รวมกระทู้น้อง Syaoran

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:00 pm

ภาพสวย
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:03 pm

งามมาก
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:04 pm

รูปภาพ

ในศาสนาคริสต์ ยูนิคอร์นเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ และพรหมจรรย์ และเป็นเครื่องหมายของพระแม่มารี และนักบุญจุสตินา



รูปภาพ

Unicorn คือคำในภาษาอังกฤษ
ในภาษาละตินคือ Monocerus (เอกพจน์) และ Monoceri (พหูพจน์)
ในภาษาโรมันคือ Equus Unicornis (เอกพจน์) และ Equi Unicornes (พหูพจน์)

จากข้อมูลบางแหล่งกล่าวว่า คำว่า Unicorn มาจากคำว่า Uni ที่แปลว่า"หนึ่ง" และ Cornu ที่แปลว่า"เขา"ในภาษาละติน
-ยูนิคอร์น ม้าขาว มีเขาเกลียวสีขาวงอกพุ่งตรงออกมาจากกลางศีรษะ มีขาเหมือนละมั่ง
-มีพลังเวทย์แห่งการป้องกันมนต์ดำ โดยใช้มนต์นี้ผ่านเขา
-ยูนิคอร์นเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความบริสุทธิ์
-เฉพาะเด็กสาวบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถแตะต้องตัวมัน หรือตามหาตัวมันได้
-บางตำนานกล่าวว่ายูนิคอร์นถูกล่าอย่างโหดเหี้ยมจากชาติพันธุ์ต่างๆ
ทำให้ต้องหนีลงไปซ่อนตัวในเกลียวคลื่นของมหาสมุทร ลักษณะโดยทั่วไปของยูนิคอร์น
ยูนิคอร์นมีลักษณะลำตัวเป็นม้าที่มีเขาแหลมงอกอยู่บนหัว (บริเวณหน้าผาก) 1 อัน ซึ่งจะไม่มีปีก (ถ้ามีปีกจะไม่มีเขาเรียกว่าเพกาซัส ซึ่งเชื่อกันว่าเพกาซัสเกิดจากหยดเลือดของนางอสูรเมดูซ่าตอนที่เพอร์ซิอุสตัดคอนางออกมา) ซึ่งขาหลังของยูนิคอร์นจะมีลักษณะคล้ายกับขาของแอนติลอป (เป็นตระกูลเดียวกับเก้งหรือกวางในแถบแอฟริกา)

ลำตัวสีขาวบริสุทธิ และมีหางคล้ายหางของสิงโต ดวงตามีสีฟ้าใส หรือสีม่วงเข้ม กีบเป็นสีเดียวกับดวงตาและว่ากันว่าไม่มีใครเคยเห็นรอยเท้าของยูนิคอร์นแม้ แต่ในหนองน้ำที่เต็มไปด้วยโคลน เนื่องจากตัวของมันมีน้ำหนักเบามาก ที่อยู่ของยูนิคอร์นมักจะอาศัยอยู่ในป่าที่มีความเงียบสงบ ห่างไกลจากมนุษย์และปีศาจ

ยูนิคอร์นมีอายุยืนหลายร้อยปีทีเดียว และเชื่อกันว่าไม่มีปีศาจตัวใดที่จะสามารถสัมผัสตัวของยูนิคอร์นได้เลย มีตำนานเล่าว่าชาวเผ่าเอลฟ์ถือว่ายูนิคอร์นเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพ ฟัวรอส (Foiros) เทพแห่งดวงอาทิตย์ ซึ่งมีความหมายถึงความสง่างามและความบริสุทธิของดวงอาทิตย์

ในศาสนาคริสต์ ยูนิคอร์นเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ และพรหมจรรย์ และเป็นเครื่องหมายของพระแม่มารี และนักบุญจุสตินาค
ตำนานการไล่ล่ายูนิคอร์น
ตามตำนานเก่าแก่ของยุโรป
ยูนิคอร์ในเทพนิยายโบราณของยุโรปมีลักษณะคล้ายกับแพะ มีเท้าเป็นกีบ มีหางเป็นสิงโต และเขาที่มีลักษณะเป็นเกลียวตรงหน้าผาก ซึ่งเขาของยูนิคอร์นเชื่อกันว่าเป็นตัวยาชั้นดี ซึ่งขุนนางและผู้มั่งมีทั้งหลายต่างเสาะหามาไว้ในครอบครอง
ในตำนานเก่าแก่ของยุโรปกล่าวว่ามีเพียงหญิงพรหมจรรย์เท่านั้นที่จะสยบยูนิ คอร์นได้ (ถ้าคนทั่วไปคิดจะจับล่ะก็อย่าหวัง เพราะยูนิคอร์นเคลื่อนไหวคล่องแคล่วและรวดเร็วเหมือนสายลมพัด)
มีตำนานเล่าว่า ขณะที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นอยู่ในป่า ก็มียูนิคอร์นตัวหนึ่งเข้ามาใกล้ๆ ตัวหล่อนด้วยอาการที่แสนเชื่อง แล้วมันก็ซบหัวลงหนุนนอนบนตักของเธอราวกับเด็กๆ ที่ไร้เดียงสา และนี่ก็ถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญของยูนิคอร์นเลยก็ว่าได้ ซึ่งนำไปสู่ตำนานการไล่ล่ายูคอร์น
แล้วสาเหตุของการล่ายูนิคอร์นก็มาจากเขาที่เป็นตัวยาที่มีสรรพคุณอันแสน วิเศษและถอนพิษได้ชะงัดนัก ดังนั้นเขาของมันจึงกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งผู้ที่อยากได้มาครอบ ครอบตลอดจนถึงผู้ที่มีความละโมบทั้งหลาย
ว่ากันว่า ผู้คนที่มีใจละโมบได้ใช้หญิงสาวพรหมจรรย์เป็นกับดักล่อยูนิคอร์น ซึ่งป่าที่อยู่นิคอร์นอาศัยอยู่นั้นเรียกว่า "ป่าแห่งกษัตริย์" ยูนิคอร์นซึ่งรับรู้ได้ว่าเธอคนนั้นเป็นสาวพรหมจรรย์ ก็เดินตรงเข้ามาด้วยท่าทีที่แสนเชื่องแล้วมันก็เอาหัวนอนหนุนตักเจ้าหล่อน เช่นเคย แล้วจังหวะนี้เองที่พวกคนล่าเขายูนิคอร์นก็เข้ามาตัดเขาของมันไป จากนั้นยูนิคอร์นก็ต้องจบชีวิตลง เพราะถ้าไม่มีเขามันก็จะตาย
ส่วนยูนิคอร์นในนิยายแฟนตาซีสมัยใหม่จะมีลักษณะเป็นม้าที่สง่างาม ซึ่งจะเชื่อฟังสาวพรหมจรรย์เท่านั้น สีของมันมีหลายหลากสีต่างกันไป ตั้งแต่สีงาช้างบริสุทธิหรือสีดำขลับ สีเงิน สีทอง สีน้ำตาล รวมไปถึงสีจำพวก ม่วง น้ำเงิน ฟ้า เขียว เหลือง แสด แดง บ้างก็ว่ามันจะเปลี่ยนสีของตัวมันเองได้ขึ้นอยู่กับว่ามันอยู่ในอารมณ์แบบ ไหน แล้วถ้ายูนิคอร์นที่มีปีกแบบเพกาซัสก็จะเรียกว่า "อัลลิคอร์น" (Alicorn)
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:22 pm

พระนางพรหมจารีมารีย์ ( The Vrigin Mary)

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ


รูปภาพ


รูปภาพ


รูปภาพ
~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ™~
โพสต์: 1653
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-

พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:24 pm

มันเวเนเชี่ยนที่-*- มาเก๊าไม่ใช่หรอคับ ที่สร้างเลียนแบบ เวนิส
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:26 pm

รูปภาพ



Salve Regina, Mater misericordiae :
Vita, dulcedo, et spes nostra, salve.
Ad te clamamus, exsules, filii Hevae.
Ad te suspiramus, gementes et flentes
in hac lacrimarum valle.
Eia ergo, Advocata nostra,
illos tuos, misericordes oculos, et nos converte.
Et Jesum, benedictum fructum ventris tui,
nobis post hoc exsilium ostende.
O clemens, O pia, O dulcis Virgo Maria.

Hail, Holy Queen, Mother of mercy!
Hail, our life, our sweetness and our hope!
To Thee do we cry, poor banished children of Eve.
To Thee do we send up our sighs,
mourning and weeping in this valley of tears.
Turn then, most gracious Advocate
Thine eyes of mercy towards us
and after this, our exile,
show unto us the blessed fruit of Thy womb, Jesus
O clement, O loving, O sweet Virgin Mary

วันทาพระราชินี (Salve Regina)
วันทาพระราชินี พระแม่แห่งความเมตตากรุณา
ท่านคือชีวิต ความอ่อนหวานและความหวังของเรา เราขอวันทา
เราลูกหลานของเอวาผู้ถูกเนรเทศ ถอนใจใหญ่
ร้องหาท่าน พิลาปร่ำไห้ในเหวน้ำตานี้
โปรดเถิดท่านผู้เสนอของเรา
โปรดทอดพระเนตรอันเมตตาของท่านมายังเรา
และเมื่อชีวิตเนรเทศนี้ล่วงแล้ว
โปรดแสดงให้เราเห็นองค์พระเยซู
พระโอรสผู้ทรงบุญของท่าน
โอ้ท่านผู้ใจกรุณา โอ้ท่านผู้ใจอารี
โอ้พรหมจารีมารีอาผู้ใจอ่อนหวาน
ภาพประจำตัวสมาชิก
†ผู้แบกพระคริสต์
โพสต์: 71
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 2:19 pm
ที่อยู่: Bangkok,Thailand

พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:35 pm

ภาพสุดท้ายนี่เป็นของจำลองที่อยู่ในกาซีโน นี่..
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:39 pm

ผมไปเอามาจาก bloggang นะครับ (สองภาพล่าง) ไปอ่านของเค้ามาน่ะ แล้วชอบภาพพวกนี้เลยนำมาใช้ จำได้ว่ามีรูปอื่นๆอีกเยอะล่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
†ผู้แบกพระคริสต์
โพสต์: 71
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 2:19 pm
ที่อยู่: Bangkok,Thailand

พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:59 pm

กราบสวัสดี..พี่น้องทุกท่าน..

ในที่นี้ข้าพเจ้าขอเสนอในด้านของคริสตศิลป์ สักนิดนึง..

ยุนิคอร์น (Unicorn) เป็นสัตว์ในเรื่องปรัมปราที่มีขนาดเล็กพอๆ กับลูกแพะ แต่ดุร้ายและว่องไวอย่างน่าแปลกใจ ยูนิคอร์นมีนอแหลมอยู่กลางหน้าผาก ซึ่งเชื่อกันว่าไม่มีนักล่าสัตว์คนในจับยูนิคอร์นได้ด้วยกำลัง แต่ต้องใช้อุบายด้วยการทิ้งสาวพรหมจารีไว้ตามลำพังตรงจุดที่ยูนิคอร์นชอบปรากฎตัว เมื่อยูนิคอร์นรับรู้ด้วยประสาทสัมพัสถึงความบริสุทธิ์ของเธอ ก็จะวิ่งมาซบที่ตักแล้วผลอยหลับไป นักล่าสัตว์ก็จะเข้ามาจับตัวได้โดยง่าย..
ด้วยเหตุนี้ จึงยอมรับกันว่ายูนิคอร์นเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ โดยเฉพาะความบริสุทธิ์ของสาวพรหมจารีมาตั้งแต่ยุคแรกๆ นักเขียนชาวคริสต์หลายคนตีความตำนานดังกล่าวว่าเป็น อุปมานิทัศ(allegory) ของการแจ้งข่าวประเสริฐและการประสูติจากสาวพรหมจารีของพระคริสต์ ยูนิคอร์จึงมักใช้เป็นเครื่องหมายของแม่พระผู้นิรมล รวมทั้งนักบุญยูสตีนาแห่งเมืองปาดัวและนักบุญยูสตีนาแห่งเมืองอันทีโอค ผู้สามารถครองความบริสุทธิ์ไว้ได้ภายใต้สภาวะอันเย้ายวน..

กราบลา..
ขอพระผุ้เป็นเจ้า ทรงอำนวยพร..
ขอสันติสุขจงอยู่ในใจท่านพี่น้องทั้งหลายเถิด..
ภาพประจำตัวสมาชิก
เลย์
โพสต์: 1845
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
ติดต่อ:

พุธ ธ.ค. 09, 2009 10:12 pm

วันทามารีอา เปี่ยมด้วยหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน ผู้มีบุญกว่าหญิงใดๆ และพระเยซูโอรสของท่านทรงบุญ

นักหนา สันตะมารีอามารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย อาแมน.  : xemo026 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พุธ ธ.ค. 09, 2009 11:05 pm

ยูนิคอร์นถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ที่โดดเด่นอย่างหนึ่งเลยนะคะ

แต่จริง ๆ เคยอ่านจากไหนสักแห่ง(แค่แหล่งเดียว) ว่ายูนิคอร์นก็มีอยู่ในสมัยของโนอาห์ แต่ถูกขับไล่ออกจากเรือทั้งตัวผู้และตัวเมีย

แต่นับจากนั้นก็ไม่ได้ยินเรื่องไหนเสริมตรงนี้อีกเลย ไม่รู้มั่วกันรึเปล่า
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 9:32 am

มีแต่รูปสวย ๆ ทั้งนั้นเลยครับ
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 8:21 pm

รูปภาพ


สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกเลยต้องกล่าวคำ "ขอโทษ" ด้วยนะครับที่ตัวผมลงมากไป ทำให้กระทู้ดีๆคนอื่น ตกไปจากหน้าแรกของห้องรับแขก และ คำว่า "ขอบคุณ" ที่ รวบรวมกระทู้ ของผมเข้าด้วยกัน ผมเองก็ได้ความรู้ดีๆจากทุกท่านไปเยอะ (ยังอ่านไม่หมดสักห้องนึงเลยอ่ะ) ว่าไปถ้าเหล่าคุณเจ้าของเว็บมาสเตอร์ newmana  น่าจะทำห้อง(บอรด์แกลอรี่ศาสนา)เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งห้องนะครับ ผมว่าทุกท่านในชาว newmana เองต้องอยากดูแล้ว ลงรูปภาพมั่งเป็นแน่แท้ และมีเว็บมาสเตอร์ด้าน room gallery ดูแล เอาใครก็ได้ที่เก่ง มีความรู้เรื่องประวัติที่มารูปภาพนะครับ  ใช้ชื่อว่า (art Museum) แทนคำว่า( room (or) boad gallery ) ชื่อเป็นภาษาไทยก็ (ห้องภาพผลงานแกลอรี่ศาสนา) ภาพที่สวยๆ คนชื่นชอบกันก็เอามาทำเป็น
โปสการด์,โปสเตอร์ etc. จะแจกฟรี หรือไม่ก็ขาย  ถ้าเอาภาพมาขายเสร็จแล้วนำเงินที่ขายภาพนี้ได้ ไปทำบุญ บริจาค ที่วัด(โบสถ์) หรือ สถานสงเคราะห์ ทำนองนี้ หรือจะเอามาใช้ดูแลเว็บ newmana ให้อยู่ไปยาวนานตราบนานชั่วฟ้าดินสลาย
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 8:25 pm


^
^
^

เรื่องเปิดห้องใหม่ เพื่อให้เป็นแกลอรี่ หรือ มิวเซียมรูป นี่ต้องให้ น้องโฮลี่ตอบ

ตามที่ทราบ ลงรูปมากๆ ในบอร์ด ทำให้บอร์ดล่มง่าย เพราะมันกินพื้นที่เยอะ
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 9:01 pm

ผมก็ลืมไปเลยว่าเว็บอาจล่มได้ ถ้างั้น ทำโฮมเพจ newmana ใหม่เพิ่มอีกนึงเป็นไงครับ ชื่อว่า museum newmana (ล้อเล่น..นะครับ)(แค่อันเดียวก็วุ่นแล้ว หาปัญหาให้แท้ๆเลยเรา ไหนจะคนดูแล ค่าใช้จ่ายอีก )แต่ข้อเสนอของผมไม่รู้เว็บมาสเตอร์สนใจหรือเปล่าแหะ แต่ถ้ามีจริงๆขึ้นมาล่ะทำไงดีเนี่ย!!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
mew
โพสต์: 383
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2009 1:46 pm
ที่อยู่: บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 10:41 pm

โห  ภาพสวยจังครับ  : emo045 :
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

เสาร์ ธ.ค. 12, 2009 8:45 pm

รูปภาพ

"สองตระกูลใหญ่ซึ่งมีเกียรติยศเสมอกัน
ณ เมืองเวโรนาอันเป็นฉากแห่งเรื่องนี้
ต่างสั่งสมความแค้นมาแต่หนหลัง ก่อให้เกิดโทสะใหม่
จนญาติวงศาพากันนองเลือดทั้งสิ้น"

ความรักไม่ให้สิ่งอื่นใดนอกจากตนเอง
และก็ไม่รับเอาสิ่งใดนอกจากตนเอง
ความรักไม่ครอบครอง และก็ไม่ยอมให้ถูกครอบครอง
เพราะความรักนั้นเพียงพอแล้วสำหรับตอบความรัก
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

เสาร์ ธ.ค. 12, 2009 9:03 pm

วันนี้เราได้พูดถึงเรื่องอื่นใดหรือ
ศาสนานั้นมิใช่การกระทำทั้งหมด
และความคำนึงทั้งหมดหรอกหรือ
และนอกจากนั้นศาสนามิใช่การกระทำ
หรือความคำนึง
แต่เป็นความซาบซึ้ง
สนเท่ห์อันผุดขึ้นมามิหยุดหย่อนในดวงวิญญาณ
แม้ขณะเมื่อมือบดหิน หรือถือไม้กวาดอยู่หรอกหรือ

ใครบ้างที่สามารถแยกศรัทธาออกจากการกระทำของตนเอง
หรือแยกความเชื่อมั่นออกจากการอาชีพของตนได้
ใครบ้างที่สามารถแผ่โมงยามออกตรงหน้า และกล่าวว่า
ตอนนี้สำหรับพระเป็นเจ้า ตอนนี้สำหรับตัวเอง
สิ่งนี้สำหรับวิญญาณ และสิ่งนี้สำหรับร่างกายของเรา
โมงยามทั้งหมดของเธอนั้น
เป็นประดุจปีกกระพือผ่านอาตมันสู่อาตมัน
ผู้ใดก็ตามที่สวมใส่จริยธรรมของตนดังอาภรณ์ประดับกายนั้น
ควรจะอยู่เปลือยเปล่าเสียดีกว่า
สายลมและแสงแดดคงจะไม่ถึงกับฉีกและเผาผิวหนังของเขาได้

และผู้ใดก็ตามจำกัดตนด้วยกฎแห่งจริยธรรม
ก็เปรียบเสมือนขังนกเพลงไว้ในกรง
เพลงอันไพเราะและมีอิสระนั้น
ไม่อาจออกมาจากกรงและตาข่ายได้
และใครก็ตามที่ถือว่า
การบูชาเป็นเสมือนหน้าต่าง มีเวลาเปิดและปิด
ผู้นั้นยังไม่เคยไปถึงที่พำนักแห่งจิตวิญญาณของตนเอง
ซึ่ง ณ ที่นั้นหน้าต่างเปิดอยู่นิรันดร

พึงระลึกไว้ว่า ทุกขณะชีวิตของเธอนั้น
คือโบสถ์วิหาร และศาสนาของเธอ
เมื่อใดเธอเข้าไปสู่วิหารนั้น
จงนำทั้งหมดที่เธอมีอยู่เข้าไปด้วย

จงนำเอาคันไถ เตาสูบ ค้อน และขลุ่ยเข้าไปด้วย
จงนำเอาทุกสิ่งที่เธอสร้างขึ้นด้วยความจำเป็น
หรือด้วยความชื่นชมเข้าไปด้วย
เพราะในความเคลิ้มฝันนั้น
เธอไม่อาจลอยเหนือขึ้นความสำเร็จผลของเธอเอง
หรือตกลงต่ำกว่าความพลาดหวังของเธอเองได้
และจงนำเอาชนทั้งหลายเข้าไปด้วยกับเธอ
เพราะในการบูชาบวงสรวงนั้น
เธอไม่อาจลอยสูงเหนือความหวังของเขาเหล่านั้น
และไม่อาจตกลงไปต่ำกว่าความสิ้นหวังของเขาเหล่านั้น
และถ้าเธอต้องการจะบรรลุถึงพระเป็นเจ้า
ก็อย่าทำตนเป็นผู้ขบปัญหา
ขอเพียงแต่มองไปรอบๆ ตัว
และเธอก็จะเห็นพระองค์ทรงเล่นหัวอยู่กับลูกหลานของเธอ
และเมื่อมองขึ้นไปบนเวหา
เธอก็จะเห็นพระองค์ย่างก้าวไปในหมู่เมฆ
ปรากฏในสายอัสนี และลงมาพร้อมกับสายฝน
เธอจะเห็นพระองค์ ทรงแย้มสรวลในหมู่บุปผาชาติ
และโบกพระหัตถ์อยู่ในทิวไม้
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

อาทิตย์ ธ.ค. 13, 2009 8:54 pm

รูปภาพ

(จากวิกิพีเดียครับ)

The Holy Bible" redirects here. For the album by Manic Street Preachers, see The Holy Bible (album).
For other uses, see Bible (disambiguation).
Part of a series on
The Bible 
 
Biblical canon and books
Tanakh: Torah · Nevi'im · Ketuvim
Old Testament · New Testament ·
Hebrew Bible
Deuterocanon · Antilegomena
Chapters & verses
Apocrypha: Jewish · OT · NT
Development and authorship
Jewish Canon
Old Testament canon
New Testament canon
Mosaic authorship
Pauline epistles
Johannine works
Petrine epistles
Translations and manuscripts
Septuagint · Samaritan Pentateuch
Dead Sea scrolls  · Masoretic text
Targums · Peshitta
Vetus Latina · Vulgate
Gothic Bible · Luther Bible
English Bibles
Biblical studies
Dating the Bible
Biblical criticism
Higher criticism
Textual criticism
Canonical criticism
Novum Testamentum Graece
Documentary hypothesis
Synoptic problem
NT textual categories
Historicity (People)
Internal Consistency
Archeology · Artifacts
Science and the Bible
Interpretation
Hermeneutics · Pesher
Midrash · Pardes
Allegorical · Literalism
Prophecy
Views
Inerrancy · Infallibility · Criticism
Islamic · Qur'anic · Gnostic
Judaism and Christianity
Biblical law in Judaism
Biblical law in Christianity

This box: view
†tonklakubpom†
โพสต์: 268
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ย. 17, 2009 5:15 pm

อาทิตย์ ธ.ค. 13, 2009 8:56 pm

เล่มแรกของโลกก็ยังสวยเลยนะครับ  อิอิ  สวยดี
แต่ภาษาอังกฤษข้างล่าง งงครับพี่น้อง : xemo026 : : xemo026 : : emo036 :
Memory
โพสต์: 390
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 1:52 pm
ที่อยู่: Rayong

อาทิตย์ ธ.ค. 13, 2009 9:05 pm

ถ้าใครมีลักษณะนี้เรียกได้ว่า ไม่กล้าเปิดอ่านกันเลยทีเดียว  : emo036 :

ด้านล่างๆจะกล่าวว่า พระคัมภีร์แบ่งออกเป็น 2 ภาคแล้วก็พูดถึงที่พี่น้องโปร กับคาทอลิกและออโทดอก ยึดสารบบของพระคัมภีร์เดิมไม่เหมือนกัน แล้วก็กล่าวถึงพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jeanne d'Arc
โพสต์: 235
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:33 pm

อาทิตย์ ธ.ค. 13, 2009 9:41 pm

ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับว่าเล่มแรกรึเปล่าเพราะผมดูๆแล้ว ลวดลายที่ประดับอยู่ น่าจะยุคกลางช่างปี 8XX  -  สมัยไบแซนไทน์ มั้งครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อาทิตย์ ธ.ค. 13, 2009 9:53 pm

Orthodox ยังใช้ คัมภีร์ ที่ใช้ในสมัย ไบแชนท์ไทน์ อยู่ค่ะ ตามที่ เราตกลง กับ catholic ตั้งแต่แรก นอกจาก ยุคนี้ เราก็ไม่เพิ่ม หรือตัด อะไร ออกไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jeanne d'Arc
โพสต์: 235
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:33 pm

อาทิตย์ ธ.ค. 13, 2009 10:20 pm

jacky เขียน: Orthodox ยังใช้ คัมภีร์ ที่ใช้ในสมัย ไบแชนท์ไทน์ อยู่ค่ะ ตามที่ เราตกลง กับ catholic ตั้งแต่แรก นอกจาก ยุคนี้ เราก็ไม่เพิ่ม หรือตัด อะไร ออกไป

ว้าว  : emo038 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Tarrin
โพสต์: 55
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 19, 2009 10:11 pm
ที่อยู่: Phuket

จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 4:44 pm

ดูดียังไงไม่รู้


แต่ไม่ใช่เล่มแรกของโลกชัวร์ครับ  เพราะถ้าเป็นเล่นแรกด้านสันปกจะไม่น่าเขียนคำว่า "Holy Bible" ครับ
เพราะสมัยนั้นภาษาอังกฤษยังถือว่าเป็นภาษาของพวกนอกรีต ให้ดีน่าจะเป็นภาษาฮิบรู กรีก หรือ ลาติน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ecclēsia
โพสต์: 976
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ติดต่อ:

จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 5:21 pm

ไบเบิลคือหนังสือเเละจดหมายจากที่ต่างๆมารวมกัน  : emo045 :
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 7:36 pm

ประเมิณค่าไม่ได้เลยนะครับนั่น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jeanne d'Arc
โพสต์: 235
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:33 pm

จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 7:38 pm

Tarrin เขียน: ดูดียังไงไม่รู้


แต่ไม่ใช่เล่มแรกของโลกชัวร์ครับ  เพราะถ้าเป็นเล่นแรกด้านสันปกจะไม่น่าเขียนคำว่า "Holy Bible" ครับ
เพราะสมัยนั้นภาษาอังกฤษยังถือว่าเป็นภาษาของพวกนอกรีต ให้ดีน่าจะเป็นภาษาฮิบรู กรีก หรือ ลาติน
ลืมสังเกตจุดนี้ไปเลยครับ

งั้นก็น่าจะเล่นตั้งแต่ปี 1200 - 1500 ขึ้นมาแล้วล่ะมั้งนั่น
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 9:49 pm

รูปภาพ

Beatrix Potter เกิดในปี คศ 1866 และจบชีวิต ลงในปี 1943 สิริอายุรวมได้ 77 ปี เธอเป็นนักเขียนและนักวาดภาพประกอบชาวอังกฤษในยุควิคตอเรียน ผู้สร้างสรรค์ผลงานตัวการ์ตูนในวรรณกรรมเด็กที่มี ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอย่าง Peter The Rabbit และผอง เพื่อน
เธอเกิด และเติบโตในใจกลางกรุง ลอนดอน ในครอบครัวผู้มีฐานะ และได้รับการศึกษาจากการเรียนที่บ้าน เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีค่านิยมใน การส่งลูกผู้หญิงไปโรงเรียน ในวัยเด็กเธอจึงมีชีวิตแบบคุณ หนูที่มีพี่เลี้ยงคอยตามดูแลอย่างใกล้ ชิด  แต่กลับโดดเดี่ยวจนต้องหา เพื่อนใจในจินตนาการผ่านการวาดภาพและเขียนนิทานเกี่ยวกับสัตว์น้อยใหญ่ที่เธอพานพบมา
มิสพอตเตอร์รู้จักและหลงรัก เมืองแห่ง ทะเลสาบ...เลค ดิสทริกท์ก็เพราะว่า พ่อแม่ของ เธอมักจะพาเธอไปพักผ่อนตากอากาศในแถบชนบทแถวนั้น ในระหว่างหน้าร้อนของทุกๆ ปี และที่แห่งนั้นก็ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เธอได้เริ่มสเก็ตช์ภาพของสัตว์ ต่างๆ ที่เธอได้พบเห็นในธรรมชาติอัน สวยงามของเมืองแห่งทะเลสาบ แม้กระทั่งเธอยังได้ นำพวกมันบางตัว กลับไปเลี้ยงต่อยังบ้านในลอนดอนก็มี

เมื่อเข้าวัยเป็นสาว เบียทริกซ์มีความคิดและทัศนคติต่างจากหญิงสาวคนอื่นๆ ที่คอยแต่จะหาชายผู้เหมาะสมมา แต่งงานด้วย....แต่ สำหรับเธอ กลับไม่เห็นด้วยกับทัศนคติทางสังคมดังกล่าวเธอกลับพยายามหารายได้เลี้ยงตัวเองด้วยการเสนองาน ต่อสำนักพิมพ์ต่างๆ จน ในที่สุดเธอก็ได้สานฝันให้เป็นจริงได้เมื่อ สำนักพิมพ์Frederick Warne & Co ในปี  ได้ตี พิมพ์หนังสือสำหรับเด็กเล่มแรกของเธอที่ชื่อ The Tale Of Peter Rabbit ในปี 1902 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง หลังจากนั้นก็มีหนังสืออื่นๆ ตามมา ทำ ให้เธอมีรายได้อย่างสม่ำ เสมอ และในที่สุดความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวละครเหล่านี้ ก็ได้นำพาให้เธอมีฐานะมั่งคั่งได้

จากนั้นเธอก็ได้ทำฝันของเธอให้เป็นจริงด้วยการตัดสินใจซื้อบ้านในชนบทหลังหนึ่ง ในเลค ดิสทริกท์ ซึ่งเป็น ที่ที่เธอรัก และผูกพัน รวม ถึงเป็นแรงบันดาลใจในการ สร้างสรรค์ผลงาน การเขียน และการวาดภาพสัตว์ต่างๆ จนเป็นที่โด่งดัง มาจนทุกวันนี้ คนท้องที่ในเมืองทะเลสาบ แห่งนี้กล่าวกันไว้ว่า นอกจากเธอจะเป็น ศิลปินวาดภาพ และนักเขียนหนังสือแล้ว เธอยังเป็นชาวไร่ที่ดีอีก ด้วยสำหรับเรื่องราวชีวิตรักของเบียทริกซ์ ใช่ว่าจะไม่มีผ่านเข้ามาเลยเสียเมื่อ ไหร่....

เมื่อวัยสาว เธอพบรักกับ บรรณาธิการหนุ่มนามว่า นอร์แมน วอร์น ซึ่งเป็น ผู้นำเธอไปสู่โลกกว้างทาง ความคิด แต่อุปสรรคเรื่องชนชั้นก็เข้ามาขวางกั้นความรักของทั้งสองเอาไว้ตามยุคสมัยที่มีความคิดในเรื่องฐานะทางสังคมอยู่ โดยพ่อแม่ของเธอไม่นิยม ชายหนุ่มคนนี้ หรือแม้กระทั่งอาชีพการเขียนหนังสือของเธอ ที่พ่อแม่ของเธอก็ไม่เห็น ด้วย
เบียทริกซ์เลือกที่จะเชื่อฟังพ่อแม่ของเธอด้วยการเดินทางออกจากลอนดอนเพื่อค้นหา ตนเอง และเธอก็พบกับความอ้างว้างและเจ็บปวด เมื่อเธอกลับมา เธอจึงกลายเป็นหญิงแกร่งที่เลือกจะ ไปอยู่โดยลำพัง ในบ้านไร่กลางเลค ดิสทริกท์ แม้ว่าเธอจะกลายเป็นหญิงชาวไร่ที่ร่ำรวย และเป็นนัก อนุรักษ์ตัวยง แต่เธอก็ไม่เคยลืมความรักครั้งแรกกับนอร์แมนเลย
เหล่านี้เองกระมังที่ทำให้ เบียทริกซ์ หลบหนีโลกแห่งความเป็น จริงแล้วกระโจนไปแอบอยู่ ในโลกจินตนาการส่วนตัวของเธออย่างมีความสุข กับเพื่อนในโลกสมมติที่เป็นสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายในธรรมชาติรอบตัวเธอ แล้วผ่านจินตนาการของเธอออกมาโลดแล่นเป็นวรรณกรรมชั้นดีสำหรับเด็กๆจนตัวละคร เหล่านี้กลายเป็นตำนานที่น่าประทับใจในความทรงจำของมวลมนุษย์โลกได้อย่างงดงามและยากจะลืมเลือนเล่าขานกันมาว่า ระหว่างที่เธออาศัยอยูที่บ้านย่าน Hill Top ในเลค ดิสทริกท์นี้ เธอได้ทำ ประโยชน์ให้แก่ชุมชมคน ท้องถิ่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาสภาพแวดล้อม และเรือกสวนไร่นาต่างๆ ในพื้นที่ไม่ให้ถูกทำลายโดยพวกนักธุรกิจพัฒนาอสังหาริม ทรัพย์ด้วยการกว้านซื้อ ที่ดินแข่งกับนักธุรกิจเหล่านั้น เพื่อเอามาครอบครองโดยไม่เปลี่ยนแปลงธรรมชาติใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อให้สภาพภูมิประเทสดั้งเดิมคงอยู่ และไม่ถูก ทำลายลงไป
และหลังจากที่เธอเสียชีวิตลง เธอได้ยกมรดกที่ดินทั้งหลาย(ที่เธอรักษาไว้ด้วยชีวิตเพื่อให้ธรรมชาติยัง คงอยู่อย่างยั่งยืน)นั้นให้แก่ National Trust หรือ อุทยานแห่งชาติ ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีผลทำให้ เมืองท่องเที่ยวอย่างเลค ดิสทริกท์ สามารถ คงสภาพแวดล้อมตาม ธรรมชาติที่สวยงาม และไม่ถูกทำลายจากการก่อสร้างทางธุรกิจลงไปได้ตลอดไป
และที่สำคัญที่สุดเธอได้มอบแผ่นดินอันมีค่านี้ ไว้ให้เป็นมรดกของชาติ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สมบูรณ์จนทุกวันนี้

ข้อมูลมาจาก http://mblog.manager.co.th/natayaa/LAKE-DISTRICT-7-13/

และตัวผมเองได้สมัครเรียนเรียนพระคัมภีร์แล้วคำสอนทางไปรษณียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

อังคาร ธ.ค. 15, 2009 12:12 am

เคยดูเวอรชั่นมาเฟียอเมริกาใต้

ยิงกันมันมาก
ตอบกลับโพส