แชร์ประสบการณ์ การออกไปรับศีลของคนต่างศาสนา
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้ไปร่วมงานแต่งงานของคนรู้จักคนหนึ่งที่วัดเซนต์หลุยส์
ซึ่งเจ้าสาวแต่งงานกับคนพุทธ จึงทำให้มีคนพุทธมาร่วมงานพอสมควร
พิธีการก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยดี ข้าพเจ้านั่งอยู่แถวที่เจ็ด
ทีนี้ ก็มีผู้หญิงคู่หนึ่ง อายุก็น่าจะประมาณสามสิบต้น ๆ
ดั้งแต่เขามานั่งข้างหน้า ก่อนพิธี เราก็สังเกตเห็นแล้วว่า
เขาไม่ใช่คริสต์ คือ คนที่ไม่ใช่คริสต์จะมีบุคคลิกที่เราดูออก
อาจจะเป็นเพราะ เห็นการวางตัวของคนคริสต์เวลาอยู่ในวัดจนชินตา
พอเจอคนที่ไม่ใช่ อาการเขาจะเป็นอีกอารมณ์ แม้จะทำหลาย ๆ อย่าง
ได้ตามน้ำตลอดพิธีมิสซา
พอถึงช่วงเวลารับศีล ช่วงสำคัญที่คนต่างศาสนาชอบแจมด้วยมากที่สุด
พิธีกรก็ประกาศ สงวนการรับศีล
(แต่อยากตำหนิว่า ไมค์ฝั่งนักร้องเบามากจนฟังไำม่รู้เรื่องแต่ถึงอย่างไร
ในหนังสือเพลง เขาเขียนอยู่แล้วว่าห้าม ซึ่งชีทั้งสองก็เปิดตามตลอด)
พอเราลุกออกเดิน ก็เห็นทางหางตาว่า ชีทั้งคู่ลุกออกมาด้วย
แม้อีกคนจะทำเป็นเก้ง ๆ กัง ๆ ว่าออกดีไม่ออกดี แต่ก็ออกมาในที่สุด
ไอ้เราก็หวังเหลือเกินว่า พ่อจะดูออกว่าชีทั้งคู่ไม่ใช่
อย่างน้อย การพูดตอบกับพ่อ ชีไม่รุ้แน่ ๆ
แต่ตอนเรารับ พ่อส่งศีลให้แต่ ฉับ ๆ ๆ ๆ ๆ
ยังไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าเราตอบรึยัง ในใจเราก็.....
"เวงแล้ว.... ขอให้พ่อรู้ด้วยเถิด"
พอเรากลับมาที่ที่นั่ง ก็เหลือบไปดูชีทั้งคู่
ทั้งคู่ก็เดินยิ้มลั๊นลาร่าเริงมาเชียว
เราก็ยังหวังอยุ่ในใจว่า คงโดนพ่อไล่ออกมา เลยยิ้มแก้เขิน
แต่ปรากฏว่าพอทั้งคู่มานั่งที่โต๊ะ พระเจ้าก็ดลใจให้เรา
มองลอดช่องระหว่างตัวทั้งคู่ เห็นแผ่นศีลที่คนขวากำไว้ในมือ
ตอนนั้นยอมรับเลยว่าใจหายมาก ขนลุกถึงคอเลย
ทั้งคู่ยังมองสบตากัน ยิ้มร่า ประมาณว่า "อิอิ ได้มาแล้ว"
แล้วตั้งท่าเปิดกระเป๋า เตรียมจะเก็บศีลลงกระเป๋า
ข้าพเจ้าอดใจไม่ไหว และทันทีไม่มีคิดรอบสอง ใช้สองมือแตะบ่าทั้งคู่เลย
แล้วก็แบมือสองมือเหมือนเวลาวักน้ำ ยื่นไประหว่างชีทั้งคู่
"ขอโทษนะค่ะ ถ้าไม่ใช่คริสต์ ขอคืนนะค่ะ ขอคืนด้วยค่ะ ขอคืนนะคะ ๆ ๆ "
จำได้ว่าพูดย้ำอยู่อย่างนั้น คนขวาก็หน้าเจื่อนคืนให้
แต่คนซ้ายมองหน้ากันก่อน เหมือนชั่งใจ ประมาณ 1 นาที
จึงวางลงใส่คืนมาในมือเรา
พอได้คืนก็ประคองอยู่ในมือ ดีใจจริง ๆ เวลานั้นพ่อเดินกลับขึ้นแท่นไปหมดแล้ว
จังหวะนั้นตั้งใจจริง ๆ ว่า จะเดินขึ้นไปหาพ่อที่บันไดขั้นบนสุดเลย
กะให้ทั้งคู่ได้อาย จะได้จำแม่น ๆ ว่า ศีลเราศักดิ์สิทธิ์ และ สำคัญขนาดไหน
และก็อยากให้พ่อตระหนักด้วยว่า พ่อลืมหรือเผลอแจกศีลให้คนต่างศาสนาไปแล้ว
แต่มาม๊านั่งอยู่ข้าง ๆ กันบอกว่าให้พวกเรารีบรับเข้าไปเลย
เพราะเห็นว่า พ่อขึ้นแท่นและเก็บศีลเข้าตู้ไปหมดแล้ว
จังหวะนั้นเลย เลยตามเลย รับเข้าไปเอง
ตอนหลังเลยไปถามพ่ออีกท่านหนึ่ง ท่านก็ว่า เราทำถูกแล้ว
ถ้าคืนศีลพ่อไม่ได้ ให้เรารับเข้าไปเองเลย
แต่ก็ยังนึกเสียดายอยู่ ว่าจังหวะนั้น เราน่าจะเดินออกไปคืนพ่อที่หน้าแท่นเลย
มาม๊าเลยถามว่า ไม่อายเหรอ คนตั้งเยอะ เจ้าบ่าว เจ้าสาวก็นั่งอยู่ข้างหน้าพ่อ
เลยตอบด้วยเสียงดังฟังชัดว่า
"ไม่อาย และถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก คราวหน้าจะเดินไปให้ดู"
ซึ่งเจ้าสาวแต่งงานกับคนพุทธ จึงทำให้มีคนพุทธมาร่วมงานพอสมควร
พิธีการก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยดี ข้าพเจ้านั่งอยู่แถวที่เจ็ด
ทีนี้ ก็มีผู้หญิงคู่หนึ่ง อายุก็น่าจะประมาณสามสิบต้น ๆ
ดั้งแต่เขามานั่งข้างหน้า ก่อนพิธี เราก็สังเกตเห็นแล้วว่า
เขาไม่ใช่คริสต์ คือ คนที่ไม่ใช่คริสต์จะมีบุคคลิกที่เราดูออก
อาจจะเป็นเพราะ เห็นการวางตัวของคนคริสต์เวลาอยู่ในวัดจนชินตา
พอเจอคนที่ไม่ใช่ อาการเขาจะเป็นอีกอารมณ์ แม้จะทำหลาย ๆ อย่าง
ได้ตามน้ำตลอดพิธีมิสซา
พอถึงช่วงเวลารับศีล ช่วงสำคัญที่คนต่างศาสนาชอบแจมด้วยมากที่สุด
พิธีกรก็ประกาศ สงวนการรับศีล
(แต่อยากตำหนิว่า ไมค์ฝั่งนักร้องเบามากจนฟังไำม่รู้เรื่องแต่ถึงอย่างไร
ในหนังสือเพลง เขาเขียนอยู่แล้วว่าห้าม ซึ่งชีทั้งสองก็เปิดตามตลอด)
พอเราลุกออกเดิน ก็เห็นทางหางตาว่า ชีทั้งคู่ลุกออกมาด้วย
แม้อีกคนจะทำเป็นเก้ง ๆ กัง ๆ ว่าออกดีไม่ออกดี แต่ก็ออกมาในที่สุด
ไอ้เราก็หวังเหลือเกินว่า พ่อจะดูออกว่าชีทั้งคู่ไม่ใช่
อย่างน้อย การพูดตอบกับพ่อ ชีไม่รุ้แน่ ๆ
แต่ตอนเรารับ พ่อส่งศีลให้แต่ ฉับ ๆ ๆ ๆ ๆ
ยังไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าเราตอบรึยัง ในใจเราก็.....
"เวงแล้ว.... ขอให้พ่อรู้ด้วยเถิด"
พอเรากลับมาที่ที่นั่ง ก็เหลือบไปดูชีทั้งคู่
ทั้งคู่ก็เดินยิ้มลั๊นลาร่าเริงมาเชียว
เราก็ยังหวังอยุ่ในใจว่า คงโดนพ่อไล่ออกมา เลยยิ้มแก้เขิน
แต่ปรากฏว่าพอทั้งคู่มานั่งที่โต๊ะ พระเจ้าก็ดลใจให้เรา
มองลอดช่องระหว่างตัวทั้งคู่ เห็นแผ่นศีลที่คนขวากำไว้ในมือ
ตอนนั้นยอมรับเลยว่าใจหายมาก ขนลุกถึงคอเลย
ทั้งคู่ยังมองสบตากัน ยิ้มร่า ประมาณว่า "อิอิ ได้มาแล้ว"
แล้วตั้งท่าเปิดกระเป๋า เตรียมจะเก็บศีลลงกระเป๋า
ข้าพเจ้าอดใจไม่ไหว และทันทีไม่มีคิดรอบสอง ใช้สองมือแตะบ่าทั้งคู่เลย
แล้วก็แบมือสองมือเหมือนเวลาวักน้ำ ยื่นไประหว่างชีทั้งคู่
"ขอโทษนะค่ะ ถ้าไม่ใช่คริสต์ ขอคืนนะค่ะ ขอคืนด้วยค่ะ ขอคืนนะคะ ๆ ๆ "
จำได้ว่าพูดย้ำอยู่อย่างนั้น คนขวาก็หน้าเจื่อนคืนให้
แต่คนซ้ายมองหน้ากันก่อน เหมือนชั่งใจ ประมาณ 1 นาที
จึงวางลงใส่คืนมาในมือเรา
พอได้คืนก็ประคองอยู่ในมือ ดีใจจริง ๆ เวลานั้นพ่อเดินกลับขึ้นแท่นไปหมดแล้ว
จังหวะนั้นตั้งใจจริง ๆ ว่า จะเดินขึ้นไปหาพ่อที่บันไดขั้นบนสุดเลย
กะให้ทั้งคู่ได้อาย จะได้จำแม่น ๆ ว่า ศีลเราศักดิ์สิทธิ์ และ สำคัญขนาดไหน
และก็อยากให้พ่อตระหนักด้วยว่า พ่อลืมหรือเผลอแจกศีลให้คนต่างศาสนาไปแล้ว
แต่มาม๊านั่งอยู่ข้าง ๆ กันบอกว่าให้พวกเรารีบรับเข้าไปเลย
เพราะเห็นว่า พ่อขึ้นแท่นและเก็บศีลเข้าตู้ไปหมดแล้ว
จังหวะนั้นเลย เลยตามเลย รับเข้าไปเอง
ตอนหลังเลยไปถามพ่ออีกท่านหนึ่ง ท่านก็ว่า เราทำถูกแล้ว
ถ้าคืนศีลพ่อไม่ได้ ให้เรารับเข้าไปเองเลย
แต่ก็ยังนึกเสียดายอยู่ ว่าจังหวะนั้น เราน่าจะเดินออกไปคืนพ่อที่หน้าแท่นเลย
มาม๊าเลยถามว่า ไม่อายเหรอ คนตั้งเยอะ เจ้าบ่าว เจ้าสาวก็นั่งอยู่ข้างหน้าพ่อ
เลยตอบด้วยเสียงดังฟังชัดว่า
"ไม่อาย และถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก คราวหน้าจะเดินไปให้ดู"
บางทีก็เห็นใจพ่อเหมือนกัน เป็นต้นในมหกรรมรับศีลเช่นงานพิธีต่างๆที่ไม่ใช่มิซซาวันอาทิตย์ ประชากรมักจะล้นหลามทั้งคริสต์และไม่คริสต์ขยันไปรับศีล แต่อันทีจริงในงานพวกนี้ไม่คริสต์จะมากกว่าคริสต์
ปล. บางทีเขารับไปก็ไม่แน่นะ พระอาจจะเรียกเขาทีหลังก็ได้ เช่นสมัยก่อนผมเคยเนียนไปรับศีลที่ขอนแก่นหนึ่งครั้ง ไม่มีอะไรมาก แค่อยากร่วมพิธีแล้วก็เห็นเขาออกไปรับก็ไปรับ ครั้งกระนั้นผมยังอยู่ในโบสถ์นิกายหนึ่ง และไม่ได้รู้เรื่องคำสอนเกี่ยวกับศีลมหาสนิทแม้แต่น้อย เพียงแต่ชอบและชื่นชม(ยังไม่ได้เลื่อมใส)ในวิธีการแบบคาทอลิก วันนั้นผมรับศีลเสร็จผมก็ไปทำอื่นๆตามเรื่องของผมไป และก็ลืมไปสนิท จากนั้นมาอีกสิบกว่าปีผมจึงได้เรียนคำสอนล้างบาปเป็นคริสตชนและได้รับศีลมหาสนิท
อยากจะบอกอย่างนี้ครับว่าถ้าเห็นแน่ชัดก็ทำอย่างที่แอ๋วแอ๋วทำ แต่ถ้าไม่เห็นและคิดว่าในที่นั้นน่าจะมีคนศาสนาอื่นเนียนไปรับศีล ก็ช่วยสวดให้พระที่เขาได้รับไปเรียกเขาให้มาพบพระองค์จริงๆ และขอพระประทานพระหรรษทานให้เกิดสันติสุขในใจเขาด้วย
ดีไหมๆ
ปล. บางทีเขารับไปก็ไม่แน่นะ พระอาจจะเรียกเขาทีหลังก็ได้ เช่นสมัยก่อนผมเคยเนียนไปรับศีลที่ขอนแก่นหนึ่งครั้ง ไม่มีอะไรมาก แค่อยากร่วมพิธีแล้วก็เห็นเขาออกไปรับก็ไปรับ ครั้งกระนั้นผมยังอยู่ในโบสถ์นิกายหนึ่ง และไม่ได้รู้เรื่องคำสอนเกี่ยวกับศีลมหาสนิทแม้แต่น้อย เพียงแต่ชอบและชื่นชม(ยังไม่ได้เลื่อมใส)ในวิธีการแบบคาทอลิก วันนั้นผมรับศีลเสร็จผมก็ไปทำอื่นๆตามเรื่องของผมไป และก็ลืมไปสนิท จากนั้นมาอีกสิบกว่าปีผมจึงได้เรียนคำสอนล้างบาปเป็นคริสตชนและได้รับศีลมหาสนิท
อยากจะบอกอย่างนี้ครับว่าถ้าเห็นแน่ชัดก็ทำอย่างที่แอ๋วแอ๋วทำ แต่ถ้าไม่เห็นและคิดว่าในที่นั้นน่าจะมีคนศาสนาอื่นเนียนไปรับศีล ก็ช่วยสวดให้พระที่เขาได้รับไปเรียกเขาให้มาพบพระองค์จริงๆ และขอพระประทานพระหรรษทานให้เกิดสันติสุขในใจเขาด้วย
ดีไหมๆ
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
ว่าไป เมื่อก่อน ตอนผมยังไมได้เป็นคาทอลิก ก็เคยไปรับศีลมหาสนิท (ตอนนั้นสนใจในศาสนาคริสต์) วันนั้นที่ไปคือโบสถ์พระมหาไถ่ ครับ เจอมิสซาภาษาอังกฤษเลยไม่ทราบว่าห้ามรับ ผมก็รับเข้าไป และบัดนี้ผมเป็นคริสต์เต็มตัวแระ ^^
ในกรณีรับศีล โดยไม่มีความปรารถนา
(ไม่รู้ว่าอะไรคือศีลมหาสนืท/ทำตามๆน้ำไป)
ไม่ถือเป็นการทุราจารย์ครับ
แล้วก็ไม่ถือเป็นการรับศีลมหาสนิทด้วย (เพราะเจ้าตัวไม่ได้เปิดใจรับพระกายพระโลหิต)
แต่พวกชอบทุราจารย์นี่นะ.........
ถ้าอยากรับศีลก็มาเป็นคริสตชนซะเลยสิ
(ไม่รู้ว่าอะไรคือศีลมหาสนืท/ทำตามๆน้ำไป)
ไม่ถือเป็นการทุราจารย์ครับ
แล้วก็ไม่ถือเป็นการรับศีลมหาสนิทด้วย (เพราะเจ้าตัวไม่ได้เปิดใจรับพระกายพระโลหิต)
แต่พวกชอบทุราจารย์นี่นะ.........
ถ้าอยากรับศีลก็มาเป็นคริสตชนซะเลยสิ
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งคล้าย ๆ กัน น่าจะประมาณ 1 หรือ 2 ปีก่อน
ตอนนั้นไปวัดเร็วมาก(ประมาณ 16.00 ปกติมิซซาบ่าย 17.00 น.) ก็นั่งอยู่นอกวัด เห็นวัยรุ่นชาย
น่าจะประมาณ ม.ปลาย ประมาณ 4 คน(ถ้าจำไม่ผิด)เข้ามานั่ง ท่าทางสนุก พูดคุยกัน
พอมิซซาเริ่มพวกเขาก็ยังอยู่และร่วมพิธีไปเรื่อย ๆ เราก็แอบมองเป็นระยะ ๆ จนถึงช่วงรับศีล
วัยรุ่นกลุ่มนั้นลุกออกไปพร้อมกัน พระจิตคงดลใจให้เราเข้าไปถามกลางแถวเลย
" โทษนะครับ ใช่คาทอลิกหรือเปล่าครับ" คนหนึ่งก็ตอบว่า " เพื่อนเป็นครับ" แล้วก็ชี้ไปที่เพื่อนคนหนึ่งที่ออกไปรับศีลก่อน เราก็เลยบอกว่าศีลนี้ให้เฉพาะคาทอลิกเท่านั้น พวกเขาก็เลยกลับไปนั่งที่เดิม
ตอนนั้นไปวัดเร็วมาก(ประมาณ 16.00 ปกติมิซซาบ่าย 17.00 น.) ก็นั่งอยู่นอกวัด เห็นวัยรุ่นชาย
น่าจะประมาณ ม.ปลาย ประมาณ 4 คน(ถ้าจำไม่ผิด)เข้ามานั่ง ท่าทางสนุก พูดคุยกัน
พอมิซซาเริ่มพวกเขาก็ยังอยู่และร่วมพิธีไปเรื่อย ๆ เราก็แอบมองเป็นระยะ ๆ จนถึงช่วงรับศีล
วัยรุ่นกลุ่มนั้นลุกออกไปพร้อมกัน พระจิตคงดลใจให้เราเข้าไปถามกลางแถวเลย
" โทษนะครับ ใช่คาทอลิกหรือเปล่าครับ" คนหนึ่งก็ตอบว่า " เพื่อนเป็นครับ" แล้วก็ชี้ไปที่เพื่อนคนหนึ่งที่ออกไปรับศีลก่อน เราก็เลยบอกว่าศีลนี้ให้เฉพาะคาทอลิกเท่านั้น พวกเขาก็เลยกลับไปนั่งที่เดิม
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
แต่คนที่เห็นและรู้ว่าไม่สมควร แต่นั่งเฉย ไม่กล้าเข้าไปเตือนหรือขอศีลมหาสนิทคืน ถือว่า บาป ครับZion เขียน:ในกรณีรับศีล โดยไม่มีความปรารถนา
(ไม่รู้ว่าอะไรคือศีลมหาสนืท/ทำตามๆน้ำไป)
ไม่ถือเป็นการทุราจารย์ครับ
แล้วก็ไม่ถือเป็นการรับศีลมหาสนิทด้วย (เพราะเจ้าตัวไม่ได้เปิดใจรับพระกายพระโลหิต)
ถูกต้องครับBatholomew เขียน:แต่คนที่เห็นและรู้ว่าไม่สมควร แต่นั่งเฉย ไม่กล้าเข้าไปเตือนหรือขอศีลมหาสนิทคืน ถือว่า บาป ครับZion เขียน:ในกรณีรับศีล โดยไม่มีความปรารถนา
(ไม่รู้ว่าอะไรคือศีลมหาสนืท/ทำตามๆน้ำไป)
ไม่ถือเป็นการทุราจารย์ครับ
แล้วก็ไม่ถือเป็นการรับศีลมหาสนิทด้วย (เพราะเจ้าตัวไม่ได้เปิดใจรับพระกายพระโลหิต)
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ท่านพี่เจ้าคณะ ดังที่ทุกคนว่า คือ
ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็น ก็ผ่านไปได้ หรือ เขาออกไปรับด้วยความปรารถนาจริง ๆ
ก็ยอมรับได้ และ ก็เชื่อว่าพระเจ้าจะเรียกเขา
แต่ถ้าออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเฉย ๆ
แถมรับแล้วไม่เอาเข้าปาก เอากลับมานั่งดูกัน อิๆอะๆ
เอาเก็บใส่กระเป๋า อันนี้เราไม่รุ้จริง ๆ ว่าจะเอาไปทำอะไรต่อ
จะกินรึเปล่า หรือ จะลืม ๆ ไว้ก้นกระเป๋าเป็นปี หรือ ร้ายกว่านั้น เอาไปทิ้งถังขยะ
รวมไปถึงเอาไปทำทุรจารแบบอื่น ๆ เราไม่รู้จริง ๆ
นั่นแหละค่ะ ที่กลัวเลย
ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็น ก็ผ่านไปได้ หรือ เขาออกไปรับด้วยความปรารถนาจริง ๆ
ก็ยอมรับได้ และ ก็เชื่อว่าพระเจ้าจะเรียกเขา
แต่ถ้าออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเฉย ๆ
แถมรับแล้วไม่เอาเข้าปาก เอากลับมานั่งดูกัน อิๆอะๆ
เอาเก็บใส่กระเป๋า อันนี้เราไม่รุ้จริง ๆ ว่าจะเอาไปทำอะไรต่อ
จะกินรึเปล่า หรือ จะลืม ๆ ไว้ก้นกระเป๋าเป็นปี หรือ ร้ายกว่านั้น เอาไปทิ้งถังขยะ
รวมไปถึงเอาไปทำทุรจารแบบอื่น ๆ เราไม่รู้จริง ๆ
นั่นแหละค่ะ ที่กลัวเลย
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
มีอยู่รายนึงที่เคยเจอ บุคลิกนี่ดูออกเลยว่าไม่ใช่คาทอลิก แต่ชีมาวัดเป็นประจำศรัทธา ไอ้ที่ดูว่าไม่ใช่คือ สังเกตว่า ชีไม่ทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขน นั่งไขว่ห้างฟังเทศน์ เอาน้ำเข้ามากินในวัด ชีออกไปรับศีลเราก็สังเกตแล้วว่า เอาเข้าปาก แต่มันไม่ใช่อ่ะ ดูออกเลยว่าไม่ใช่คริสตัง ก็เลยบอกพ่อเจ้าวัด พ่อบอกว่าเป็น ก็เลยไม่รู้ทำไง แต่ที่แน่ๆ ได้ยินเธอพูดกับคนอื่นว่า เธอเป็นโปรฯ สามีเป็นคาทอลิก บลาๆๆๆๆๆ คนฟังก็มึนๆ เพราะท่าทางชีศรัทธา แต่ไอ้คนแอบฟังมึนกว่า เพราะพ่อเจ้าวัดว่าใช่ แล้วเราจะไปเถียงอะไรอ่ะ
ของผม ทำม๊ายทำไม เป็นคาทอลิกมาหลายปี ไปร่วมมิสซาก็ไปแต่ที่อัสสัมชัญ รับศีลก็รับบ่อยๆ แต่พอถึงช่วงเทศกาลทีไร ผมออกไปรับศีล ดันมีป้าที่คอยดูแลมาถามว่า เป็นคาทอลิกเปล่า (เซงเลย เห็นป้าแกก็บ่อยๆ มองป้าแกก็บ่อยมากๆ แต่ป้าแกไม่เคยมองผมเลยเหรอเนี่ยถึงจำผมไม่ได้ น้อยใจนิดๆ)
ป้าคนนั้นถ้ามาอ่านเจอโปรดทราบ ว่าผมน้อยใจนิดๆ
ป้าคนนั้นถ้ามาอ่านเจอโปรดทราบ ว่าผมน้อยใจนิดๆ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
นึกถึงศีลมหาสนิทที่โบสถ์เราค่ะ
เตือนทุกครั้ง ว่าถ้ายังไม่เข้าใจขอให้ผ่านไปก่อน (ยกข้อพระคัมภีร์นี้มาทุกครั้งเลย ถึงเนื้อหาจะต่างไปนิดกับที่ยกมา แต่ก็เหมือนในไบเิบิลเล่มที่ใช้กันทุกประการ)
1โครินท์ 11
23 เพราะ ว่าเรื่องซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้กับท่านแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้า คือในคืนที่เขาทรยศพระเยซูเจ้านั้น พระองค์ทรงหยิบขนมปัง 24 ครั้น ขอบพระคุณแล้ว จึงทรงหักแล้วตรัสว่า "จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเรา ซึ่งหักออกเพื่อท่านทั้งหลาย จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา" 25 เมื่อ รับประทานแล้ว พระองค์จึงทรงหยิบถ้วยด้วยอาการอย่างเดียวกัน ตรัสว่า "ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ด้วยโลหิตของเรา เมื่อท่านดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด จงดื่มให้เป็นที่ระลึกถึงเรา" 26 เพราะ ว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
27 เหตุ ฉะนั้น ถ้าผู้ใดกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สมควร ผู้นั้นก็ทำผิดต่อพระกายและพระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า 28 ขอ ให้ทุกคนพิจารณาตนเอง แล้วจึงกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้ 29 เพราะ ว่าคนที่กินและดื่มอย่างไม่สมควร ก็กินและดื่มเป็นเหตุให้ตนเองถูกพิพากษาโทษ เพราะมิได้เล็งเห็นพระกายขององค์พระผู้เป็นเจ้า 30 ด้วย เหตุนี้พวกท่านหลายคนจึงอ่อนกำลังและป่วยอยู่และที่ล่วงหลับไปแล้วก็มีมาก 31 แต่ ถ้าเราจะพิจารณาตัวเราเอง เราจะไม่ต้องถูกทำโทษ 32 แต่ เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำโทษเรานั้น พระองค์ทรงตีสอนเรา เพื่อมิให้เราถูกพิพากษาลงโทษด้วยกันกับโลก
เตือนทุกครั้ง ว่าถ้ายังไม่เข้าใจขอให้ผ่านไปก่อน (ยกข้อพระคัมภีร์นี้มาทุกครั้งเลย ถึงเนื้อหาจะต่างไปนิดกับที่ยกมา แต่ก็เหมือนในไบเิบิลเล่มที่ใช้กันทุกประการ)
1โครินท์ 11
23 เพราะ ว่าเรื่องซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้กับท่านแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้า คือในคืนที่เขาทรยศพระเยซูเจ้านั้น พระองค์ทรงหยิบขนมปัง 24 ครั้น ขอบพระคุณแล้ว จึงทรงหักแล้วตรัสว่า "จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเรา ซึ่งหักออกเพื่อท่านทั้งหลาย จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา" 25 เมื่อ รับประทานแล้ว พระองค์จึงทรงหยิบถ้วยด้วยอาการอย่างเดียวกัน ตรัสว่า "ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ด้วยโลหิตของเรา เมื่อท่านดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด จงดื่มให้เป็นที่ระลึกถึงเรา" 26 เพราะ ว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
27 เหตุ ฉะนั้น ถ้าผู้ใดกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สมควร ผู้นั้นก็ทำผิดต่อพระกายและพระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า 28 ขอ ให้ทุกคนพิจารณาตนเอง แล้วจึงกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้ 29 เพราะ ว่าคนที่กินและดื่มอย่างไม่สมควร ก็กินและดื่มเป็นเหตุให้ตนเองถูกพิพากษาโทษ เพราะมิได้เล็งเห็นพระกายขององค์พระผู้เป็นเจ้า 30 ด้วย เหตุนี้พวกท่านหลายคนจึงอ่อนกำลังและป่วยอยู่และที่ล่วงหลับไปแล้วก็มีมาก 31 แต่ ถ้าเราจะพิจารณาตัวเราเอง เราจะไม่ต้องถูกทำโทษ 32 แต่ เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำโทษเรานั้น พระองค์ทรงตีสอนเรา เพื่อมิให้เราถูกพิพากษาลงโทษด้วยกันกับโลก
ผมว่า ก็ขอบคุณพระนะ ที่อย่างน้อย เขายังมานั่งอยู่ในวัด มีความสนใจในความเป็นคริสตชน ของเรา แทนที่เราจะขอคืนแผ่นศีล จากเขาเฉยๆ เราน่าจะลองชวนเขาให้มามิสซาวันอาทิตย์ร่วมกันบ่อยๆ อธิบายเขาให้เขาเข้าใจถึงมิสซา และ การรับศีลมหาสนิท หรือให้ดี ลองท้าทายให้เขา เรียนคำสอนเลยเพราะ การที่เขามาร่วมมิสซา เขาก็น่าจะมีความสนใจในระดับนึงละนะ ถ้าเป็นไปได้และพระเรียกเขามา เราก็ได้พี่น้องเพิ่มขึ้นนะ
แสดงว่าหน้าตามีพัฒนาการสูง เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาtaiyo เขียน:ของผม ทำม๊ายทำไม เป็นคาทอลิกมาหลายปี ไปร่วมมิสซาก็ไปแต่ที่อัสสัมชัญ รับศีลก็รับบ่อยๆ แต่พอถึงช่วงเทศกาลทีไร ผมออกไปรับศีล ดันมีป้าที่คอยดูแลมาถามว่า เป็นคาทอลิกเปล่า (เซงเลย เห็นป้าแกก็บ่อยๆ มองป้าแกก็บ่อยมากๆ แต่ป้าแกไม่เคยมองผมเลยเหรอเนี่ยถึงจำผมไม่ได้ น้อยใจนิดๆ)
ป้าคนนั้นถ้ามาอ่านเจอโปรดทราบ ว่าผมน้อยใจนิดๆ
Little Lamb: ข้าพเจ้าอดใจไม่ไหว และทันทีไม่มีคิดรอบสอง ใช้สองมือแตะบ่าทั้งคู่เลย
แล้วก็แบมือสองมือเหมือนเวลาวักน้ำ ยื่นไประหว่างชีทั้งคู่
"ขอโทษนะค่ะ ถ้าไม่ใช่คริสต์ ขอคืนนะค่ะ ขอคืนด้วยค่ะ ขอคืนนะคะ ๆ ๆ "
จำได้ว่าพูดย้ำอยู่อย่างนั้น คนขวาก็หน้าเจื่อนคืนให้
แต่คนซ้ายมองหน้ากันก่อน เหมือนชั่งใจ ประมาณ 1 นาที
จึงวางลงใส่คืนมาในมือเรา
R'Yan: My dearest niece, I am so proud of you.
The Lord and Mother Mary greatly appreciated your courage, highest respect and love for His body and blood, reserved for Roman Catholics who were well prepared to receive Him at that wedding.
แล้วก็แบมือสองมือเหมือนเวลาวักน้ำ ยื่นไประหว่างชีทั้งคู่
"ขอโทษนะค่ะ ถ้าไม่ใช่คริสต์ ขอคืนนะค่ะ ขอคืนด้วยค่ะ ขอคืนนะคะ ๆ ๆ "
จำได้ว่าพูดย้ำอยู่อย่างนั้น คนขวาก็หน้าเจื่อนคืนให้
แต่คนซ้ายมองหน้ากันก่อน เหมือนชั่งใจ ประมาณ 1 นาที
จึงวางลงใส่คืนมาในมือเรา
R'Yan: My dearest niece, I am so proud of you.
The Lord and Mother Mary greatly appreciated your courage, highest respect and love for His body and blood, reserved for Roman Catholics who were well prepared to receive Him at that wedding.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ขอบคุณค่ะอา แต่หนูเชื่อว่า
ถ้าอาเห็น อาก็ทำแบบหนูแหละ
ถ้าอาเห็น อาก็ทำแบบหนูแหละ
ยังไม่ได้เปนคริสต์ แต่ก็ศรัทธาในแผ่นศีลมหาสนิท(เพราะรู้ว่าคืออะไร) เคยคิดจะร่วมมิสซาแล้วทำเนียน แต่ก็ไม่มีโอกาสสักทีและไม่คิดจะทำแล้ว เพราะวัด(ในโรงเรียน)ป้าดูแลวัดเล่าว่า บางทีคุณพ่อจับได้ว่าคนร่วมมิสซาคนไหนไม่ได้เป็นคริสต์ ลงไปตามเอาแผ่นศีลคืนยันเก้าอีกเลยทีเดียว
เราเคยคุยกับผู้กลับใจใหม่หลายคนว่า ทำไมถึงอยากเป็นคริสต์ ขอแบ่งปัน ยกตัวอย่าง2คน
ก่อนที่พวกเขาจะเรียนคำสอนและล้างบาป ที่ได้เดินออกไปรับศิลเอง...
...คนแรกเป็นหญิงอายุ40กว่า เธอบอกสนใจศาสนาคริสต์ แต่ไม่รู้ต้องทำอย่างไร มีวันหนึ่งกลุ้ม
ใจมากๆไม่อยากอยู่ คืนนั้นนั่งรถกลับบ้านผ่านเข้ามาในซอยสุขุมวิท101 เห็นมีไฟประดับ สว่างไสว
สวยมากและมีคนเยอะแยะจึงเข้าไปดูด้วยความสนใจ เป็นคืนคริสมาสพอดี จึงเข้าไปนั่งร่วมมิสซา
กับเขาด้วย เห็นคนเดินไปรับแผ่นขาวแล้วเอาเข้าปาก ก็คิดว่าต้องเป็นของดีแน่ๆเห็นคนเดินออกไปกันหมดก็เลยออกไปเอาบ้างแล้วเอาเข้าปากกินตามเขา กลับบ้านรู้สึกดีขึ้น นอนหลับ เธอก็จะไป วัดที่นั่นแล้วก็ออกไปรับแผ่นศิลมากินประจำ จนในที่สุดได้มาเรียนคำสอนล้างบาปเป็นคริสตชนที่ดี และมีเหตุการณ์ดีๆหลายอย่างเกิดขึ้นกับเธอ เธอขอบคุณพระเจ้า....
...คนที่สองเป็นชาย เขาสนใจศาสนาคริสต์เหมือนกัน เราเลยชวนเขาไปทัวร์แสวงบุญ
ที่วัดบุญราศีสองคอน และได้อธิบายต่างๆให้ฟัง แต่วันนั้นมิสซา10.00น.คนแน่นมากไม่มีที่นั่งต้องแยกๆกันนั่ง เวลารับศิลเขาเห็นคนเดินไปรับกันเยอะแยะ ก็อยากรับบ้างว่ารสชาติมันเป็นอะไร ก็เดินออกไปเอามากิน เขาบอกว่าแผ่นนั้นเหมือนติดอยู่ที่เพดานปากใกล้ๆคอ กลืนยังไงก็ไม่ลง จนเลิก
มิสชา มีความรู้สึกติดเพดานตลอด กลับมาโรงแรมแปรงฟันบ้วนปากก็เหมือนยังอยู่ ตื่นเช้าอาการก็ยังเป็นอยู่ แปรงฟันบ้วนน้ำแล้วอ้าปากส่องกระจกก็ไม่เห็นอะไร เขากลัวมาเล่าให้เราฟัง
ว่าทำไมเป็นแบบนี้ เราเลยบอกว่าก็บอกแล้วว่า ไม่ให้ออกไปรับศิล แล้วออกไปทำไม
เดี๋ยวคณะทัวร์จะไปมิสซาที่วัดสกลนคร ให้ขอโทษพระองค์ว่าลูกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ขอพระองค์
เมตตาด้วย พอดีทัวร์ที่ไปมีพระสงฆ์ไปด้วย เลยพาไปสารภาพกับท่าน ท่านก็ยกมืออวยพรให้ เป็นอาการเหมือนมีอะไรติดคอ2วัน1คืน จนรถทัวร์กลับมาถึงกรุงเทพฯ รถจอดหน้าวัดเซนต์หลุย์ อาการที่เป็นก็หายเป็นปลิดทิ้ง เขาบอกว่าไม่กล้าลองอีกแล้ว ต่อมาได้เรียนคำสอนล้างบาปเป็นคริสตชนที่ดี...
....เราคิดว่าบางคนที่ไม่ได้เป็นคริสต์ ออกไปรับด้วยความบริสุทธ์ใจ หรือไม่รู้ (ซึ่งไม่สมควรอยู่ดี)พระองค์คงเมตตา แต่ถ้าทดลองหรืออะไรก็ตาม พระองค์คงจะสอนเขาเอง ด้วยวีธีของพระองค์.....
.............................. ............................
ก่อนที่พวกเขาจะเรียนคำสอนและล้างบาป ที่ได้เดินออกไปรับศิลเอง...
...คนแรกเป็นหญิงอายุ40กว่า เธอบอกสนใจศาสนาคริสต์ แต่ไม่รู้ต้องทำอย่างไร มีวันหนึ่งกลุ้ม
ใจมากๆไม่อยากอยู่ คืนนั้นนั่งรถกลับบ้านผ่านเข้ามาในซอยสุขุมวิท101 เห็นมีไฟประดับ สว่างไสว
สวยมากและมีคนเยอะแยะจึงเข้าไปดูด้วยความสนใจ เป็นคืนคริสมาสพอดี จึงเข้าไปนั่งร่วมมิสซา
กับเขาด้วย เห็นคนเดินไปรับแผ่นขาวแล้วเอาเข้าปาก ก็คิดว่าต้องเป็นของดีแน่ๆเห็นคนเดินออกไปกันหมดก็เลยออกไปเอาบ้างแล้วเอาเข้าปากกินตามเขา กลับบ้านรู้สึกดีขึ้น นอนหลับ เธอก็จะไป วัดที่นั่นแล้วก็ออกไปรับแผ่นศิลมากินประจำ จนในที่สุดได้มาเรียนคำสอนล้างบาปเป็นคริสตชนที่ดี และมีเหตุการณ์ดีๆหลายอย่างเกิดขึ้นกับเธอ เธอขอบคุณพระเจ้า....
...คนที่สองเป็นชาย เขาสนใจศาสนาคริสต์เหมือนกัน เราเลยชวนเขาไปทัวร์แสวงบุญ
ที่วัดบุญราศีสองคอน และได้อธิบายต่างๆให้ฟัง แต่วันนั้นมิสซา10.00น.คนแน่นมากไม่มีที่นั่งต้องแยกๆกันนั่ง เวลารับศิลเขาเห็นคนเดินไปรับกันเยอะแยะ ก็อยากรับบ้างว่ารสชาติมันเป็นอะไร ก็เดินออกไปเอามากิน เขาบอกว่าแผ่นนั้นเหมือนติดอยู่ที่เพดานปากใกล้ๆคอ กลืนยังไงก็ไม่ลง จนเลิก
มิสชา มีความรู้สึกติดเพดานตลอด กลับมาโรงแรมแปรงฟันบ้วนปากก็เหมือนยังอยู่ ตื่นเช้าอาการก็ยังเป็นอยู่ แปรงฟันบ้วนน้ำแล้วอ้าปากส่องกระจกก็ไม่เห็นอะไร เขากลัวมาเล่าให้เราฟัง
ว่าทำไมเป็นแบบนี้ เราเลยบอกว่าก็บอกแล้วว่า ไม่ให้ออกไปรับศิล แล้วออกไปทำไม
เดี๋ยวคณะทัวร์จะไปมิสซาที่วัดสกลนคร ให้ขอโทษพระองค์ว่าลูกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ขอพระองค์
เมตตาด้วย พอดีทัวร์ที่ไปมีพระสงฆ์ไปด้วย เลยพาไปสารภาพกับท่าน ท่านก็ยกมืออวยพรให้ เป็นอาการเหมือนมีอะไรติดคอ2วัน1คืน จนรถทัวร์กลับมาถึงกรุงเทพฯ รถจอดหน้าวัดเซนต์หลุย์ อาการที่เป็นก็หายเป็นปลิดทิ้ง เขาบอกว่าไม่กล้าลองอีกแล้ว ต่อมาได้เรียนคำสอนล้างบาปเป็นคริสตชนที่ดี...
....เราคิดว่าบางคนที่ไม่ได้เป็นคริสต์ ออกไปรับด้วยความบริสุทธ์ใจ หรือไม่รู้ (ซึ่งไม่สมควรอยู่ดี)พระองค์คงเมตตา แต่ถ้าทดลองหรืออะไรก็ตาม พระองค์คงจะสอนเขาเอง ด้วยวีธีของพระองค์.....
.............................. ............................
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 23, 2011 9:18 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 954
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 11:04 pm
เขาขาดอย่างเดียวครับคือการสารภาพบาปครับ
มีอยู่วันหนึ่งหลังจากเขาจัดพระแท่นมิสซาช่วงเย็นเสร็จ ป้าคนเดมที่ดูแลวัดก็เดินไปหยิบแผ่นศีลที่ยังไม่เสกจากกระปุกมาให้ผมชิม(ผมนั่งสวดสายประคำอยู่ที่เก้าอี้) แผ่นใหญ่แผ่น แผ่นเล็กแผ่น แล้วก็เดินไปทำงานต่อ ก่อนจะกินก็ขอบคุณพระ ในใจก็คิดว่าแผ่นศีลบางๆนี่นะ ถ้าพระองค์สถิตอยู่ ก็ลองแสดงให้ดูหน่อย แล้วพอเอาเข้าปากก็รู้สึกว่าแผ่นศีล(แผ่นเล็ก)รู้สึกแผ่นปังเหนียวๆก็คิดว่า เอ้อ คงจะเก็บไว้นานล่ะมั้ง พอจะชิมแผ่นใหญ่ก็ทำแบบเดียวกัน(ยกเว้นคิดในใจ) แล้วก็หักครึ่งตามลายด้านหลังเป็น2ส่วน แล้วกินชิ้นเล็กก่อน พอเข้าปากก็ละลาย ไม่เหนียวเหมือนแผ่นเล็ก พอกลืนเสร็จก็ตามด้วยอีกชิ้น เข้าปากเสร็จก็ตกใจ ชิ้นเดียวกัน หักได้เดี๋ยวเดียว ทำไมถึงเหนียวเหมือนแผ่นเล็กไม่มีผิด พอกลืนได้ก็รีบขอบคุณพระ คิดว่าเราคงโดนให้แล้ว เชื่อเลย