สวรรค์มันเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 10:02 am

ใครพอจะตอบได้บ้าง หรือพอมีเค้าอะไรที่พอจะบอกได้บ้างว่ามันเป็นยังไง คุ้มค่ากับการหันกลับมาทุ่มเทให้รึเปล่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 10:15 am

มาคิดอีกที นี่เราถามอะไรไปเนี่ย.... ความจริงเราก็น่าจะเดาคำตอบได้แก่ใจอยู่แล้วแท้ ๆ

อย่างพระองค์คงไม่สนใจหรอกว่าตอนอยู่บนโลก มนุษย์รักใคร่ในสิ่งใด นิยมอะไร ชอบอะไร ดีหรือไม่ดี

ในเมื่อมันก็จะถูกตัดสินว่า "รักโลก เลือกสิ่งในโลกมากกว่าพระเจ้า ทั้งที่พระองค์จะกวาดมันทิ้งอยู่แล้ว"

แล้วจะเหลือให้แค่สองอย่าง
-คนที่เลือกพระองค์ได้เข้าสู่สวรรค์ มีหน้าที่ร้องเพลงอวยสรรเสริญพระองค์อย่างเดียว ไม่ก็รับใช้อะไรก็ตามที่ได้รับมอบหมายไม่ต้องเถียง ไม่ต้องสนใจสิ่งเก่า ๆ อีกต่อให้มันเป็นสิ่งที่ชอบหรือสนใจมาก่อนก็ตาม แต่ถ้าไม่มีให้มันก็คือไม่มี ห้ามเรียกร้อง ใึครด้อยกว่าใครก็ด้อยกว่าต่อไป ใครเหนือกว่าก็เหนือกว่าต่อไป ไม่มีการเลื่อนตำแหน่ง ห้ามเถียง

-ที่เหลือ หรือที่ไม่ได้รับการยอมรับ ไปอยู่นรกซะ และไม่ต้องได้อะไรเลย และรู้ๆ กันว่าน้ำหน้าอย่างพวกลูซิเฟอร์น่ะ มันไม่ใจดีกับมนุษย์หรอก แม้รู้อย่างนั้น แต่ผู้ไม่เป็นที่รักทั้งของพระเจ้าและปีศาจ ก็ซวยอย่างเดียวไม่มีสิทธิ์ร้องเรียกอะไร

และทั้งหมดจะเป็นไปตลอดกาล ไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติม

.......ใครก็ได้ ช่วยหาเหตุผลที่ชัดเจนพอจะบอกเราหน่อยว่า ที่ว่าไปนั้นน่ะ

"มันไม่จริง....."
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 10:55 am

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 2:6-10

พี่น้อง เราพูดถึงปรีชาญาณในหมู่ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่มิใช่ปรีชาญาณของโลกนี้หรือของผู้ปกครองโลกนี้ซึ่งกำลังจะสูญสิ้นไป แต่เรากล่าวถึงพระปรีชาญาณของพระเจ้า เป็นธรรมล้ำลึกอันซ่อนเร้นซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดล่วงหน้าไว้ก่อนปฐมกาลสำหรับสิริรุ่งโรจน์ของเรา ไม่มีผู้ปกครองโลกนี้ผู้ใดล่วงรู้พระปรีชาญาณนี้ เพราะถ้าเขารู้ เขาคงไม่ตรึงกางเขนองค์พระผู้เป็น เจ้าผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ แต่ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “สิ่งที่ตาไม่เคยเห็น และหูไม่เคยได้ยิน และจิตใจของมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์”
นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยให้เรารู้โดยทางพระจิตเจ้า เพราะพระจิตเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้กระทั่งสิ่งที่ลึกล้ำของพระเจ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 11:05 am

Andreas เขียน:บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 2:6-10

พี่น้อง เราพูดถึงปรีชาญาณในหมู่ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่มิใช่ปรีชาญาณของโลกนี้หรือของผู้ปกครองโลกนี้ซึ่งกำลังจะสูญสิ้นไป แต่เรากล่าวถึงพระปรีชาญาณของพระเจ้า เป็นธรรมล้ำลึกอันซ่อนเร้นซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดล่วงหน้าไว้ก่อนปฐมกาลสำหรับสิริรุ่งโรจน์ของเรา ไม่มีผู้ปกครองโลกนี้ผู้ใดล่วงรู้พระปรีชาญาณนี้ เพราะถ้าเขารู้ เขาคงไม่ตรึงกางเขนองค์พระผู้เป็น เจ้าผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ แต่ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “สิ่งที่ตาไม่เคยเห็น และหูไม่เคยได้ยิน และจิตใจของมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์”
นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยให้เรารู้โดยทางพระจิตเจ้า เพราะพระจิตเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้กระทั่งสิ่งที่ลึกล้ำของพระเจ้า
แล้วจะรู้ได้ไง ว่านั่นจะทำให้มนุึษย์พอพระทัย

.......เอ แต่คนที่เลิกรักไปแล้วแบบเรา คงไม่มีสิทธิ์จะรู้สินะ....
(และตราบที่เป็นอย่างนี้ก็คงกลับมาทำใจรักหรือมองพระองค์ในแง่ดีได้ยาก เรามันพวกรักคนไม่ยากนัก แต่ถ้า Impact จนเกลียดแล้วจะกลับหลังหันยากสุด ๆ )

ปล.ค้นไปค้นมา เจอลิงค์นี้
http://godwithus.xn--42c8am9ad6b4dk1h.n ... no=000006a
# ให้เราคิดว่าก่อนว่า เราจะอธิษฐานอะไรบ้าง ไม่ใช่เพราะว่าความดีของเราที่จะทำให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
# ไม่ใช่เป็นการกระทำที่เสแสร้งของสิ่งที่จำต้องปฏิบัติ
# ไม่ต้องบอกพระเจ้าว่าเราต้องการอะไร เมื่อพระองค์รู้แล้ว* <มัทธิว 6:7-8>
# ไม่ใช่การคร่ำครวญเพื่อทำให้พระเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากเรา
# ไม่ทำให้พระเจ้าเปลี่ยนพระทัยเกี่ยวกับวิธีของพระองค์ที่กำลังทำ
เจอประโยคนี้เข้า แทบจะตายทันที....... (แล้วตรูจะอธิษฐานทูลขอไปเพื่ออะไร(วะ)เนี่ย)
In the name of father
โพสต์: 719
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
ที่อยู่: กาญจนบุรี

พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 11:17 am

อะไรคือความสุขของมนุษย?

ของออกตัวก่อนว่ากระผมนั้นเป็นคอเกมส์คนหนึ่งเลยทีเดียว (นี่พึ่งสั่งจองBatman Arkham Cityไป เกมส์ดีนะเธอว์ :s015: ) เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าเราอยู่บนสวรรค์ เราคงไม่มีโอกาสได้เล่นเกมส์พวกนี้อีกแล้วล่ะมั้ง....(ไม่นะ!! ผมยังรอFianl Fantasy XXII อยู่!!!)


แต่พอลองคิดดูดีๆ

ทุกอย่างบนโลกนี้คือ "สื่อ" นะครับ มันเป็นสื่อที่จะส่งความสุขเข้ามาในจิตใจของมนุษย์ ความรู้สึกอิ่มเอม(อาหาร) ความรู้เบิกบาน(เรื่องขำขัน) ความรู้สึกสบาย(ที่นอนนุ่มๆ) ความร่าเริง(การละเล่นต่างๆ) ความรู้สึกตื่นเต้น(การผจญภัย) ความรู้สึกสงบ(การพักผ่อน)

เราพึ่งพาสิ่งต่างๆในโลกเพื่อส่งความสุขเหล่านี้มาให้เรา ทำให้บางครั้งเ เราเข้าใจไปว่าสิ่งของพวกนั้นคือความสุข สิ่งที่เราขาดไม่ได้ ขาดแล้วจะไม่มีความสุข เกิดเป็นอาการยึดติดของมนุษย์ที่เราพบเห็นได้ทั่วไป

การตอบสนองทางวิญญาณเป็นเรื่องละเอียดอ่อน วิญญาณเราสามารถรับความสุขได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเศรษฐีพันล้านหรือกรรมกรแบกหามก็มีระดับความสุขเท่าๆกัน(แต่ดูภายนอกอาจจะตางกันฟ้ากะเหว) คือเมื่อวิญญาณได้รับการเติมเต็ม มนุษย์ก็จะมีความสุข โดยวัตถุเหล่านั้นไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าทางผ่านเลย

และในบางครั้ง สื่อชิ้นเดิมก็อาจทำให้เราไม่เป็นสุขได้เช่นกัน เกมส์ที่ผมเล่นบางครั้งก็ทำให้ผมหงุดหงิดแทบอยากปาจอยทิ้ง(บอสยากSaddddd!!!! ผกก.เกมส์มาต่อยกันตัวๆเลยดีกว่า!!!*[]*) นั่นคือความไม่มั่นคงของวัตถุ มันให้ความสุขเราได้ พอๆกับที่มันทำให้เราทุกข์

หากสวรรค์เป็นแดนสุขาวดี ก็จะเป็นสถานที่ที่เราได้รับความสุขโดยตรง ไม่ผ่านสื่อ หรืออาจมีสื่อที่ยิ่งใหญ่กว่า เรื่องนี้ผมไม่ทราบแน่ชัด แต่ผมเชื่อว่าความสุขที่ได้รับนั้นคงมากกว่าที่ผมได้รับจากเกมส์ทุกวันนี้เป็นร้อยเป็นพันเท่า
Valkyrie Zero Number เขียน: -คนที่เลือกพระองค์ได้เข้าสู่สวรรค์ มีหน้าที่ร้องเพลงอวยสรรเสริญพระองค์อย่างเดียว ไม่ก็รับใช้อะไรก็ตามที่ได้รับมอบหมายไม่ต้องเถียง ไม่ต้องสนใจสิ่งเก่า ๆ อีกต่อให้มันเป็นสิ่งที่ชอบหรือสนใจมาก่อนก็ตาม แต่ถ้าไม่มีให้มันก็คือไม่มี ห้ามเรียกร้อง ใครด้อยกว่าใครก็ด้อยกว่าต่อไป ใครเหนือกว่าก็เหนือกว่าต่อไป ไม่มีการเลื่อนตำแหน่ง ห้ามเถียง
คนสมัยก่อน...ไม่มีอะไรให้บันเทิงมากหรอกครับ ในมุมมองเขาก็คิดว่าการร้องเพลงประสานเสียงเป็นอะไรที่วิเศษสุดแล้ว(แต่มันก็เพลินจริงๆนะ บางครั้ง) การที่เขาจะนึกภาพของสวรรค์ที่ได้ร้องเพลงตลอดเวลาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมันดูเป็นกิจกรรมที่สูงส่ง ไม่มีพิษมีภัย แถมสนุกด้วย

เรื่องรับใช้ ขนาดทุกวันนี้พระเจ้ายังไม่จำเป็นต้องให้มนุษย์มารับใช้เลยครับ(ในไบเบิ้ล...ข้อไหนจำไม่ได้) นับประสาอะไรกับตอนขึ้นสวรรค์ คิดว่าคงไม่มีงานปลูกผักเลี้ยงวัวหรือก่อสร้างให้ทำหรอกนะครับ= ="

เรื่องเลื่อนตำแหน่ง ใครสูงใครต่ำกว่า คนที่คู่ควรกับแผ่นดินสวรรค์ไม่น่าจะใช้คนเจ้ายศเจ้าอย่างนะครับ ถ้ายึดติดกับตำแหน่งฐานะตนเองคงไม่ได้ขึ้นสวรรค์(เพราะมันอยู่ในบาปเย่อหยิ่ง)


ผมคงอธิบายรายละเอียดของสวรรค์ไม่ได้ เพราะผมก็ใช่จะรู้จริง ทั้งหมดเป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น แต่ผมก็มั่นใจอยู่อย่างเดียว


นึกถึงความสุขสูงสุดที่มนุษย์จะรับได้......

......


..........


..............


................



..................






...............
แล้วคูณด้วยอนันต์
:s002:
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 12:17 pm

ความรู้สึกคงเหมือนกับเวลาลูบหัวแมว แล้วเราเป็นแมวที่ถูกลูบหัวเกาคาง
มันมีความสุข สบายใจ อบอุ่น มั่นคง แล้วก็ยอมนอนแผ่ให้เจ้าของเล่น
ยอมจับหนูมาให้เจ้าของ จับปีเตอร์มาเอารางวัล แล้วร้องอ้อนขอปลา

มันง่าย ๆ แค่นี้เองจริง ๆ ไม่ซับซ้อนเลย

:s013:
ภาพประจำตัวสมาชิก
salvation7
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 522
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 1:05 am
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 12:57 pm

คงไม่มีใครทราบว่า สวรรค์หลังความตายเป็นอย่างไร??
แต่เราจะทำให้สวรรค์ ในแผ่นดินนี้ ให้มีความสุขได้... (สงสัยหล่ะซิ จะทำอย่างไร)

ไม่ยาก อย่างที่คิด เดี๊ยวจะมาเล่าให้ฟัง (เตรียมข้อมูลอยู่ อิอิ)

แล้วจะรู้ว่าสวรรค์ บนโลกนี้ จะมีความสุขที่สุด... ทำให้เรารักพระมากๆๆ เลย :s013: :s013:
s.gabriel
โพสต์: 1011
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 2:21 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 1:54 pm

มานั่งรอฟังด้วยคนครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 1:57 pm

In the name of father เขียน:อะไรคือความสุขของมนุษย?

ของออกตัวก่อนว่ากระผมนั้นเป็นคอเกมส์คนหนึ่งเลยทีเดียว (นี่พึ่งสั่งจองBatman Arkham Cityไป เกมส์ดีนะเธอว์ :s015: ) เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าเราอยู่บนสวรรค์ เราคงไม่มีโอกาสได้เล่นเกมส์พวกนี้อีกแล้วล่ะมั้ง....(ไม่นะ!! ผมยังรอFianl Fantasy XXII อยู่!!!)
ทางนี้ Low Class สุด ๆ มีแค่ NDSL ทั้งที่เขาไปถึง 3DS กันแล้ว แถมเกมบางเกมที่อยากเล่นดันไปลง PSP / PS2 / PS3 T_T
(แต่ DS เกมสนุกเยอะนะเออ ถึงภาพมันจะสู้เครื่องอื่น ๆ ไม่ไ้ด้เลยก็เถอะ)

สารภาพว่าตอนมาโพสทีแรก เฟลจิตตกมากไปหน่อย หลังจากเซ็งจนอยู่เงียบ ๆ คนเดียว(คนในออฟฟิศขึ้นประชุมกันหมด เราเป็นแค่เด็กฝึกงานแค่เฝ้าหน้าร้าน + รอรับงานต่อ) แล้วเที่ยงไปกินข้าวมา ขี่มอเตอไซค์ตากลมวนมารอบทีแล้วค่อยดีึขึ้นหน่อย

อะไรคือความสุขของเราเหรอ ก็คงมี เล่นเกม เล่นการ์ดเกม(ยูกิปลอมกับซัมม่อน) อ่านการ์ตูน ดูเมะ(หลัง ๆ ไม่ค่อยทำละ เฟซบุ๊ค+การ์ดเกมดึงตัวมากกว่า)

แล้วเล่นการ์ดยังไงถึงจะสนุกล่ะ สำหรับเราเหรอ คงจะเป็น
- เมื่อเดคตัวเองเล่นชนะมั้ง
- ถึงจะแพ้ แต่ถ้าเป็นการเล่นแบบโต้ตอบไปมา ผลัดกันรุกรับ สูสี ๆ ถึงแพ้ก็ไม่เป็นไร

แล้วแบบไหนที่ไม่สนุก
- แพ้ติดกันเกิน 3 เกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุมาจากจับการ์ดได้เห่ยติด ๆ กัน (ย้ำว่า "ติดกัน" และดันเจอบ่อยจริงกรณีเล่นออนไลน์ (ทำไมแรนด้อมห่วย แรนด้อมอีกฝ่ายดี บ่อยติดกันจังฟระ คนเล่นธรรมดาเหมือนกันแท้ ๆ ))
- เจอแต่เดคเมต้า..... ที่แพ้ตั้งแต่เริ่มต้น ติดกันเยอะ ๆ แต่ครั้นจะจัดมั่งก็ไม่อยาก (กูร็อค! เอาง่าย ๆ ถึงจะไม่รู้ว่าจริง ๆ มันแปลว่าอะไรก็เถอะ เห็นนิยมพูดกันจัง)
-ทุนทรัพย์น้อย หาการ์ดดีสู้คนทั่วไปไม่ได้ (ยูกิปลอมไม่มีปัญหาหรอก ปรินท์เอายังได้ แต่ซัมนี่สิ.... ไม่ได้เล่นมาไม่ต่ำกว่า 6 ปีแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะจัดเดคใหม่ต้องทุ่มทุนมากขนาดนี้)
-กรณีฝีมือห่วยแตกแล้วแทนที่จะได้รับกำลังใจ ดันโดนดูถูก
(เป็นเหตุการณ์ประจำสมัััััััััััััััััััยอยู่ ม.ปลาย แต่อันที่จริงไม่ต้องเรื่องการ์ดหรอก แทบทุกเรื่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่องที่เราห่วยกว่ามัน โดนทั้งนั้น รวมถึงชกต่อย แล้วโดนซ้ำซ้อนจนเป็นแผล แต่นับว่าโชคดีที่คนเล่นที่ร้านด้วยกันไม่มีใครทำกับเราอย่างว่า แม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตามยังอยู่กันเกืืืืืืืืืืืืืืืืืือบครบ แต่.....แผลใจที่ทำให้กลายเป็นคนเฟลได้กับเรื่องเล็ก ๆ แทบทุกอย่างนี่มันแก้ยาก)

........ตายละ เผลอไปคุยเรื่องการ์ดได้ไงฟระ พอ ๆ กลับเข้าประเด็นหลักก่อน = ='/

เอาเป็นว่า ก็จริง ๆ นั่นแหละที่อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเราหันมาทุ่มเทอย่างจริงจัง แล้วบนสวรรค์จะยังมีของพวกนี้ให้เราอยู่รึเปล่า (เราถือว่าสิ่งดี ๆ ที่เราชอบ สนุก รัก และมีความสุขที่จะทำ ทุกอย่างไม่มีไร้ค่าแม้แต่อย่างเดียว และเราคิดว่าทุกคนก็ต้องมี ทั้งแฟน ทั้งน้องสาว พี่น้อง เพื่อน ๆ ฯลฯ ทุกคน และพูดตามตรง หากขาดสิ่งเหล่านี้ไป เราก็คงไม่มีโอกาสจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาเลยไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม) และยังไม่สามารถชัวร์ได้ด้วยซ้ำว่าเราจะยังได้พบพวกเขาบนนั้นอีกรึเปล่า

หรือแม้แต่พวกเ้ขาจะยังยิ้มให้เราอยู่ไหม อันเนื่องมาจากเราเองก็เคยก่อวีรกรรมวีรเวรไว้ตั้งเยอะจนไม่แปลกที่จะทำให้เค้ามองเราในแง่ลบ.... ทุกวันนี้ก็ยังอดคิดไม่ได้ และเราไม่คิดจะว่าพวกเค้าหรอก ในเมื่อมันเป็นความจริง.... และก็คิดอยู่ตลอดว่า หากไม่มีทางพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งพอที่พวกเค้าจะยอมรับได้ ตราบที่ภาพลักษณ์ที่น่าสมเพชของตัวเองที่ทำให้พวกเขาผิดหวังนั้นยังอยู่ มันก็คงไม่มีทางแก้ไขอะไรได้แน่
(ถึงมันจะเป็นการคิดเองเออเองของเรา แต่มันก็มีส่วนและความเป็นไปได้ตามธรรมชาติมนุษย์อยู่นะ)

......ว่าตามตรง มีหลายสิ่งอยากขอจากพระองค์มาก แต่ทั้งที่เราคิดว่ามันเป็นวิธีหรือหนทางที่ดีกว่าที่เป็นอยู่นี้เห็น ๆ แต่ก็ไม่มีแม้แต่พระสุรเสียงใด ๆ ที่จะให้เห็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าผู้มีเมตตาเลย แม้จะอ่านพระคัมภีร์ พอคิดในแง่ร้ายก็เหมือนเห็นพระเจ้าผู้เด็ดขาด ผู้ตัดสินแล้วว่าเป็นยังไงต้องเป็นยังงั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ต่อให้มนุษย์จะมองว่าไม่ดียังไง ถ้าพระองค์บอกว่าดีมันก็ต้องดี ตามภาพลักษณ์ที่ได้ยินในช่วงที่อยู่โบสถ์โปรฯ มาตลอด
(แม้จะย้ายหนีมาเข้าโบสถ์คาทอลิกแทน ก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกกังวลนี้หายไปเลย)

.......พอคิดว่า ต่อให้ถ่อมตััััััััััััััััััััััััวยังไง คิดแง่บวกแค่ไหน ยังไงตัวเองก็ไม่มีทางได้ลบล้างบาดแผลที่เจ็บปวด ไม่มีทางแข็งแกร่งขึ้นจนดีขึ้นในสายตาเพื่อนพ้องทั้งหลาย ไม่มีทางหนีพ้นจากการพิพากษาที่เด็ดขาด และรู้ตัวว่าตัวเองไม่มีอำนาจอะไรจะเปลี่ยนแปลงมัน..... แต่คนที่มี ยังไงให้ตายก็ไม่ทำซะอย่าง

.......เรามีอยู่อย่างเดียวเหลือ ก็คงจะเป็น "ความบ้า" (แบบที่หลายคนได้เห็นกันบ่อย ๆ จนชินตาแล้ว) จริงอยู่ ความบ้ามันคงยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่..... แต่มันคงเป็นไม้เดียวที่เหลือตอนนี้
-ถ้ายอมก้มหัว ก็ต้องยอมให้ทุกอย่างเป็นไปตามอำเภอใจรายนั้นอยู่ดี
-ต่อให้เสแสร้งทำ ก็โดนรู้ทันหมด และโดนสกัดไปเสียตลอด
-พอล้มเหลว จากเดิมแค่โทษตัวเองธรรมดา พอรู้สึกว่าเป็นไปได้ ที่เราถูกรายนั้นยื่นมือเข้ามาัขัดขวางทำให้ล้มเหลว
-.......รู้สึกเหมือนโดนดูถูก โดยเฉพาะเวลาอ่านข้อพระคัมภีร์ (ตอนที่พระเยซูซึ่งเป็นบุตรพระเจ้า หรืออาจเป็นอวตารของพระองค์เอง เรียกเปโตรว่าซาตานเพราะคิดอย่างมนุษย์ ไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า คอมเมนต์ของเราคือ
--อ้าว ๆ ก็เป็นมนุษย์นี่หว่า จะไปคิดแบบพระองค์ได้ไง พระองค์ไม่ยอมบอกให้ชัดเจนเองแล้วทำงี้ มันเหมือนแกล้งกันชัด ๆ
--วีรบุรุษในความคิดของเรา ไม่มีีีีีีีีีีีีีีีีีีีใครซ้ำเติมคนที่ต้องการความช่วยเหลือแบบนี้หรอกนะ
--แสดงว่าใครคิดต่างจากพระองค์คือซาตานหมดใช่ป่ะ
--.....จะไม่ให้คิดได้ไง ว่าสุดท้าย พระเจ้าก็ไม่ต่างจากผู้มีอำนาจที่พบได้ทั่วไปในโลก คือยึดความคิดตัวเองเป็นหลัก ใครคิดต่างตายตกนรก
แทนจะได้หนุนใจ กลายเป็นเซ็งยิ่งขึ้นกว่าเดิม
-เรามันคนค่อนข้างซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง บางอย่างพอทนได้ แต่เรื่องบางเรื่อง ในเมื่อโดนต้อนจนมุม ก็ขอบ้าเป็นหมาจนตรอกดีกว่า อย่างน้อยถ้า "ท่านผู้นำ" อย่าง "พระองค์" ยังเป็นผู้นำที่เป็นธรรมจริง ก็จะได้เห็นอะไรบ้าง อย่างน้อยก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้างก็ได้

........ถ้าพระองค์ไม่ได้ถูกบาปเย่อหยิ่งครอบงำซะเองน่ะนะ......

ขออภัยที่อาจแรงไปบ้าง แต่เราเองก็อยากพิสูจน์ว่า พระองค์เอนจอยกับเหล่าแกะขาวจนลืมตามแกะดำ หรือกระทั่งลืมที่เคยตรัสเอาไว้ว่า "จะตามหาแกะที่หายไป" หรือไม่


.................

เอาล่ะ มุมมองของตัวเองระบายไปหมดแล้ว มารอนั่งฟังดูมั่ง ว่าจะเล่าอะไรให้เราฟัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 15, 2011 6:11 pm

ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

ศุกร์ ก.ย. 16, 2011 8:44 am

เคยดูภาพยนตร์เรื่อง What Dream May Come มีฉากที่เป็นสวรรค์ด้วย สวยมากครับ ถ้าสวรรค์เป็นแบบนั้นก็พอรับได้ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

ศุกร์ ก.ย. 16, 2011 9:51 am

Andreas เขียน:เคยดูภาพยนตร์เรื่อง What Dream May Come มีฉากที่เป็นสวรรค์ด้วย สวยมากครับ ถ้าสวรรค์เป็นแบบนั้นก็พอรับได้ครับ
งั้นก็ขอนอกเรื่องนิดละกัน

พอค้นข้อมูลเรื่องย่อหนังเรื่องนี้มาบ้าง พอเข้าใจ

งั้นขอถามสปอยหน่อยละกัน ว่า "มันจบยังไง"

ส่วนเรื่องหัวข้อหลัก ก็อีกเรื่องนึง..... (แต่อ่านเรื่องย่อจากบางที่แล้ว หวนนึกถึงตัวเองน่ะ ไม่ใช่ก็มีส่วนที่เราคิดและกังวลมาตลอดเหมือนกัน)
ภาพประจำตัวสมาชิก
salvation7
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 522
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 1:05 am
ติดต่อ:

ศุกร์ ก.ย. 16, 2011 4:01 pm

อ่านดูน๊ะ

http://www.salvation.in.th/01social/blo ... eaven.html

ขอเพียงให้มีเวลาอ่าน แล้วจะเข้าใจว่า สวรรค์ ที่พระบิดา ตรัสผ่านบทสวด "ข้าแต่พระบิดา" ที่เราท่องทุกวัน มันมีความหมายอย่างไร

อาณาจักรพระเจ้า อยู่ใกล้แค่เอื้อม นั้นคือ คิดเหมือนพระเจ้าปรารถนาเหมือนพระเจ้า ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า เราเข้าสู่การดำเนิน "ชีวิตเหมือนพระเจ้า"

คิดดี

พูดดี

ทำดี

บนโลกนี้ สวรรค์ ก็อยู่ใกล้เราแล้ว .... ถ้ายังไม่เข้าใจ พยายาม อ่าน ช้า ๆๆๆ ถ้าสงสัยอะไร ก็ถามหล่ะกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

ศุกร์ ก.ย. 16, 2011 8:47 pm

salvation7 เขียน:อ่านดูน๊ะ

http://www.salvation.in.th/01social/blo ... eaven.html

ขอเพียงให้มีเวลาอ่าน แล้วจะเข้าใจว่า สวรรค์ ที่พระบิดา ตรัสผ่านบทสวด "ข้าแต่พระบิดา" ที่เราท่องทุกวัน มันมีความหมายอย่างไร

อาณาจักรพระเจ้า อยู่ใกล้แค่เอื้อม นั้นคือ คิดเหมือนพระเจ้าปรารถนาเหมือนพระเจ้า ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า เราเข้าสู่การดำเนิน "ชีวิตเหมือนพระเจ้า"

คิดดี

พูดดี

ทำดี

บนโลกนี้ สวรรค์ ก็อยู่ใกล้เราแล้ว .... ถ้ายังไม่เข้าใจ พยายาม อ่าน ช้า ๆๆๆ ถ้าสงสัยอะไร ก็ถามหล่ะกัน
อ่านจบละ เป็นบทความที่ดี....... แต่ว่า...... คงจะสายไปหน่อยแล้ว สำหรับเราน่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
salvation7
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 522
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 1:05 am
ติดต่อ:

ศุกร์ ก.ย. 16, 2011 9:14 pm

สำหรับพระองค์ รอได้เสมอ มีแต่เราเท่านั้นที่ จะหันกลับสู้อ้อมอกพระบิดาหรือไม่เท่านั้น

แล้วทำไมต้องคิดว่าสาย ด้วยหล่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

ศุกร์ ก.ย. 16, 2011 9:16 pm

salvation7 เขียน:อ่านดูน๊ะ

http://www.salvation.in.th/01social/blo ... eaven.html

ขอเพียงให้มีเวลาอ่าน แล้วจะเข้าใจว่า สวรรค์ ที่พระบิดา ตรัสผ่านบทสวด "ข้าแต่พระบิดา" ที่เราท่องทุกวัน มันมีความหมายอย่างไร

อาณาจักรพระเจ้า อยู่ใกล้แค่เอื้อม นั้นคือ คิดเหมือนพระเจ้าปรารถนาเหมือนพระเจ้า ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า เราเข้าสู่การดำเนิน "ชีวิตเหมือนพระเจ้า"

คิดดี

พูดดี

ทำดี

บนโลกนี้ สวรรค์ ก็อยู่ใกล้เราแล้ว .... ถ้ายังไม่เข้าใจ พยายาม อ่าน ช้า ๆๆๆ ถ้าสงสัยอะไร ก็ถามหล่ะกัน
แต่ถ้าข้อสงสัยล่ะก็ ตอนนี้นึกออกได้อย่างนึง

ที่ว่า "การทดลองเพื่อให้เข้มแข็งขึ้น มีโอกาสชนะมากขึ้น และเป็นคนดีเหมาะกับภารกิจที่พระองค์มอบให้มากขึ้น" เนี่ย

.......ทำไมจนป่านนี้ เราไม่รู้สึกว่า ดราม่าที่เคยเกิดขึ้น จะตอนเด็กก็ดี วัยรุ่นก็ดี

"เราไม่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นแม้แต่น้อย"

ถึงจะมีเรื่องที่ถ้าเป็นเราเมื่อก่อนอาจจะผ่านไม่ได้ก็จริง...... แต่เราก็ต้องให้คนอื่นช่วยอยู่ดี + เอาเข้าจริงเราแทบไม่มีบทบาทในการทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีมากเท่าที่ควรเลย...... และตอนนี้ก็ไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่เคยหวัง
(......ต้องเข้าใจว่า "ความแข็งแกร่ง" ของเรา หมายถึง แม้จะตัดสินตามกฎเกณฑ์ของโลก ก็นับเป็น "ชนะ" ได้ ถึงจะเรียกว่าแข็งแกร่ง ไม่งั้นก็ไร้ความหมาย เพราะ.....ไม่คิดงี้ก็จะแพ้ตลอดไป)
salvation7 เขียน:สำหรับพระองค์ รอได้เสมอ มีแต่เราเท่านั้นที่ จะหันกลับสู้อ้อมอกพระบิดาหรือไม่เท่านั้น

แล้วทำไมต้องคิดว่าสาย ด้วยหล่ะ
........สายไป มันก็คือสายไปจริง ๆ อยู่ดีนั่นแหละ เอาอะไรมาอ้างก็บิดเืบือนความจริงไม่ได้ (แต่จริง ๆ มันแก้ได้ แต่เราทำคนเดียวไม่ไหวแน่ วิธีการยังไม่รู้เลยทำไงถึงจะได้ แต่คนที่ช่วยได้ไม่ยอมช่วยเองนี่นา)
ภาพประจำตัวสมาชิก
salvation7
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 522
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 1:05 am
ติดต่อ:

ศุกร์ ก.ย. 16, 2011 9:39 pm

ประสบการณ์เท่านั้นที่จะสอน เพราะไม่มีสิ่งใดในโลกนี้จะได้ทันใจ ทันเวลา เหมือนเรากดเมาส์ เปลี่ยนหน้า page หรือส่งข้อความ กด Enter ปุ๊บ เห็นปั๊บ

ประสบการณ์ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน จะสอนกันไม่ได้


ทุกอย่างในโลกนี้ มีระยะเวลา
เช่น นักกีฬา ระดับโลก กว่าจะได้เหรียญทอง ก็ต้องมีโค้ช ช่วยฝึกหัด สอนเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆๆ แต่ประสบการณ์ ขึ้นอยู่กับนักกีฬา ว่าจะสามารถเรียนรู้ทักษะ ความชำนาญ ฝึกแล้วฝึกเล่า กี่พันหน ถึงจะได้ นักกรีฑา นักฟุตบอล นักว่ายน้ำ นักบาส ฯลฯ ต้องลงสนามกี่ครั้ง ??? ฝึกกี่หน ถึงจะแกร่ง

มองย้อนกลับไปในอดีตสมัยเขียนหนังสือ ตอนอนุบาลสิ เขียนเป็นตัวอะไร ครูช่วยจับมือเขียน ใช่ไหม? และก็ปล่อยให้เราหัดเขียน (หัดทำเอง) จนถึงปัจจุบันนี้ เขียนได้เป็นตัวไหม...

ส่วนการทำความดี นั้น วันนี้พลาด ก็ขอโทษพระองค์ วันพรุ่งนี้ก็เริ่มต้นใหม่ เพราะคงไม่มีใคร ไม่เคยทำผิด แต่เมื่อรู้ตัวแล้ว ก็ต้อง พยายาม เลี่ยง ที่จะทำในสิ่งที่ไม่ดี

พี่ก็ไม่ทราบว่าจะอธิบายให้เข้าใจ.. ตรงคำถามของน้องหรือไม่น๊ะ :s030:
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:12 am

สิบปาก..ว่า..ไม่เท่าตาเห็น
สิบตาเห็น..ไม่เท่ามือคลำ
อยากรู้ต้องไปดูเองค่ะ ไปให้เห็นเองกับตาเล้ย..ย :s023:
พี่เองก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน นี่ก็กำลังพยายามดำเนินชีวิตอย่างดี ระมัดระวังเพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นทาสของบาป
นรกหน่ะ อยากไปเมื่อไหร่ก็ไปได้ ::056::
แต่ถ้าไปนรกแล้ว มันก็จะไปสวรรค์ไม่ได้หน่ะซี่
เพราะเมื่ออยู่ในสวรรค์แล้วจะไปดูนรกเมื่อไหร่ก็ได้
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 5:32 pm

Valkyrie Zero Number เขียน:
salvation7 เขียน:อ่านดูน๊ะ

http://www.salvation.in.th/01social/blo ... eaven.html

ขอเพียงให้มีเวลาอ่าน แล้วจะเข้าใจว่า สวรรค์ ที่พระบิดา ตรัสผ่านบทสวด"ข้าแต่พระบิดา" ที่เราท่องทุกวันมันมีความหมายอย่างไร

อาณาจักรพระเจ้า อยู่ใกล้แค่เอื้อม นั้นคือ คิดเหมือนพระเจ้าปรารถนาเหมือนพระเจ้า ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า เราเข้าสู่การดำเนิน "ชีวิตเหมือนพระเจ้า"

คิดดี

พูดดี

ทำดี

บนโลกนี้ สวรรค์ ก็อยู่ใกล้เราแล้ว .... ถ้ายังไม่เข้าใจ พยายาม อ่าน ช้า ๆๆๆ ถ้าสงสัยอะไร ก็ถามหล่ะกัน
แต่ถ้าข้อสงสัยล่ะก็ ตอนนี้นึกออกได้อย่างนึง

ที่ว่า "การทดลองเพื่อให้เข้มแข็งขึ้น มีโอกาสชนะมากขึ้น และเป็นคนดีเหมาะกับภารกิจที่พระองค์มอบให้มากขึ้น" เนี่ย

.......ทำไมจนป่านนี้ เราไม่รู้สึกว่า ดราม่าที่เคยเกิดขึ้น จะตอนเด็กก็ดี วัยรุ่นก็ดี

"เราไม่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นแม้แต่น้อย"


ถึงจะมีเรื่องที่ถ้าเป็นเราเมื่อก่อนอาจจะผ่านไม่ได้ก็จริง...... แต่เราก็ต้องให้คนอื่นช่วยอยู่ดี + เอาเข้าจริงเราแทบไม่มีบทบาทในการทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีมากเท่าที่ควรเลย...... และตอนนี้ก็ไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่เคยหวัง
(......ต้องเข้าใจว่า "ความแข็งแกร่ง" ของเรา หมายถึง แม้จะตัดสินตามกฎเกณฑ์ของโลก ก็นับเป็น "ชนะ" ได้ ถึงจะเรียกว่าแข็งแกร่ง ไม่งั้นก็ไร้ความหมาย เพราะ.....ไม่คิดงี้ก็จะแพ้ตลอดไป)
salvation7 เขียน:สำหรับพระองค์ รอได้เสมอ มีแต่เราเท่านั้นที่ จะหันกลับสู้อ้อมอกพระบิดาหรือไม่เท่านั้น

แล้วทำไมต้องคิดว่าสาย ด้วยหล่ะ
........สายไป มันก็คือสายไปจริง ๆ อยู่ดีนั่นแหละ เอาอะไรมาอ้างก็บิดเืบือนความจริงไม่ได้ (แต่จริง ๆ มันแก้ได้ แต่เราทำคนเดียวไม่ไหวแน่ วิธีการยังไม่รู้เลยทำไงถึงจะได้ แต่คนที่ช่วยได้ไม่ยอมช่วยเองนี่นา)


เพราะคิดแบบสีแดงไงละ สีเขียวเลยไม่กระเตื้อง

ในการแข่งขันกีฬามีนักกีฬาอยู่ 3 ประเภท

ประเภทแรก หกล้มและลุกขึ้นเลยแม้จะไม่มีแรงทำอะไรต่อแล้วก็ตามหลังจากลุก ประเภทนี้คือประเภทนักสู้ จะเข้มแข็งขึ้นทุกครั้งที่ลุกและมีความเป็นมืออาชีพ

ประเภทสอง ใช้เวลาสักพักก่อนจะลุก ประเภทนี้คือนักกีฬาทั่วไป ความเข้มแข็งของจิตใจยังไม่ถึงขั้นแต่ก็เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะก้าวไปเป็นนักกีฬาประเภทแรกหรือประเภทสุดท้าย

ประเภทสุดท้าย หกล้มเอาหน้่ซุกใว้อย่างนั้น หาข้ออ้างต่างๆที่ทำให้ตัวเองต้องมานอนจมอยู่ตรงนี้ ประเภทนี้คือประเภทขี้แพ้ ต่อให้หนีไปทำอย่างอื่นเมื่อเจอปัญหาก็จะต้องล้มเลิกไปทุกครั้งหากยังเป็นประเภทที่ 3 อยู่




พี่ขอถามว่าน้องอยากเป็นแบบไหนครับ?

พระเจ้าอวยพร
ตอบกลับโพส