เพลงชอบคืนนี้
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่ยาวนาน และมีสถานที่เก่าแก่มากมาย และสถานที่จำนวนหนึ่งก็เป็นสถานที่น่ากลัว สยองขวัญ สั่นประสาท และเรื่องเล่าลื่อว่า "ผีดุ" แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลงหรอกนะ กลับกันมันก็กลายเป็นสถานที่ ที่หลายคนอยากลองไปสักคนในชีวิต เพื่อพิสูจน์ว่า "ผีมีจริงหรือ??"
อันดับ 5 ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)
ปราสาทฮิเมจิ เป็นปราสาทญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เหลือรอดมาจากยุคสงคราม และได้รับให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ที่ชาวญี่ปุ่นชอบมาที่สุด
ว่ากันว่าปราสาทแห่งนี้เป็นมีผีสิง เป็นวิญญาณทรมานของหญิงสาวที่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมที่ชื่อ "โอกิกุ(Okiku)" ซึ่งที่มาก่อนที่โอกิกุค่อนข้างสับสน มีหลายเวอรชั่น ว่ากันว่าเธอเป็นสาวใช้ของอาโอยาม่า(Aoyama) และบังเอิญไปได้ยินความลับสุดยอดของเจ้านายเข้า และนำความลับไปเล่าให้คนรักของเธอฟัง ทำให้แผนการของอาโอยาม่าล้มเหลวในที่สุด เมื่ออาโอยาม่ารู้ว่าโอคิคุเป็นคนแอบได้ยินเรื่องแผนการ เป็นต้นเหตุทีทำให้แผนล้มเหลว อาโอยาม่าจึงวางแผนจะสังหารเธอซะ อาโอยาม่าจึงใส่ความโอกิกุว่า เธอขโมยจานที่ล้ำค่าไป 1 ใบซึ่งในชุดจานนั้นจะมี 10 ใบด้วยกัน โอคิคุถูกทรมานจนตาย และถูกทิ้งศพลงบ่อน้ำ
จากนั้นเป็นต้นมาโอกิกุก็กลายเป็นผีนับจาน หรือ ซารายาชิกิ(Sarayashiki) มันเริ่มขึ้นในสมัยเอโดะ ค.ศ.1590 วันดีคืนดี จะมีเสียง โหยหวนออกมาจากบ่อหน้าบ่อหนึ่งปราสาท โดยเสียงนั้นเป็นเสียงนับจาน1 ใบจนถึง 9 ใบ จากนั้นก็ร้องไห้หัวใจสลาย หรือมีดวงไฟวิญญาณพวยพุ่มออกจากบ่อน้ำยามค่ำคืน(นอกจากนี้ยังอ้างถึงบ่อผีสิงอีกแห่ง คือ บ่อน้ำของสวนในสถานทูตประเทศแคนาดาที่กรุงโตเกียว ซึ่งเดิมทีเป็นที่ดินของตระกูลอาโอยาม่า) และยังมีเรื่องผีๆ ในปราสาทแห่งนี้อีก เช่น ศาลเจ้าโฮซาตาเบะ ชินโต ที่ตั้งบนสุดของญี่ปุ่นว่ากันว่าเป็นที่สิงสู่วิญญาณของมิยาโมโต มูซาซิ หรือถ้าใครอยู่ภายในปราสาทประมาณ 4 โมง ถ้าไม่กลับออกปราสาทภายในเวลา 2 ชั่วโมง จะหลงทาง(เพราะมืดนี้น่า)
อันดับ 4 โอซาระ(Osore)
โอซาระเป็นอดีตภูเขาไฟในเขตอาโอโมริ ซึ่งถูกค้นพบในศตวรรษที่ 16 เป็นภูเขาหินที่ทบไม่มีสิ่งมีชีวิต เนื่องจากบริเวณแถบนั้นเต็มไปด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซน์หรือก๊าซไข่เน่าที่ออกจากทะเลสาปโดยรอบ ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่ากันว่าเป็นดินแดนแห่งโลกวิญญาณเชื่อมต่อกับโลกมนุษย์
ตามความเชื่อของญี่ปุ่นที่นี้เปรียบเสมือนประตูนรกที่คนตายและคนใกล้ตายจะมารวมตัวกัน โดยมีแม่น้ำสามสายไหลผ่าน กล่าวกันว่าหากเด็กคนไหนเสียชีวิตลงก่อนพ่อแม่จะถูกลงโทษฐานทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจ วิญญาณของเด็กๆ เหล่านี้จะต้องเรียงหินก้อนเล็กๆ แต่ละก้อนเพื่อสร้างเจดีย์ แต่พอใกล้สำเร็จจะถูกปีศาจ "จิโซคากุ" ออกมาทุบทำลาย ทำให้เด็กเหล่านั้นไม่มีทางสร้างเจดีย์เสร็จได้
ดังนั้น โอซาระแห่งนี้ จึงมีผู้นิยมนำของเล่นโบราณต่างๆ นาๆ เช่นกังหันเล็กๆ หรือขนมไปไว้บริเวณหอนหรือศาลเจ้าเพื่อสร้างบุญกับเด็กนั้นเอง
อันดับ 3 ฮะชิมะ(Hashima)
เกาะแห่งนี้ต้องเดินทางด้วยเรือจากฝั่งทะเลของเมืองนางาซากิ ออกไปประมาณ 15 กิโลกเมตร บนทะเลจีนตะวันออก จะพบเมืองเล็กๆ ที่ดูทันสมัย กลางทะเล แต่ถ้าเกิดมองลึกๆ จะพบว่ามันร้างอย่างน่ากลัว และได้รับการโจษจันว่าผีดุ!!
ความเป็นมาดั้งเดิมของเกาะนี้ แต่เดิมเมืองนี้ชื่อ Gunkanjia หรือ Battleship Island เกิดขึ้นในยุคที่อุตสาหกรรมถ่านหินเฟื่องฟู ค.ศ. 1887 ก่อสร้างโดยบริษัทมิตซูบิชิ(Mitsubishi) ซึ่งใช้เป็นที่พักในลักษณะเมืองขนาดเล็ก มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานจำนวนมาก มีทั้งอพาร์เมนต์ โรงเรียนประถม สนามเด็กเล่น โรงภาพยนตร์ บาร์ โรงพยาบาล ทว่า.......ในยุค 60 อุตสาหกรรมถ่านหินในญี่ปุ่นค่อยๆ ทยอยปิดตัวลง เนื่องจากถ่านหินหมอความนิยมจากการใช้พลังงานเชื่อเพลิงอย่างอื่น...จนกระทั่งปิดตัวลงอย่างถาวรในปี 1974...ทุกวันนี้เหลือเพียงแต่เศษซากของความรุ่งเรืองทิ้งไว้ให้ระลึกถึงอดีต
ในเวลากลางวัน สถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้สนใจ สัมผัสบรรยากาศสมัยก่อน ที่หลอนๆ นิดๆ ขนาดตอนกลางวันยังดูน่าหดหู่น่ากลัว ตอนกลางคืนยิ่งน่ากลัวหลายเท่าโดยเฉพาะในช่วงมรสุมหรือพายุเข้าชาวประมงมักเห็นแสงไฟจำนวนหนึ่งลอยละล่องวนเวียนเหนือตึกสูงทั้งๆ ที่ไม่มีไฟฟ้า และได้ยินเสียงน่ากลัวดังเหมือนกับโหยหาใครซักคนไปอยู่ด้วย!! " .....นอกจากนี้สถานที่นี้เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Battle Royale" และทีมงานก็ได้เจอสิ่งผิดปกติในกองถ่ายอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น "มีคนอื่นที่ไม่ใช่ทีมงานถูกถ่ายติดเข้ามาในฉาก" หรือไม่ก็ "ฟิล์มเสียทั้ง ๆ ที่เพิ่งใช้งาน" หรือแม้แต่นักแสดงบางคนถูกผีสิง!!
อันดับ 2 อาโคคิกาฮาระ(Aokigahara)
ญี่ปุ่นถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีสถิติคนฆ่าตัวตายเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเพราะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมองว่า การฆ่าตัวตายเป็นทางเลือกที่มีเกียรติ(อย่างฮาราคีรีไงล่ะ) และสถานที่ชาวญี่ปุ่นนิยมไปฆ่าตัวตายที่สุดคือป่าอาโคคิกาฮาระ
ป่าอาโคคิกาฮาระ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าจูไคซึ่งคนญี่ปุ่นเรียกขานว่า "ป่าฆ่าตัวตาย"สถานที่แห่ง อยู่บริเวณตีนภูเขาไฟฟูจิ มีพื้นที่ประมาณ 3000 เอเคอร์ ซึ่งเป็นจุดชมความงามของภูเขาฟูจิ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับคนที่คิดฆ่าตัวตายด้วยเช่นกัน โดยสถิตพบว่าสถานที่แห่งนี้มีคนมาฆ่าตัวตายเป็นอันดับ 2 ของโลก!!(อันดับหนึ่งคือสะพานโกลเด้นเกต(Golden Gate) เมื่อเดือนมกราคม ปีนี้ ตัวเลขคนฆ่าตัวตายอยู่ที่ 2,645 คน ซึ่งทำลายสถิตของปีที่แล้ว (2,305 คน) โดยจุดบริเวณที่คนชอบไปฆ่าตัวตายที่สุดคือจุดที่เรียกว่า "ทะเลป่า" โดยล่าสุด ชายวัย 46 ปีคนหนึ่ง ซึ่งถูกปลดออกจากงานที่โรงงานเหล็กแห่งหนึ่งและคิดว่า อนาคตที่เหลือนั้นมืดมน เนื่องจากขาดเงิน และตกอยู่ในสภาพหนี้ท่วม รวมถึงไร้ที่อยู่เพราะโดนไล่ที่อยู่ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย โดยเขาได้ซื้อตั๋วเที่ยวเดียว มุ่งหน้าไปยังป่าแห่งนี้ เมื่อไปถึงเขาก็เชือดข้อมือตนเอง แตแผลไม่ลึกพอที่จะทำให้สิ้นใจในทันที และต้องอยู่ในป่าลึกหลายวันในสภาพที่ร่างกายขาดน้ำ อาหารและเนื้อเยื่อถูกทำลายเพราะอากาศเย็นจัด สภาพที่เกิดขึ้นทำให้เขาอาจต้องเสียนิ้วที่เท้าขวา แต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต เนื่องจากมีผู้มาพบเขาเสียก่อน
และทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงนิยมมาฆ่าตัวตายเหรอ ก็เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากนิยายเรื่อง "คุโรอิ จูไค(Kuroi Jukai)" รวมไปถึงภาพยนตร์เรื่อง "คิโนะอุมิ" ที่นำเสนอเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งได้ฆ่าตัวตายในป่าแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว กีฬากลางแจ้ง ท่องป่า ตั้งแคมป์ ซึ่งเวลาใครจะเดินทางมาที่นี้อาจจ๊ะเอ๋กับศพคนฆ่าตัวตายหรือวิญญาณร้ายก็ได้
อันดับ 1 โรงเรียน(School)
แน่นอนโรงเรียนคือสถานที่ที่ชาวไทยอย่างเราๆ อยากไปสักครั้งในชีวิต ก็เพราะเวลาเราอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นแนวไหนๆ ก็ต้องมีโรงเรียนให้เห็นทุกครั้งจึงอยากจะสัมผัสว่าโรงเรียนญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไร และแน่นอนทุกโรงเรียนของญี่ปุ่นมักจะมีเรื่องสยองประจำโรงเรียนที่เล่าจากรุ่นสู่รุ่น และที่น่าแปลกคือแทบทุกโรงเรียนจะมีเรื่องเล่าสยองขวัญ 7 เรื่องและแต่ละเรื่องแทบเหมือนกันหมดอย่างอัศจรรย์
7 สิ่งสยองในโรงเรียนเป็นตำนานที่ช่วยเสริมบรรยากาศในโรงเรียนให้ชวนหลอน บวกกับสถานที่ที่ใช้งานมายาวนานและบรรยากาศยิ่งส่งผลให้ 7 เรื่องเล่าสยองขวัญในโรงเรียนกลายเป็นเรื่องที่หลายๆ คนอยากพิสูจน์ว่ามันมีจริงหรือเปล่า โดย7 เรื่องสยองในโรงเรียนที่ว่าก็มีต้นคาเมลเลียสีเลือดที่ว่ากันว่าต้นไม้ที่อายุ 100 ปีจะมีผีสิงอยู่, ผีลู่ว่ายที่4 ที่มีผีเด็กชายที่ตายในขณะว่ายน้ำในวิชาพละที่ลู่ว่ายที่ 4 , รูปปั้นนิโนมิยะ คินจิโย่เดินได้, บันได 13 ขั้นที่คอยจับเด็กที่พลาดเหยียบบันไดขั้นที่ 13 ลงไปยังโลกแห่งความตายพร้อมกับตน, ฮานาโกะประจำห้องน้ำ, ผีในห้องน้ำห้องที่ 2 อยู่อยู่ๆ ก็มีมือโผล่ที่ส้วมและลากเหยื่อลงไปบี้แบนที่รูส้วมตายอนาถ,สนามรบในสนามโรงเรียนที่วิญญาณซามูไรญี่ปุ่นโบราณยังทำการสู้รบอยู่ตลอดกาล,ซาโตรุคุง ฯลฯ
โดยเฉพาะเรื่องฮานาโกะประจำห้องน้ำ นั้นเป็นเรื่องที่เด็กญี่ปุ่นนิยมท้าพิสูจน์มากที่สุด โดยหากเราเดินเข้าไปในห้องน้ำของโรงเรียนตอนห้าโมงเย็นหรือกลางคืน ถ้าเดินไปที่ห้องที่ 3 แล้วเคาะประตู 3 ครั้ง แล้วพูดว่า "ฮานาโกะ มาเล่นกันเถอะ" หรือ "ฮานาโกะซังอยู่ไหม"ถ้ามีเสียงตอบกลับมาว่า ได้สิ แล้วถ้าเปิดห้องน้ำนั้นดูจะพบเด็กหญิงในห้องน้ำ....นั้นแหละคือเธอ...คุณฮานาโกะซัง
ที่มา http://www.jat-languagecafe.com http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1378913
ออนเซ็น คือ การอาบน้ำแร่ (เหมือนๆกับการอาบน้ำแร่ที่จ.ระนองในประเทศไทย) แต่มีความแตกต่างที่ต้องอาบน้ำร่วมกัน และต้องลงด้วยชุดวันเกิด โดยแยกชายหญิง เรามีโอกาสได้ออนเซ็นที่รร.ฟูจิโนโบะ ทำใจอยู่นานตั้งแต่ก่อนเดินทางแล้ว แต่คิดว่าชาตินี้คงไม่ได้ไปญี่ปุ่นบ่อยๆยังไงก็ของลองออนเซ็นซักตั้ง..
ก่อนเดินทางก็หาข้อมูลใหญ่เลยว่าต้องลงด้วยชุดวันเกิดจริงเหรอ
ญาติเราคนนึงเคยไปแต่ลงด้วยชุดชั้นใน เมื่อเราไปถึงรร.
เราก็เดินรี่ไปถามไกด์ก่อนเลยว่าได้มั้ยคะ (ทั้งๆที่เค้าบอกแล้วว่าไม่ได๊ ไม่ได้) ไกด์ก็บอกว่ามันไม่เหมาะสมนะครับ ถ้าคนญี่ปุ่นเห็นเนี่ยจะต่อว่าเราได้ และจะทำให้น้ำสกปรก(พูดแบบ..แกไปคิดเองอ่ะ) เราก็โอเค..รีบเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดยูกาตะพร้อมผ้าเช็ดหน้าผืนกระจิ๋วของรร.)ไปห้องออนเซ็นทันที เนื่องจากใกล้เวลาอาหารแล้วคนน่าจะน้อย
เมื่อเดินไปถึง (ด้วยหัวใจที่เต้นตุ้มๆต่อมๆ)ปรากฎว่ามีสาวจีนในห้องออนเซ็นเพียง 1 คนและกำลังขึ้นจากสระพอดี(555+เสร็จเรา)ไม่อยากบอกเลยว่าเธออร่างฉ่างมาก
ขอเซ็นเซอร์นะ)เราก็เลยได้ออนเซ็นคนเดียวแบบไม่ต้องอาย(ดีใจม้าก)
ขั้นตอนออนเซ็นที่รร.ฟูจิโนโบะก็มีดังนี้นะคะ
1.เปลี่ยนใส่ชุดยูกาตะ+เกี๊ยะของรร.(ใส่ชุดชั้นในไปด้วยนะคะ เพราะมันบางเดี๋ยวผูกเชือกที่เอวไม่ดีจะหาว่าไม่เตือน)
2.ผู้หญิงเข้าห้องสีแดง ผู้ชายเข้าห้องสีน้ำเงิน
3.ถอดรองเท้า เปิดประตูเข้าไปด้านใน
4.ถอดเสื้อผ้า ชุดชั้นในเก็บในตู้ลอกเกอร์
5.เปิดประตูกระจก
6.อาบน้ำก่อนลงแช่ ซึ่งจะมีแบ่งแยกเป็นล็อกๆมีฝักบัว แชมพู สบู่ ถังน้ำ
เก้าอี้นั่งให้เรียบร้อย (ต้องอาบใ้ห้สะอาดนะคะเพื่อน้ำแร่ที่เราจะลงจะได้ไม่สกปรก)
7.เดินไปที่สระ(อายหน่อยก็เอาผ้าผืนน้อยปิดๆไว้หน่อยค่ะ) เดินลงไปค่อยๆหย่อนขาลงไปนะคะเพราะอุณหภูมิประมาณ 41-42 องศา (ร้อนเหมือนลงกะทะทองแดงเลยมั้ง)
8.แช่ประมาณ 10-15 นาทีเพราะว่าน้ำแร่จะดูดซับน้ำในร่างกายเราออกไปทำให้เราเพลียง่าย ถ้านั่งนานเกินจะเป็นลมได้นะคะ (เดี๋ยวสลบในสระไม่มีใครช่วยไม่รู้ด้วยน้า)
9.เดินขึ้นจากสระ เปลี่ยนเสื้อผ้า ไดร์ผม หวีผม ตามต้องการค่ะ เพราะเค้ามีบริการให้ทุกอย่าง
เครดิตที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... =1&gblog=2
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
น่าไป แช่ในนี้จัง วิวดี บรรยากาศดีsyaoran เขียน:
ออนเซ็น คือ การอาบน้ำแร่ (เหมือนๆกับการอาบน้ำแร่ที่จ.ระนองในประเทศไทย) แต่มีความแตกต่างที่ต้องอาบน้ำร่วมกัน และต้องลงด้วยชุดวันเกิด โดยแยกชายหญิง เรามีโอกาสได้ออนเซ็นที่รร.ฟูจิโนโบะ ทำใจอยู่นานตั้งแต่ก่อนเดินทางแล้ว แต่คิดว่าชาตินี้คงไม่ได้ไปญี่ปุ่นบ่อยๆยังไงก็ของลองออนเซ็นซักตั้ง..
(ถ้าเป็นเมืองไทย จะมี สีUrochrome และก็อาจจะมียูเรียเข้มข้นแต่เจือจางในบ่อปะปน)
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
อยากแช่อยู่อ่ะนะคับ
+ผีญี่ปุ่นน่ารักออก
+ผีญี่ปุ่นน่ารักออก
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
เรานึกถึงอาเบะ ฉากในห้องน้ำมากกว่า >_<วอ เขียน: ***อ่านเรื่องผีแล้วนึกถึงนูเบ ว่าแต่ถ้าเราทำกับห้องน้ำในไทยจะเป็นไหมนา
555+
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
ผีไทยน่ากลัวกว่าฮะเลย์ เขียน: ระหว่างผีไทย and ผีญี่ปุ่น ของใครน่ากลัวกว่ากันครับ
แต่บางตัวก้อน่ารักนะ >_///<
อยากไปเดินสายจัง(ถ้าเป็นทีมงานThe Shockแล้วนะ)
คุณยายสปีดครับ ^^!เลย์ เขียน: ระหว่างผีไทย and ผีญี่ปุ่น ของใครน่ากลัวกว่ากันครับ : xemo029 :
ตำนานยอดนิยมของThe Shock หาได้ที่ Google อิอิเลย์ เขียน:มันคืออะไรหรอครับ ?Grey Cat =^. .^= เขียน:
คุณยายสปีดครับ ^^!
-
- โพสต์: 740
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm
อยากไปอิตาลี สักครั้งครับ
ไปดูอาณาจักรโรม 55+
ส่วนนอร์เวย์ กับฟินแลนด์ คงไม่อ่ะครับ
ไปดูอาณาจักรโรม 55+
ส่วนนอร์เวย์ กับฟินแลนด์ คงไม่อ่ะครับ
-
- โพสต์: 740
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm
เมืองเวนิช หรือป่าวครับ ที่มันเป็นเหมือนตลาดน้ำบ้านเรา
ผมว่ามันสวยมากๆเลยนะ
ผมว่ามันสวยมากๆเลยนะ
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
ก่อนตายผมต้องไปสามที่
ปราก ตุรกี โรม
ครับ ^ ^
ปราก ตุรกี โรม
ครับ ^ ^
- dark-kanita
- โพสต์: 317
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 18, 2007 2:37 pm
ไปอิตาลีคะ อิอิ เน่นอนอยู่แล้ว ในฐานะเด็กศิลป์ ก้ต้องไปดงศิลป์อยู่แล้ว
อิอิ มีวัดสวยๆเยอะ
อิอิ มีวัดสวยๆเยอะ
- (⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
- โพสต์: 892
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am
น่าไปเที่ยวนะคะ
น่าสงสารผีนับจาน
น่าสงสารผีนับจาน
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
ปราก กับ เวียนนาได้มั้ยง่าาาาาา
ไปล่องแม่น้ำดาร์นูปสักครั้ง พร้อมนั่งฟัง บิวตี้ฟู บลูดาร์นูป..... อยากไปปรากกับใครสักคนที่ผมชอบแหะTT แต่ก็คงม่ะมีโอกาส เฮ้อ เศร้า--*--
ไปล่องแม่น้ำดาร์นูปสักครั้ง พร้อมนั่งฟัง บิวตี้ฟู บลูดาร์นูป..... อยากไปปรากกับใครสักคนที่ผมชอบแหะTT แต่ก็คงม่ะมีโอกาส เฮ้อ เศร้า--*--
ใครอยากไปอิตาลียกมือขึ้นนนนนนนนนนนน ถ้าอยากซื้อตั๋วถูกแล้วบินตรงไปโรมหรือมิลานเลย ต้องจองตั๋วของ Blu Panorama Airlines นะจ้ะ ปีก่อนนี้เสียไป 28,000
บริการดี ที่นั่งใช้ได้ อาหารอร่อยแบบอิตาลี แต่ถ้าใครกระเป๋าหนักอยากไปกับคนที่รักคุณเท่าฟ้า ตอนนี้ก็ประมาณ 55,000 ++
ที่พักราคาพอประมาณส่วนใหญ่จะเป็น Guest house ทางศาสนาหรือ Bed & Breakfast สำหรับนักศึกษา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครจะไปเวนิซ ที่นี่จะราคาถูกค่ะแล้วก็ใกล้
พิพิธภัณฑ์ต่างๆ http://www.donorione-venezia.it ถ้าที่ฟลอเรนซ์คือGuest House Alba จะเป็นคุณป้าน่ารักมากๆ พูดอังกฤษได้ ราคาเริ่มต้นที่ 25 eu. ต่ำกว่านี้คงจะหายากค่ะ ที่สำคัญคือ ต้องจองล่วงหน้านะคะ อย่าคิดว่าไปหาเอาข้างหน้า
ถ้าในเมืองท่องเที่ยวคุณจะหาคนพูดอังกฤษพอได้ แต่นอกเมืองจะค่อนข้างยากค่ะ ไม่แนะนำให้ Back Packer นะ ถ้าไม่เจ๋งจริง อาจหลงและอันตรายได้ในบางพื้นที่
ใครที่อยากไปอิตาลีและต้องการคำแนะนำก็ PM. หรือ e-mail มาเลยจ้ะ
บริการดี ที่นั่งใช้ได้ อาหารอร่อยแบบอิตาลี แต่ถ้าใครกระเป๋าหนักอยากไปกับคนที่รักคุณเท่าฟ้า ตอนนี้ก็ประมาณ 55,000 ++
ที่พักราคาพอประมาณส่วนใหญ่จะเป็น Guest house ทางศาสนาหรือ Bed & Breakfast สำหรับนักศึกษา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครจะไปเวนิซ ที่นี่จะราคาถูกค่ะแล้วก็ใกล้
พิพิธภัณฑ์ต่างๆ http://www.donorione-venezia.it ถ้าที่ฟลอเรนซ์คือGuest House Alba จะเป็นคุณป้าน่ารักมากๆ พูดอังกฤษได้ ราคาเริ่มต้นที่ 25 eu. ต่ำกว่านี้คงจะหายากค่ะ ที่สำคัญคือ ต้องจองล่วงหน้านะคะ อย่าคิดว่าไปหาเอาข้างหน้า
ถ้าในเมืองท่องเที่ยวคุณจะหาคนพูดอังกฤษพอได้ แต่นอกเมืองจะค่อนข้างยากค่ะ ไม่แนะนำให้ Back Packer นะ ถ้าไม่เจ๋งจริง อาจหลงและอันตรายได้ในบางพื้นที่
ใครที่อยากไปอิตาลีและต้องการคำแนะนำก็ PM. หรือ e-mail มาเลยจ้ะ
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
แอบซ่อนในเป้พี่หน่อย หนียายไปได้มั้ยอ่าsinner เขียน:Buondi เขียน: ใครอยากไปอิตาลียกมือขึ้นนนนนนนนนนนน
ปายยยยยยยยย...แต่แบบเกาะตามบ้านเพื่อนได้ป่าวอ่า
-
- โพสต์: 519
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 27, 2009 10:09 pm
ขอไป3ที่เลยได้ไหมครับเย้
ด้ายยยยยอยู่แล้ว หน่อย เตรียมเก็บตังค์ไว้นะ เฉพาะค่าตั๋วกับ pocket money ที่พักไม่ต้อง แต่ว่าต้องช่วยอุ้มหลานๆด้วยนะsinner เขียน:Buondi เขียน: ใครอยากไปอิตาลียกมือขึ้นนนนนนนนนนนน
ปายยยยยยยยย...แต่แบบเกาะตามบ้านเพื่อนได้ป่าวอ่า
ได้เลยจ้า.....หุหุBuondi เขียน:ด้ายยยยยอยู่แล้ว หน่อย เตรียมเก็บตังค์ไว้นะ เฉพาะค่าตั๋วกับ pocket money ที่พักไม่ต้อง แต่ว่าต้องช่วยอุ้มหลานๆด้วยนะsinner เขียน:Buondi เขียน: ใครอยากไปอิตาลียกมือขึ้นนนนนนนนนนนน
ปายยยยยยยยย...แต่แบบเกาะตามบ้านเพื่อนได้ป่าวอ่า
หนึ่งในภาพยนตร์สุดสยองขวัญตลอดกาล The Exorcist กลายเป็นต้นกำเนิดของฝันร้ายนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ออกฉายเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1973 ภาพยนตร์เขียนบทโดย วิลเลี่ยม ปีเตอร์ แบลตตี้ และกำกับการแสดงโดย วิลเลี่ยม ฟรีดกิน (Rules of Engagement, The Hunted, 12 Angry Men, The French Connection) หนังเกิดขึ้นด้วยเรื่องราวที่น่ากลัวของเรแกน (รับบทโดย ลินดา แบลร์) เด็กผู้หญิงอายุ 12 ปีที่ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงสู่ อำนาจเดียวที่สามารถปลดปล่อยเธอจากการครอบงำของปีศาจ และสิ้นสุดการทรมานของเธอ คือพิธีขับไล่ที่ทรงพลัง ซึ่งทำพิธีโดย สาธุคุณแลงเคสเตอร์ เมอร์ริน (รับบทโดย แมกซ์ ฟอน ไซเดา) ตามพิธีกรรมทางศาสนาที่เกือบทำให้ทั้งคู่เสียชีวิต Exorcist: The Beginning นำผู้ชมย้อนกลับไป 25 ปีในอดีตของสาธุคุณเมอร์ริน ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์อันแสนจะน่ากลัวเป็นครั้งแรก จนทำให้เขาตีตนออกห่างจากพระเจ้า และในท้ายที่สุด ก็นำเขาไปสู่การเป็นหมอผี
วอร์เนอร์ส บราเดอร์ส พิกเจอร์ ภูมิใจเสนอ Exorcist: The Beginning ผลงานของ มอร์แกน ครีก กำกับภาพยนตร์โดย เรนนีย์ ฮาร์ลิน (Driven, Deep Blue Sea, Cutthroat Island, The Long Kiss Goodnight, Cliffhanger, Die Hard 2) อำนวยการสร้างโดย เจมส์ จี. โรบินสัน อำนวยการบริหารโดย เกย์ แมคเอลแวน และ เดวิด ซี. โรบินสัน จากเนื้อเรื่องที่เขียนโดย วิลเลียม วิสเชอร์ (ผู้ร่วมเขียนบท The 13th Warrior, Judge Dredd, Terminator 2: Judgment Day) และ คาเล็บ คาร์ (Bad Attitudes, Warlord: The Battle for the Galaxy) บทภาพยนตร์โดย อเล็กซี ฮอว์ลีย์ (Grimm) วิตโตริโอ สตอราโร่ (Bulworth, Little Buddha, The Sheltering Sky, Dick Tracy) เป็นผู้กำกับภาพ ลำดับภาพโดย มาร์ค โกล์ดแบล็ต (Bad Boys II, Pearl Harbor, Hollow Man, Armageddon, True Lies, Terminator 2: Judgment Day) ดนตรีประกอบโดย เทรเวอร์ เรบิน (Torque, Bad Boys II, The 6th Day, Gone in 60 Seconds)
Exorcist: The Beginning นำแสดงโดย สเตลแลน สคาร์สการ์ด (King Arthur, City of Ghosts, The Glass House, Dancer in the Dark, Good Will Hunting), เจมส์ ดาร์ซีย์ (Master and Commander: The Far Side of the World, Dot the I) และ อิซาแบลลา สคอรัพโค (Reign of Fire, Vertical Limit, GoldenEye)
Exorcist: The Beginning จัดจำหน่ายในอเมริกาเหนือโดย วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส เอนเตอร์เทนเมนท์ และในภูมิภาคที่เหลือโดย วอร์เนอร์ส บราเดอร์ส พิกเจอร์ส และ มอร์แกน ครีก อินเตอร์เนชั่นแนล
นำมาจาก www.pantip.com/.../beginning.html
ตัวผมก็เคยดูมาบ้าง....น่ากลัวดีแท้
^
^
^
ผมก็ชอบครับ
ตั้งแต่ย้ายบ้านมา ไม่มีโอกาสได้ดูเลย ร้านเช่าวีดีโอแถวนี้ไม่ค่อยยอมให้มีเรื่องเกี่ยวกับศาสนาT_T
แต่ก็ดีนะ ขนาดDavinci Codeก็ยังไม่มี ^^
^
^
ผมก็ชอบครับ
ตั้งแต่ย้ายบ้านมา ไม่มีโอกาสได้ดูเลย ร้านเช่าวีดีโอแถวนี้ไม่ค่อยยอมให้มีเรื่องเกี่ยวกับศาสนาT_T
แต่ก็ดีนะ ขนาดDavinci Codeก็ยังไม่มี ^^
-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
ที่จริง ผมว่าวิชานี้ไม่น่าเลิกสอนเลย เรื่องสงครามฝ่ายจิตวิญญาณ
ตามกระทู้นี้เลยครับ
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=9944.0
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=1285.0
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=9944.0
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=1285.0
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ม.ค. 18, 2010 11:17 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.