ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษ แต่ปกครองระบอบประชาธิปไตย แบบมีผู้ว่าการแบบ กทม.
ประเทศจีน หรือ ชื่อเต็ม ๆ ว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน(People’s Republic of China)
เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียเรา และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากรัสเซีย ,แคนนาดา
มีประชากรมากว่า 1.3 ล้านคน และมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศต่าง ๆ ถึง 15 ประเทศ ได้แก่
เวียตนาม ลาว พม่า อินเดีย ภูฎาณ เนปาล ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กีซสถาน
คาซัคสถาน รัสเซีย มองโกเลีย และเกาหลีเหนือ
จีนแบ่งเขตการปกครองเป็น 23(จีนนับรวมไต้หวันด้วย) มณฑล 4 มหานคร 5 เขตปกครอง
และ 2 เขตปกครองพิเศษ มณฑล เช่น มณฑลยูนนาน(คนไทยชอบไปเที่ยว คุนหมิง แชงกรีร่า),
มณฑลเสฉวน(คนไทยชอบไปเที่ยวดูหมีแพนด้า ที่เฉินตู,จิ่วไจ้โก) หรือมณฑลกวางตุงหรือ
กวางเจา (ที่ไทยไปช้อปปิ้งกัน) หรือมณฑลเหอหลงเจียง(ที่เราไปดูเทศกาลน้ำแข็งที่เมือง
ฮาร์บิ้น)
มหานคร มี 4 มหานคร คือ ปักกิ่ง, เทียนสิน,ฉงชิ่ง,เซี่ยงไฮ้ (ใช้ระบบการบริหารเหมือน
กทม.,พัทยา เชียงใหม่ บ้านเรา)
**ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เทียนสิน คนไทยคุ้นดี ฉงชิ่ง ซิอยู่ตรงไหน ง่าย ๆ เลยติดกับ
มณฑลเสฉวน อยู่ตะวันตกเฉียงใต้ของจีนตอนบนของแม่น้ำแยงซีเกียง ต้นกำเนิดหมีแพนด้า
บรรพบุรุษช่วง ๆ หลินหุ้ย แหละครับ**
เขตปกครองตนเอง มี 5 เขต คือ มองโกลเลียใน(ชาวมองโกล),หนิงเซี่ยหุย(ชาวหุย เป็น
มุสลิม),ทิเบต (ชาวจ้าง),กวางสีจ้วง(ชาวจ้วง)และซินเจียง-อุยกูร์(ชาวอุยกูร์ เป็นมุสลิม
เช่นเดียวกับชาวหุย)
เขตบริหารพิเศษ เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ รู้จักกันในนาม 1 ประเทศ
2 ระบบ มี 2 เขต คนไทยเราคุ้นกันดี คือ
ฮ่องกงและมาเก๊า
ในประวัติศาสตร์ไทยเราเคยใช้ระบบถามว่าเขตปกครองตนเอง
ไทยเราก็เคยใช้ในสมัยโบราณโดยมีลักษณะเป็นเมืองเจ้าพระยามหานครขึ้นตรงกับราชธานี
เช่น นครศรี ธรรมราช,สงขลา,ลังกาสุกะหรือปัตตานี ไทรบุรี(ตอนนี้เป็นของมาเลเซีย) มะริด,ทวาย,ตะนาวศรี(ปัจจุบันเป็นพม่า) เวียงพิงค์(ปัจจุบันคือเชียงใหม่) เป็นต้น
อาณาจักรน่านเจ้าของไทยเรามาจากจีน ก่อนสมัยพ่อขุนศรีอิทราทิตย์(พระราชบิดา พ่อขุนราม
คำแหง) ไทยเรามีอาณาจักหนึ่ง ชื่อ อาณาจักรน่านเจ้า มีกษัตริย์ชื่อคล้าย ๆ จีน เช่น พระเจ้า
เหม่งแซ่เจ้า,พระเจ้ามองกาตา,พระเจ้าสินะโล,พีล่อโก๊,โก๊ล่อฝง(เมื่อก่อนแถวบางนกแขวก
ผมมีญาตินามสกุล เต็งล่อไล้ ยังนึกขำ ไหนจะตอนเด็ก ๆ รุ่นก๋ง ชอบพูด ซาล่อเจ๊ก 3 รุ่ม 1
อะไรประมาณนั้น)
เป็นไปได้ว่าอาณาจักรน่านเจ้าอพยพมาจากมณฑลยูนนาน แล้วถอยมาเรื่อย ๆ จนติดทะเล
จึงเป็นที่มาของคำว่า “เราถอยไปไม่ได้อีกแล้ว” หากเราเดินทางลงใต้คุนหมิงมา ประมาณ
200 กว่า กม. เราจะพบหมู่บ้านปกครองตนเองชื่อ เจี้ยนสุ่น หรือ หมู่บ้าน “ชาวไต” ที่มีนา
ขั้นบันใดมรดกโลก ชื่อ Honghe Hani Terraced Fields (อันนี้ความเห็นของผู้เขียนเองนะครับ
อย่าไปสรุปเป็นประวัติศาสตร์)
จีนมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,300 ปี อ่านประวัติศาสตร์จริง ๆ ใครไม่ชอบน่าเบื่อ ผมจะขอนำ
เล่าแบบสรุป ๆ และจับเฉพาะประเด็นสำคัญ ๆ ในประวัติศาสตร์ เด็ก ๆ น้อง ๆ หนู ๆ หรือท่านผู้อ่าน
สนใจอ่านไม่เกิน 10 นาที พอรู้เรื่อง
มีบางอาจารย์ไทยบางท่าน ที่สอนแบบรวบรัด 10 ราชวงศ์จีน ที่สำคัญ
(ใครจะท่องก็เรียนเชิญ...นะครับ)
- ราชวงศ์เซี่ย(Xia),ซาง(Shang),โจว(Zhou)
- ฉิน ฮั่น ถัง
- ซ่ง,หยวน,หมิง,ชิง
ยุคก่อนรวมปราชญ์โบราณ
ราชวงศ์ เซี่ย (Xia) (ราว 2,100-1600 ปี ก่อน คริสตกาล) ก่อน คริตกาล คือ ก่อนพระเยซู
ประสูติ (คริตกาล – นับวันประสูติ ถ้าเป็น พ.ศ. นับแต่พระพุทธองค์ปรินิพาน) พ.ศ. ต่างกับ
ค.ศ. 543 ปี ดังนั้นหากเขียนเป็น พ.ศ. ใครอยากรู้ ค.ศ. เอา 543 ลบ
ราชวงศ์เซี่ยครองแผ่นดินยาวนาน 500 ปี จนถึงกษัตริย์องค์สุดท้ายชื่อพระเจ้าเจี๋ย ราชวงศ์ซาง
ก็เข็มแข็งขึ้นแบบเดียวกับสุโขทัย อยุธยาบ้านเรา มีสงครามเป็นผลให้ราชวงศ์เซี่ยล่มสลาย
กษัตริย์เจี๋ยหนีไปอยู่เมืองหนานเฉา
ราชวงศ์ซาง(Shang) (ราว 1,600-1,028 ปี ก่อน ค.ศ.)
ในสมัยนี้เริ่มมีการใช้อักษรอักษรภาพ ซึ่งเป็นที่มาของอักษรจีนในปัจจุบัน, ราชวงศ์ซางปกครอง
แผ่นดินได้ 572 ปีก็ล่มสลาย บ้านเมืองแตกแยกกษัตริย์องค์สุดท้ายไม่สามารถบริหารราชการงาน
เมืองได้ รับภาระไม่ไหวตัดสินใจทำอัตวินิบาตกรรมโดยเผาตัวเอง
ราชวงศ์โจว(Zhou) ประมาณก่อน 1027-256 ปีก่อน ค.ศ.
สมัยนี้เป็นสมัยปราชญ์ของจีน ที่มีชื่อเสียงคนไทยรู้จักดี คือ ขงจื๊อ(Kong Zi หรือฝรั่งเรียก
Confucius) ราชวงศ์โจวแบ่งเป็น 2 ราชวงศ์คือ
โจวตะวันตก ช่วงปี 1027 – 771 ก่อนคริสตกาล ปกครองยาว 256 ปี
โจวตะวันออก ปี 770 – 256 ก่อนคริสตกาล ปกครองยาว 514 ปี ยุคนี้มีปราชญ์ที่ชาวไทยรู้จักดี
คือ ซุนวูเป็นแม่ทัพของราชวงศ์โจวตะวันออก ที่เขียนตำราพิชัยสงครามใช้เป็นตำรารบจนถึง
ปัจจุบันสมัยนี้เองมีการแบ่งเป็น 7 แคว้นแต่ละแคว้นมีฮ๋องปกครองตนเองและแย่งกันเป็นใหญ่
ราชวงศ์ฉิน (พ.ศ. 322-336) หรือ220 ปี ก่อนคริสตกาล
ฮ๋องแคว้นฉินสามารถรบชนะอ๋องฉินสถาปณาตัวเองเป็นจิ๋นซีฮ่องเต้ (ใครอยากศึกษาหาภาพยนตร์
เรื่อง จิ๋นซีฮ่องเต้ ดู) รวมประเทศจีน และมีการเปลี่ยนการปกครองโดยกษัตริย์องค์เดียว มีการเผา
ตำรา ฆ่าบัณฑิต ล้มความเชื่อขงจื้อเพื่อยกระบอบกษัตริย์และตั้งชื่อประเทศว่า จีน มีการปฏิรูป
ทางการเมืองและบ้านเมือง โดยใช้กฎ 9 ข้อ ปรับเปลี่ยนระบบ บริหารราชการแผ่นดิน โยกย้าย
ข้าราชการมากมาย รวมถึงเชื้อพระวงศ์ด้วย รวมถึงมีการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเป็นธรรม และ
ไม่ให้มีระบบ สองมาตรฐาน(Double Standard) ในบ้านเมืองในสมัยนี้มีการสร้างสิ่งใหญ่โต
ที่ทั่วโลกรู้จักดีคือ กำแพงเมืองจีน ยาวตั้งแต่ตะวันตกจรดตะวันออกถึงทะเล (6,325 กม.)ไปตาม
ยอดเขาเฉลี่ยกำแพง สูงจากยอดเขา 8 เมตร กว้าง 5 เมตร ระยะ 200 เมตรมีจะป้อม 1 ป้อม
คอยส่งข่าวข้าศึกด้วยการตีระฆัง(นักประวัติศาสตร์ว่าจริง ๆ กำแพงเมืองจีนมีอยู่ก่อนแล้ว
โดยการสร้างของแคว้นต่าง ๆ จิ๋นซีฮ่องเต้ เพียงแต่เชื่อมต่อและสร้างเพิ่มให้ยาวขึ้น) สมัยนี้
มีการสร้างสุสานจิ๋นซีที่เมืองซีอานด้วย
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่ซีอานถูกพบโดยชาวนาได้ขุดพบหุ่นทหารดินเผาโดยบังเอิญ ปัจจุบันรัฐบาล
จีนยังไม่ได้ขุนค้น ในส่วนที่นักประวัติศาสตร์คาดว่าจะเป็น หีบพระศพจิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งคาดว่าจะมี
ค่ายกลซับซ้อน หนังเรื่อง มัมมี่เคยเอามาสร้างชื่อตอน "คืนชีพจักรพรรดิมังกร"
ราชวงศ์ฉินมีกษัตริย์ 3 พระองค์ราชวงศ์ฉินก็ล่มสลาย ราชวงศ์ฉินยิ่งใหญ่แต่ปกครองจีนสั้น แค่
14 ปีปลายราชวงศ์พี่น้องแย่งราชบัลลังก์กันเอง(โอรสองค์เล็กฉินเอ๋อซื่อ ปลอมราชโองการจิ๋นซี
ฮ่องเต้ตอน จิ๋นซีฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ ให้โอรสองค์โตปลงพระชนม์ตนเอง แล้วยกราชสมบัติให้โอรสองค์เล็ก) อำนาจบริหาร งานเมืองจึงตกแก่ขันที เป็นผลให้ราชวงศ์อ่อนแอ ประชาชนลำบาก
ก่อม็อบไปทุกหย่อมหญ้า ขันทีผู้กำอำนาจราชสำนัก ชือ ขันทีเกา จึงก่อรัฐประหารจักรพรรดิ
ฉินเอ๋อซื่อ และตั้งดอมินี ตนเองเป็นกษัตริย์ ชื่อ จื่ออิง ในที่สุดก็ไม่สามารถทานทนแรงของ
มหาประชาชน และกลุ่มกบฎ ทำให้สิ้นราชวงศ์
ราชวงศ์ฮั่น(พ.ศ.350-550) จบราชวงศ์ฉิน ราชวงศ์ฮั่นเริ่มรื้อฟื้นคำสอนของขงจื๊อ และ
เส้นทางสายไหมเกิดขึ้นในสมัยนี้ โดยในสมัยฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี้ได้มอบหมายให้ จางเชียน ไปค้นหา
พันธมิตร(อาณาจักรต้า แยว่จรือ)เพื่อเป็นแรงเสริมสู้กับเผ่าโซวงหนูหรือมองโกล เป็นที่มาของ
เส้นทางสายไหม เนื่องจากผ้าไหมที่ใช้โดยทั่วไปในจีนกับมีราคาแพงมากในแถบอาณาจักร
มองโกล และเป็นที่มาของทางหลวงชื่อดัง ที่สูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน คือ โคราโครัม**
**โคราโครัม(Karakoram Highway หรือ KKH) เป็น เส้นทางถนนเชื่อมระหว่างประเทศจีน
กับประเทศปากีสถาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมโบราณที่เชื่อมการค้าจากจีนสู่อินเดีย
เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ ถูกขนานนามว่าเป็นเส้นทางหลวงลอยฟ้า เนื่องจากเป็นถนนไฮเวย์ที่
อยู่สูงที่สุดในโลก ความสูงอยู่ในช่วงตั้งแต่ 900 – 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ระยะทางเริ่มต้น
จากโอเอซิสที่เมืองคัชการ์ (Kashkar) ในประเทศจีนสู่เมืองราวัลพินดี (Rawal Pindi) ประเทศ
ปากีสถานระยะทางรวม 1,300 กม. เส้นนี้แหละ ที่พระถังซัมจั๋ง(พระซวนจั้ง)ก็ใช้เส้นทางนี้
แหละครับไปอัญเชิญพระไตรปิฏกจากดินแดนชมพูทวีป(อินเดีย) แต่เป็นเส้นใต้คือฉางอัน-ซีอาน
-ถูลู่ฟาน-คัชกาเรีย เข้าสู่อินเดียทางเลห์ ลาดัก เข้ารัฐพิหาร สมัยก่อนเป็น แคว้นมคธ เมืองหลวง
คือ กรุงราชคฤห์**
ช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น เรียกฮั่นตะวันออก เริ่มมีการแบ่งแยกประเทศอีกครั้งเป็น แล้วก็เกิดกรณี
3 ก๊ก คือ วุ่ยก๊ก,จ๊กก๊ก,ง่อก๊ก คนจีนรบกันเอง วุ่ยก๊ก ของโจโฉ จ๊กก๊ก ของเล่าปี่(ที่มีทหารเอก
ชื่อดัง กวนอู,เตียวหุย,จูล่ง) และง่อก๊กซุนกวน รบกันตั้งแต่ พ.ศ. 763-811 รบกันตั้งแต่สามก๊ก
จนถึงรุ่นลูก รวมรบกัน 103 ปี หลังจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เคยรวมได้จาก 7 ก๊กและตั้งราชวงศ์ฉิน
ลูกหลานแตกแยกแบ่งเป็น ก๊กโจโฉ(ยึดกษัตริย์เหี้ยนเต้) ก๊กเล่าปี่(มีเชื้อพระวงศ์) และก๊กซุนกวน
ต่างฝ่ายต่างอ้างความจงรักภักดีต่อกษัตริย์เหี้ยนเต้ จนกระทั่งโจโฉสามารถมีอำนาจเหนือองค์
จักรพรรดิเหี้ยนเต้ พอโจโฉเสียชีวิต บุตรชายคือโจผีปราบดาภิเษกเป็นจักรพรรดิ ราชวงศ์ฮั่น
ล่มสลายและแตกเป็น 3 ก๊ก
โดยวุ่ยก๊ก(มีฐานอำนาจทางเหนือ),จ๊กก๊ก(ทางตะวันตก),ง่อก๊ก(อยู่ทางตะวันออก-แถบกวางตุ้ง)
ราชวงศ์ถัง (ประมาณ พ.ศ.1161-1450) ในสมัยราชวงศ์ถังมีการอัญเชิญ
พระไตรปิฎกจากชมพูทวีป(อินเดีย) โดยพระถังซัมจั๋ง เห้งเจีย,ตือโป้ยก่าย,ซัวเจ๋ง โดยใช้เส้นทาง
สายไหมด้านใต้ คือ จากฉางอัน ซีอาน ถูลู่ฟาน คัชกาเรีย(คาสือ) ไปเลห์ ลาดัก เข้า ชมพูทวีป(อินเดีย) ...ตามที่ผมเล่าไปข้างบน
ราชวงศ์ซ่ง (ประมาณ พ.ศ. 1500-1800) หรือราชวงศ์ ซ้อง ในสมัยราชวงศ์มีข้าราชการคนหนึ่ง
ที่บ้านเรารู้จักกันดี คือ ท่านเปาบุ้นจิ้น แห่งเมืองไคฟง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นข้าราชการที่ดำรงความ
ยุติธรรมและเป็นที่พึ่งของประชาชน ในสมัยนี้มีวิวัฒนาการก้าวหน้า ทั้งด้านการแพทย์ และพาณิชย์
เช่น การฝังเข็ม การพิมพ์
ราชวงศ์หยวน เป็นราชวงศ์ มองโกล(เจงกีสข่าน) (พ.ศ.1803-1911)
ในราชวงศ์นี้มีนักเดินทางเลื่องชื่อ มาร์โคโปโลเข้ามาทางเส้นทางสายไหมและมีนำการใช้ธนบัตร
ไปใช้ที่ตะวันตกรวมถึงทำให้ตะวันตกรู้จักตะวันออกมากขึ้น สมัยนี้ประเทศไทยเราเริ่มเป็นประเทศ
ตรงกับสมัยสุโขทัยของไทยเรา(ในสมัยพ่อขุนรามคำแหง-ปฐมกษัตริย์ ราชวงศ์พระร่วง ปฎิวัติไล่
ผู้สำเร็จราชการขอบกลับนครวัด) เจงกีดข่านเป็นนักรบที่เข็มแข็งรวมทุกตระกูลเผ่ามองโกล นักรบ
มองโกลรบบนหลังม้าเก่ง ขี่ม้าหลังเปล่าไม่มีอาน,อึดทนเพราะใช้ชีวิตกลางทะเลทรายนอนกระโจม
คล้ายหัวปลีนับถือศาสนาอิสลาม มีกองทัพม้าเข็มแข็ง เลยยึดไปได้ค่อนโลก ถึงยุโรป,อินเดียว,
ยึดจีน(เผาปักกิ่งราบเป็นหน้ากอง),ยึดรัสเซีย,อิหร่าน เกาหลี จนถึงรุ่นกุบไบข่านหลานเจงกีดข่าน
บุกมาถึงพุกามของพม่า ปี. พ.ศ. 1830 ทำทะเลเจดีย์พุกามหายวับไปกับตา ทหารมองโกลผสม
กับคนพม่ากลายเป็นชาวกระเหรี่ยงที่อยู่ตระเข็บชายแดนไทยในปัจจุบัน
สมัยนั้นพ่อขุนรามคำแหงเห็นแล้วยังทรงพระหวาดเสียว แต่ด้วยทรงพระปรีชาส่งเครื่องบรรณาการ
ให้มองโกล(ไทยเราจึงรอดพ้น), ยุคนี้เองที่มาร์โคโปโล** ได้เดินทางมาถึงเมืองจีนและรับใช้
ราชสำนักจีนอยู่และทำให้ตะวันตกรู้จักประเทศจีน แต่กุบไบข่านรบทางเรือไม่เก่ง แพ้ญี่ปุ่นเพราะ
ญี่ปุ่นเริ่มมีอิทธิพลทางทหารมาก เป็นผลให้สิ้นราชวงศ์หงวน
**มาร์โคโปโล(Marco Polo) เป็นนักเดินทางชาวเวนิสประเทศอิตาลีชื่อดัง และเป็นผู้เชียนหนังสือ
ชื่อ The Travels of Marco Polo การเดินทางของมาร์โคโปโล ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ได้ทางบก
มาถึงจีนในราชวงศ์หยวน สมัยกุบไบข่าน(หลานเจงกีสข่าน) **
มาถึง 2 ราชวงศ์สุดท้ายของจีน คือ
หมิง กับ ชิง (ใครชอบดูหนังกำลังภายใน มักได้ยินคำว่า ล้ม ชิง กู้หมิง เป็นเรื่องของ การแย่งอำนาจ ระหว่างราชวงศ์ ระหว่างฮั่น(หมิง)กับแมนจู(ชิง)
ราชวงศ์หมิง (พ.ศ. 1911-พ.ศ.2187)ราชวงศ์จีนแท้ ๆ หรือชาวฮั่น ขับไล่ราชวงศ์หยวนออกไป
โดยการรวมตัวกันในวันไหว้พระจันทร์ โดยส่งกระดาษบอกวันเวลาที่จะก่อการล้มราชวงศ์หยวน
(ภาษาทหารเรียก วัน ว. เวลา น.) จนเป็นที่มาของพิธีไหว้พระจันทร์ ทำให้พวกเรามีขนมอร่อย ๆ
กิน ใครเคยดูดาบมังกรหยก คงจำเตียบ่อกี้ได้ จูหยวนจาง ผู้ก่อตั้งราชวงศ์หมิงเป็นลูกน้องของ
เตียบ่อกี้นั่นเอง ซึ่งก็คือปฐมกษัตริย์ผู้ก่อตั้งราชวงศ์หมิง ในสมัยนี้มีการสร้างพระราชวังต้องห้าม
หรือกู่กง(Gu Gong) ซึ่งมีห้องถึง 9999.5 ห้อง(คือฮ่องเต้ไม่ใช่สวรรค์ จึงสร้างไม่ครบ 10,000
ห้อง) มีการเริ่มเดินเรือ ทำให้เกิดชื่อนายพลดัง นายพลเจิ้ง เหอ(เดินเรือมาถึงอยุธยา คนไทยเรา
นับถือจนมีการสร้างศาลเจ้าให้ เรียก ซัม ปอ กง จนภายหลังกลายเป็น หลวงพ่อโตวัดพนันเชิง
เห็นไม๊ครับ ประวัติศาสตร์ไทย-จีนเกี่ยวเนื่องกันหมด)
ราชวงศ์ชิง (พ.ศ. 2187-2454)เป็นแมนจู (โกนผมครึ่งหัว ไว้เปีย) โดยกษัตริย์
องค์สุดท้ายคือกษัตริย์ปูยี ท้ายราชวงศ์กษัตริย์ครองราชเป็นหุ่นเชิด โดยมีพระนางซูสีไทเฮา อยู่
เบื้องหลังจักรพรรดิถึง 3 พระองค์ นั่งว่าราชการอยู่ข้างหลัง จีนจึงได้รับฉายาว่าหลังม่านไม้ไผ
สมัยนั้นมีการ ฉ้อราชบังหลวง การแย่งชิงอำนาจในราชวงศ์(แบบเดียวกับอยุธยาตอนต้นของเรา
ใครอยากรู้ไปดู “สุริโยไท” ของท่านมุ้ย) ราชวงศ์ชิงให้มีขุนนางกังฉินมากมาย ประชาชนอดอยาก
ไหนจะถูกญี่ปุ่นรุกราน ทำให้เกิดการปฎิวัติโดย
ดร.ซุน ยัด เซ็น กษัตริย์จีนองค์สุดท้ายคือ ปูยี
ค.ศ. 1911 (พ.ศ. 2454 ตรงกับรัชสมัย ร.6 ของไทยเพิ่งทรงครองราชเพียง 1 ปี) ดร.ซุนยัดเซน
นำกำลังทหารยึดอำนาจกษัตริย์ และยังปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมีปธน.หยวน ซื่อ ไข่
ปกครองประเทศและสืบต่ออำนาจ มาที่ ปธน. เจียงไคเช็ค (พ.ศ. 2471-2492)
ค.ศ. 1949 (พ.ศ. 2492 ตรงกับรัชสมัยรัชกาลปัจจุบันของไทยเรา นายกควง อภัยวงศ์ และเป็นยุค
เดียวกับที่ CIA เริ่มเข้ามาในประเทศไทย) เหมาเจ๋อตง ทำการปฎิวัติจาก นายพลเจียงไคเช็ก
เป็นที่มาของทฤษฎี ป่าล้อมเมืองและแก้ว 3 ประการ
(ทฤษฏีแก้ว 3 ประการ คือ การจะรบชนะต้องมี พรรค,แนวร่วม และกองกำลังติดอาวุธ) และทฤษฎี
ป่าล้อมเมืองคือ การรบแบบกองโจรตามทฤษฎีเหมา คือ เอ็งมาข้ามุด เอ็งหยุดข้าแหย่ เอ็งแย่ข้าตี
เอ็งหนีข้าตาม ปรับทุกข์ผูกมิตร รับใช้ใกล้ชิด ปักหลักฝังแกน (ประเทศไทยใช้ทฤษฎีเหมา รบมา
ตั้งแต่สมัย 14 ต.ค. จนปัจจุบันแม้แต่เหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา)
ด้วยการที่เหมา เจ๋อ ตง ปฎิวัติจีนสำเร็จ ทำให้พรรคก๊กมินตั๋งของเจียงไคเช็กอพยพไปอยู่เกาะเป็น
ประเทศใหม่ขึ้นมาที่จีนไม่ยอมรับคือ “ไต้หวัน” (เกาะไต้หวันอยู่ในมณฑลฝูเจี้ยน) ในปี พ.ศ. 2505
บางส่วนอพยพเข้าในพม่า และเข้ามาในไทยอยู่ดอยแม่สลอง เป็นกองพล 93(เป็นที่มาของคำว่า
เจ๊กกบฎ) สงครามระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีน(นำโดยเหมาเจ๋อตง) กับ พรรคก๊กมินตั๋ง(นำโดย
เจียงไคเช็ก) ฝ่ายเหมาชนะทำให้กองทัพของก๊กมินตั๋งแตก...
เหมาเจ๋อตง ได้สถาปนา สาธารณรัฐประชาชนจีน ปกครองด้วยระบอบ
คอมมิวนิสต์ ในวันที่ 1 ต.ค. พ.ศ. 2492(ที่เพิ่งฉลอง 60 ปี อย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อ ต.ค. ปี2552)
นั่นแหละครับประวัติ 3,000 กว่าปีของประเทศจีน ผมนำมาเล่าสนุก ๆ แบบสั้น ๆ