย่าเสียดายเวลาถ้าอ่านหนังสือบางเล่มจบแล้วพบว่า... ไม่ใช่แบบที่ชอบ
จงรู้สึกดี..กับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็ม ที่
เพราะอย่างน้อยที่ผ่านมา ย่อมต้องมีช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างแน่นอน แม้วันหนึ่งจะรู้ว่าเขาหรือเธอคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด
เพราะอย่างน้อยเราก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น
และพร้อมที่จะตามหาคนของเราต่อไป
การอ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลาเช่นเดียวกับที่... ..
เราไม่สามารถรู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก
หนังสือมีสิ่งต่างๆหลากหลายให้ศึกษา ทดลองอ่านดูก่อนที่จะตัดสินใจว่าน่าเบื่อ
บางครั้งสิ่งที่เราไม่เห็นประโยชน์และมองผ่านมันไป
วันหนึ่งมันอาจจะมีค่าสำหรับเรา
แล้วในตอนจบก็จะรู้ว่าหนังสือประเภทไหนเหมาะกับเราที ่สุด
เหมือนกับความรัก....
ทุกครั้งที่เรามีความรักกับใครสักคนนั้น
แม้ทุกอย่างจะเดินมาถึงจุดจบ แต่คนทั้งคู่ย่อมได้รับอะไรจากสิ่งต่างๆผ่านมาโดย
ไม่รู้ตัว อย่างน้อยที่สุดก็ได้บทเรียนที่มีค่าเพิ่มอีกบทหนึ่ง
บทเรียนที่จะนำไปสร้างความรักครั้งใหม่ให้มีนรากฐานที่ดีกว่าที่ผ ่านมา
----------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ คุณดูน่ารักจังเลย อยากออกไปเที่ยวกับฉันบ้างรึเปล่า..-
ชายหนุ่มวัย 18 คนหนึ่งกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง...
มะเร็งระยะสุดท้ายที่ไม่สามารถเยียวยารักษาให้หายได้อีกแล้ว
และก็พร้อมจะจากไปในทุกขณะ
เขาใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมาตลอด มีคุณแม่เป็นผู้ดูแล
แล้ววันหนึ่งเขาก็เกิดเบื่อหน่ายชีวิตประจำวันอันจำเจซ้ำซาก
อยากจะออกไปนอกบ้านสักครั้ง
เมื่อรับรู้ความในใจของบุตรชายเช่นนั้นแล้ว
ไหนเลยผู้เป็นมารดาจะไม่โอนอ่อนผ่อนตาม
เขาจึงมีโอกาสออกไปเดินเล่นละแวกบ้าน
ผ่านร้านค้ามากมาย...จวบจนพบร้านขายซีดีแห่งหนึ่ง
เขาก็ต้องหยุดชะงัก
จ้องมองเข้าไปในร้านแห่งนั้น..ที่นั่นเขาได้เห็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่ง
และในทันใดชายหนุ่มก็แจ่มชัดอย่างยิ่งว่าเธอคือรักแรกพบของเขาที่อุบัติขึ้น
ณ.บัดนั้น
เขาเดินเข้าไปข้างในร้าน ขณะสายตาจับจ้องอยู่แต่เธอ
กระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอโดยไม่รู้ตัว
”จะให้ฉันช่วยอะไรได้บ้างคะ” เธอเอ่ยถามพร้อมกับส่งยิ้ม
ช่างเป็นรอยยิ้มที่หวานที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัส
มันทำให้เขาอยากประทับริมฝีปากเธอในทันที
เขาตอบตะกุกตะกักออกไปว่า “เอ้อ ผมอยากได้ซีดีสักแผ่นครับ”
จากนั้นก็ทำทีหันไปเลือกซีดีได้แผ่นหนึ่ง
ก่อนจะกลับมาอยู่เบื้องหน้าเธออีกครั้งเพื่อชำระเงิน
”คุณอยากให้ฉันห่อกระดาษด้วยมั้ยคะ”
เธอถามพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ด้วยอีกหน เขาพยักหน้า
เธอจึงหันหลังไปจัดการให้จนเสร็จเรียบร้อยแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
กลับมาถึงบ้านเขาจัดการเก็บแผ่นซีดีไว้ในตู้
เพราะไม่ได้สนใจบทเพลงในแผ่นซีดีแม้แต่น้อย
สิ่งที่เขาสนใจก็คือคนขายนั่นต่างหาก
หลังจากวันนั้นแล้ว ชายหนุ่มก็แวะเวียนไปที่นั่นเป็นประจำทุกวัน
ซื้อซีดีมาวันละแผ่นเสมอ พร้อมกับอนุญาตให้หญิงสาวห่อกระดาษทุกครั้ง
รวมทั้งเมื่อกลับมาบ้านก็เก็บมันไว้ในตู้เหมือนที่เคยปฏิบัติมา
เขารู้สึกขวยเขินที่จะชวนเธอออกไปเที่ยวด้วยกัน
ทั้งๆที่เบื้องลึกนั้นปรารถนาเหลือเกิน แต่ก็...ไม่กล้าพอ
เมื่อคนเป็นแม่รับรู้ในเวลาต่อมาท่านก็คะยั้นคะยอให้ลูกชายทำตามใจปรารถนาของตน
รุ่งขึ้นเขาจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมด ไปยังร้านนั้นอีกครั้ง
ซื้อซีดีหนึ่งแผ่นเหมือนวันก่อนๆ และระหว่างที่เธอหันหลังให้นั้น
เขาก็ตัดสินใจทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้บนโต๊ะก่อนวิ่งออกจากร้านไป
สองสามวันต่อมาคุณแม่ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์
จึงรับสายและพูดว่า “สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวในร้านขายซีดีนั่นเองที่เป็นผู้โทรมา
เมื่อสาวน้อยถามหาคนเป็นลูกชาย ผู้เป็นแม่ก็เริ่มร่ำไห้ แล้วบอกว่า
”หนูคงไม่รู้หรอกว่า...เขาเพิ่งจากไปเมื่อวานนี้เอง”
ถัดจากนั้นเสียงจากคนถามก็คล้ายจะถูกปลิด
คงเหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นเบาๆของผู้เป็นแม่...
ในวันนั้นเอง
ผู้เป็นแม่ก็เข้าไปในห้องของลูกชายเพื่อหวนระลึกถึงเขาอีกครั้ง...
เริ่มด้วยการสัมผัสเสื้อผ้าที่เขาเคยสวมใส่
และทันทีที่เปิดประตูตู้ ก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบซีดีที่ยังห่อกระดาษไว้
กองอยู่เต็มไปหมด คุณแม่เลือกหยิบมาแผ่นหนึ่ง
นั่งลงบนเตียงและเริ่มแกะออกดู
ทันใดนั้นก็มีกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งหล่นลงมา...
คุณแม่หยิบมันขึ้นมาอ่าน
”สวัสดีค่ะ คุณดูน่ารักจังเลย อยากออกไปเที่ยวกับฉันบ้างรึเปล่า”
กระทั่งเธอแกะซีดีแผ่นถัดๆมา ก็ยังพบกระดาษแผ่นเล็กๆ
มีข้อความเช่นเดิม......
----------------------------------------------------------------------------------
อีกหน่อยเราก็ตายจากกัน..แล้วนะ
บางคนแอบรักเขา
ซุ่มเลิฟอยู่อย่างนั้น
ปล่อยให้ความรู้สึกที่ดีลอยไปหาคนอื่น
แต่กลับปล่อยให้ใจตัวเองเหลืออยู่แต่ความรู้สึกต่ำต้อยได้ทุกวัน
ทุกวัน ทุกวัน
บางคนกินทิฐิเป็นอาหาร เก๊กใส่กันไปวัน ๆ
ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายง้อ คุณแน่ ผมแน่
งอนการกุศล
ประชดทำลายสถิติ เชิดหยิ่งชิงชนะเลิศ....นายบ้า
และอีกหลายคนนิยมกิจกรรม "ฆ่าเวลา" ชีวิตมันว่างจัด
ขนาดต้องฆ่าเวลากันเลย
บอกตรง ๆ เห็นแล้วอยากตบกบาล
เอ็งกำลังทำลายทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่มนุษย์ทุกคนพึงจะมี
อีกหน่อยเราก็ตายจากกัน..แล้วนะ
ลองคิดแบบนี้บ้าง ใช่แล้ว....เราจะเกิดความเสียดาย
เพราะเหลืออีกหมื่นแสนล้านที่เรายังไม่ได้ทำ
ตายได้ไง หากฝันไม่สำเร็จ
ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ยอมตาย
แต่ให้รีบทำทุกอย่าง ก่อนที่จะตาย ... ซึ่งจะเป็นวันไหนก็ไม่รู้
และในเมื่อเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
...
มาเตรียมการรอรับวาระสุดท้ายของเราดีกว่า
เอาแบบตายวันตายพรุ่งก็จะได้นอนตายตาหลับ
ใช้ชีวิตโดยคิดซะว่า....พรุ่งนี้ฉันจะตายแล้ว
ทำงานในสิ่งที่เรารัก เสมือนว่าเราจะไม่ได้ทำมันอีก
ตามความฝันของเราไปสุดโต่ง...ต้องรีบแล้ว
เดี๋ยวตายนะ...เตือนแล้วไง
รักให้หมดใจ บอกเขาไปทั้งหมดที่ความรู้สึกมี
ส่วนจะรักหรือไม่รักผม
ไม่สนว้อย...เพราะพรุ่งนี้ชั้น(อาจจะ) ตายแล้ว
ใช้เวลา (ที่อาจจะ) สุดท้ายที่มีต่อกันไว้
กอดกันเหมือนว่านี่เป็นกอดครั้งสุดท้ายของเรา
นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะอย่างน้อย ๆ
เราจะได้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มตอนให้สัมภาษณ์ยมบาล
.......
คนข้างบ้านเดินแป้นแล้นมาบอกข่าวดี
ลูกสาววัย 23 กำลังจะแต่งงาน
ในมือมีซองสีชมพูพร้อมการ์ด ลูกสาวอยู่ต่างจังหวัดกับคู่หมั้น
แม่เลยต้องมาแจกการ์ดเอง
เมื่อกี๊ว่าที่เจ้าสาวเพิ่งโทรมาปรึกษาแม่เรื่องชุดแต่งงาน.........
หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง เธอตาย ......
แต่กว่าคนเป็นแม่จะรู้ข่าวร้าย ก็ปาไป 5 วัน
ซองในมือผม กลายเป็นเงินช่วยงานศพ ช่อดอกไม้ กลายเป็นพวงหรีด
และทั้งหมดกลายเป็นแรงบันดาลใจ ที่อยากจะบอก
ว่าอีกหน่อยเราก็ตายจากกัน ....
แล้วนะ
อ้าว....รู้งี้ยังจะมาอ้อยสร้อยอะไรกันอีก
รีบแยกย้ายไปใช้เวลาที่เราเหลืออยู่ไปทำทุกอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ
เดี๋ยวตายซะก่อน....เสียดายแย่
- Jeanne d'Arc
- โพสต์: 235
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:33 pm
อ่านนิยายอย่างว่า(หรือที่หนูๆเรียกกันว่า ฟิค NC) แล้วทำแบบนั้นแหละครับ เท่าที่ผมคิดนะ ไม่ได้ลามกหรอก แต่สภาพจริงพวกหล่อนมันพาไปจริงๆApostolic`See เขียน:ไม่รู้เหมือนที่ผมคิดไหมนะครับ แบบว่าแชทกันเรื่อง เซ็กซ์ แล้วช่วยตัวเองนะครับMemory เขียน:ไม่เข้าใจแหะ คือที่ผมเข้าใจไม่รู้ตรงกับที่ทุกคนกำลังเข้าใจหรือเปล่า ::042::Hommes ∴ Optare เขียน: แบบนั้นก็เรียกหมกมุ่นนั่นแหละครับ เพื่อนผมคนนึงเรียกแบบนั้นว่า "การสำเร็จความใคร่ด้วยคีย์บอร์ด"
ถ้าเราคิดลึกๆว่าเขาอ่านเพื่ออะไร ระหว่างอ่านเขาทำ เขาคิดอะไร มันยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ครับ
สำหรับผมแล้วเฉยๆกับเว็บนั้นครับ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ยังไม่มีเวลาดู แต่มาม่าแอบสอนใจ อิอิ
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ไม่ได้เจตนาเลย เราไม่เคยเปิดโปงใครMazinger Valkyrie เขียน: ยังไม่มีเวลาดู แต่มาม่าแอบสอนใจ อิอิ (ชอบกิน จนตอนนี้ต้องรีบหาทางลดด่วน)
ปล. ไวไว หอยลายผัดฉ่าอร่อยกว่าเยอะ ซองแดงๆ
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
ทำเอาเค้าซึ้งๆ เสียบรรยากาศหมด-0-
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
เนื่องจาก-0-ไปวัดอัสสัม แล้วได้ยิน
+ตะกร้เห้นสักกระทู้นึงตั้งไว้ เกิดโลภอยากได้: P
ใครมีช่วยสงเคราะห์ฮิปโปหน้าดี(หรอ?) ด้วยค๊าบบบบบบ>_<
+ตะกร้เห้นสักกระทู้นึงตั้งไว้ เกิดโลภอยากได้: P
ใครมีช่วยสงเคราะห์ฮิปโปหน้าดี(หรอ?) ด้วยค๊าบบบบบบ>_<
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
เพลงที่ผมโพสต์ไว้อีกกระทู้นึงใช่ไหมครับ อิอิ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
แล้วกัน โดนโควทก่อนดิทซะได้
ไม่เป็นไร แค่นี้เราไม่โกรธหรอก ขำ ๆ นะคะ
*อุ๊ยโทษที ปืนลั่น ปังๆๆๆๆๆ*
ไม่เป็นไร แค่นี้เราไม่โกรธหรอก ขำ ๆ นะคะ
*อุ๊ยโทษที ปืนลั่น ปังๆๆๆๆๆ*
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
อ่ะถูกต้องงงงงงง -*- แต่ว่าหาโหลดไม่เจออ่ะคับImmanuel (MichaelPaul) เขียน: เพลงที่ผมโพสต์ไว้อีกกระทู้นึงใช่ไหมครับ อิอิ
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
++_คำเตือน:ห้านอ่านเกินวันละ 2 รอบ และเนื้อหาในนั้นอาจเป็นอันตรายต่อสมองของท่าน!!_++
++_อ่านแล้วกรุณาอย่าหาเหตุผล ..เพราะมันไม่มี_++
++_เราเตือนท่านแล้วนะว่า..มันติงต๊องส์_++
++_เตือนแล้วจริงๆนะ จะอ่านเหรอ?_++
++_อ่า ถ้างั้นก็เชิญอ่านเลย_++
++_หมายเหตุ:เมื่ออ่านจบ อาจเกิดอาการสมองฝ่อได้..ทางเราจะไม่รับผิดชอบใดใดทั้งสิ้นนะค่ะ_++
..วันหนึ่ง
แม่เลี้ยงใจร้ายสั่งให้สโนไวท์เอาตะกร้าใส่อาหารไปให้ผีเสื้อสมุทรที่กลางป่า
ระหว่างทางที่สโนไวท์ไป
แฮร์รี่พ๊อตเตอร์ขี่ไม้กวาดมาเจอพอดีจึงฉุดสโนไวท์ไปข่มขืน
ระหว่างที่สโนไวท์แหกปากขอความช่วยเหลือนั้น
พระอภัยมนีผ่านมาเห็นจึงเป่าปี่ให้แฮร์รี่พ๊อตเตอร์หูแตกตาย
สโนไวท์ซึ้งใจถามพระอภัยว่าท่านกำลังไปไหนค่ะ
พระอภัยมีภารกิจต้องเอาแหวนวงหนึ่งไปทำลายที่ภูเขาไฟ
สโนไวท์จึงขออาศัยติดตามพระอภัยมนีไปด้วย
วันหนึ่งขณะที่สโนไวท์กำลังนุ่งผ้าอาบน้ำในลำคลองนั้น
ก็มีจระเข้มางาบสโนไวท์ไป
พระอภัยมนีตกใจมาก
ทราบข่าวจากคนแถวๆนั้นเพราะจระเข้ตัวนี้ชื่อดังมีนามว่าชาละวัน
พระอภัยมนีจึงดำลงไปใต้น้ำเพื่อช่วยสโนไวท์จากเจ้าจระเข้ผู้ร้ายกาจ
พระอภัยมนีและชาละวันทั้ง2สู้กันอยู่นานจนพระอภัยมนีขาดอากาศหายใจตายในน้ำ
สโนไวท์จึงอยู่เป็นเมียรักของชาละวันไปเรื่อยๆ
สโนไวท์และชาละวันมีลูกด้วยกันเป็นหญิง3คน มีนามว่า
บลอสซัม บัตเตอร์คัพ บับเบิ้ล คนเรียกกันว่า พาวเวอร์พัฟเกิร์ล
วันหนึ่ง ทั้ง3ตัวได้ออกไปเที่ยวเล่นในป่า
ก็เจอปีศาจกล้วยหอมที่ชื่อว่าบี1และบี2ออกอาละวาด
ทั้ง3จึงร่วมกันปราบปรามสำเร็จ
ทั้ง3จึงกลายมาเป็นผู้พิทักษ์ชื่อดังที่เด็กๆเห็นในช่องcartoon network
พระรามที่กำลังทำสงครามแย่งนางสีดากับทศกัณฐ์ได้ยินชื่อเสียงของ3สาวพาวเวอร์จึงจ้างมาทำงานด้วย
ทศกัณฐ์ซึ่งเหนว่า3สาวพาวเวอร์พัฟก้เก่งแสนเก่งจึงจ้างอัศวินเจไดในตำนานมาร่วมกับกองทัพตนเพื่อสู้กับพระราม
กองทัพเจไดและ3สาวพาวเวอร์จึงสู้กัน
โดยกองทัพเจไดมีหลอดไฟนีออนเป็นอาวุธ
ทันใดนั้นพื้นดินก้สั่นสะเทือน แผ่นดินไหว
แล้วมีลำโพงโผล่ออกมาจากพื้นดินพร้อมเสียงออกมาว่า
“ถึงเวลาสนุกแล้วสิ......ๆๆๆๆ”
ทันใดนั้นก้มียักษ์พุงโต4ตัว 4สี มีนามว่า ทิงกี๊วิงกี๊ ดิ๊บซี่ ลาล่า และ โพ
คนเรียกพวกยักษ์กลุ่มนี้ว่า เทเลทับบี้
ทั้ง4ออกมาจากพื้นดิน ทั้ง4ตัวส่ายพุงซักพักและร้องเพลงและเต้น
พาวเวอร์พัฟกับอัศวินเจไดล่าถอยไปหมดเพราะเสียงแสบแก้วหูนั่น
วันหนึ่ง มียักษ์ตัวหนึ่งชื่อ เชร็ค
มาขอเข้าร่วมทีมกับเทเลทับบี้แต่กลับโดนบอกปัดเพียงเพราะเชร็คหน้าตาอัปลักและไม่มีทีวีที่พุงเหมือนเทเลทับบี้ตัวอื่นๆ
เชร็คโมโหมากจึงฆ่าเทเลทับบี้ตายไปทั้ง4ตัว
เชร็คจึงเดินทางต่อไปเพื่อหาหมอศักยกรรมใบหน้าดีดี
ขณะที่เชร็คกำลังเดินทาง
ก้บังเอิญเจอคณะเดินทางของพระถังซัมจั๋ง
โดยมีทั้งโป๊ยก่าย หงอคง ซัวเจ๋ง ครบทีม
พระถังมีวิชาการแพทย์จึงผ่าตัดศักยกรรมให้เชร็คเป็นชายรูปงามนามว่า
นารูโตะ เมื่อพระถังศัลยกรรมให้เส็ด
นารูโตะก้อเดินทางไปในป่า ไปพบกับชิซึกะก้อตกหลุมรัก
จึงไปสู่ขอกับพ่อแม่ของเทอ
แต่พ่อแม่เทอไม่ยอมบอกว่า เทอมีหน้าที่ต้องดูแลดราก้อนบอล
นารูโตะเสียใจมากจึงผูกคอตายที่ใต้ต้นหญ้า
พอดีบาร์บี้มาพบศพเข้าก้อตกใจ รีบดึงนารูโตะลงมาแต่พลาด
ตกทะเลไป ขณะที่บาร์บี้แหกปากให้คนช่วย
อาละดินก้อขี่พรมวิเสดผ่านมา จึงช่วยบาร์บี้ไว้
บาร์บี้ซึ้งในบุญคุน จึงบอกว่าจะยอมเปนทาสอาละดินไปจนวันตาย อาละดินจึงบอกว่า เจ้าไปเปนพี่เลี้ยงลูกข้าละกัน
บาร์บี้จึงกลับบ้านมาเลี้ยงลูกของอาละดิน
ที่ชื่อว่า
ชินจังอย่างมีความสุขตลอดไป (รึเปล่า)
จบ อย่างอุบาด
เครดิต siamcomic.com
++_อ่านแล้วกรุณาอย่าหาเหตุผล ..เพราะมันไม่มี_++
++_เราเตือนท่านแล้วนะว่า..มันติงต๊องส์_++
++_เตือนแล้วจริงๆนะ จะอ่านเหรอ?_++
++_อ่า ถ้างั้นก็เชิญอ่านเลย_++
++_หมายเหตุ:เมื่ออ่านจบ อาจเกิดอาการสมองฝ่อได้..ทางเราจะไม่รับผิดชอบใดใดทั้งสิ้นนะค่ะ_++
..วันหนึ่ง
แม่เลี้ยงใจร้ายสั่งให้สโนไวท์เอาตะกร้าใส่อาหารไปให้ผีเสื้อสมุทรที่กลางป่า
ระหว่างทางที่สโนไวท์ไป
แฮร์รี่พ๊อตเตอร์ขี่ไม้กวาดมาเจอพอดีจึงฉุดสโนไวท์ไปข่มขืน
ระหว่างที่สโนไวท์แหกปากขอความช่วยเหลือนั้น
พระอภัยมนีผ่านมาเห็นจึงเป่าปี่ให้แฮร์รี่พ๊อตเตอร์หูแตกตาย
สโนไวท์ซึ้งใจถามพระอภัยว่าท่านกำลังไปไหนค่ะ
พระอภัยมีภารกิจต้องเอาแหวนวงหนึ่งไปทำลายที่ภูเขาไฟ
สโนไวท์จึงขออาศัยติดตามพระอภัยมนีไปด้วย
วันหนึ่งขณะที่สโนไวท์กำลังนุ่งผ้าอาบน้ำในลำคลองนั้น
ก็มีจระเข้มางาบสโนไวท์ไป
พระอภัยมนีตกใจมาก
ทราบข่าวจากคนแถวๆนั้นเพราะจระเข้ตัวนี้ชื่อดังมีนามว่าชาละวัน
พระอภัยมนีจึงดำลงไปใต้น้ำเพื่อช่วยสโนไวท์จากเจ้าจระเข้ผู้ร้ายกาจ
พระอภัยมนีและชาละวันทั้ง2สู้กันอยู่นานจนพระอภัยมนีขาดอากาศหายใจตายในน้ำ
สโนไวท์จึงอยู่เป็นเมียรักของชาละวันไปเรื่อยๆ
สโนไวท์และชาละวันมีลูกด้วยกันเป็นหญิง3คน มีนามว่า
บลอสซัม บัตเตอร์คัพ บับเบิ้ล คนเรียกกันว่า พาวเวอร์พัฟเกิร์ล
วันหนึ่ง ทั้ง3ตัวได้ออกไปเที่ยวเล่นในป่า
ก็เจอปีศาจกล้วยหอมที่ชื่อว่าบี1และบี2ออกอาละวาด
ทั้ง3จึงร่วมกันปราบปรามสำเร็จ
ทั้ง3จึงกลายมาเป็นผู้พิทักษ์ชื่อดังที่เด็กๆเห็นในช่องcartoon network
พระรามที่กำลังทำสงครามแย่งนางสีดากับทศกัณฐ์ได้ยินชื่อเสียงของ3สาวพาวเวอร์จึงจ้างมาทำงานด้วย
ทศกัณฐ์ซึ่งเหนว่า3สาวพาวเวอร์พัฟก้เก่งแสนเก่งจึงจ้างอัศวินเจไดในตำนานมาร่วมกับกองทัพตนเพื่อสู้กับพระราม
กองทัพเจไดและ3สาวพาวเวอร์จึงสู้กัน
โดยกองทัพเจไดมีหลอดไฟนีออนเป็นอาวุธ
ทันใดนั้นพื้นดินก้สั่นสะเทือน แผ่นดินไหว
แล้วมีลำโพงโผล่ออกมาจากพื้นดินพร้อมเสียงออกมาว่า
“ถึงเวลาสนุกแล้วสิ......ๆๆๆๆ”
ทันใดนั้นก้มียักษ์พุงโต4ตัว 4สี มีนามว่า ทิงกี๊วิงกี๊ ดิ๊บซี่ ลาล่า และ โพ
คนเรียกพวกยักษ์กลุ่มนี้ว่า เทเลทับบี้
ทั้ง4ออกมาจากพื้นดิน ทั้ง4ตัวส่ายพุงซักพักและร้องเพลงและเต้น
พาวเวอร์พัฟกับอัศวินเจไดล่าถอยไปหมดเพราะเสียงแสบแก้วหูนั่น
วันหนึ่ง มียักษ์ตัวหนึ่งชื่อ เชร็ค
มาขอเข้าร่วมทีมกับเทเลทับบี้แต่กลับโดนบอกปัดเพียงเพราะเชร็คหน้าตาอัปลักและไม่มีทีวีที่พุงเหมือนเทเลทับบี้ตัวอื่นๆ
เชร็คโมโหมากจึงฆ่าเทเลทับบี้ตายไปทั้ง4ตัว
เชร็คจึงเดินทางต่อไปเพื่อหาหมอศักยกรรมใบหน้าดีดี
ขณะที่เชร็คกำลังเดินทาง
ก้บังเอิญเจอคณะเดินทางของพระถังซัมจั๋ง
โดยมีทั้งโป๊ยก่าย หงอคง ซัวเจ๋ง ครบทีม
พระถังมีวิชาการแพทย์จึงผ่าตัดศักยกรรมให้เชร็คเป็นชายรูปงามนามว่า
นารูโตะ เมื่อพระถังศัลยกรรมให้เส็ด
นารูโตะก้อเดินทางไปในป่า ไปพบกับชิซึกะก้อตกหลุมรัก
จึงไปสู่ขอกับพ่อแม่ของเทอ
แต่พ่อแม่เทอไม่ยอมบอกว่า เทอมีหน้าที่ต้องดูแลดราก้อนบอล
นารูโตะเสียใจมากจึงผูกคอตายที่ใต้ต้นหญ้า
พอดีบาร์บี้มาพบศพเข้าก้อตกใจ รีบดึงนารูโตะลงมาแต่พลาด
ตกทะเลไป ขณะที่บาร์บี้แหกปากให้คนช่วย
อาละดินก้อขี่พรมวิเสดผ่านมา จึงช่วยบาร์บี้ไว้
บาร์บี้ซึ้งในบุญคุน จึงบอกว่าจะยอมเปนทาสอาละดินไปจนวันตาย อาละดินจึงบอกว่า เจ้าไปเปนพี่เลี้ยงลูกข้าละกัน
บาร์บี้จึงกลับบ้านมาเลี้ยงลูกของอาละดิน
ที่ชื่อว่า
ชินจังอย่างมีความสุขตลอดไป (รึเปล่า)
จบ อย่างอุบาด
เครดิต siamcomic.com
- (⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
- โพสต์: 892
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am
ติ๊งต๊องจริงๆ มั่วได้อีก ฮาๆ
สมกับที่ฟ่าเป็นคนลง
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 2:23 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
ยศิยล:ผู้แสวงหาพระเจ้า เขียน: สมกับที่ฟ่าเป็นคนลง : emo027 :javascript:void(0);
i will hate you
- dark-kanita
- โพสต์: 317
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 18, 2007 2:37 pm
นี่มันเอาหลายเรื่องมายำเสียเละเลยนี่คะ อุอุดีแล้วนะที่ไม่เอา อเลน จากเรื่อง D.gray-man มาจิ้นด้วย ไม่งั้นหนูมะยอมค่า 555555 มั่วได้ตลกดี
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-