รวมกระทู้น้องเจนจิรา

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
Te Deum
โพสต์: 387
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 02, 2009 7:20 pm

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 12:26 pm

sinner เขียน:
Te Deum เขียน: น่าไปจังเลย

อยากไปมานานแล้วง่า : emo102 :
ตังไม่มี แงงงงงง

อ๊ะ..แฮ่ม...แอบเปลี่ยนชื่อ : xemo017 :

เค้าจำได้นะ ::035::
ฮ่าๆ เปลี่ยนกันบ้างค่ะพี่หน่อย ;'] มีสีสันดี คิคิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 1:54 pm

น่าไปจังเลยค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เลย์
โพสต์: 1845
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
ติดต่อ:

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 2:27 pm

สุดยอดเลย  : emo102 :
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 3:31 pm

เยี่ยมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 3:35 pm

ขนลุกเลยอะ ><
naitamcm

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 4:11 pm

เจนจิรา เขียน: ชาวยิวที่เป็น คริสต์โดยส่วนมาก จะเป็น orthodox ค่ะ เคยมี มิชชันนารี โปร ของ ญี่ปุ่น ไปประกาศ แต่ กลับต้อง ถอยเกีย ออกมา ทันที เพราะ ชาวคริสต์ กลุ่มนี้ ยึดมั่น ในหลักคำสอน แบบ ดั่งเดิม และ พระอัยกา ผู้ก่อตั้ง สำนัก แห่งกรุง เยรูซาเล็ม คือนักบุญ ยากอบ

พี่ชอบความสวยงามของศิลปะ orthodox มากกกกก .. ในรถยังมีแต่ไม้กางเขนที่เป็นศิลปะ orthodox  หมดเลยยย
นี่ก็กำลังวางแผนจะเดินทางไปเที่ยวรัสเซียก่อน อยากไปที่ิอิสราเอลนี่แหละ แต่ว่า เขาว่า กันว่า มาอีกที ว่า ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตสำหรับชาวเอเชีย หัวดำ หน้าเด็กอย่างพี่ ก็เลยจะเปลี่ยนเป็นกรุงโรมอิตาลี ทันทีหลังจากไปแตะรัสเซียเสร็จ




มีคนเคยถามว่าจะเปลี่ยนเป็น orthodox ไหม ? .. ไม่หละ .. เป็นคาทอลิกเหมือนเดิม แต่ชื่นชมความงามของ orthodox  ก็เพียงพอแล้ววว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 4:59 pm

น่าไปเที่ยวดูชมจัง สวยงามไปอีกแบบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 5:45 pm

สวัสดีครับ คุณผู้อ่านทุกท่าน สำหรับในครั้งแรกที่เราได้มาทำความรู้จักกัน ผมอยากจะขอพูดถึงชื่อคอลัมน์ของเราก่อนนะครับ คำว่า “สวัสดี” สำหรับคนไทยทุกคนแล้ว ผมว่าสามารถเปรียบเทียบความสำคัญได้เท่ากับคำว่า “ประเทศไทย” และ “คนไทย” เลยทีเดียว ทุกครั้งที่คนไทยกล่าวคำว่า “สวัสดี” นอกจากจะเป็นการทำความรู้จัก ทักทาย หรือกล่าวลาแล้ว ภายในใจลึกๆยังเปี่ยมไปด้วยไมตรีจิต เป็นการอวยพรให้กับผู้ที่เราสนทนา ให้ประสบแต่สิ่งดี ๆ (สวัสดี มีความหมายว่า ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง ความปลอดภัย) และด้วยเหตุนี้ “สวัสดี” จึงเป็นลักษณะพิเศษเฉพาะในคำทักทายของคนไทยที่น่าภาคภูมิใจ

สำหรับความหมายของคำ “สวัสดี” ในชื่อคอลัมน์นี้ ผมขอใช้ในความหมายของการทำความรู้จักนะครับ ผมจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำให้คุณผู้อ่านได้ทำความรู้จักกับ “รัสเซีย” คำว่า “รัสเซีย” ในที่นี้ ผมจะเน้นหนักไปทาง “คนรัสเซีย” มากกว่าตัวประเทศรัสเซียเอง เพราะในเรื่องของประเทศรัสเซีย ท่านผู้อ่านคงจะหาอ่านได้ไม่ยากนัก เรื่องราวหรือข้อมูลของประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซีย แน่นอนว่าสื่อต่างๆ ในโลกต้องอยากนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านการทหาร ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ การท่องเที่ยว ฯลฯ เฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวนั้น ในท้องตลาดบ้านเราผมก็เห็นมีพ็อคเก็ตบุ๊คดีๆ สวยๆ ออกมาหลายเล่ม ก็แล้วแต่ท่านผู้อ่านจะชอบปกแบบไหน เป็นรูปอะไร สามารถเลือกซื้อได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลถึงเนื้อหาข้างในครับ เพราะทุกเล่มดี และพูดในเรื่องเดียวกันหมด

อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นนะครับ ว่าผมจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำให้คุณๆ ได้รู้จักกับคนรัสเซียว่าพวกเขาเป็นคนอย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไร มองโลกอย่างไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ในฐานะที่ผมก็เป็นนักเรียนไทยคนหนึ่งในรัสเซีย และก็ได้รับทุนจากรัฐบาลรัสเซีย ผมก็จะพยายามมอง และแนะนำคนรัสเซียในแบบลักษณะนิสัยของคนไทย คือมองโลกในแง่ดีครับ แน่นอนว่าในทุกประเทศ ทุกที่ในโลกย่อมมีทั้งคนดี-คนไม่ดี คนมีการศึกษา-ไม่มีการศึกษา คนที่มีวัฒนธรรม-ไม่มีวัฒนธรรม คนที่ถูกอบรมเลี้ยงดูมาดี และไม่ดี ขั้วบวกขั้วลบต่างๆ กันไป ผมจึงจะพูดถึงแต่สิ่งกลางๆ หรือสิ่งที่คนรัสเซียที่มีจิตใจงามเขาปฏิบัติ และยังคงสืบทอดกันต่อๆ ไปนะครับ

เนื่องจากผมเรียนทางด้านภาษาศาสตร์ การทำความรู้จักกับคนรัสเซียในตอนแรกนี้ก็จะขอพูดเกี่ยวกับภาษานิดหน่อยครับ เป็นความบังเอิญอย่างยิ่งสำหรับคำทักทายในภาษารัสเซีย (здравствуйте ซดร๊าสทึวุยเที่ย) และในภาษาไทย (สวัสดี) ที่นอกจากจุดประสงค์ที่ต้องการจะกล่าวคำทักทายกันแล้วยังมีความหมายแฝงลึกๆ ถึงการอวยพร ให้มีสุขภาพที่แข็งแรง และให้พบแต่สิ่งดีๆในชีวิตด้วย ในสองวัฒนธรรม สองประเทศที่มีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ห่างกันขนาดนี้ก็ยังคงมีบางสิ่งที่คนสอง เชื้อชาติมองเห็นเหมือนกัน คือความต้องการให้คนรู้จักหรือผู้ร่วมสนทนามีความสุขในชีวิต...

ธรรมเนียมปฏิบัติในการทำความรู้จักหรือการทักทายของคน รัสเซียก็จะคล้ายๆกับของคนยุโรปครับ คือใช้การสัมผัสมือ (shake hands) และมีการเขย่ามือพร้อมกับการบีบเบาๆเพื่อแสดงถึงความตั้งใจ ในธรรมเนียมรัสเซียจริงๆ เฉพาะผู้ชายกับผู้ชายเท่านั้นที่จะสัมผัสมือกันนะครับ ส่วนฝ่ายหญิงไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงทำความรู้จักกับผู้ชาย หรือผู้หญิงทำความรู้จักกับผู้หญิงด้วยกันก็จะมีเพียงแค่การกล่าวคำทักทาย ประกอบกับรอยยิ้ม และการพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้นแต่ในปัจจุบันผู้หญิงยุคใหม่ หรือนักธุรกิจหญิงก็เริ่มที่จะสัมผัสมือกับผู้ติดต่อธุรกิจที่เป็นคนต่าง ชาติมากขึ้น ส่วนการทักทายกันระหว่างผู้หญิงรัสเซียด้วยกันนอกจากจะกล่าวคำทักทาย ถามสารทุกข์สุกดิบแล้ว ถ้าสนิทกันมากก็จะมีการใช้แก้มชนแก้มกันสองข้าง ข้างละหนึ่งครั้ง (ทั้งข้างซ้ายและข้างขวา) สำหรับผู้หญิงรัสเซียกับเพื่อนผู้ชายก็สามารถทำแบบนี้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะสมัยนี้จะเป็นที่นิยมมากในหมู่วัยรุ่นครับ

ธรรมเนียมในการยื่นมือให้สัมผัสของผู้ชายรัสเซียก็มีนะ ครับ คือผู้ที่อาวุโสกว่าจะเป็นผู้ยื่นมือออกมาก่อน ผู้อาวุโสน้อยกว่าจึงจะสามารถยื่นมือไปสัมผัสได้ การที่ผู้อาวุโสน้อยกว่าชิงยื่นมือออกไปก่อนจึงดูไม่เหมาะสมนัก แต่ถ้าเป็นคนต่างชาติ (หมายถึงไม่ใช่คนรัสเซียเหมือนกัน) เขาก็คงจะทำความเข้าใจครับว่าคนต่างชาติไม่รู้ธรรมเนียมก็คงจะไม่เป็นไร ในเรื่องของการยื่นมือก็สามารถแสดงให้เห็นได้ว่าผู้อาวุโสกว่านั้นต้องการจะ ทำความรู้จักกับอีกฝ่ายมากน้อยแค่ไหน ถ้าเขาทั้งไม่ยื่นมือให้เราสัมผัส แถมยังไม่ยิ้มให้แม้แต่น้อยเราก็ควรจะคิดนะครับ ว่าเราทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่าหรือว่าเขาไม่อยากจะรู้จักเราก็เป็นไป ได้ ถ้าพูดถึงเรื่องการบีบมือในขณะทักทายทำความรู้จัก ก็มีอยู่หลายครั้งครับที่ผมได้เจอมากับตัวเองคือคนรัสเซียส่วนใหญ่ (ผู้ชาย) โดยเฉพาะวัยกลางคนขึ้นไปจะบีบมือแรงมากจนบางครั้งผมก็เผลอแสดงออกทางสีหน้า ว่าเขาบีบมือเราจนเจ็บก็มี แต่เราก็ต้องเข้าใจนะครับว่าเขาไม่ได้แกล้งในทางกลับกันเขายังแสดงถึงความ จริงใจ ความตั้งใจ และให้ความเคารพแก่เราครับ ในเรื่องของการบีบมือในระหว่างสัมผัสมือนี้มีประโยคที่คนรัสเซียได้พูดกัน ไว้เพื่อบอกความหมายด้วยนะครับ “жмешь слабо – значит, не уважаешь” มีความหมายว่า “ ถ้าบีบมือเบาก็แสดงว่าไม่เคารพกัน” และถ้ายิ่งในขณะสัมผัสมือนั้นเขาดึงเราเข้าไปกอดพร้อมกับตบหลังเบาๆ ก็ยิ่งแสดงถึงความพอใจและยินดีอย่างยิ่งครับ แต่ในการดึงเข้ามากอดมักจะใช้ในหมู่เพื่อนสนิทหรือสำหรับคนที่ได้มาเจอกัน อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน (ในสมัยโบราณการสัมผัสและบีบมือถือเป็นการปฏิบัติเมื่อต้องการจะบอกให้ผู้ ที่เราบีบมือ ได้รู้ว่าเราไม่มีอาวุธและมาอย่างสันติ) ธรรมเนียมในการสัมผัสมือของคนรัสเซียยังไม่จบแค่นั้นนะครับยังมีอีก คือน่าจะเป็นที่รู้กันดีนะครับว่ารัสเซียเป็นเมืองหนาวถึงหนาวมาก ผู้คนทั่วไปเวลาออกนอกบ้านก็จะต้องใส่ถุงมือเพื่อกันหนาว และถ้าในระหว่างอยู่นอกบ้านและใส่ถุงมืออยู่นั้นจำเป็นต้องทำความรู้จักหรือ ทักทายกับใครสักคน ถ้าอีกฝ่ายใส่ถุงมืออยู่เช่นกันก็สามารถทักทายโดยการสัมผัสมือทันทีแต่ถ้า อีกฝ่ายไม่ได้ใส่ถุงมือ ฝ่ายที่ใส่ถุงมืออยู่จะต้องถอดถุงมือออกก่อนที่จะสัมผัสมือครับ การทำเช่นนี้ก็เพื่อความให้เกียรติแก่ผู้ที่ทักทายกันและอีกนัยหนึ่งก็ยัง มองไปถึงเรื่องความสะอาดด้วยครับ (ถุงมืออาจจะไม่สะอาดนัก) และถ้าในกรณีที่มืออยู่ในสภาพที่ไม่ควรจะไปจับมือผู้อื่นไม่ว่าจะกำลังเลอะ อยู่ เปียกอยู่หรือมือไม่ว่างจากการถือของ คนรัสเซียก็ยังคงจะต้องยื่นแขนออกไปโดยกำมือที่เลอะเอาไว้เพื่อให้อีกฝ่าย นึงจับที่ท่อนแขนส่วนล่าง (ส่วนที่อยู่ระหว่างข้อมือกับข้อศอก) และก็กล่าวคำทักทายตามปกติพร้อมกับบอกว่ากำลังมือเลอะอยู่ก็จะเป็นที่เข้าใจ ยังมีอีกหนึ่งธรรมเนียมครับของคนรัสเซียในการสัมผัสมือทักทายหรือกล่าวลา คือคนรัสเซียจะไม่สัมผัสมือกันข้ามธรณีประตูครับ ไม่ฝ่ายหนึ่งจะต้องก้าวออกจากห้องมาสัมผัสมือข้างนอกก็อีกฝ่ายหนึ่งจะต้อง ก้าวเข้ามาข้างในแล้วค่อยสัมผัสมือกันครับ เพราะคนรัสเซียเชื่อว่าธรณีประตูเป็นสิ่งกั้นขวางระหว่างสองพื้นที่ เป็นตัวแสดงถึงขอบเขตการปิดกั้นของประตู ดังนั้นการสัมผัสมือทักทายหรือร่ำลาข้ามธรณีประตูจะทำให้ความสัมพันธ์ของคน สองคนนั้นถูกขีดขั้น ทำให้ต้องมีปัญหาทะเละเบาะแว้งกันกัน หรืออาจทำให้เกิดการพลัดพรากกันอย่างถาวร นอกจากนี้ยังมีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่าในบ้านของคนรัสเซียอาจจะมีวิญญาณ ชั่วร้าย (Домовой) อาศัยอยู่และจะนำพาความไม่สงบสุข หรือเรื่องเดือดร้อนมาสู่คนในบ้าน และวิธีที่จะขับไล่วิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้ออกไปคือต้องนำอาหาร(ขนมปัง ข้าวต้มแบบรัสเซีย และนมสด)ใส่ถ้วยเล็กๆมาวางไว้ที่นอกประตูบ้าน เมื่อวิญญาณร้ายออกไปกินอาหารโดยออกไปพ้นธรณีประตูบ้านก็จะไม่สามารถกลับ เข้ามาในบ้านได้อีก..

ในตอนแรกของ “สวัสดีรัสเซีย” ตอนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นตอนแรกที่ผมและคุณผู้อ่านได้ทำความรู้จักกันนะครับ แถมผมยังได้มีโอกาสแนะนำให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกับธรรมเนียมปฏิบัติในการทำ ความรู้จัก และการทักทายโดยทั่วไปของคนรัสเซียด้วย เสียดายนะครับที่ผมไม่มีโอกาสได้เจอและทักทายทำความรู้จักกับคุณผู้อ่าน จริงๆ ผมอยากจะได้รับการสัมผัส และบีบมือเบาๆจากคุณสุภาพบุรุษ และสำหรับคุณผู้อ่านสุภาพสตรีจะให้เกียรติชนแก้มทั้งสองข้างผมก็ยินดีอย่าง ยิ่งครับ แต่ในท้ายที่สุดแล้วคนไทยอย่างผมก็ต้องขอยกมือทั้งสองข้างมาประจบพนมตรงหน้า อกพร้อมกับรอยยิ้มแบบไทยๆ และกล่าวคำว่า “ ขอบคุณ ” และสวัสดีครับ

สวัสดีครับคุณผู้อ่าน ครั้งนี้ผมจะสวัสดีรัสเซียด้วยการแนะนำให้คุณผู้อ่านได้รู้และเข้าใจถึงบุคลิกลักษณะภายนอกโดยรวมของคนรัสเซียครับ

ย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ครั้งที่ผมได้มาเยือนประเทศรัสเซียเป็นครั้งแรก ในครั้งนั้นผมมาเพื่อเทคคอร์สภาษารัสเซียขั้นพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้นเป็น เวลา 3 เดือน ก่อนหน้านั้นผมได้มีโอกาสทำความคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมาบ้าง สิ่งที่ผมรู้สึกแปลกใจสิ่งแรกกับคนรัสเซีย คือการที่ “ฝรั่ง” หัวทองพวกนี้ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ (มีแอบภูมิใจเล็กๆว่าเรายังพูดและเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีกว่าพวกเขาซะอีก) หลังจากความพยายามสื่อสารกับพวกเขาโดยเริ่มจากภาษาอังกฤษ ภาษามือ จนมาตัดสินใจว่าพูดภาษาไทยกับเขาเลยแล้วกันเพราะยังไงแล้วพูดภาษาอะไรออกไป ก็มีผลเท่ากันคือไม่เข้าใจ แถมฝ่ายเขาก็ใส่ภาษาต่างดาว(ภาษารัสเซีย) กับเราเป็นชุด ช่วงแรกๆก็ดูสนุก ขำๆ น่ารักดี แต่พอหลังๆจะเอาใจความสำคัญจริงๆมันไม่ประสิทธิผลสิครับ ผมก็เลยตัดสินใจบินมาเรียนที่บ้านเขาซะเลย เห็นว่าภาษามันยากนักและจะได้ออกมาเที่ยวต่างประเทศกับเขาบ้าง พอผมเดินทางมาถึงที่รัสเซียและได้อยู่ไปสักพัก ได้มีโอกาสออกไปเดินเล่น จับจ่ายซื้อของใช้ที่จำเป็น ได้มีโอกาสใช้บริการรถไฟใต้ดินของเขา ก็ได้พบกับข้อสงสัยในตัวคนรัสเซียมากมาย โดยเฉพาัะในเรื่องความไม่ค่อยจะเป็นมิตรของพวกเขา คือการแสดงออกของพวกเขาต่อคนแปลกหน้าหรือคนที่ไม่รู้จักกันจะต่างจากลักษณะ ของคนไทยอย่างเราๆ โดยสิ้นเชิง ผมก็เพิ่งจะมาประจักษ์ถึงคำพูดที่ว่า “สยามเมืองยิ้ม” อย่างชัดแจ้งก็คราวนี้ล่ะครับ คนรัสเซียจะไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนคนไทย พวกเขาค่อนข้างจะมีสีหน้าที่บึ้งตึงอยู่ตลอดเวลา เวลาอยู่ในรถไฟใต้ดินทุกคนก็เงียบหมด โดยส่วนใหญ่ก็จะพกหนังสือกันมาคนละเล่มแล้วก็ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาอ่าน หนังสือของตัวเองไป การจะมานั่งเมาท์โทรศัพท์ หรือคุยหยอกล้อกับเพื่อนๆ เหมือนบนรถไฟฟ้าบ้านเราก็แทบจะไม่มีให้เห็น พอใครแสดงอาการร่าเริง สนุกสนานหรือมีความสุขมากกว่าคนอื่นๆ ก็จะถูกมองด้วยหางตา ดูเหมือนว่าพวกที่ร่าเริงจะไม่ปกติ หรืออาจจะดูเหมือนมีปัญหาทางจิต สิ่งเหล่านี้ก็เลยทำให้ผมแปลกใจเป็นอย่างมาก “พวกฝรั่งที่นี่ไม่เห็นเหมือนฝรั่งที่ไปเมืองไทยเลย” พวกเขาไม่เหมือนแม้กระทั่งกับนักท่องเที่ยวรัสเซียที่ไปเที่ยวเมืองไทยด้วย ซ้ำ ผมก็เห็นว่าพวกนักท่องเที่ยวรัสเซียก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดี แต่ที่นี่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ ซึ่งในตอนนั้นหลังจากผมเรียนอยู่ที่รัสเซียจนครบ 3 เดือนต้องยอมรับว่าผมมองคนประเทศนี้ไปในทางลบอย่างมากและไม่อยากจะเกี่ยว ข้องกับประเทศหรือคนที่นี่อีกต่อไป

จนมาถึงวันนี้ วันที่ผมรู้ตัวอีกทีก็ไม่สามารถแยกตัวเองออกจากภาษารัสเซียได้แล้ว เวลากว่า 6 ปีที่ผ่านมาผมได้โตขึ้น มองโลกในมุมที่กว้างขึ้น ได้เรียนรู้อะไรๆ ในชีวิตเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสิ่งที่เกี่ยวกับคนรัสเซียด้วยครับ และพอมานั่งนึกจริงๆ ในช่วง 6 ปีนี้ผมต้องเจอและพูดคุยกับคนรัสเซียแทบจะทุกวันก็ว่าได้ (แม้กระทั่งบางช่วงจะอยู่แต่ในเมืองไทยก็ตาม) และมันก็ทำให้ผมเข้าใจคนรัสเซียมากขึ้นครับ และผมก็อยากจะให้คุณผู้อ่านได้รู้และเข้าใจเหมือนผมเช่นกันครับ

ร่า่ยมาเสียยาวเลยนะครับมาเข้าเรื่องกันสักที ขอเริ่มจากเรื่องยิ้มมากหรือยิ้มน้อยของคนรัสเซียก่อนนะครับ มีผลวิจัยออกมาว่าถ้าเทียบอัตราของการยิ้มบ่อยครั้งระหว่างชาวยุโรปประเทศ อื่นๆ กับคนรัสเซียแล้ว คนรัสเซียยิ้มน้อยครั้งกว่าชาวยุโรปถึง 4 เท่าครับ (หมายความว่าถ้าในหนึ่งวันชาวยุโรปยิ้ม 4 ครั้งก็เท่ากับว่าคนรัสเซียจะยิ้มเพียงครั้งเดียว) นี่ขนาดยังไม่เทียบคนไทยอย่างเราๆ นะครับ) มีสาเหตุอยู่หลายข้อครับที่มีผลให้คนรัสเซียยิ้มน้อยหรือไม่อยากจะยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่ค่อนข้างเยือกเย็นและขุ่นมัวอยู่เป็นส่วนใหญ่ทำให้ ผู้คนก็รู้สึกหดหู่ไม่แจ่มใสไปด้วย หรือว่าจะเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจสังคมความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยจะมั่นคงปลอดภัย เท่าไรนัก เนื่องจากประเทศประสบสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (หลังจากปี ค.ศ. 1991)งบประมาณของรัฐในการสนับสนุนด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุขหรือการแพทย์จึงลดลง ไม่เหมือนสมัยสหภาพโซเวียตที่รัฐมีการบริการทางสังคมที่ดีกว่าในปัจจุบัน ปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ทำให้สามีต้องจากบ้านมาทำงานในเมืองใหญ่ และปล่อยให้ภรรยาต้องอยู่บ้านในชนบท สามีก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานไม่มีเวลาจะได้กลับไปเจอครอบครัวที่ตนรัก สิ่งเหล่านี้จึงส่งผลต่อสภาพจิตใจลึกๆของชาวรัสเซียส่วนใหญ่ครับ นอกจากเรื่องสภาพทางสังคมแล้ว คนรัสเซียยังมีมุมมองที่มีต่อ “การยิ้ม” ในมุมมองของตนเองครับ พวกเขาเห็นว่าในการยิ้มแต่ละครั้งนั้นต้องมีเหตุผลที่สมควร คือต้องรู้สึกมาจากข้างใน ต้องมาจากการที่พวกเขารู้สึกรื่นรมย์ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจริงๆ พวกเขาจะยิ้มให้กับเฉพาะพวกเพื่อนฝูงของเขาเท่านั้น เพราะการยิ้มให้กับคนแปลกหน้าถือเป็นการไม่ควรและแปลก พวกเขาจะมองการยิ้มให้กับคนแปลกหน้าไปในทางไม่ดีก่อนครับ อย่างเช่น ถ้ามีใครมองพวกเขาแล้วยิ้มให้โดยที่ไม่รู้จักกันพวกเขาอาจจะต้องรีบสำรวจตัว เองว่าลืมรูดซิปกางเกงหรือเปล่า กางเกงเลอะเพราะไปนั่งทับอะไรมาหรือไม่ และยิ่งถ้าผู้หญิงรัสเซียยิ้มให้ก็อาจจะถูกมองว่าเป็นการทอดสะพานให้ก็ได้ ครับ มีบ่อยครั้งครับที่คนรัสเซียจะหยิบยกการยิ้มของชาวอเมริกันมาพูดถึงในทางลบ อย่างที่ชาวอเมริกันพูดและปฏิบัติกันคือ “keep smiling” แต่ในสายตาคนรัสเซียแล้วพวกเขามองว่าเป็นการเสแสร้งและไม่จริงใจอย่างยิ่ง มีสำนวนและคำพังเพยรัสเซียมากมายครับที่กล่าวไว้เพื่อแสดงว่าการยิ้มพร่ำ เพื่อเป็นสิ่งที่ไม่ดีและไม่ควรกระทำ เช่น “Смех без причины – первый признак дурачины” – เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่ไร้เหตุผลเป็นสัญญาณแรกของความเขลา สำหรับคนรัสเซียแล้วการยิ้มไม่ได้เป็นตัวบอกถึงมารยาทหรือสมบัติผู้ดีใดๆ ทั้งสิ้น การแสดงความเป็นมิตรไมตรีของพวกเขาไม่ได้ผ่านทางการยิ้มครับ แต่พวกเขาจะแสดงออกทางสีหน้า แววตา น้ำเสียงที่ใช้ คำและประโยคที่ถูกเลือกมาพูดครับ คนที่จะมีโอกาสเห็นรอยยิ้มที่ไม่ต้องมาจากใจของคนรัสเซียมากที่สุดคือคุณหมอ ฟันของพวกเขาครับ...

เท่าที่เล่ามาอาจดูเหมือนว่าคนรัสเซียจะดูน่ากลัวและไม่น่าคบสักเท่าไรนัก ใช่ไหมครับ แต่จริงๆแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไรขนาดนั้น เพียงแค่เราต้องทำความเข้าใจกับธรรมชาติลักษณะของพวกเขาอย่างถูกต้องเสีย ก่อน คนรัสเซียจะเป็นกันเองกับคุณในการพบปะครั้งต่อๆ มาครับ และจะแสดงความเป็นมิตรมากขึ้น ถ้าเขาเจอคุณหลายครั้งมากขึ้น การพูดจาจะเป็นกันเองและสนุกสนานขึ้น แต่ในความเป็นกันเองของพวกเขาก็มีขอบเขตที่ต่างไปจากคนไทยอยู่ดีครับ คนรัสเซียส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อย “พูดเล่น” หรือ “แซว” กันเหมือนคนไทย ผู้ชายรัสเซียค่อนข้างจะให้เกียรติผู้หญิง จะไม่ค่อยพูดตลกคึกคะนองมากไป มักจะจริงจังตลอดเวลา สิ่งไหนทำได้ก็พูดว่าได้ ทำไม่ได้ ก็บอกว่าไม่ได้หรือไม่แน่ใจ เพราะถ้าเขาบอกว่าได้ แล้วทำไม่ได้ภายหลัง เขารู้สึกว่าไม่ได้รักษาคำพูด เขาจึงบอกว่าไม่ได้เอาไว้ก่อน แต่เมื่อไรที่พวกเขาสัญญาว่าจะทำแล้วล่ะก็ เชื่อได้เลยครับว่าเขาจะต้องทำให้สำเร็จแน่นอน พอพูดถึงลักษณะนิสัยในการให้เกียรติผู้หญิงของผู้ชายรัสเซียแล้ว ก็ขอเล่าต่อถึงแบบฉบับหรือสิ่งที่คนรัสเซียเรียกว่า “สุภาพบุรุษตัวจริง” เขาต้องทำกันอย่างไร

  1.
      สุภาพบุรุษตัวจริงควรจะช่วยเปิดประตูอันหนักอึ้งให้สุภาพสตรีเดินผ่านไปได้โดยง่าย
  2.
      สุภาพบุรุษตัวจริงควรจะเสนอความช่วยเหลือเมื่อเห็นสุภาพสตรีถือกระเป๋าเดินทาง หรือ สัมภาระหนักๆ
  3.
      สุภาพบุรุษตัวจริงควรจะยื่นมือไปรับมือของสุภาพสตรีในขณะที่เธอเหล่านั้นกำลังจะก้าวลงจากรถ หรือ เรือโดยสารทุกชนิด
  4.
      สุภาพ บุรุษตัวจริงจะถูกอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กๆ ให้เสียสละที่นั่งบนรถโดยสารให้แก่ คนชรา คนพิการ หญิงตั้งครรถ์ และ ผู้หญิงที่มีเด็กมาด้วย (บนรถไฟใต้ดินจะมีเสียงประกาศอัตโนมัติ ระหว่างสถานี เพื่อให้ผู้ที่มีน้ำใจและเป็นสุภาพชนเสียสละที่นั่งให้แก่บุคคลเหล่านี้)

สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงระเบียบปฏิบัติบางข้อที่คนรัส เซียได้ถูกอบรมและถ่ายทอดเพื่อให้ปฏิบัติต่อๆ กันมา ซึ่งแน่นอนครับ ว่าไม่ใช่ทุกคนจะปฏิบัติ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการอบรมสั่งสอน และการตระหนักถึงความรับผิดชอบที่ควรจะมีต่อสังคม หรือถ้าพูดเป็นภาษาไทยง่ายๆ ในแบบของคนไทยก็คือ ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นนั่นเอง...

ก่อนจะกล่าวลากันในครั้งนี้ ผมมีข้อนำเสนอที่เป็นจุดน่าสังเกตและน่าสนใจมากครับ คือคนรัสเซียที่ได้มาเที่ยวเมืองไทยแล้ว ได้พบกับการต้อนรับขับสู้แบบคนไทย ได้พักผ่อนหย่อนอารมณ์ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของเรา ได้พบปะกับคนไทยใจดีตามท้องถนนที่ยังคงมองเห็นว่า “ฝรั่ง” ก็ยังคงน่ารัก แล้วคนรัสเซียพวกนั้นก็จะกลับมาที่ประเทศของเขาอย่างมีความสุข และยิ้มได้บ่อยครั้งมากขึ้นจนอาจจะมากกว่าชาวยุโรปก็ได้นะครับ...
http://th.thaiembassymoscow.com/article ... 1&artid=42
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 5:47 pm

สวัสดีครับ คุณผู้อ่านทุกท่าน “สวัสดีรัสเซีย” ในครั้งนี้คล้ายๆ จะเป็นภาคต่อจากครั้งที่แล้วครับอย่างที่ผมได้บอกไว้เมื่อครั้งที่แล้วครับ ว่าผมจะนำเสนอถึงลักษณะเฉพาะทางด้านนิสัยใจคอ ความคิด และพฤติกรรมโดยรวมของคนรัสเซียในแง่มุมที่ลึกและละเอียดมากขึ้น ในการจะรับรู้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับคนรัสเซีย ผมก็อยากจะแนะนำให้คุณผู้อ่านทำใจเป็นกลาง เปิดใจที่จะรู้จักพวกเขา และพร้อมที่จะทำความเข้าใจถึงธรรมชาติลักษณะเฉพาะของพวกเขา บางสิ่งบางอย่างอาจจะดูขัดแย้งกับสิ่งที่เราๆ คนไทยคิดหรือปฏิบัติ นั่นก็เพราะว่าเรามองพวกเขาโดยผ่านวัฒนธรรมของเราเองและตัดสินพวกเขาโดยยึด แบบวัฒนธรรมของเรา ผลออกมาก็คือ “พวกเขาแปลก พวกเขาไม่ดี” ทางที่ดีที่สุดเราควรจะมองและรู้จักพวกเขากันแบบเปิดใจกว้าง ยอมรับทุกวัฒนธรรม และเห็นว่านั่นคืออีกแบบของคนหรือวัฒนธรรมของอีกซีกโลกหนึ่งเท่านั้นครับ ...ตกลงนะครับ

จากครั้งที่แล้วในเรื่องของ “การยิ้ม” คุณผู้อ่านก็คงจะเข้าใจแล้วนะครับว่าทำไมคนรัสเซียเขาถึงประหยัดรอยยิ้มกัน นัก วันนี้ผมจะขอพูดถึงเรื่องการยิ้มอีกสักหน่อยนะครับ ในประเทศไทยของเรา งานบริการ เป็นงานที่เราสามารถพบได้แทบจะทุกหนทุกแห่ง และการบริการที่ดี ในสายตาของคนไทยก็ต้องประกอบไปด้วยรอยยิ้มเพื่อสร้างความประทับใจให้กับ ลูกค้าหรือผู้ที่มาใช้บริการ และหวังให้ผู้มาใช้บริการเหล่านั้นกลับมาอีกหลายๆ ครั้ง แต่ที่ในรัสเซียไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิครับ ถ้าใครได้มีโอกาสมาเที่ยวที่รัสเซียโดยเฉพาะที่เมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงมอสโก หรือ กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแล้ว นักท่องเที่ยวแทบจะทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับการบริการที่ได้รับจากที่นี่ อย่างเช่น พนักงานขายของหรือพนักงานคิดเงิน ตาม Supermarket หรือ ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำล้วนแล้วแต่ไม่รู้จักการยิ้ม และดูเหมือนจะไม่เต็มใจขาย สโลแกนที่ว่า “ลูกค้าทุกคนคือพระเจ้า” ใช้ไม่ได้ในประเทศนี้ครับ สำหรับพวกเขาแล้วจะไม่มีการทำงานเกินหน้าที่ มีหน้าที่เก็บเงินก็เก็บไป ไม่จำเป็นต้องยิ้ม ไม่จำเป็นต้องเอาสินค้าใส่ถุงให้ลูกค้า (หลายแห่งจะคิดเงินค่าถุงหิ้วด้วย) พนักงานเหล่านี้จะคิดว่าลูกค้ามีความจำเป็นต้องมาซื้อของไปกินไปใช้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำดียังไงลูกค้าก็ต้องมาซื้อ แต่คุณผู้อ่านอาจจะเกิดคำถามขึ้นว่า “แล้วอย่างนี้ใครจะมาซื้อร้านนี้ สู้ไปร้านอื่นที่เขาบริการดีกว่าไม่ดีหรือ” แล้วคุณผู้อ่านจะว่าอย่างไรครับถ้าผมจะบอกว่า ถ้าทุกร้านค้าคิดแบบเดียวกันว่าการบริการไม่สำคัญ ทีนี้เราจะไปหาร้านที่ดีได้ที่ไหนล่ะครับ ก็ต้องซื้อๆ ไป ทุกที่ก็เหมือนกันหมด คนรัสเซียจะไม่เลือกร้านค้าที่การบริการครับ ส่วนมากเขาจะเลือกที่ความหลากหลายของสินค้า และราคาที่ถูกกว่าเท่านั้น เพราะฉะนั้น สำหรับคุณๆ ที่กำลังจะมาเยือนรัสเซียก็ต้องเตรียมใจรับความจริงข้อนี้ด้วยนะครับ นอกจากนี้สำหรับคนต่างชาติอย่างเราๆ ถ้าพูดภาษารัสเซียไม่ได้แล้วล่ะก็จะเกิดปัญหาแน่ๆ ครับ อย่างเรื่องการจ่ายเงินใน Supermarket ถ้าเราไปทำอะไรเงอะงะ ชักช้าอยู่ อย่างเช่น ถ้าพนักงานเก็บเงินเขาขอเศษเหรียญ 1 รูเบิ้ล เพื่อจะให้พอดีกับเศษมูลค่าสินค้า และเขาจะได้ทอนง่ายขึ้น แต่เราไม่เข้าใจ นอกจากพนักงานจะทำถ้าไม่พอใจใส่เราแล้ว พวกลูกค้าคนรัสเซียที่ยืนต่อแถวจ่ายเงินอยู่ต่อจากเราก็จะมองเราด้วยแววตา อันเขียวชะอุ่มอย่างไม่พอใจเพราะเขาเห็นว่าเป็นการทำให้คนหมู่มากเสียเวลา ครับ หรืออาจหัวเราะที่เราไม่เข้าใจภาษาของพวกเขา ในเรื่องการทอนเงินนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจจริงๆ ครับ ว่าด้วยสาเหตุอะไร ทำไมพนักงานเก็บเงินทุกคนจะต้องให้เรามีเงินที่พอดีกับจำนวนสินค้าให้ได้ ทั้งๆที่เงินทอนเขาก็มีเยอะ แล้วผมเจอกับตัวเองหลายครั้งมากครับกับการซื้อของประมาณ แปดร้อยกว่าๆ และผมจ่ายด้วยแบงค์พัน พนักงานจะถามว่ามีพอดีมั้ย ถ้าผมตอบว่าไม่มี เขาก็จะทำท่าไม่พอใจและทอนเรามาในที่สุด ตอนแรกๆ ก็รับไม่ได้กับอาการเหล่านี้ครับ แต่มาถึงตอนนี้ก็ชินแล้ว ทำเป็น “เอาหูไปนา เอาตาไปไร่” ดีกว่า เพราะฉะนั้น สำหรับมือใหม่หัดเที่ยวรัสเซีย ก็ให้ไปไหนมาไหนกับมัคคุเทศก์ของคุณๆ หรือเพื่อนๆ ที่เขาพูดภาษารัสเซียได้ดีกว่าครับ

สิ่งที่สร้างความรำคาญให้แก่คนรัสเซียนอกจากเรื่องการทำ ให้คนอื่นเสียเวลาแล้ว ก็ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกที่ในสายตาคนไทยแล้วบางเรื่องก็น่ารำคาญเช่นกัน ลองมาดูกันนะครับว่ามีเรื่องอะไรบ้าง

สถานที่ที่จะพบกับความน่ารำคาญมากที่สุดสำหรับคนรัสเซีย แล้วก็คือในรถโดยสารสาธารณะชนิดต่างๆ โดยเฉพาะในรถไฟใต้ดิน ความน่ารำคาญหลักๆ มักจะเกิดจาก

   *
     การที่ใครสักคนบนรถโดยสารนั้นๆ ชอบทำเสียงฟึดฟัด หรือ ถอนหายใจดังอยู่ตลอดเวลา (ซึ่งสามารถเจอได้บ่อยครับ ไม่รู้พวกเขาไปมีเรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจอะไรกันนักหนา)
   *
     การฟังซาวด์อะเบาท์ โดยเปิดเสียงดังจนคนอื่นได้ยิน
   *
     การไม่เสียสละที่นั่งให้กับคนชราหรือหญิงมีครรภ์
   *
     การ สบถคำหยาบต่อหน้าคนหมู่มาก (เจอบ่อยเช่นกัน โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาเหล่านั้นมากันเป็นกลุ่มและกำลังสนุกสนานกันอย่างเต็ม ที่จนไม่สนใจคนรอบข้าง)
   *
     การขีดเขียนตัวหนังสือหรือภาพวาดบนฝาผนังรถโดยสารนั้นๆ (โดยเฉพาะบนรถไฟใต้ดิน)

และในสถานที่สาธารณะต่างๆ ก็มีหลายสิ่งที่สามารถสร้างความรำคาญให้กับคนรัสเซียไม่น้อย

   *
     การที่ใครก็แล้วแต่ ในร้านอาหารนั่งแคะฟันด้วยไม้จิ้มฟันบนโต๊ะอาหาร (แล้วจะให้ใช้อะไรแคะดีล่ะครับ)
   *
     การ คุยเสียงดังรบกวนผู้อื่นในขณะชมภาพยนต์ร์หรือ การแสดงต่างๆ รวมถึงการทำให้เกิดเสียงจากห่อขนม ของขบเคี้ยวต่างๆ (อันนี้สำหรับคนไทยแล้วก็น่ารำคาญเช่นกันล่ะครับ)

นอกจากนี้คนรัสเซียจะยิ่งรู้สึกไม่ชอบหรือรำคาญในกรณีดังต่อไปนี้อีก

   * การที่มีใครโทรศัพท์มาหาที่บ้านก่อนแปดโมงเช้า หรือ หลังห้าทุ่มไปแล้ว
   * การ ที่เพื่อนบ้านส่งเสียงดังจนถึงระดับที่สามารถทะลุกำแพงมาให้ได้ยินได้ ไม่ว่าจะโดยการเปิดเพลงเสียงดังไป เปิดโทรทัศน์เสียงดัง หรือเลื่อนข้าวของเสียงดัง ฯลฯ (อันนี้คนรัสเซียจะไม่อดทนเลยครับ จะต้องรีบไปต่อว่า และแสดงอิทธิฤทธิ์ทันที)
   * การที่ถูก เพื่อนๆ ถามเกี่ยวกับเรื่องบนเตียง และ จะรู้สึกไม่ดีกับผู้ที่ถามถึงเรื่องบนเตียงของบุคคลอื่น (เรื่องนี้คนรัสเซียเขาไม่คุยกันจริงๆ ครับ ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม)
   * การเที่ยวไปอบรมสั่งสอนการประพฤติตัวให้แก่ผู้อื่นในวงสนทนา
   * การนินทาผู้ที่ไม่ได้ร่วมอยู่ในวงสนทนา
   * การแสดงออกถึงอาการอารมณ์ไม่ดี หรือขุ่นมัวต่อหน้าผู้อื่น
   * การพูดไร้สาระ หรือพูดเรื่องที่สามารถพูดสั้นๆ ให้เข้าใจได้แต่กลับพูดอย่างยืดยาวไร้สาระ
   * การถูกถามเรื่องอายุ (สำหรับผู้หญิงไม่ควรอย่างยิ่งครับ)
   * การถูกถามถึงเรื่องรายรับหรือเงินเดือนที่ได้จากการทำงาน

สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งไม่ดีในสายตาคนไทยเช่นกัน แต่ความต่างก็คือในบางเรื่องก็จะมองเป็นเรื่องเล็กน้อย จนไม่เก็บมาถือโทษโกรธกัน ก็คนไทย ชอบพูดเล่น ชอบแซวกัน และให้อภัยกันได้มากกว่า

ทีนี้ลองมาดูเรื่องที่คนไทยอย่างเราๆ อาจจะมองว่าเป็นเรื่องรบกวนผู้อื่น หรือก่อความรำคาญ แต่สำหรับคนรัสเซียแล้วเขากลับเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา และสมควรจะทำอย่างยิ่ง

   * การที่เจ้าของบ้านมักจะนำรูปถ่ายของครอบครัวมาให้แขกดู และนั่งเล่าเรื่องประกอบภาพเหล่านั้น
   * การที่เพื่อนบ้านขอร้องให้คอยช่วยเก็บจดหมายของตนออกจากตู้รับจดหมาย ยามที่เพื่อนบ้านผู้นั้นจะไม่อยู่บ้านหลายวัน
   * การถูกเจ้าของบ้านขอร้องให้ถอดรองเท้าก่อนเข้ามาในบ้าน ในยามที่มาเป็นแขกบ้านนั้นๆ
   * การให้เพื่อนสนิทยืมรถยนต์ในยามที่รถของเพื่อนคนนั้นเสีย
   * การที่เพื่อนสนิทจะขอหยิบยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย

ในเรื่องของการหยิบยืมเงินในหมู่เพื่อนฝูงนั้น สำหรับคนรัสเซียแล้วเป็นเรื่องธรรมดามากครับ แต่ต้องไม่มีการคิดดอกเบี้ยนะครับถึงจะถือว่าเป็นเพื่อนกันจริงๆ ระบบการหยิบยืมเงินแบบนี้นั้นได้มีการปฏิบัติกันมาตั้งแต่ในสมัยที่สหภาพ โซเวียตยังไม่ล่มสลาย ด้วยเหตุผลที่ว่าในสมั้ยนั้นยังไม่มีสถาบันการเงินใดๆ ที่ประชาชนจะสามารถกู้ยืมได้ ก็เลยต้องอาศัยเพื่อนๆ ที่มีสภาพคล่องทางการเงินมากกว่าล่ะครับ ส่วนจำนวนเงินที่ยืมจากเพื่อนก็มีตั้งแต่จำนวนไม่มากนักแค่พอซื้อขนมปังสัก ก้อน วอดก้าสักขวดจนถึงซื้อรถสักคันเลยก็มีครับ(รถยนต์มือสองของที่นี่ไม่แพง เหมือนที่บ้านเราครับ และก็เป็นรถที่รัสเซียผลิตเองด้วย) ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องเงินๆ ทองๆ แบบนี้พวกเขาก็จะยอมให้เฉพาะกับเพื่อนสนิทหรือเพื่อนรักกันจริงๆ เท่านั้น

คำว่า “เพื่อน” ในสายตาคนรัสเซียแล้ว ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เขามักจะไม่พูดพร่ำเพื่อ ด้วยเหตุนี้ในภาษารัสเซียจึงมีคำมากมายที่ใช้เรียกบุคคล ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตต่างๆ กันไป เช่น คนรู้จัก , ผู้ร่วมงาน , ผู้ร่วมชั้นเรียน , คนบ้านใกล้เรือนเคียง, ผู้ร่วมหอพัก จนมาถึงคำว่า “เพื่อน” ครับ

“เพื่อน” ในความหมายของคนรัสเซียแล้วคือผู้ที่สามารถไว้วางใจได้ในทุกเรื่อง ไม่มีความลับใดๆ ต่อกัน ในยามเดือดร้อนไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดคนคนนี้จะยินดีให้ความช่วยเหลือเรา เสมอ และก็คนคนนี้อีกเช่นกันที่จะไม่ทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยว เราจะรู้สึกว่ามีเขาอยู่เสมอ...

เห็นไหมครับว่าการที่เราได้รู้จักคนรัสเซียอย่างลึกซึ้งมากขึ้นนั้น บางสิ่งก็ทำให้เราได้เห็นว่า ภายใต้ใบหน้าอันเย็นชา หรืออากัปกริยาที่ดูไม่เป็นมิตรนั้น ก็ยังคงแฝงไปด้วยสิ่งที่เราคาดไม่ถึง อย่างเรื่องเพื่อน ถ้าเรามีคนรู้จักเป็นคนรัสเซียสักคน แล้วเขาเรียกเราว่าเพื่อนแล้ว เราก็สามารถจะมั่นใจได้ในระดับหนึ่งนะครับ ว่าเขาจะไม่ทำร้ายเรา (ทั้งในเรื่องร่างกาย และ ด้านจิตใจ) และเขาก็น่าจะคอยเป็นห่วงเป็นใยเรา ให้คำปรึกษา และให้ความช่วยเหลือ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ในความเป็นคนไทยใจดี ยิ้มเก่ง ชอบให้อภัย บางครั้งอาจจะเป็นการยากในการตัดสินเหล่าเพื่อนพ้องของเราเอง ว่าใครดีจริง หรือดีไม่จริง ใครคบเราด้วยใจ หรือคบเพราะต้องการผลประโยชน์จากเรากันแน่ และเพื่อนๆ เหล่านี้จะยินดียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเราในยามเดือดร้อนหรือไม่...คุณผู้ อ่านคิดว่าอย่างไรครับ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 5:49 pm

เคยมีผู้รู้เกี่ยวกับประเทศรัสเซียเป็นอย่างดีได้กล่าวถึงลักษณะลึกๆ ของคนรัสเซียไว้อย่างน่าสนใจว่า
“ คนรัสเซีย คือชาวเอเชียที่อยู่ในร่างของชาวยุโรป ” ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำกล่าวนี้ครับ...
“สวัสดีรัสเซีย” ในวันนี้จะแนะนำให้คุณผู้อ่านได้รู้ว่า พวกฝรั่งอย่างคนรัสเซียเขาก็มีความคิด และความเชื่อต่างๆ ที่ในสายตาของคนไทยอย่างเราๆ แล้ว ก็อาจจะคำถามขึ้นได้ว่า ฝรั่งมีความเชื่ออย่างนี้ด้วยหรือ ???

สำหรับประเทศในแถบยุโรป เรื่องของความเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นหรือเรื่องโชคลาง อาจจะไม่ค่อยมีความหมายนัก หรืออาจจะไม่ให้ความสำคัญเลยก็ว่าได้ แต่สำหรับประเทศที่มีที่ตั้งอยู่ทั้งในทวีปยุโรปและทวีปเอเชียอย่างรัสเซีย แล้ว ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญในการดำเนินชีวิตตั้งแต่ในสมัยอดีตจนมาถึง ปัจจุบันครับ ว่าง่ายๆ ก็คือคนรัสเซียค่อนข้างจะเชื่อหรืองมงายในสิ่งที่โบราณของพวกเขาว่าไว้ และสิ่งนี้ล่ะครับที่ถือได้ว่าเป็นลักษณะเฉพาะตัวอย่างหนึ่งของคนรัสเซีย ซึ่งแม้ว่าเวลาจะผ่านล่วงเลยไปกี่พันปีก็ตาม ความเชื่อเหล่านี้ก็ได้ถูกถอดมาจากรุ่นสู่รุ่น และคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ความศิวิไลซ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถกลบหรือลบเลือนความเชื่อเหล่านี้ไปได้ ถ้าจะนึกดูกันจริงๆ คนรัสเซียก็มีลักษณะที่คล้ายกับคนไทยอย่างเราๆ เช่นกัน และความเชื่อบางอย่างก็เหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อ เดี๋ยวเราลองมาดูกันนะครับว่าพวกเขาเชื่อในเรื่องใดบ้าง เหมือนหรือต่างกับเราอย่างไร

ถ้ายังจำกันได้ ในตอนแรกเลยของ “สวัสดีรัสเซีย” ผมเคยเล่าให้ฟังถึงธรรมเนียมในการทักทายโดยการจับมือกัน ที่พวกเขาจะไม่จับมือเผื่อทักทายกันโดยข้ามธรณีประตูเป็นเด็ดขาด ถ้าใครยังไม่ได้อ่านก็ย้อนกลับไปอ่านได้นะครับ สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มีเหตุมาจากความเชื่อในสมัยโบราณนั่นเอง ชาวตะวันตกและชาวยุโรปอาจจะมีสิ่งที่ยังยึดถืออยู่บ้าง ที่เห็นบ่อยก็น่าจะเป็นเรื่องของตัวเลข โดยเฉพาะเลข “13” พวกเขาถือว่าเป็นเลขแห่งความโชคร้าย จึงพยายามให้เห็นเลขตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ให้น้อยที่สุดหรือไม่เห็นเลยเป็นดีที่สุดครับ อย่างเช่น ในลิฟท์ บ้านเลขที่ ตัวเลขรถประจำทาง ฯลฯ จะไม่มีการระบุเลข 13 ไว้ โดยจะข้ามไปเป็นเลข 14 เลยก็มี แต่สำหรับคนรัสเซียความเชื่อที่ว่าเลข 13 เป็นเลขแห่งความโชคร้ายนั้นไม่ได้เคร่งครัดมากนัก เราจะสามารถเห็นเลขนี้ได้ทั่วไปครับ ชาวฝรั่งเศสเขาถือว่า วันศุกร์ ที่ 13 เป็นวันที่อาจจะนำมาซึ่งสิ่งร้ายๆ หรืออุปสรรคต่างๆ ในการทำงาน เขาจึงมักจะไม่ทำการใหญ่ในวันนี้ แต่วันที่น่าจะเป็นวันที่ไม่ดีและต้องระวังเป็นพิเศษสำหับคนรัสเซียคือ วันจันทร์ครับ ยิ่งถ้าเป็นจันทร์ที่ 13 ละก็ต้องระวังใหญ่ ในเรื่องนี้คนรัสเซียมีคำอธิบายในเชิงเหตุผลที่น่าฟังนะครับ คือ วันจันทร์เป็นวันที่ต่อจากวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ คนเพิ่งจะพักผ่อนมา ทั้งสมองและร่างกายจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อจะทำงานอีกครั้งในวัน ทำงานต่อมา การปรับตัวของสมองและร่างกายจึงยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ในวันจันทร์วันแรกของ การทำงาน ด้วยเหตุผลนี้เองครับ คนรัสเซียพยายามจะไม่เริ่มงานใหญ่ ไม่ตัดสินใจในเรื่องสำคัญใดๆ ในวันจันทร์ อย่างเช่น คุณหมอรัสเซียพยายามจะหลีกเลี่ยงที่จะทำการผ่าตัดใหญ่ในวันจันทร์ กัปตันเรือจะไม่นำเรือออกทะเลในวันจันทร์ หรือแม้กระทั่งจะไม่ให้คนยืมเงินในวันจันทร์ (มิน่าล่ะครับ ในห้องเรียนวันจันทร์ถึงมีนักเรียนรัสเซียน้อยเป็นพิเศษ)

ทีนี้มาดูเลขที่คนรัสเซียถือว่าดีกันบ้างนะครับ เลขที่ถือว่าดีที่สุดคือเลข 3 ก็เป็นผลเนื่องมาจากเรื่องศาสนาครับ ในศาสนาคริสต์จะมีคำว่า พระบิดา พระบุตร และพระจิต ถ้านับเป็นจำนวนก็ 3 พอดี (ผมขอไม่ลงลึกในเรื่องของนะครับ ถ้าคุณผู้อ่านสนใจ ลองถามเพื่อนๆ ที่นับถือศาสนาคริสต์ดูแล้วกันครับ) ถ้าจะดูในเรื่องของมาตรวัดก็ยังมีความกว้าง ความยาว และความสูง หรือแม้กระทั่งเรื่องของเวลาก็ยังถูกแบ่งเป็น อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งก็นับได้ 3 เช่นกัน หรืออาจจะเป็นเพราะสิ่งที่อยู่รอบตัวเราล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของ เลข 3 คนรัสเซียจึงชอบเลขนี้เป็นพิเศษ

เลข 7 ก็เป็นอีกเลขหนึ่งที่คนรัสเซียถือว่าดี เขาก็มองจากเรื่องรอบตัวเช่นกัน มีคำโบราณว่า “седьмица” (สิดมี้สะ) เป็นคำที่ใช้ในคัมภีร์ไบเบิ้ลภาษารัสเซีย ที่หมายถึงเจ็ดวันสุดท้ายของการถือศีลอด นอกจากนี้เลข 7 ยังถูกใช้ในความหมายที่ดีซึ่งสามารถเห็นได้ในสำนวน สุภาษิต คำพังเพยรัสเซีย เช่น “Семеро одного не ждут.” คนเจ็ดคนไม่จำเป็นต้องรอคนคนเดียว หรือ ถ้าครบเจ็ดคนแล้วถือเป็นใช้ได้ ไม่ต้องรอคนที่ยังมาไม่ถึงนั่นเอง “Семь раз отмерь, один раз отрежь” ต้องวัดอย่างละเอียดถึงเจ็ดครั้ง ถึงจะทำการตัดได้ สำนวนนี้จะใช้เมื่อผู้พูดต้องการจะบอกให้ผู้ฟังใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อน หรือ แม้กระทั่งสำนวนที่ในภาษาไทยก็ถือว่าดีสุดยอดเช่นกัน อย่าง สวรรค์ชั้นเจ็ด “На седьмом небе.”
มีความเชื่อที่เกี่ยวกับตัวเลขของคนรัสเซียอยู่หนึ่งเรื่องที่ผมฟังแล้วก็อด รู้สึกแปลกและขำไม่ได้ คือคนรัสเซียบางส่วนเวลาซื้อตั๋วรถเมล์ก็จะแอบลุ้นเลขหน้าตั๋ว ถ้าจำนวนตัวเลขบนตั๋วเป็นจำนวนคู่ เช่น มีเลข 4 ตัว หรือ 6 ตัว เขาก็จะแบ่งครึ่งเป็น 2 กลุ่มเท่าๆ กันแล้วเอาตัวเลขในแต่ละกลุ่มบวกกัน ถ้าในกลุ่มแรกและกลุ่มที่สอง บวกกันแล้วมีผลลัพธ์เท่ากัน ก็จะถือว่าโชคดีมากครับ แต่ที่ผมรู้สึกตลกก็คือ ต้องกลืนนตั๋วนั้นลงไปด้วย เพราะเขาเชื่อว่าเป็นการการันตีโชคดีให้อยู่กับตัวตลอดไปครับ !!! แต่ก็โชคดีที่สมัยนี้ตั๋วรถเมล์เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นกระดาษที่หนา และใบใหญ่ขึ้น ธรรมเนียมนี้จึงยกเลิกไปโดยปริยาย

ทีนี้ลองมาดูลางบอกเหตุร้ายกันบ้าง คนรัสเซียเชื่อว่าในขณะที่กำลังเดินอยู่ แล้วดันมีแมวดำเดินตัดหน้าจะถือเป็นลางร้าย ในวันนั้นอาจจะเกิดเหตุร้ายหรือเรื่องยุ่งยากได้ (เป็นความบังเอิญอย่างยิ่งที่สำหรับคนไทยแล้วในเรื่องของแมวดำก็มักจะถูกตี ความไปในทางไม่ดีเช่นกัน) วิธีแก้ลางร้ายนี้ก็คือ ต้องใช้เลข 3 เข้ามาช่วย โดยการถ่มน้ำลาย 3 ครั้งข้ามไหล่ซ้าย (ของตัวเองนะครับ ไม่ใช่ของคนอื่น ถ้าไม่อย่างนั้นคงเกิดเรื่องร้ายแน่ๆ...) การถ่มน้ำลายข้ามไหล่ซ้าย 3 ครั้งนี้ สามารถใช้แก้ลางร้ายได้ในเกือบทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการทำเกลือหก อ้นเป็นลางบอกเหตุของการทะเลาะวิวาท การเผลอปากพูดเรื่องที่ไม่เป็นมงคล หรือการเดินสะดุดสิ่งของอันจะนำมาซึ่งเรื่องยุ่งยากใจในวันนั้น แต่ผมขอแนะนำเป็นการส่วนตัวว่าสำหรับคนไทยอย่างเราๆ แล้ว คงเป็นการไม่งามนะครับที่จะถ่มน้ำลายแบบนี้ เปลี่ยนมาเป็นการแก้เคล็ดอีกวิธีหนึ่งที่คนรัสเซียนิยมทำจะดีกว่า คือ การเคาะสิ่งใดก็ตามที่ทำจากไม้ 3 ครั้ง จะดูสะอาดและน่าเข้าใกล้มากกว่า
ความเชื่อของไทยที่ว่า “ขวาร้าย ซ้ายดี” คนรัสเซียก็เชื่ออย่างนี้เช่นกัน เขาเชื่อกันว่าถ้าตาข้างซ้ายกระตุก ถือว่าเป็นเรื่องดี จะมีเรื่องน่ายินดีเข้ามา แต่ถ้าตาข้างขวากระตุกจะหมายถึงการเสียน้ำตาจากความเสียใจ ถ้ารู้สึกคันฝ่ามือข้างซ้าย – จะได้รับทรัพย์ แต่ถ้าคันข้างขวา – จะเสียทรัพย์ พอพูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ คนรัสเซียจะห้ามผิวปากในบ้าน ในออฟฟิศ ในรถยนต์ หรือในที่ที่มีหลังคาเพราะจะทำให้ไม่มีเงิน เชื่อว่าห้ามวางกระเป๋าถือบนพื้น สำหรับผู้หญิงรัสเซียแล้ว นอกจากจะทำให้ไม่มีเงิน ยังจะทำให้ไม่มีสามีอีกด้วย

ความเชื่อเหล่านี้พวกเขาถือปฏิบัติกันอย่างจริงจังนะครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมได้มีโอกาสนั่งคุยกับเพื่อนๆ ชาวรัสเซียหลังเลิกเรียน บังเอิญเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ในกลุ่มนั้นๆ ล้วนเป็นคนที่สนใจอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยของเรา ผมก็เลยนั่งเล่ายาวเลยครับ ตอบคำถามแทบไม่ทัน และมีอยู่คำถามหนึ่งเกิดขึ้นในวงสนทนาครั้งนั้นเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้อง ต้นถ้าถูกงูกัด (ที่รัสเซียจะตื่นเต้นมากถ้าพูดถึงเรื่องงู เพราะที่นี่น้อยมากครับที่จะมีโอกาสได้เห็นงูเลื้อยอยู่ตามธรรมชาติ) ผมก็เลยต้องการจะสาธิตถึงการรัดเหนือบาดแผลเพื่อป้องกันไม่ให้พิษวิ่งเข้า สู่หัวใจ โดยที่จะยืมแขนของเพื่อนสาวมาทำตัวอย่างให้ดู ทันใดนั้นทุกคนในกลุ้มโดยเฉพาะเพื่อนคนที่ผมจะไปจับแขนเขาก็ร้องห้ามกันยก ใหญ่ แล้วบอกว่า “ไม่ได้นะเขาถือ ไม่ให้ชี้สิ่งที่ไม่ดีเข้ากับตัวเอง เพราะเหตุการณ์นี้อาจจะเกิดขึ้นจริงกับตัวได้” (ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาต้องไม่พูดออกมาเป็นภาษาไทย แต่ผมขอแปลออกมาให้เลยแล้วกันนะครับ จะได้ง่ายหน่อย) โอเคครับ ผมก็เลยจะเปลี่ยนมาชี้ที่แขนตัวเอง เพราะคนไทยอย่างเราไม่ถือในเรื่องนี้อยู่แล้ว ทุกคนในกลุ่มก็ร้องห้ามกันใหญ่อีก เป็นอันว่าต้องหากระดาษ ปากกา มาวาดให้ดูกันยกใหญ่ กว่าจะจบเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นนี้ก็เล่นเอาเหนื่อยเลยครับ แต่ก็ได้รับความสนุกสนาน ขำขัน พร้อมได้ความรู้กันไปท่วนหน้าครับ ที่สำคัญคือผมก็ได้ทำหน้าที่ของฑูตวัฒนธรรมอย่างดีที่สุดแล้วครับ...

เห็นไหมครับว่า คนรัสเซียก็มีหลายๆ สิ่งที่คล้ายกับคนไทยเช่นกัน เพียงแต่เขามีรูปร่างหน้าตาที่ต่างจากเราเท่านั้นเอง ใน “สวัสดีรัสเซีย” ครั้งต่อๆ ไปคุณผู้อ่านยิ่งจะรู้จักพวกเขามากขึ้นครับ
† † † Hiruma Ryuichi † † †
โพสต์: 605
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
ที่อยู่: พเนจร
ติดต่อ:

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 5:57 pm

อ่านแล้วอยากไปหง่ะคับ

หิ้วไปทีค้าบบ  : emo045 :


(ข้อสุภาพบุรุษผมทำเปนแต่ข้อ 4 -*-)
ภาพประจำตัวสมาชิก
เลย์
โพสต์: 1845
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
ติดต่อ:

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 6:52 pm

ตอนนี้รัสเซียยังเป็นคอมมิวนิสอยู่รึป่าวครับ
† † † Hiruma Ryuichi † † †
โพสต์: 605
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
ที่อยู่: พเนจร
ติดต่อ:

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 7:10 pm

เลย์ เขียน: ตอนนี้รัสเซียยังเป็นคอมมิวนิสอยู่รึป่าวครับ
ประชาธิปไตยแล้วฮะ  : emo045 :

เสรีกว่าไทยด้วย  : emo010 : : emo038 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
A Sheep
โพสต์: 1131
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 24, 2008 5:44 pm

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 7:50 pm

อยากไปอ่า

แต่ไม่มีเงิน  : emo031 :

แต่วัดที่เก็บพระศพเป็นของนิกายออโธด๊อกซ์ใช่ไหมอ่าคะ?

สงสัยนิดนึง...ทำไมไม่เป็นวัดคาทอลิกอ่า ?? : emo036 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 8:03 pm

ผมทราบมาว่าศาสนสถานสำคัญในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีการแบ่งการครอบครองดูแลให้ทั้งนิกายคาทอลิก และออร์โธด็อกซ์ บางแห่งจะเป็นโบสถ์แบบคาทอลิก เช่น พระวิหารแม่พระรับสารจากอัครเทวดาคาเบรียล  วัดที่สวนเกทเสมนี วัดบทข้าแต่พระบิดา วัดมหาบุญลาภแปดประการ ฯลฯ และที่ดูแลโดยออร์โธด็อก เช่น พระวิหารพระประสูติกาลที่เบทเลเฮม พระวิหารพระคูหาศักดิ์สิทธิ์(กัลวารีโอ) ฯลฯ

เค้ามีการตกลงกันตั้งแต่สมัยก่อนแล้วว่านิกายใดจะดูแลที่ไหนบ้าง ตั้งแต่สมัยยังไม่เกิดนิกายโปรเตสแตนท์เพื่อจะได้ยุติธรรมต่อทุกนิกาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
A Sheep
โพสต์: 1131
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 24, 2008 5:44 pm

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 8:04 pm

^
^
^

อ่อ คือเหมือนกับแบ่งเขตกันดูแลไปใช่ไหมอ่าคะ?


ขอบคุณค่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 8:53 pm

Andreas เขียน: ผมทราบมาว่าศาสนสถานสำคัญในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีการแบ่งการครอบครองดูแลให้ทั้งนิกายคาทอลิก และออร์โธด็อกซ์ บางแห่งจะเป็นโบสถ์แบบคาทอลิก เช่น พระวิหารแม่พระรับสารจากอัครเทวดาคาเบรียล  วัดที่สวนเกทเสมนี วัดบทข้าแต่พระบิดา วัดมหาบุญลาภแปดประการ ฯลฯ และที่ดูแลโดยออร์โธด็อก เช่น พระวิหารพระประสูติกาลที่เบทเลเฮม พระวิหารพระคูหาศักดิ์สิทธิ์(กัลวารีโอ) ฯลฯ

เค้ามีการตกลงกันตั้งแต่สมัยก่อนแล้วว่านิกายใดจะดูแลที่ไหนบ้าง ตั้งแต่สมัยยังไม่เกิดนิกายโปรเตสแตนท์เพื่อจะได้ยุติธรรมต่อทุกนิกาย
คิดว่าคงแบ่ง ให้ตามแต่ละ สำนัก นะค่ะ คิดว่า ก่อน แยกกันด้วยซ้ำ  เช่น อันนี้ ให้สำนัก โรมัน อันโน้น ให้ orthodox จะว่า ไปถ้าจะให้โปร ก็คงไม่ได้ เพราะ ไม่ถือว่า เป็น พระศาสนจักร ที่ มี ระบบ ในการจัดการ
kohtheboy01
โพสต์: 201
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 28, 2007 9:10 am

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 9:14 pm

อยากไปดูจังเลย แต่ก็มะมีเงิน ไม่รู้เก็บเงินกี่ชาติจะได้ไป

เหอะๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 9:45 pm

† † †  Ʀƴʉʉϊƈƕ  † † † เขียน:
เลย์ เขียน: ตอนนี้รัสเซียยังเป็นคอมมิวนิสอยู่รึป่าวครับ
ประชาธิปไตยแล้วฮะ  : emo045 :

เสรีกว่าไทยด้วย  : emo010 : : emo038 :
ถูกต้อง ค่ะ เสรี มาก สไตล์ ฝรั่ง เผ่าพันธ์ฝรั่ง จะชอบ เสรี ทุกอย่าง
naitamcm

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 10:08 pm

เจนจิรา เขียน:
† † †  Ʀƴʉʉϊƈƕ  † † † เขียน:
เลย์ เขียน: ตอนนี้รัสเซียยังเป็นคอมมิวนิสอยู่รึป่าวครับ
ประชาธิปไตยแล้วฮะ  : emo045 :

เสรีกว่าไทยด้วย  : emo010 : : emo038 :
ถูกต้อง ค่ะ เสรี มาก สไตล์ ฝรั่ง เผ่าพันธ์ฝรั่ง จะชอบ เสรี ทุกอย่าง

นั่นแหละ ... เริ่ดดดดดด ไม่ต้องคอยก้มหัวให้ใคร ทั้ง ๆ ที่เราไม่เห็นจะน่าก้มหัวให้เลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
.::พรั่งพรู::.
โพสต์: 179
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ค. 25, 2009 1:01 am
ติดต่อ:

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 10:09 pm

อยากเรียน รัสเซียศึกษา มธ. มากมาย ต้องเข้าให้ได้!! >////<
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 10:11 pm

นายแทม ณ เชียงใหม่ เขียน:
เจนจิรา เขียน:
† † †  Ʀƴʉʉϊƈƕ  † † † เขียน: ประชาธิปไตยแล้วฮะ  : emo045 :

เสรีกว่าไทยด้วย  : emo010 : : emo038 :
ถูกต้อง ค่ะ เสรี มาก สไตล์ ฝรั่ง เผ่าพันธ์ฝรั่ง จะชอบ เสรี ทุกอย่าง

นั่นแหละ ... เริ่ดดดดดด ไม่ต้องคอยก้มหัวให้ใคร ทั้ง ๆ ที่เราไม่เห็นจะน่าก้มหัวให้เลย
รายนี้มาแบบอลังกาลวัยเกิน (ไม่ใช่เกินวัย)

ปล.เห็นด้วย อิอิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
A Sheep
โพสต์: 1131
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 24, 2008 5:44 pm

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 10:25 pm

.::พรั่งพรู::. เขียน: อยากเรียน รัสเซียศึกษา มธ. มากมาย ต้องเข้าให้ได้!! >////<

ใช่ที่กำลังเปิดรับสมัคร เอา 100 คนรึเปล่าคะ?


แล้วมีสอบอะไรบ้างอ่า


ว่าจะไปลองสอบดู -___-''
† † † Hiruma Ryuichi † † †
โพสต์: 605
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
ที่อยู่: พเนจร
ติดต่อ:

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 10:35 pm

เจนจิรา เขียน:
† † †  Ʀƴʉʉϊƈƕ  † † † เขียน:
เลย์ เขียน: ตอนนี้รัสเซียยังเป็นคอมมิวนิสอยู่รึป่าวครับ
ประชาธิปไตยแล้วฮะ  : emo045 :

เสรีกว่าไทยด้วย  : emo010 : : emo038 :
ถูกต้อง ค่ะ เสรี มาก สไตล์ ฝรั่ง เผ่าพันธ์ฝรั่ง จะชอบ เสรี ทุกอย่าง
เผ่าแมวเหมียวก้อชอบอิสระเสรีนะฮะ ^ω^

ขนนุ่ม+ขี้อ้อน+ไม่ชอบการถูกบังคับ

น่าร้ากกกก ^ω^

FREEDOM THAILAND!!! Y^o^Y
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 11:06 pm

ถ้าสอบไม่ติดก็มาเรียน ที่รามก็ได้ สอนโดย อาจารย์ชาว รัสเซียค่ะ มีทุนให้ไปเรียน ต่อด้วย
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 11:31 pm

พี่เจนครับ เจี๊ยบแพ้ความยาว ฮะ : emo038 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 11:34 pm

Jeab Agape เขียน:
พี่เจนครับ เจี๊ยบแพ้ความยาว ฮะ : emo038 :
: xemo029 :  ยาวๆนี้แหละค่ะ พี่ชอบ  ได้ความรู้ดี 55555
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 11:40 pm

เจนจิรา เขียน:
Jeab Agape เขียน:
พี่เจนครับ เจี๊ยบแพ้ความยาว ฮะ : emo038 :
: xemo029 :   ยาวๆนี้แหละค่ะ พี่ชอบ  ได้ความรู้ดี 55555
ถ้าเป็นวิชาการโอเค ต้องยึดไว้ความยาว : emo036 :

ฟังเพื่ออเมริกัน เล่าให้ฟังว่า เดี๋ยวนี้คนอเมริกันจะไม่อ่านบทความยาวๆ กันแล้ว  หากใครรักจะเขียนบทความ ต้องทำให้จบแบบมีเนื้อหาสาระ
เสร็จสรรพ ภายใน 1 หน้า A4 ครับ  เพราะยุคนี้มันมีข้อมูลต้องอ่านเยอะ ครับ : emo027 :
Jesus loves You
โพสต์: 740
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm

จันทร์ ม.ค. 25, 2010 12:13 am

ยาว ดีแฮะ
† † † Hiruma Ryuichi † † †
โพสต์: 605
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
ที่อยู่: พเนจร
ติดต่อ:

จันทร์ ม.ค. 25, 2010 8:10 am

ภาษารัสเซียก้องดงามดีนะฮะ ^ ^

อยากเรียนเหมือนกัน  : emo045 :
ตอบกลับโพส