เรียกเรากลับมาที
เราเป็นคริสตังยืน ตอนนี้เราแย่มาก เรามักฝันเห็นเด็กเสมอ เราเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไรแต่เราก็กลัว เราไปวัดครั้งสุดท้ายคือปีที่แล้วในวันมหาเมตตา จากนั้นเราก็ไม่ได้ไปอีก
เรายอมรับว่าเราสับสนมาก คือว่า เรามีแฟนเป็นมุสลิม และอยู่ต่างประเทศ เรารู้สึกว่ารักนี้มันเป็นไปไม่ได้ เพื่อนเราแนะนำให้ดูดวงว่าเป็นเนื้อคู่กันมั้ย บางที่บอกไม่เป็นเราก็ร้องไห้ บางที่บอกเป็นเราก็ดีใจ เราเริ่มรุสึกว่าหันหลังให้พระ บางที่บอกต้องไปเข้าวัดทำนู่นทำนี่ เรารู้ทำบ้างไม่ทำบ้าง อ้อ ที่ว่าฝันเห็นเด็ก เราเล่าให้ เพื่อนบ้านฟัง เค้าว่า แถวนี้มีจริง เราก็กลัว แนะเราไปทำนู่นนี่ จิตใจมันขุ่นหมอง เบื่อไปหมด ความอิ่มเอมมันหายไป เรายิ้มน้อยลง ระแวงมากขึ้น มีคนนึงมาหาเรา บอกว่าเห็นเด็กเดินตามเรา ให้เราตัดกรรมโดยซื้อพระพุท เราเสียไป 7500 บาท ใจเราก็ร้อน ร้อนมาก หัวเตียงเรามีทั้งพระเยซู พระ จนเมื่อวานนี้ เหมือนคำตอบปรากฏว่าพระโกรธเรา เราคุยกับแฟน เราส่งรูปพี่เราที่บวชเป็นพระให้แฟนดู แฟนเราว่า เค้าแต่งงานกับเราไม่ได้แล้วนะ มุสลิมแต่งกับพุทธไม่ได้ ไหนว่าเป็นคริสต์ไง เค้ายอมให้เราไม่ต้องเปลี่ยนศาสนา ให้เราเป็นคริสต์ ให้ลูกเป็นคริสต์ แต่เราหันหลังให้พระเจ้า ตอนนี้ พระพุทธนั้นยังวางอยู่ พระเยซูก็วางอยู่ เรามันบ้า เราจะทำไงดี เรางง สับสนมาก เหมือนขายืนคร่อมอยู่ เราโกรธง่ายขึ้น เบื่อง่ายขึ้น โมโหง่าย ใช้วาจาไม่เพราะเหมือนเมื่อก่อน หากเรายังเป็นลูกของพระ หากพระยังรักเรา ช่วยเรียกเราที พ่อขา ให้อภัยลูกมั้ยที่ลูกหันหลังให้
เรายอมรับว่าเราสับสนมาก คือว่า เรามีแฟนเป็นมุสลิม และอยู่ต่างประเทศ เรารู้สึกว่ารักนี้มันเป็นไปไม่ได้ เพื่อนเราแนะนำให้ดูดวงว่าเป็นเนื้อคู่กันมั้ย บางที่บอกไม่เป็นเราก็ร้องไห้ บางที่บอกเป็นเราก็ดีใจ เราเริ่มรุสึกว่าหันหลังให้พระ บางที่บอกต้องไปเข้าวัดทำนู่นทำนี่ เรารู้ทำบ้างไม่ทำบ้าง อ้อ ที่ว่าฝันเห็นเด็ก เราเล่าให้ เพื่อนบ้านฟัง เค้าว่า แถวนี้มีจริง เราก็กลัว แนะเราไปทำนู่นนี่ จิตใจมันขุ่นหมอง เบื่อไปหมด ความอิ่มเอมมันหายไป เรายิ้มน้อยลง ระแวงมากขึ้น มีคนนึงมาหาเรา บอกว่าเห็นเด็กเดินตามเรา ให้เราตัดกรรมโดยซื้อพระพุท เราเสียไป 7500 บาท ใจเราก็ร้อน ร้อนมาก หัวเตียงเรามีทั้งพระเยซู พระ จนเมื่อวานนี้ เหมือนคำตอบปรากฏว่าพระโกรธเรา เราคุยกับแฟน เราส่งรูปพี่เราที่บวชเป็นพระให้แฟนดู แฟนเราว่า เค้าแต่งงานกับเราไม่ได้แล้วนะ มุสลิมแต่งกับพุทธไม่ได้ ไหนว่าเป็นคริสต์ไง เค้ายอมให้เราไม่ต้องเปลี่ยนศาสนา ให้เราเป็นคริสต์ ให้ลูกเป็นคริสต์ แต่เราหันหลังให้พระเจ้า ตอนนี้ พระพุทธนั้นยังวางอยู่ พระเยซูก็วางอยู่ เรามันบ้า เราจะทำไงดี เรางง สับสนมาก เหมือนขายืนคร่อมอยู่ เราโกรธง่ายขึ้น เบื่อง่ายขึ้น โมโหง่าย ใช้วาจาไม่เพราะเหมือนเมื่อก่อน หากเรายังเป็นลูกของพระ หากพระยังรักเรา ช่วยเรียกเราที พ่อขา ให้อภัยลูกมั้ยที่ลูกหันหลังให้
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ถ้าจะให้แนะนำล่ะก็
อย่างแรก ไปคุยกับแฟนให้รู้เรื่องละกัน ตกลงเป็นคริสต์หรือเป็นพุทธให้เลือกเอาสักอย่าง อย่าริแม้แต่จะคิดควบสอง
ถ้ายังเลือกเป็นคริสต์ ก็เอาพระพุทธรูปออกจากบ้าน จะไว้ไหนก็ตามแต่ แต่ถ้าคิดว่าเสียดายเงิน(มากกว่าจะภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า)ล่ะก็ เลิกคิดจะตามพระองค์คงเป็นสุขกว่าค่ะ ทางนี้มันคงยากเกินไป
(อาจจะดูแรงไปบ้าง แต่อย่าลืมว่า ถ้าเลือกพระเจ้าองค์เดียวแล้ว การหันเหไปพระอื่นก็เท่ากับเป็นการทรยศ เพราะบัญญัติกล่าวไว้ชัดเจนว่าห้ามถือรูปเคารพหรือมีพระเจ้าอื่นใด)
อย่างแรก ไปคุยกับแฟนให้รู้เรื่องละกัน ตกลงเป็นคริสต์หรือเป็นพุทธให้เลือกเอาสักอย่าง อย่าริแม้แต่จะคิดควบสอง
ถ้ายังเลือกเป็นคริสต์ ก็เอาพระพุทธรูปออกจากบ้าน จะไว้ไหนก็ตามแต่ แต่ถ้าคิดว่าเสียดายเงิน(มากกว่าจะภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า)ล่ะก็ เลิกคิดจะตามพระองค์คงเป็นสุขกว่าค่ะ ทางนี้มันคงยากเกินไป
(อาจจะดูแรงไปบ้าง แต่อย่าลืมว่า ถ้าเลือกพระเจ้าองค์เดียวแล้ว การหันเหไปพระอื่นก็เท่ากับเป็นการทรยศ เพราะบัญญัติกล่าวไว้ชัดเจนว่าห้ามถือรูปเคารพหรือมีพระเจ้าอื่นใด)
ลองอ่านบทอ่านนี้ครับ พระเยซูจะพูดกับคุณแบบเดียวกัน
ยน 4:1
4 (1)บรรดาชาวฟาริสีได้ยินว่าพระเยซูเจ้าทรงทำพิธีล้างและทรงมีศิษย์มากกว่ายอห์น (2)ความจริงแล้ว ผู้ทำพิธีล้างไม่ใช่พระองค์แต่เป็นบรรดาศิษย์ (3)เมื่อพระองค์ทรงทราบเช่นนี้ ก็เสด็จออกจากแคว้นยูเดีย กลับไปยังแคว้นกาลิลี (4)จำเป็นต้องเสด็จผ่านแคว้นสะมาเรีย (5)พระองค์เสด็จมาถึงเมืองหนึ่งในแคว้นสะมาเรียชื่อสิคาร์ ใกล้ที่ดินที่ยาโคบยกให้โยเซฟบุตรชาย (6)ที่นั่นมีบ่อน้ำของยาโคบ พระเยซูเจ้าทรงเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง จึงประทับที่ขอบบ่อ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน (7)หญิงชาวสะมาเรียคนหนึ่งมาตักน้ำพระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า “ขอน้ำดื่มสักหน่อยเถิด” (8)บรรดาศิษย์ของพระองค์ไปซื้ออาหารในเมือง (9)หญิงชาวสะมาเรียทูลพระองค์ว่า “ท่านเป็นชาวยิว ทำไมจึงขอน้ำดื่มจากดิฉันซึ่งเป็นชาวสะมาเรียเล่า” เพราะชาวยิวไม่ติดต่อกับชาวสะมาเรียเลย (10)พระเยซูเจ้าตรัสตอบนางว่า
“หากท่านรู้จักของประทานของพระเจ้า
และรู้จักผู้ที่บอกท่านว่า
“ขอน้ำดื่มสักหน่อยเถิด”
ท่านคงกลับเป็นผู้ขอ
และผู้นั้นจะให้ ”น้ำที่ให้ชีวิต” แก่ท่าน
(11)นางจึงทูลว่า “นายเจ้าข้า ท่านไม่มีถังตักน้ำ และบ่อก็ลึกมาก ท่านจะเอาน้ำที่ให้ชีวิต มาจากไหน (12)ท่านยิ่งใหญ่กว่ายาโคบ บรรพบุรุษของเราหรือ ยาโคบให้บ่อน้ำนี้แก่เรา ยาโคบลูกหลานและฝูงสัตว์ก็ได้ดื่มน้ำจากบ่อนี้”
(13)พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
“ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้
จะกระหายอีก
(14)แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้นั้น
จะไม่กระหายอีก
น้ำที่เราจะให้เขา
จะกลายเป็นธารน้ำในตัวเขา ไหลรินเพื่อชีวิตนิรันดร”
(15)หญิงนั้นจึงทูลว่า “นายเจ้าขา โปรดให้น้ำนั้นแก่ดิฉันบ้าง เพื่อดิฉันจะไม่ต้องกระหายหรือต้องมาตักน้ำที่นี่อีก” (16)พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า “จงไปเรียกสามีของเธอ และกลับมาที่นี่” (17)หญิงผู้นั้นทูลตอบว่า “ดิฉันไม่มีสามี” พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า “เธอพูดถูกแล้วที่ว่า “ดิฉันไม่มีสามี” (18)เพราะเธอมีสามีมาแล้วถึงห้าคน และคนที่อยู่กับเธอเวลานี้ ก็ไม่ใช่สามีของเธอด้วย เธอพูดจริงทีเดียว” (19)หญิงผู้นั้นจึงทูลว่า “ดิฉันเห็นแล้วว่าท่านเป็นประกาศก (20)บรรพบุรุษของเราเคยนมัสการพระเจ้าบนภูเขานี้แต่ท่านพูดว่า สถานที่สำหรับนมัสการพระเจ้าคือกรุงเยรูซาเล็ม”
(21)พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า
“นางเอ๋ย เชื่อเราเถิด
ถึงเวลาแล้วที่ท่านทั้งหลายจะนมัสการพระบิดาเจ้า
ไม่ใช่เฉพาะบนภูเขานี้ หรือที่กรุงเยรูซาเล็ม
(22)ท่านนมัสการพระเจ้าที่ท่านไม่รู้จัก
แต่เรานมัสการพระเจ้าที่เรารู้จัก
เพราะความรอดพ้นมาจากชาวยิว
(23)แต่จะถึงเวลาคือเวลานี้
เมื่อผู้นมัสการแท้จริงจะนมัสการพระบิดาเจ้าเดชะพระจิตเจ้า และตามความจริง
เพราะพระบิดาทรงแสวงหาผู้นมัสการพระองค์เช่นนี้
(24)พระเจ้าทรงเป็นจิต
ผู้ที่นมัสการพระองค์
จะต้องนมัสการเดชะพระจิตเจ้า และตามความจริง”
(25)หญิงผู้นั้นจึงทูลว่า “ดิฉันรู้ว่า พระเมสสิยาห์คือพระคริสต์กำลังจะเสด็จมา และเมื่อเสด็จมา พระองค์จะทรงแจ้งทุกเรื่องให้เรารู้” (26)พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราที่กำลังพูดอยู่กับเธอคือพระเมสสิยาห์”
ยน 4:1
4 (1)บรรดาชาวฟาริสีได้ยินว่าพระเยซูเจ้าทรงทำพิธีล้างและทรงมีศิษย์มากกว่ายอห์น (2)ความจริงแล้ว ผู้ทำพิธีล้างไม่ใช่พระองค์แต่เป็นบรรดาศิษย์ (3)เมื่อพระองค์ทรงทราบเช่นนี้ ก็เสด็จออกจากแคว้นยูเดีย กลับไปยังแคว้นกาลิลี (4)จำเป็นต้องเสด็จผ่านแคว้นสะมาเรีย (5)พระองค์เสด็จมาถึงเมืองหนึ่งในแคว้นสะมาเรียชื่อสิคาร์ ใกล้ที่ดินที่ยาโคบยกให้โยเซฟบุตรชาย (6)ที่นั่นมีบ่อน้ำของยาโคบ พระเยซูเจ้าทรงเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง จึงประทับที่ขอบบ่อ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน (7)หญิงชาวสะมาเรียคนหนึ่งมาตักน้ำพระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า “ขอน้ำดื่มสักหน่อยเถิด” (8)บรรดาศิษย์ของพระองค์ไปซื้ออาหารในเมือง (9)หญิงชาวสะมาเรียทูลพระองค์ว่า “ท่านเป็นชาวยิว ทำไมจึงขอน้ำดื่มจากดิฉันซึ่งเป็นชาวสะมาเรียเล่า” เพราะชาวยิวไม่ติดต่อกับชาวสะมาเรียเลย (10)พระเยซูเจ้าตรัสตอบนางว่า
“หากท่านรู้จักของประทานของพระเจ้า
และรู้จักผู้ที่บอกท่านว่า
“ขอน้ำดื่มสักหน่อยเถิด”
ท่านคงกลับเป็นผู้ขอ
และผู้นั้นจะให้ ”น้ำที่ให้ชีวิต” แก่ท่าน
(11)นางจึงทูลว่า “นายเจ้าข้า ท่านไม่มีถังตักน้ำ และบ่อก็ลึกมาก ท่านจะเอาน้ำที่ให้ชีวิต มาจากไหน (12)ท่านยิ่งใหญ่กว่ายาโคบ บรรพบุรุษของเราหรือ ยาโคบให้บ่อน้ำนี้แก่เรา ยาโคบลูกหลานและฝูงสัตว์ก็ได้ดื่มน้ำจากบ่อนี้”
(13)พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
“ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้
จะกระหายอีก
(14)แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้นั้น
จะไม่กระหายอีก
น้ำที่เราจะให้เขา
จะกลายเป็นธารน้ำในตัวเขา ไหลรินเพื่อชีวิตนิรันดร”
(15)หญิงนั้นจึงทูลว่า “นายเจ้าขา โปรดให้น้ำนั้นแก่ดิฉันบ้าง เพื่อดิฉันจะไม่ต้องกระหายหรือต้องมาตักน้ำที่นี่อีก” (16)พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า “จงไปเรียกสามีของเธอ และกลับมาที่นี่” (17)หญิงผู้นั้นทูลตอบว่า “ดิฉันไม่มีสามี” พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า “เธอพูดถูกแล้วที่ว่า “ดิฉันไม่มีสามี” (18)เพราะเธอมีสามีมาแล้วถึงห้าคน และคนที่อยู่กับเธอเวลานี้ ก็ไม่ใช่สามีของเธอด้วย เธอพูดจริงทีเดียว” (19)หญิงผู้นั้นจึงทูลว่า “ดิฉันเห็นแล้วว่าท่านเป็นประกาศก (20)บรรพบุรุษของเราเคยนมัสการพระเจ้าบนภูเขานี้แต่ท่านพูดว่า สถานที่สำหรับนมัสการพระเจ้าคือกรุงเยรูซาเล็ม”
(21)พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า
“นางเอ๋ย เชื่อเราเถิด
ถึงเวลาแล้วที่ท่านทั้งหลายจะนมัสการพระบิดาเจ้า
ไม่ใช่เฉพาะบนภูเขานี้ หรือที่กรุงเยรูซาเล็ม
(22)ท่านนมัสการพระเจ้าที่ท่านไม่รู้จัก
แต่เรานมัสการพระเจ้าที่เรารู้จัก
เพราะความรอดพ้นมาจากชาวยิว
(23)แต่จะถึงเวลาคือเวลานี้
เมื่อผู้นมัสการแท้จริงจะนมัสการพระบิดาเจ้าเดชะพระจิตเจ้า และตามความจริง
เพราะพระบิดาทรงแสวงหาผู้นมัสการพระองค์เช่นนี้
(24)พระเจ้าทรงเป็นจิต
ผู้ที่นมัสการพระองค์
จะต้องนมัสการเดชะพระจิตเจ้า และตามความจริง”
(25)หญิงผู้นั้นจึงทูลว่า “ดิฉันรู้ว่า พระเมสสิยาห์คือพระคริสต์กำลังจะเสด็จมา และเมื่อเสด็จมา พระองค์จะทรงแจ้งทุกเรื่องให้เรารู้” (26)พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราที่กำลังพูดอยู่กับเธอคือพระเมสสิยาห์”
ในพระธรรมเดิมนั้นมีกฎข้อห้ามชาวยิวในการแต่งงานกับคนต่างชาติต่างศาสนา ชาวสะมาเรียคือชนชาติยิวที่เป็นลูกผสม แต่งกับคนเผ่าอื่นและสาสนาอื่น ในขณะเดียวกันก็มีกฎห้ามนมัสการพระอื่นๆ โดยเทียบเท่ากับการผิดประเวณี คือนอกใจพระเจ้า
แต่เมื่อพระเยซูไปพบหญิงคนนี้ พระองค์ไม่ได้ไปเพื่อประณามเธอ แต่ไปเพื่อให้ของขวัญแก่เธอ
สำหรับพระเยซูเจ้าแล้ว พระองค์เสด็จมา เพื่อให้น้ำทรงชีวิต ให้ความรักที่ไม่มีวันแห้งเหือด ความรักของมนุษย์อาจแห้งเหือดไปในเวลาหนึ่ง หรือก่อความกระหายในรักให้อีกในอนาคต แต่ความรักของพระเจ้านั้น เต็มเปี่ยม และล้นวิญญาณ และไม่มีวันจืดจางหรือแห้งหายไปจากเรา
ความรักของพระเจ้าจึงเป็นน้ำทรงชีวิต ที่ใครๆก็สามารถเข้ามาตักตวงได้
เมื่อวันที่คุณรับศีลล้างบาป น้ำที่ชำระบาปนั้นอาจแห้งระเหยไปในวันนั้น แต่พันธสัญญารักของพระเยซูที่มีต่อคุณนั้นคือตลอดกาล
ผู้ชายคนหนึ่งในโลกอาจทิ้งคุณไปด้วยเหตุผลอันใดอันหนึ่ง แต่พระเยซูจะไม่มีวันทิ้งคุณเ้ลยแม้ว่าคุณจะสลัดพระองค์ทิ้ง และพระสัญญาของพระองค์เป็นนิจนิรันดร์ และพระองค์ยังคงซื่อสัตย์ต่อคุณแม้คุณจะไม่ซื่อสัตย์ก้ตาม
ดังนั้นจงละทิ้งบาป นำรูปพระอื่นออกไปจากห้องคุณ และนำความเชื่อในโชคลาง และความเชื่อในพระอื่นออกไปจากชีวิตคุณเสีย และกลับไปหาผู้ชายที่รักคุณจนตายแทนคุณได้ที่ชื่อ เยซู และโปรดอย่าทำร้ายจิตใจพระองค์อีก เพราะพระองค์จะทรงรักคุณตลอดไปและไม่ว่าบาปของคุณจะเฆี่ยนตีพระองค์หรือแทงทะลุสีข้างไปจนถึงหัวใจของพระองค์ แต่พระองค์จะไม่หยุดรัก และเลิกรอคุณเลย
ลองกลับไปมองไม้กางเขน พระหัตถ์ของพระองค์ถูกตรึงอ้าอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะหันหลังกี่ครั้ง จะล้มลงกี่หน พระองค์ก็ยินยอมให้ตะปูตอกมือพระองค์ไว้ เพื่อจะอ้าแขนรอรับคุณลุกขึ้น และกลับมาหาพระองค์ตลอดเวลา
แต่เมื่อพระเยซูไปพบหญิงคนนี้ พระองค์ไม่ได้ไปเพื่อประณามเธอ แต่ไปเพื่อให้ของขวัญแก่เธอ
สำหรับพระเยซูเจ้าแล้ว พระองค์เสด็จมา เพื่อให้น้ำทรงชีวิต ให้ความรักที่ไม่มีวันแห้งเหือด ความรักของมนุษย์อาจแห้งเหือดไปในเวลาหนึ่ง หรือก่อความกระหายในรักให้อีกในอนาคต แต่ความรักของพระเจ้านั้น เต็มเปี่ยม และล้นวิญญาณ และไม่มีวันจืดจางหรือแห้งหายไปจากเรา
ความรักของพระเจ้าจึงเป็นน้ำทรงชีวิต ที่ใครๆก็สามารถเข้ามาตักตวงได้
เมื่อวันที่คุณรับศีลล้างบาป น้ำที่ชำระบาปนั้นอาจแห้งระเหยไปในวันนั้น แต่พันธสัญญารักของพระเยซูที่มีต่อคุณนั้นคือตลอดกาล
ผู้ชายคนหนึ่งในโลกอาจทิ้งคุณไปด้วยเหตุผลอันใดอันหนึ่ง แต่พระเยซูจะไม่มีวันทิ้งคุณเ้ลยแม้ว่าคุณจะสลัดพระองค์ทิ้ง และพระสัญญาของพระองค์เป็นนิจนิรันดร์ และพระองค์ยังคงซื่อสัตย์ต่อคุณแม้คุณจะไม่ซื่อสัตย์ก้ตาม
ดังนั้นจงละทิ้งบาป นำรูปพระอื่นออกไปจากห้องคุณ และนำความเชื่อในโชคลาง และความเชื่อในพระอื่นออกไปจากชีวิตคุณเสีย และกลับไปหาผู้ชายที่รักคุณจนตายแทนคุณได้ที่ชื่อ เยซู และโปรดอย่าทำร้ายจิตใจพระองค์อีก เพราะพระองค์จะทรงรักคุณตลอดไปและไม่ว่าบาปของคุณจะเฆี่ยนตีพระองค์หรือแทงทะลุสีข้างไปจนถึงหัวใจของพระองค์ แต่พระองค์จะไม่หยุดรัก และเลิกรอคุณเลย
ลองกลับไปมองไม้กางเขน พระหัตถ์ของพระองค์ถูกตรึงอ้าอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะหันหลังกี่ครั้ง จะล้มลงกี่หน พระองค์ก็ยินยอมให้ตะปูตอกมือพระองค์ไว้ เพื่อจะอ้าแขนรอรับคุณลุกขึ้น และกลับมาหาพระองค์ตลอดเวลา
เมื่อเช้าอ่านพระคัมภีร์เจอเรื่องนี้ครับ คิดว่าน่าจะเข้ากันได้กับสถานการณ์ของคุณด้วยเหมือนกัน (ก่อนอื่นหมดมันเข้ากับสถานการณ์ของตัวผมเองด้วย)
พระเยซูทรงพระกันแสง
ยอห์น๑๑.๓๕-๓๖
พระเยซูทรงพระกันแสง พวกยิวจึงกล่าวว่า "ดูสิพระองค์ทรงรักเขาเพียงไร"
ลาซารัสฟื้น
ยอห์น๑๑.๔๐
พระเยซูตรัสกับเธอว่า "เราบอกเจ้าแล้วมิใช่เหรอว่า ถ้าเจ้าเชื่อ เจ้าจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า"
พระคัมภีร์สองช่วงนี้มีความต่อเนื่องกันเป็นเรื่องของการที่พระเยซูเจ้าทรงชุบลาซารัส ลองไปอ่านดูครับ อ่านช้าๆ ทำความเข้าใจเนื้อเรื่องโดยรวมทั้งหมด แล้วจะรู้ว่าคนที่คุณพึ่งพาได้นั้นคือพระเยซูพระเจ้าผู้ทรงเอาชนะความตายของเรานั่นเอง
ขอพระเจ้าอวยพร
พระเยซูทรงพระกันแสง
ยอห์น๑๑.๓๕-๓๖
พระเยซูทรงพระกันแสง พวกยิวจึงกล่าวว่า "ดูสิพระองค์ทรงรักเขาเพียงไร"
ลาซารัสฟื้น
ยอห์น๑๑.๔๐
พระเยซูตรัสกับเธอว่า "เราบอกเจ้าแล้วมิใช่เหรอว่า ถ้าเจ้าเชื่อ เจ้าจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า"
พระคัมภีร์สองช่วงนี้มีความต่อเนื่องกันเป็นเรื่องของการที่พระเยซูเจ้าทรงชุบลาซารัส ลองไปอ่านดูครับ อ่านช้าๆ ทำความเข้าใจเนื้อเรื่องโดยรวมทั้งหมด แล้วจะรู้ว่าคนที่คุณพึ่งพาได้นั้นคือพระเยซูพระเจ้าผู้ทรงเอาชนะความตายของเรานั่นเอง
ขอพระเจ้าอวยพร
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
พระเจ้าให้อภัยเสมอ และ รอคุณกลับมาอยู่ค่ะ
ดูอันนี้ค่ะ
http://www.newmana.com/phpbb/viewtopic.php?f=34&t=4049
ดูอันนี้ค่ะ
http://www.newmana.com/phpbb/viewtopic.php?f=34&t=4049
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
^
^
ขอพระองค์ทรงอวยพรและนำทางคุณเสมอครับ
^
ขอพระองค์ทรงอวยพรและนำทางคุณเสมอครับ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ขอบคุณพระเจ้า
ความรักของพระองค์ยิ่งใหญ่จริงๆ
ความรักของพระองค์ยิ่งใหญ่จริงๆ
- ~*Little`Child*~
- ~@
- โพสต์: 202
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 11:52 pm
พระเจ้าอวยพรคะ...
กลับบ้านเราเถอะคะ...พ่อ..รอ อยู่นะคะ
กลับบ้านเราเถอะคะ...พ่อ..รอ อยู่นะคะ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
Aeyu เขียน:ขอบคุณค่ะ
วันนี้เราโทรไปหาคุณพ่อ คุณพ่อชวนไปเข้าเงียบอาทิตย์หน้า พอดี 23 นี้ วันเกิดเราพอดี เราว่าพระเจ้าทรงเรียกเราและให้เราเกิดใหม่ ทรงรักเราจิงๆ
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ