เอารูปศาสนสถานและอาสนวิหารที่อัครสังฆมณฑลซออุล(โซล)มาฝากค่ะ
เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมาไป backpack ที่เกาหลี ได้มีโอกาสไปเยี่ยมศาสนสถานและเข้ามิสซาวันอาทิตย์ใบลานที่เกาหลี เลยเอารูปมาฝากกันค่ะ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักศาสนจักรในเกาหลีกันก่อนเลยค่ะ
-คนเกาหลีรู้จักศาสนาคริสต์ครั้งแรกในปี 1603 เมื่อฑูตชาวเกาหลีชื่อ อี ควาง จอง เดินทางกลับมาจากประเทศจีนโดยนำแผนที่โลกและหนังสือเทววิทยาที่เขียนโดยมิชชันนารีเยซูอิตกลับมาด้วย ท่านได้พยายามอธิบายเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้แต่ยังไม่มีผู้ที่เชื่อและสนใจมากเท่าไหร่
-ปี 1758 กษัตริย์ยองโจ(เสด็จปู่ในเรื่องลีซาน) ประกาศอย่างเป็นทางการว่าความเชื่อคาธอลิกเป็นการปฏิบัติที่เลวร้าย
-การเผยแพร่ศาสนาครั้งแรกเริ่มในปี 1784 โดยท่านอีซึงฮุน ซึ่งรับศีลล้างบาปที่ปักกิ่งแล้วจึงเดินทางกลับมาแพร่ธรรมที่บ้านเกิด โดยท่านใช้ศาสนนามว่า ปีเตอร์ (คนเกาหลีออกเสียงว่าเปโตรเหมือนเราค่ะ) เป็นผู้ก่อตั้งชุมชนความเชื่อแห่งแรกที่ มยอง แน บังปัจจุบันเป็นที่ตั้งของอาสนวิหารมยองดง ท่านเป็นมรณสักขีในปี 1801
-ในยุคแรกเกาหลีเผยแพร่ศาสนาโดยอาศัยการแบ่งปันพระคัมภีร์และความเชื่อโดยที่ยังไม่มีพระสงฆ์ดูแลอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งในปี 1836 จึงมีพระสงฆ์ต่างชาติคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสเข้ามาดูแล
-ต่อมาศาสนจักรในเกาหลีจึงส่งท่านคิม แท กอน ไปเรียนเทววิทยาที่ประเทศจีนจนได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ในปี 1845 นับเป็นพระสงฆ์ชาวเกาหลีท่านแรก ท่านได้เดินทางกลับมาแพร่ธรรมที่บ้านเกิด จนถูกจับและประหารชีวิตในปี 1846 เมื่ออายุได้ 25 ปี ท่านได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญในปี 1984 ร่วมกับมรณสักขีอีก 102 ท่าน ระลึกถึงในวันที่ 20 กันยายน
-ต่อมาในช่วงปี 1880 จึงเริ่มมีการเข้ามาแพร่ธรรมของคณะมิชชันนารีโปรเตสแตนท์ โดยเริ่มมีการก่อตั้ง โรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถานพยาบาลในสมัยนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการพัฒนาประเทศเกาหลี(ขณะนั้นยังไม่มีการแยกประเทศ)
-ช่วงแรกผู้ที่เป็นคริสตชนอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ต่อมาเมื่อเกิดสงครามเกาหลี คริสชนในสมัยนั้นจึงต้องอพยพลงมาทางใต้ สมัยนั้นเมืองพยองยาง(คนไทยออกเสียงว่าเปียงยาง) ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของเกาหลีเหนือมีคริสตชนอยู่มากถึง 1 ใน 6 ของประชากรเลยทีเดียว
-ช่วงทศวรรษที่ 60 เป็นช่วงรุ่งเรืองในการประกาศศาสนาในเกาหลีใต้ มีผู้กลับใจมาเป็นคริสตชนมากเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเป็นช่วงฟื้นตัวหลังจากสงครามเกาหลีสิ้นสุดลงในปี 1953
-ปัจจุบันมีคริสตชนที่เป็นโปรเตสแตนท์อยู่ประมาณ 18.3% และเป็นคาธอลิกประมาณ 10.9%ในเกาหลีใต้ โดยมีผู้ที่ไม่นับถือศาสนาใดๆถึง 46.5% นับเป็นประเทศที่มีคริสตชนมาเป็นอันดับที่สามในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากฟิลิปปินส์และติมอร์ตะวันออก (จากข้อมูลปี 2005 หาที่ใหม่กว่านี้ไม่ได้จริงๆจ้า)
-ในช่วงสิบปีมานี้มีคนที่กลับใจมาเป็นคาธอลิกเพิ่มมากขึ้นถึง 70% เลยทีเดียว
-เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีจำนวนนักบุญมากเป็นอันดับสี่ของโลก
-จำนวนมิชชันนารีที่ทำงานอยู่ทุกมุมโลกในปัจจุบันมีชาวเกาหลีมากเป็นอันดับที่สองของจำนวนมิชชันนารีทั้งหมด รองจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
-ส่วนในเกาหลีเหนือเท่าที่ทราบมีจำนวนผู้ที่เป็นโปรเตสแตนท์อยู่ประมาณ 10,000 คนและเป็นคาธอลิก 4,000 คนโดยประมาณ
-ปัจจุบันประเทศเกาหลีใต้มีสามอัครสังฆมณฑล คือ ซออุล(โซล) แทกู และพูซาน และมีอีกสิบสองสังฆมณฑล
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักศาสนจักรในเกาหลีกันก่อนเลยค่ะ
-คนเกาหลีรู้จักศาสนาคริสต์ครั้งแรกในปี 1603 เมื่อฑูตชาวเกาหลีชื่อ อี ควาง จอง เดินทางกลับมาจากประเทศจีนโดยนำแผนที่โลกและหนังสือเทววิทยาที่เขียนโดยมิชชันนารีเยซูอิตกลับมาด้วย ท่านได้พยายามอธิบายเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้แต่ยังไม่มีผู้ที่เชื่อและสนใจมากเท่าไหร่
-ปี 1758 กษัตริย์ยองโจ(เสด็จปู่ในเรื่องลีซาน) ประกาศอย่างเป็นทางการว่าความเชื่อคาธอลิกเป็นการปฏิบัติที่เลวร้าย
-การเผยแพร่ศาสนาครั้งแรกเริ่มในปี 1784 โดยท่านอีซึงฮุน ซึ่งรับศีลล้างบาปที่ปักกิ่งแล้วจึงเดินทางกลับมาแพร่ธรรมที่บ้านเกิด โดยท่านใช้ศาสนนามว่า ปีเตอร์ (คนเกาหลีออกเสียงว่าเปโตรเหมือนเราค่ะ) เป็นผู้ก่อตั้งชุมชนความเชื่อแห่งแรกที่ มยอง แน บังปัจจุบันเป็นที่ตั้งของอาสนวิหารมยองดง ท่านเป็นมรณสักขีในปี 1801
-ในยุคแรกเกาหลีเผยแพร่ศาสนาโดยอาศัยการแบ่งปันพระคัมภีร์และความเชื่อโดยที่ยังไม่มีพระสงฆ์ดูแลอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งในปี 1836 จึงมีพระสงฆ์ต่างชาติคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสเข้ามาดูแล
-ต่อมาศาสนจักรในเกาหลีจึงส่งท่านคิม แท กอน ไปเรียนเทววิทยาที่ประเทศจีนจนได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ในปี 1845 นับเป็นพระสงฆ์ชาวเกาหลีท่านแรก ท่านได้เดินทางกลับมาแพร่ธรรมที่บ้านเกิด จนถูกจับและประหารชีวิตในปี 1846 เมื่ออายุได้ 25 ปี ท่านได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญในปี 1984 ร่วมกับมรณสักขีอีก 102 ท่าน ระลึกถึงในวันที่ 20 กันยายน
-ต่อมาในช่วงปี 1880 จึงเริ่มมีการเข้ามาแพร่ธรรมของคณะมิชชันนารีโปรเตสแตนท์ โดยเริ่มมีการก่อตั้ง โรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถานพยาบาลในสมัยนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการพัฒนาประเทศเกาหลี(ขณะนั้นยังไม่มีการแยกประเทศ)
-ช่วงแรกผู้ที่เป็นคริสตชนอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ต่อมาเมื่อเกิดสงครามเกาหลี คริสชนในสมัยนั้นจึงต้องอพยพลงมาทางใต้ สมัยนั้นเมืองพยองยาง(คนไทยออกเสียงว่าเปียงยาง) ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของเกาหลีเหนือมีคริสตชนอยู่มากถึง 1 ใน 6 ของประชากรเลยทีเดียว
-ช่วงทศวรรษที่ 60 เป็นช่วงรุ่งเรืองในการประกาศศาสนาในเกาหลีใต้ มีผู้กลับใจมาเป็นคริสตชนมากเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเป็นช่วงฟื้นตัวหลังจากสงครามเกาหลีสิ้นสุดลงในปี 1953
-ปัจจุบันมีคริสตชนที่เป็นโปรเตสแตนท์อยู่ประมาณ 18.3% และเป็นคาธอลิกประมาณ 10.9%ในเกาหลีใต้ โดยมีผู้ที่ไม่นับถือศาสนาใดๆถึง 46.5% นับเป็นประเทศที่มีคริสตชนมาเป็นอันดับที่สามในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากฟิลิปปินส์และติมอร์ตะวันออก (จากข้อมูลปี 2005 หาที่ใหม่กว่านี้ไม่ได้จริงๆจ้า)
-ในช่วงสิบปีมานี้มีคนที่กลับใจมาเป็นคาธอลิกเพิ่มมากขึ้นถึง 70% เลยทีเดียว
-เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีจำนวนนักบุญมากเป็นอันดับสี่ของโลก
-จำนวนมิชชันนารีที่ทำงานอยู่ทุกมุมโลกในปัจจุบันมีชาวเกาหลีมากเป็นอันดับที่สองของจำนวนมิชชันนารีทั้งหมด รองจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
-ส่วนในเกาหลีเหนือเท่าที่ทราบมีจำนวนผู้ที่เป็นโปรเตสแตนท์อยู่ประมาณ 10,000 คนและเป็นคาธอลิก 4,000 คนโดยประมาณ
-ปัจจุบันประเทศเกาหลีใต้มีสามอัครสังฆมณฑล คือ ซออุล(โซล) แทกู และพูซาน และมีอีกสิบสองสังฆมณฑล
ที่แรกทีจะพาไปคือ Yanghwajin Foreign Missionary Cemetery เป็นสุสานของมิชชันนารี่โปรเตสแตนท์ ซึ่งส่วนมากจะเป็น Methodist และ Presbyterian
ส่วนมากจะมากันเป็นครอบครัว ที่เห็นล้อมรั้วระหว่างหลุมคือเป็นรั้วของแต่ละครอบครัวค่ะ
ดอกไม้สวยๆในสุสานค่ะ ซากุระก็มีเพราะเป็นฤดูใบไม้ผลิพอดี
ส่วนมากจะมากันเป็นครอบครัว ที่เห็นล้อมรั้วระหว่างหลุมคือเป็นรั้วของแต่ละครอบครัวค่ะ
ดอกไม้สวยๆในสุสานค่ะ ซากุระก็มีเพราะเป็นฤดูใบไม้ผลิพอดี
แก้ไขล่าสุดโดย น้ำเปล่า เมื่อ อังคาร เม.ย. 19, 2011 11:11 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ติดๆกันเป็นอนุสรณ์สถานของคาธอลิก ไม่มีรั้วกั้น แทบจะใช้เนื้อที่เดียวกันในช่วงแรกแต่ต่อมามีการสร้างทางรถไฟจึงทำให้แบ่งอนุสรณ์สถานออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งที่อยู่ติดกับสุสานมีรูปปั้นแม่พระแบบเกาหลีและรูปหล่อของคริสตชนเกาหลีคนแรกตั้งอยู่ค่ะ
ท่านอีซึงฮุน (ออกเสียงแบบเกาหลี) เป็นชาวเกาหลีคนแรกที่รับศีลล้างบาป ท่านรับศีลล้างบาปที่ปักกิ่ง ก่อนจะเดินทางกลับมาเผยแผ่ศาสนาในเกาหลี การเผยแผ่ศาสนาดำเนินไปอยู่เกือบยี่สิบปีท่านก็ถูกจับกุมและประหารชีวิตเมื่อวันที่ 8 เมษายน 1801
ที่ต่อมา Jeoldusan Martyrs’ Shire (จอลดูซานซุนคโยซองจี) เป็นอนุสรณ์สถานที่รำลึกถึงการเบียดเบียนศาสนาครั้งใหญ่ในประเทศเกาหลี เมื่อปี 1866 มีผู้พลีชีวิตเป็นมรณสักขีถึงแปดพันกว่าท่าน (แต่ภัณฑารักษ์บอกเราว่ามีถึงหมื่นกว่าท่าน) รวมถึงมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสอีก 9 ท่านในการเบียดเบียนครั้งนั้น จอลดูซานในภาษาเกาหลีหมายถึงเนินตัดหัวหรือบั่นหัวค่ะ
ท่านอีซึงฮุน (ออกเสียงแบบเกาหลี) เป็นชาวเกาหลีคนแรกที่รับศีลล้างบาป ท่านรับศีลล้างบาปที่ปักกิ่ง ก่อนจะเดินทางกลับมาเผยแผ่ศาสนาในเกาหลี การเผยแผ่ศาสนาดำเนินไปอยู่เกือบยี่สิบปีท่านก็ถูกจับกุมและประหารชีวิตเมื่อวันที่ 8 เมษายน 1801
ที่ต่อมา Jeoldusan Martyrs’ Shire (จอลดูซานซุนคโยซองจี) เป็นอนุสรณ์สถานที่รำลึกถึงการเบียดเบียนศาสนาครั้งใหญ่ในประเทศเกาหลี เมื่อปี 1866 มีผู้พลีชีวิตเป็นมรณสักขีถึงแปดพันกว่าท่าน (แต่ภัณฑารักษ์บอกเราว่ามีถึงหมื่นกว่าท่าน) รวมถึงมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสอีก 9 ท่านในการเบียดเบียนครั้งนั้น จอลดูซานในภาษาเกาหลีหมายถึงเนินตัดหัวหรือบั่นหัวค่ะ
ตึกหลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ค่ะ รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับการทรมานและการเบียดเบียนในประเทศเกาหลี รวมถึงเรื่องราวของสมเด็จพระสันตปาปายอห์น ปอลที่2 เมื่อครั้งเสด็จเยือนประเทศเกาหลีในปี 1984 มีการเก็บรวบรวมของใช้ทุกชิ้นและเรื่องราวเมื่อครั้งเสด็จมาไว้ในพิพิธภัณฑ์หมด
ประตูทางเข้าด้านในอีกชั้น
รูปปั้นท่านนักบุญอันดรูว์ คิม หรือคิม แท กอนในภาษาเกาหลีค่ะ ท่านเป็นพระสงฆ์ชาวเกาหลีคนแรกเกิดในตระกูลขุนนาง บิดาของท่านก็เป็นมรณสักขีเช่นเดียวกัน รับศีลล้างบาปเมื่ออายุ 15 ปีรับศีลบวชที่เซี่ยงไฮ้ก่อนเดินทางกลับมาทำงานที่เกาหลี ท่านถูกจับกุมและประหารชีวิตโดยการตัดศีรษะ เมื่ออายุได้ 25 ปี คำพูดสุดท้ายของท่านก่อนตาย คือ “นี่เป็นชั่วโมงสุดท้ายในชีวิตของข้าพเจ้า โปรดตั้งใจฟังให้ดี ข้าพเจ้าตายเพื่อพระเจ้า ชีวิตนิรันดร์ของข้าพเจ้าเริ่มที่นี่ จงเป็นคริสตชนเถิดถ้าท่านต้องการความสุขหลังผ่านความตาย”
ประตูทางเข้าด้านในอีกชั้น
รูปปั้นท่านนักบุญอันดรูว์ คิม หรือคิม แท กอนในภาษาเกาหลีค่ะ ท่านเป็นพระสงฆ์ชาวเกาหลีคนแรกเกิดในตระกูลขุนนาง บิดาของท่านก็เป็นมรณสักขีเช่นเดียวกัน รับศีลล้างบาปเมื่ออายุ 15 ปีรับศีลบวชที่เซี่ยงไฮ้ก่อนเดินทางกลับมาทำงานที่เกาหลี ท่านถูกจับกุมและประหารชีวิตโดยการตัดศีรษะ เมื่ออายุได้ 25 ปี คำพูดสุดท้ายของท่านก่อนตาย คือ “นี่เป็นชั่วโมงสุดท้ายในชีวิตของข้าพเจ้า โปรดตั้งใจฟังให้ดี ข้าพเจ้าตายเพื่อพระเจ้า ชีวิตนิรันดร์ของข้าพเจ้าเริ่มที่นี่ จงเป็นคริสตชนเถิดถ้าท่านต้องการความสุขหลังผ่านความตาย”
วันที่ไปเป็นวันธรรมดาแต่ก็มีคนมาสวดภาวนาตลอดเลยค่ะ
ก่อนกลับแวะสวดกันก่อน คริสตชนเกาหลีรักพ่อมากค่ะ คนที่มานี่แทบจะทุกคนต้องมาสวดหน้ารูปปั้นท่านกันทั้งนั้น
รูปในพิพิธภัณฑ์ไม่มีนะคะ เพราะจนท.ห้ามถ่ายรูปค่ะ แต่จะเล่าให้ฟังว่าการทรมานนั้นทรมานมากมีมรณสักขีอยู่ท่านนึง(ขอโทษที่จำชื่อไม่ได้) โดนทรมานโดยการเอาเชือกรัดคอให้ขาดออกจากร่าง ท่านโดนทรมานถึง 16 ครั้งจนสิ้นชีวิต หลังการทรมานแต่ละครั้งทหารก็จะพยายามให้ท่านเปลี่ยนใจแต่ท่านยังคงยืนยันในความเชื่อจนถึงที่สุดค่ะ ภายในพิพิธภัณฑ์เก็บรวบรวม พระคัมภีร์ภาษาเกาหลีฉบับแรก ดิกชันนารีที่ให้ในการสอนพระคัมภีร์ จดหมาย และของส่วนตัวของมรณสักขีหลายท่าน และพระคาร์ดินัลท่านก่อนที่เสียชีวิตไปแล้วค่ะ
เรื่องราวด้านในเยอะมากเพราะมีด้วยกันถึง 3 ชั้น มีคุณลุงอาสาสมัครคอยอธิบายให้พวกเราฟังเป็นภาษาอังกฤษ ช่วยดูแลเราอย่างดีมากๆ ตอนที่รู้ว่าเรามาจากเมืองไทยแล้วรู้จักท่านนักบุญคิม แท กอนด้วย คุณลุงประหลาดใจมากค่ะ ให้เราเซ็นต์สมุดเยี่ยมด้วย ก็ลงชื่อไปมาจาก THAILAND
ก่อนกลับแวะสวดกันก่อน คริสตชนเกาหลีรักพ่อมากค่ะ คนที่มานี่แทบจะทุกคนต้องมาสวดหน้ารูปปั้นท่านกันทั้งนั้น
รูปในพิพิธภัณฑ์ไม่มีนะคะ เพราะจนท.ห้ามถ่ายรูปค่ะ แต่จะเล่าให้ฟังว่าการทรมานนั้นทรมานมากมีมรณสักขีอยู่ท่านนึง(ขอโทษที่จำชื่อไม่ได้) โดนทรมานโดยการเอาเชือกรัดคอให้ขาดออกจากร่าง ท่านโดนทรมานถึง 16 ครั้งจนสิ้นชีวิต หลังการทรมานแต่ละครั้งทหารก็จะพยายามให้ท่านเปลี่ยนใจแต่ท่านยังคงยืนยันในความเชื่อจนถึงที่สุดค่ะ ภายในพิพิธภัณฑ์เก็บรวบรวม พระคัมภีร์ภาษาเกาหลีฉบับแรก ดิกชันนารีที่ให้ในการสอนพระคัมภีร์ จดหมาย และของส่วนตัวของมรณสักขีหลายท่าน และพระคาร์ดินัลท่านก่อนที่เสียชีวิตไปแล้วค่ะ
เรื่องราวด้านในเยอะมากเพราะมีด้วยกันถึง 3 ชั้น มีคุณลุงอาสาสมัครคอยอธิบายให้พวกเราฟังเป็นภาษาอังกฤษ ช่วยดูแลเราอย่างดีมากๆ ตอนที่รู้ว่าเรามาจากเมืองไทยแล้วรู้จักท่านนักบุญคิม แท กอนด้วย คุณลุงประหลาดใจมากค่ะ ให้เราเซ็นต์สมุดเยี่ยมด้วย ก็ลงชื่อไปมาจาก THAILAND
ต่อมาเราไปเข้าวัดวันอาทิตย์ใบลานกันที่อาสนวิหารมยองดงค่ะ
อาสนวิหารนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซลติดกับแหล่งช๊อปปิ้งที่คนไทยรู้จักดี มยองดงหรือสยามสแควร์เกาหลีค่ะ (ออกจากหน้าวัดก็เจอที่ช๊อปปิ้งเลยทีเดียว) สร้างขึ้นในที่ที่เรียกว่ามยอง แน บัง เป็นชุมชนคาธอลิกแห่งแรกในเกาหลีค่ะ เริ่มสร้างเมื่อปี 1892 แล้วเสร็จปี 1896 โดยคุณพ่อ Coste แต่คุณพ่อเสียชีวิตก่อนที่การก่อสร้างจะเสร็จสิ้น ในปี 1900 ก็ได้มีการนำกระดูกและพระธาตุของมรณสักขีที่ถูกเบียดเบียนที่จอลดูซานมาฝังรวมกันไว้ที่นี่ค่ะ วัดนี้อุทิศแด่ Our Lady of the Immaculate Conception เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 1898
ด้านหลังวัดค่ะ
อาสนวิหารนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซลติดกับแหล่งช๊อปปิ้งที่คนไทยรู้จักดี มยองดงหรือสยามสแควร์เกาหลีค่ะ (ออกจากหน้าวัดก็เจอที่ช๊อปปิ้งเลยทีเดียว) สร้างขึ้นในที่ที่เรียกว่ามยอง แน บัง เป็นชุมชนคาธอลิกแห่งแรกในเกาหลีค่ะ เริ่มสร้างเมื่อปี 1892 แล้วเสร็จปี 1896 โดยคุณพ่อ Coste แต่คุณพ่อเสียชีวิตก่อนที่การก่อสร้างจะเสร็จสิ้น ในปี 1900 ก็ได้มีการนำกระดูกและพระธาตุของมรณสักขีที่ถูกเบียดเบียนที่จอลดูซานมาฝังรวมกันไว้ที่นี่ค่ะ วัดนี้อุทิศแด่ Our Lady of the Immaculate Conception เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 1898
ด้านหลังวัดค่ะ
ไปป์ออร์แกน เพราะมากๆค่ะ
รูปวาดมรณสักขีทั้ง 79 ท่านค่ะ ที่รู้จักกันดีคือพระสังฆราชอิมเบิร์ท คุณพ่อสองท่านหนึ่งในนั้นคือคุณพ่อคิม แท กอน ทั้งหมดเสียชีวิตในปี 1839 และ 1846 ได้รับการแต่งตั้งในปี 1984 ร่วมกับมรณสักขีอีก 24 ท่านที่ถูกเบียดเบียนที่จอลดูซานในปี 1866 เป็นการสถาปนานักบุญนอกกรุงโรมครั้งแรกในสมัยนี้ค่ะ (นักบุญผู้หญิงสองท่านทางซ้ายของรูปเป็นที่นับถือในเกาหลีมากค่ะ คอยช่วยเหลือการแพร่ธรรมในยุคแรกทั้งที่เป็นคนจากชนชั้นขุนนางซึ่งถูกจับตามองได้ง่าย สัญลักษณ์ของท่านเป็นดอกลิลี่และดาบค่ะ)
ที่เป็นที่รู้จักกันดี อาทิ
พระสังฆราชอิมเบิร์ท มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสที่เดินทางมาทำงานแพร่ธรรมที่จีน สิงคโปร์(มีการสันนิษฐานว่าท่านน่าจะเป็นผู้ถวายมิสซาแรกบนเกาะสิงคโปร์) มาเก๊า และเกาหลี ท่านถูกจับและประหารชีวิตเมื่ออายุ 43 ปี
ท่านพอล ชอง ฮา ซัง เมื่ออายุได้ 7 ปีบิดาของท่านได้พลีชีวิตเป็นมรณสักขี ลุงของท่านเป็นคริสตชนกลุ่มแรกที่กลับใจและเป็นผู้ที่แปลข้อความเชื่อคาธอลิกเป็นภาษาเกาหลี เมื่อท่านเดินทางไปประเทศจีนก็ได้อ้อนวอนให้พระสังฆราชที่นั่นส่งพระสงฆ์ไปเกาหลี และได้เขียนจดหมายกราบทูลพระสันตปาปาเกรกอรีที่ 16 ผ่านทางพระสังฆราช ให้ทรงจัดตั้งสังฆมณฑลในเกาหลี หลายปีต่อมา ความพยายามของท่านก็เป็นผลเมื่อศาสนจักรได้ส่งพระสังฆราชอิมเบิร์ทและบาทหลวงอีกสองท่านไปยังเกาหลี ต่อมาท่านถูกจับกุม ผู้พิพากษาได้บอกกับท่านว่า พระราชาทรงห้ามการนอกรีต ท่านต้องละทิ้งความเชื่อซะ แต่ท่านตอบว่า “ ข้าพเจ้าได้บอกท่านแล้วว่า ข้าพเจ้าเป็นคริสตชนและจะยังคงเป็นจนถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตาย” ท่านถูกตัดสินให้ประหารชีวิตเมื่ออายุได้ 45 ปี
-นักบุญปีเตอร์ ยู แท ชอล ท่านเป็นลูกของล่ามหลวงในราชสำนัก บิดาของท่านเป็นมรณสักขี มารดาและพี่สาวของท่านไม่เห็นด้วยกับการเป็นคริสตชนจึงปฏิบัติต่อท่านอย่างเลวร้ายซึ่งทำให้ท่านเสียใจมาก ท่านทราบดีว่าท่านไม่สามารถหนีการจับกุมของทางการจึงไปมอบตัว ท่านถูกทรมานอย่างหนักแต่ยังสงบและมั่นคงอย่างน่าอัศจรรย์ ขณะที่อยู่ในคุกท่านได้ให้กำลังใจผู้ที่ถ้อแท้ และกระตุ้นผู้ที่ละทิ้งความเชื่อ ท่านเป็นมรณสักขีโดยการถูกบีบคอจนเสียชีวิตเมื่อมีอายุเพียง 13 ปี
-นักบุญอันนา พัค อา กี ท่านแต่งงานกับคริสตชนด้วยกัน เลี้ยงดูบุตรที่มีด้วยความศรัทธา ต่อมาครอบครัวของท่านถูกจับในข้อหาเป็นคริสตชน เจ้าหน้าที่พยายามทุกทางที่จะให้ท่านละทิ้งความเชื่อใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งแต่ท่านปฏิเสธ ท่านจึงถูกทรมานโดยการเฉือนเนื้อออกทีละชิ้นๆ จนเสียชีวิตเมื่ออายุ 57 ปี เนื่องจากท่านเป็นคนหัวช้า เมื่อครั้งที่ท่านเรียนคำสอนจึงต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก ท่านจึงพยายามปลอบใจตนเองว่า “เพราะว่าฉันไม่สามารถเข้าใจพระองค์ได้อย่างที่ควรจะเป็น แต่ฉันจะพยายามรักพระองค์ด้วยความรักทั้งหมดของฉัน”
รูปวาดมรณสักขีทั้ง 79 ท่านค่ะ ที่รู้จักกันดีคือพระสังฆราชอิมเบิร์ท คุณพ่อสองท่านหนึ่งในนั้นคือคุณพ่อคิม แท กอน ทั้งหมดเสียชีวิตในปี 1839 และ 1846 ได้รับการแต่งตั้งในปี 1984 ร่วมกับมรณสักขีอีก 24 ท่านที่ถูกเบียดเบียนที่จอลดูซานในปี 1866 เป็นการสถาปนานักบุญนอกกรุงโรมครั้งแรกในสมัยนี้ค่ะ (นักบุญผู้หญิงสองท่านทางซ้ายของรูปเป็นที่นับถือในเกาหลีมากค่ะ คอยช่วยเหลือการแพร่ธรรมในยุคแรกทั้งที่เป็นคนจากชนชั้นขุนนางซึ่งถูกจับตามองได้ง่าย สัญลักษณ์ของท่านเป็นดอกลิลี่และดาบค่ะ)
ที่เป็นที่รู้จักกันดี อาทิ
พระสังฆราชอิมเบิร์ท มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสที่เดินทางมาทำงานแพร่ธรรมที่จีน สิงคโปร์(มีการสันนิษฐานว่าท่านน่าจะเป็นผู้ถวายมิสซาแรกบนเกาะสิงคโปร์) มาเก๊า และเกาหลี ท่านถูกจับและประหารชีวิตเมื่ออายุ 43 ปี
ท่านพอล ชอง ฮา ซัง เมื่ออายุได้ 7 ปีบิดาของท่านได้พลีชีวิตเป็นมรณสักขี ลุงของท่านเป็นคริสตชนกลุ่มแรกที่กลับใจและเป็นผู้ที่แปลข้อความเชื่อคาธอลิกเป็นภาษาเกาหลี เมื่อท่านเดินทางไปประเทศจีนก็ได้อ้อนวอนให้พระสังฆราชที่นั่นส่งพระสงฆ์ไปเกาหลี และได้เขียนจดหมายกราบทูลพระสันตปาปาเกรกอรีที่ 16 ผ่านทางพระสังฆราช ให้ทรงจัดตั้งสังฆมณฑลในเกาหลี หลายปีต่อมา ความพยายามของท่านก็เป็นผลเมื่อศาสนจักรได้ส่งพระสังฆราชอิมเบิร์ทและบาทหลวงอีกสองท่านไปยังเกาหลี ต่อมาท่านถูกจับกุม ผู้พิพากษาได้บอกกับท่านว่า พระราชาทรงห้ามการนอกรีต ท่านต้องละทิ้งความเชื่อซะ แต่ท่านตอบว่า “ ข้าพเจ้าได้บอกท่านแล้วว่า ข้าพเจ้าเป็นคริสตชนและจะยังคงเป็นจนถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตาย” ท่านถูกตัดสินให้ประหารชีวิตเมื่ออายุได้ 45 ปี
-นักบุญปีเตอร์ ยู แท ชอล ท่านเป็นลูกของล่ามหลวงในราชสำนัก บิดาของท่านเป็นมรณสักขี มารดาและพี่สาวของท่านไม่เห็นด้วยกับการเป็นคริสตชนจึงปฏิบัติต่อท่านอย่างเลวร้ายซึ่งทำให้ท่านเสียใจมาก ท่านทราบดีว่าท่านไม่สามารถหนีการจับกุมของทางการจึงไปมอบตัว ท่านถูกทรมานอย่างหนักแต่ยังสงบและมั่นคงอย่างน่าอัศจรรย์ ขณะที่อยู่ในคุกท่านได้ให้กำลังใจผู้ที่ถ้อแท้ และกระตุ้นผู้ที่ละทิ้งความเชื่อ ท่านเป็นมรณสักขีโดยการถูกบีบคอจนเสียชีวิตเมื่อมีอายุเพียง 13 ปี
-นักบุญอันนา พัค อา กี ท่านแต่งงานกับคริสตชนด้วยกัน เลี้ยงดูบุตรที่มีด้วยความศรัทธา ต่อมาครอบครัวของท่านถูกจับในข้อหาเป็นคริสตชน เจ้าหน้าที่พยายามทุกทางที่จะให้ท่านละทิ้งความเชื่อใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งแต่ท่านปฏิเสธ ท่านจึงถูกทรมานโดยการเฉือนเนื้อออกทีละชิ้นๆ จนเสียชีวิตเมื่ออายุ 57 ปี เนื่องจากท่านเป็นคนหัวช้า เมื่อครั้งที่ท่านเรียนคำสอนจึงต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก ท่านจึงพยายามปลอบใจตนเองว่า “เพราะว่าฉันไม่สามารถเข้าใจพระองค์ได้อย่างที่ควรจะเป็น แต่ฉันจะพยายามรักพระองค์ด้วยความรักทั้งหมดของฉัน”
ใบลานค่ะ ที่นี่ใช้ใบสนแทน ไม่มีแห่นะคะเค้าจะวางตั้งไว้ให้ด้านนอกแล้วเวลาเราจะเข้าวัดก็ถือเข้ามาเท่านั้นเอง
นี่ค่ะตั้งแถวรอเข้าวัดเป็นระเบียบมาก และคนเยอะมาก พอมิสซารอบเราจบคนที่จะเข้ารอบถัดไปก็มายืนรอที่ประตูกันแล้ว
บ้านพักพระสงฆ์
นี่ค่ะตั้งแถวรอเข้าวัดเป็นระเบียบมาก และคนเยอะมาก พอมิสซารอบเราจบคนที่จะเข้ารอบถัดไปก็มายืนรอที่ประตูกันแล้ว
บ้านพักพระสงฆ์
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
ขอบคุณสำหรับภาพสวย ๆ ข้อมูลความรู้ดี ๆ
ขอให้พระเจ้าทรงคุ้มครองค่ะ
ขอให้พระเจ้าทรงคุ้มครองค่ะ
เพิ่งจะไปมาเหมือนกันเมื่ออาทิตย์ก่อน Palm Sunday และทุกครั้งที่ไปเกาหลีก็จะไปร่วมพิธีมิสซาทุกครั้ง แต่เป็นมิสซาเย็นภาษาเกาหลี ยังไม่เคยเข้าร่วมพิธีภาษาอังกฤษเลย แม้ฟังไม่ออก แต่ก็เข้าใจได้ วงChoir ขนาดใหญ่ เขาขับร้องกันได้ไพเราะมาก มี Pipe Organ ที่อยากให้วัดบ้านเรามีบ้างจัง ระหว่างพิธีไม่มีการคุกเข่า การเสกปัง และเหล้าองุ่นมีการสั่นระฆังวัดกังวาลดังทั่วอาณาบริเวณ แม้จะเป็น Lent
ใครไปโซล อย่าลืมแวะนะครับ เป็นสถานที่แนะนำแห่งหนึ่งเลย
ใครไปโซล อย่าลืมแวะนะครับ เป็นสถานที่แนะนำแห่งหนึ่งเลย
เคยไปที่เมียงดงตอนอาทิตย์ปัศกา คณะนักขับอลังการงานสร้างมาก
ปล. แถมให้นิดหนึ่งว่าหน้าอาสนวิหารเมียงดงเป็นแหล่งชุมนุมต่อต้าน ประท้วง เรียกร้อง แทบจะทุกชนิด แบบว่าพอมีตำรวจเฮมาพี่แกก็วิ่งเข้าไปในวัด ตำรวจก็จะไม่ตามเข้าไป ประมาณว่าให้เกียรติสถานที่ มีคนไปถามทางอาสนวิหารว่าทำไมไม่ปิดประตูหรือขับไสไล่ส่ง ปกติวัดในเกาหลีจะมีนโยบายจะเปิดแบบเจ็ดสิบเอ็ดอยู่แล้ว และถือว่าวัดคือที่ที่เปิดรับทุกคนห้ามขับไล่ ดังนั้นอาสนวิหารเมียงดงจึงเป็นที่เหมาะสมกับการชุมนุมต่างๆด้วยประการฉะนี้
ปล. แถมให้นิดหนึ่งว่าหน้าอาสนวิหารเมียงดงเป็นแหล่งชุมนุมต่อต้าน ประท้วง เรียกร้อง แทบจะทุกชนิด แบบว่าพอมีตำรวจเฮมาพี่แกก็วิ่งเข้าไปในวัด ตำรวจก็จะไม่ตามเข้าไป ประมาณว่าให้เกียรติสถานที่ มีคนไปถามทางอาสนวิหารว่าทำไมไม่ปิดประตูหรือขับไสไล่ส่ง ปกติวัดในเกาหลีจะมีนโยบายจะเปิดแบบเจ็ดสิบเอ็ดอยู่แล้ว และถือว่าวัดคือที่ที่เปิดรับทุกคนห้ามขับไล่ ดังนั้นอาสนวิหารเมียงดงจึงเป็นที่เหมาะสมกับการชุมนุมต่างๆด้วยประการฉะนี้
แล้ววัดคาทอลิกในไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิดรึปล่าวครับ? ไม่เคยไปวัดในช่วงเวลาที่ไม่มีมิสซาเหมือนกันเลยไม่รู้ อีกอย่างผมยังไม่เคยเห็นวัดในไทยมีบริเวณที่เอาไว้สำหรับจุดเทียนสวดภาวนาเหมือนในเมืองนอกเลยครับ ใครทราบเหตุผลบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยน่ะครับ
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
ปิดค่ะ จากที่ไป 2 ที่เค้าจะปิด แต่ไปขอคุณพ่อเ้ข้าไปได้ค่ะ (เกรงใจคนดูแลที่ต้องนั่งรอเล็กน้อย)yuki เขียน:แล้ววัดคาทอลิกในไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิดรึปล่าวครับ? ไม่เคยไปวัดในช่วงเวลาที่ไม่มีมิสซาเหมือนกันเลยไม่รู้ อีกอย่างผมยังไม่เคยเห็นวัดในไทยมีบริเวณที่เอาไว้สำหรับจุดเทียนสวดภาวนาเหมือนในเมืองนอกเลยครับ ใครทราบเหตุผลบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยน่ะครับ
ส่วนที่ตั้งเทียนเห็นในรูปที่ลำไทรค่ะ มีถ้ำแม่พระ มีพื้นที่นั่งสวด
ที่วัด 101 มีซุ่มครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ก็มีวางเทียน (3แถว) ค่ะ คนในวัดจะไปยืนสวดกันไม่มีที่ให้นั่ง
เรื่องจุดเทียนในวัดบ้านเราปัจจุบันเหลือน้อยลง คงเป็นเพราะกลัวไฟไหม้วัดมั้ง ที่เห็นว่าแยะที่สุดคงต้องเป็นวัดออร์โธด็อกซ์ในรัสเซีย ใครเดินผ่านวัดเป็นต้องแวะเข้าไปจุดเทียน เป็นการทำนุบำรุงวัดวิธีหนึ่ง ที่จริงก็น่ารื้อฟื้นขึ้นมานะแต่ต้องป้องกันไฟไหม้วัด โดยเลือกใช้เทียนที่ปลอดภัย ที่วางที่จัดเตรียมเป็นพิเศษ และอุปกรณ์ดับเพลิงอัตโนมัติ (เพื่อคนเฝ้าเผลอลืมดับก่อนปิดวัด) คงไม่ต้องใช้เทียนไฟฟ้าเหมือนวัดในยุโรปบางประเทศ หยอดเหรียญแล้วไฟติด มันก็เกินไป
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจากทุกๆคนมากเลยค่ะ
วันนี้เลยจะมาเพิ่มเติมในส่วนการเดินทาง เผื่อใครต้องการไปเองอย่างเรา
เริ่มที่แรกที่อาสนวิหารมยองดงค่ะ ที่นี่ไปไม่ยากเพราะทัวร์ไทยที่ไปเกาหลีต้องพาไปลงอยู่แล้ว ถึงมยองดงก็เดินตามแผนที่เลยค่ะ
ส่วนใครที่ไปเองก็ลง subway สายสีฟ้าหรือสาย 4 ที่สถานี Myeongdong ออกทางออก 6 แล้วเดินตรงมาในซอยหลักตามที่เห็นเป็นเครื่องหมายบวกในภาพจนเจอทางแยกก็เลี้ยวขวาจะถึงวัดค่ะ
เครดิตรูปจากเวปอสท.เกาหลีค่ะ
ส่วนที่ต่อมา Yanghwajin Foreign Missionnary Cemetery กับ Jeoldusan Martyrs' Shrine ให้ขึ้น subway สายที่2 (สีเขียว)หรือสาย 6 (สีน้ำตาล) ลงที่สถานี Hapjeong (อ่านว่าฮัพจอง) ออกทางออกที่ 7 หันหลังให้กับทางออกข้างหน้าจะเห็นเป็นถนนเล็กๆเหมือนซอยให้ข้ามไปแล้วมองทางซ้ายจะเจอ สวนหย่อมเล็กๆดังรูป
ด้านข้างสวนหย่อมจะเป็นซอยเดินเข้าซอยไปเลยค่ะ ดูตามรูปคือเดินตามเส้นสีเขียวไป ที่จริงๆจะเห็นเป็นช่องทางเดินรถไฟใต้ดิน ส่วนนี้จะอยู่บนดินให้เราเห็นได้เพราะรถกำลังจะข้ามแม่น้ำฮันค่ะ สุดทางจะเจอพอดี
ลองไปดูค่ะแล้วจะประทับใจ ถ้าว่างๆจะมาลงเรื่องที่ไปตามรอยนักบุญฟรังซิส เซเวียร์
ที่มาเก๊าก่อนหน้านี้ให้ดูกันด้วย พระเจ้าอวยพรทุกท่านค่ะ
วันนี้เลยจะมาเพิ่มเติมในส่วนการเดินทาง เผื่อใครต้องการไปเองอย่างเรา
เริ่มที่แรกที่อาสนวิหารมยองดงค่ะ ที่นี่ไปไม่ยากเพราะทัวร์ไทยที่ไปเกาหลีต้องพาไปลงอยู่แล้ว ถึงมยองดงก็เดินตามแผนที่เลยค่ะ
ส่วนใครที่ไปเองก็ลง subway สายสีฟ้าหรือสาย 4 ที่สถานี Myeongdong ออกทางออก 6 แล้วเดินตรงมาในซอยหลักตามที่เห็นเป็นเครื่องหมายบวกในภาพจนเจอทางแยกก็เลี้ยวขวาจะถึงวัดค่ะ
เครดิตรูปจากเวปอสท.เกาหลีค่ะ
ส่วนที่ต่อมา Yanghwajin Foreign Missionnary Cemetery กับ Jeoldusan Martyrs' Shrine ให้ขึ้น subway สายที่2 (สีเขียว)หรือสาย 6 (สีน้ำตาล) ลงที่สถานี Hapjeong (อ่านว่าฮัพจอง) ออกทางออกที่ 7 หันหลังให้กับทางออกข้างหน้าจะเห็นเป็นถนนเล็กๆเหมือนซอยให้ข้ามไปแล้วมองทางซ้ายจะเจอ สวนหย่อมเล็กๆดังรูป
ด้านข้างสวนหย่อมจะเป็นซอยเดินเข้าซอยไปเลยค่ะ ดูตามรูปคือเดินตามเส้นสีเขียวไป ที่จริงๆจะเห็นเป็นช่องทางเดินรถไฟใต้ดิน ส่วนนี้จะอยู่บนดินให้เราเห็นได้เพราะรถกำลังจะข้ามแม่น้ำฮันค่ะ สุดทางจะเจอพอดี
ลองไปดูค่ะแล้วจะประทับใจ ถ้าว่างๆจะมาลงเรื่องที่ไปตามรอยนักบุญฟรังซิส เซเวียร์
ที่มาเก๊าก่อนหน้านี้ให้ดูกันด้วย พระเจ้าอวยพรทุกท่านค่ะ
ขอบคุณมากๆ ที่ได้มาแบ่งปันได้เปิดตาเปิดใจดูแบบอย่างความเชื่อความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า
ของคริสตชนเกาหลีเมล็ดพันธ์แห่งความเชื่อเติบโตมากในประเทศนี้ พระเจ้าอวยพร
ประเทศเขามาก ประชากรเริ่มมาหาพระองค์ พระพรหลั่งไหลมามากมายคำภาวนาของบันดาล
มรณะสักขี เป็นพยานยืนยันเด่นชัด ถ้าจำไม่ผิดเคยมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นคริสต์ด้วย
ถ้ามีเรื่องดีๆเอามาแบ่งปันอีกนะคะ ชอบมากๆ
ของคริสตชนเกาหลีเมล็ดพันธ์แห่งความเชื่อเติบโตมากในประเทศนี้ พระเจ้าอวยพร
ประเทศเขามาก ประชากรเริ่มมาหาพระองค์ พระพรหลั่งไหลมามากมายคำภาวนาของบันดาล
มรณะสักขี เป็นพยานยืนยันเด่นชัด ถ้าจำไม่ผิดเคยมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นคริสต์ด้วย
ถ้ามีเรื่องดีๆเอามาแบ่งปันอีกนะคะ ชอบมากๆ
ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน พณฯอี มยอง บักก็เป็นคริสเตียนค่ะ นิกาย Presbyterian
ท่านอื่นๆที่รู้จักกันดีก็พณฯคิม แด จุงค่ะท่านเป็นคาธอลิกที่เคร่งครัดและเคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2000 ด้วยค่ะ
พณฯอี ซึง มาน ปธน.คนแรก นับถือนิกาย Methodist ค่ะท่านนี้เป็นรัฐบุรุษของประเทศด้วย ใครดูละครย้อนยุคอาจจะเคยได้ยินชื่อ
พณฯคิม ยอง ซัม ประธานาธิบดีคนที่ 7 และพณฯยุน โบ ซอน ปธน.คนที่ 2 นับถือนิกาย Presbyterian สองท่านหลังนี้ไม่ค่อยทราบประวัติเท่าไหร่ พอดีเคยคุยกับเพื่อนเรื่องที่มีปธน.ฆ่าตัวตายเลยพอรู้บ้าง แต่ท่านที่ฆ่าตัวตายนั้นท่านไม่ได้นับถือศาสนาใดๆค่ะ
ท่านอื่นๆที่รู้จักกันดีก็พณฯคิม แด จุงค่ะท่านเป็นคาธอลิกที่เคร่งครัดและเคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2000 ด้วยค่ะ
พณฯอี ซึง มาน ปธน.คนแรก นับถือนิกาย Methodist ค่ะท่านนี้เป็นรัฐบุรุษของประเทศด้วย ใครดูละครย้อนยุคอาจจะเคยได้ยินชื่อ
พณฯคิม ยอง ซัม ประธานาธิบดีคนที่ 7 และพณฯยุน โบ ซอน ปธน.คนที่ 2 นับถือนิกาย Presbyterian สองท่านหลังนี้ไม่ค่อยทราบประวัติเท่าไหร่ พอดีเคยคุยกับเพื่อนเรื่องที่มีปธน.ฆ่าตัวตายเลยพอรู้บ้าง แต่ท่านที่ฆ่าตัวตายนั้นท่านไม่ได้นับถือศาสนาใดๆค่ะ
ดูถ่ายทอดพิธี พฤหัสศักดิ์สิทธิ์ http://www.catholic.or.th/events/cathol ... lythu2011/ ของอาสนวิหารเราแล้ว อดคิดถึง Choir ของ อาสนวิหารของซออุลไม่ได้จริงๆ