ขอถามอะไรหน่อยครับ
-
- โพสต์: 954
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 11:04 pm
คนที่ทำให้คาทอลิกแบ่งแยกนิกายออกไปมากมายตายแล้วนี่จะได้พบพระเจ้าไหม
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ไม่ทราบค่ะ เพราะคาทอลิกเลิกบอกว่าใครรอด ใครไม่รอด
ใครตกนรก ใครไม่ตกนรก ตั้งแต่สังฆยนาวาติกันครั้งที่ 2 แล้ว
ใครตกนรก ใครไม่ตกนรก ตั้งแต่สังฆยนาวาติกันครั้งที่ 2 แล้ว
คนที่ทำให้แตกแยกและคนที่เป็นต้นเหตุแห่งการแตกแยกต่างๆ หรือคนมักใหญ่ไฝ่สูง
คนเหล่านี้ตายหมดแล้ว ต่อหน้าพระเจ้าเขาต้องรับผิดชอบ จะอย่างไรก็ตาม...
พระเยซูตรัสว่า..."อย่าตัดสินคนอื่น แล้วท่านจะไม่ถูกตัดสิน"
เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใครทั้งนั้น ...พระเมตตาของพระองค์ยิ่งใหญ่กว่าพระยุติธรรม..
บางนิกายชอบอ้างเอาชื่อพระเจ้ามาตัดสินคนอื่นว่า เช่น พระเจ้าลงโทษ หรือตกนรก ขู่ให้กลัวต่างๆ
เมื่อวานนี้เองเจอน้องนิกายหนึ่ง เขาเล่าว่าตอนนี้กลัวพระเจ้ามาก ไม่อยากเปิดพระคัมภีร์แล้ว
อยากเข้าวัดคาทอลิก อยากสัมผัสแม่พระ ที่โบส์เก่าของเขาเน้นแต่ต้องทำบุญ10เปอร์เซ็นต์
สิบลดของเงินเดือน ถ้าทำไม่ครบจะถูกพระเจ้าลงโทษ แล้วเทศน์ยกตัวอย่างคนที่ไม่ถวายหรือถวาย
ไม่ครบทำอะไรก็เจ๊งขาดทุน แต่อีกคนหนึ่งทำบุญ10ลดตลอด ตอนนี้ขยายร้านแล้ว น้องคนนี้
กลัวมากบอกว่าได้อะไรมาต้องถวาย10เปอร์เซ็นต์เสมอ น้องคนนี้ตอนนี้เขาได้ของขวัญเป็น
โทรศัพย์มา1เครื่อง เขาจะต้องไปถามราคาเท่าไรและจะเอา10เปอร์เซ็นต์ไปทำบุญ
และหลายๆอย่างทำเพราะกลัวพระเจ้าลงโทษ
เราเลยบอกน้องเค้าว่า น้องเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ไม่ต้องเครียดขนาดนั้น พระเจ้าใจดี
ไม่มาลงโทษอะไรอย่างนั้น น้องทำบุญตามความสามารถมีมากให้มากมีน้อยให้น้อย
พระองค์พอพระทัยเงินเล็กน้อยของหญิงหม้าย ซึ่งทำด้วยใจมากกว่า การทำเพราะกลัวพระเจ้า
เลยชวนเขาเข้ามาในเว็บนิวมานา ให้อ่านบทความต่างๆ จะได้เข้าใจและไม่ต้องกลัวพระองค์.....
คนเหล่านี้ตายหมดแล้ว ต่อหน้าพระเจ้าเขาต้องรับผิดชอบ จะอย่างไรก็ตาม...
พระเยซูตรัสว่า..."อย่าตัดสินคนอื่น แล้วท่านจะไม่ถูกตัดสิน"
เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใครทั้งนั้น ...พระเมตตาของพระองค์ยิ่งใหญ่กว่าพระยุติธรรม..
บางนิกายชอบอ้างเอาชื่อพระเจ้ามาตัดสินคนอื่นว่า เช่น พระเจ้าลงโทษ หรือตกนรก ขู่ให้กลัวต่างๆ
เมื่อวานนี้เองเจอน้องนิกายหนึ่ง เขาเล่าว่าตอนนี้กลัวพระเจ้ามาก ไม่อยากเปิดพระคัมภีร์แล้ว
อยากเข้าวัดคาทอลิก อยากสัมผัสแม่พระ ที่โบส์เก่าของเขาเน้นแต่ต้องทำบุญ10เปอร์เซ็นต์
สิบลดของเงินเดือน ถ้าทำไม่ครบจะถูกพระเจ้าลงโทษ แล้วเทศน์ยกตัวอย่างคนที่ไม่ถวายหรือถวาย
ไม่ครบทำอะไรก็เจ๊งขาดทุน แต่อีกคนหนึ่งทำบุญ10ลดตลอด ตอนนี้ขยายร้านแล้ว น้องคนนี้
กลัวมากบอกว่าได้อะไรมาต้องถวาย10เปอร์เซ็นต์เสมอ น้องคนนี้ตอนนี้เขาได้ของขวัญเป็น
โทรศัพย์มา1เครื่อง เขาจะต้องไปถามราคาเท่าไรและจะเอา10เปอร์เซ็นต์ไปทำบุญ
และหลายๆอย่างทำเพราะกลัวพระเจ้าลงโทษ
เราเลยบอกน้องเค้าว่า น้องเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ไม่ต้องเครียดขนาดนั้น พระเจ้าใจดี
ไม่มาลงโทษอะไรอย่างนั้น น้องทำบุญตามความสามารถมีมากให้มากมีน้อยให้น้อย
พระองค์พอพระทัยเงินเล็กน้อยของหญิงหม้าย ซึ่งทำด้วยใจมากกว่า การทำเพราะกลัวพระเจ้า
เลยชวนเขาเข้ามาในเว็บนิวมานา ให้อ่านบทความต่างๆ จะได้เข้าใจและไม่ต้องกลัวพระองค์.....
แต่หญิงม่ายนี่ ให้ทั้งหมดที่ตัวเองมีเลยนะครับ มากกว่า 10% อีกนะครับrosa-lee เขียน: เราเลยบอกน้องเค้าว่า น้องเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ไม่ต้องเครียดขนาดนั้น พระเจ้าใจดี
ไม่มาลงโทษอะไรอย่างนั้น น้องทำบุญตามความสามารถมีมากให้มากมีน้อยให้น้อย
พระองค์พอพระทัยเงินเล็กน้อยของหญิงหม้าย ซึ่งทำด้วยใจมากกว่า การทำเพราะกลัวพระเจ้า
-
- โพสต์: 124
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ย. 30, 2009 5:18 pm
- ที่อยู่: ขอนแก่น
อยากจะแบ่งปันอะไรที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวกับกระทู้นี้สักเท่าไหร่หน่อยนะครับ
ต่อยอดจากReของคุณ ~@Little lamb@~ หลังจากสังคายนาวาติกันครั้งที่สองที่ให้มีความรอดนอกศาสนจักร คือใจหนึ่งผมก็เห็นด้วยนะ เพราะศาสนาอื่นคนดีๆ เขาก็แยะ แต่พอศาสนจักรประกาศมาอย่างนี้ ผมรู้สึกเหมือนความกระตือรือร้นที่จะประกาศข่าวดีของคาทอลิกเราจะลดน้อยถอยลงมากเลย ซึ่งผมอาจจะรู้สึกไปเองก็ได้ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับพี่น้องนิกายอื่นและศาสนจักรในสมัยก่อนสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ที่ยังมีความเชื่อที่ว่าต้องเชื่อพระถึงจะรอดแล้ว มันเห็นได้ถึงความแตกต่างกับคาทอลิกในปัจจุบันมากเลย อย่างตัวผมเองอยู่ที่ขอนแก่น ที่นี่ไม่มีร้านหนังสือคาทอลิก มีแต่ของคริสเตียน เวลาไปซื้อหนังสือมาอ่านเจ้าของร้านเขาเป็นศิษยาภิบาลอยู่คริสตจักรแห่งหนึ่ง เวลาเจอผมก็พยามยามมากที่จะพูดเกลี้ยกล่อมให้ผมไปคริสตจักรเขา ผมเคยคุยกับคนดูแลร้าน เธอเป็นคนต่างจังหวัด แต่มาเรียนที่มข. แล้วได้งานทำที่นี่ เมื่อก่อนเป็นพุทธ แต่ตอนเรียนมีรูมเมทเป็นคริสเตียน เธอเล่าว่ารูปเมทขยันประกาศข่าวดีกับเธอมาก แสดงความรัก ความมีน้ำใจให้กับเธอ จนเธอรู้สึกว่า คนคนหนึ่งที่ไม่รู้จักกัน ทำให้กันได้มากขนาดนี้เพราะอะไร ในที่สุดเธอก็รับเชื่อเป็นคริสเตียน ถึงผมไม่ได้มีความคิดจะเปลี่ยนนิกาย แต่ก็เคยลองเข้าไปนมัสการที่คริสตจักรแถวๆ บ้านดู ที่ชั้นเรียนพระคัมภีร์ของเขา มีคนต่างศาสนาไปเรียนเยอะมาก(มีคาทอลิกด้วยแหละ)เมื่อเปรียบเทียบกับชั้นเรียนคำสอนที่วัดของผมและวัดอื่นๆ ที่ผมเคยไปมิสซาถึงวัดของผมจะมีทั้งกลุ่มเซอร์ร่า ทั้งพลมารี รวมถึงกลุ่มเยาวชนด้วยก็เถอะ และยังเรื่องที่ประชากรคาทอลิกในยุโรปกำลังลดลงอย่างฮวบฮาบ ถึงจะมีหลายกลุ่มในศาสนจักรที่ทำกิจการด้านการประกาศนี้มานาน และอีกหลายกลุ่มเพิ่งเกิดขึ้น แต่มองจากภาพรวมแล้ว คาทอลิกเราก็ยังไม่ค่อยกระตือรือร้นในการประกาศเท่าไหร่
จากที่พูดมาทั้งหมด ผมเลยมาคิดดูว่า อยากให้พี่น้องคาทอลิกเราหันมาให้ความสำคัญกับการประกาศข่าวดีมากยิ่งขึ้น ให้พี่น้องต่างศาสนาได้รู้จักพระและหันมาเชื่อพระ รวมถึงคาทอลิกเองก็ให้มั่นคงในความเชื่อ ถึงศาสนจักรจะประกาศมาแล้วว่ามีความรอดนอกศาสนจักร แต่การประกาศถึงอาณาจักรสวรรค์ก็เป็นเหมือนหน้าที่หนึ่งของเราคริสตชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้โป๊ปได้ประกาศให้ปี 2012-2013 เป็นปีแห่งความเชื่อ ย้ำเตือนเราถึงช่วงเวลาแห่งพระหรรษทานและการอุทิศตนอย่างจริงจังให้กับการนำคนกลับใจมาหาพระ การเสริมสร้างความเชื่อในพระองค์ และการประกาศพระนามพระเจ้าให้ทุกคนได้รู้ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องทุกคน
ต่อยอดจากReของคุณ ~@Little lamb@~ หลังจากสังคายนาวาติกันครั้งที่สองที่ให้มีความรอดนอกศาสนจักร คือใจหนึ่งผมก็เห็นด้วยนะ เพราะศาสนาอื่นคนดีๆ เขาก็แยะ แต่พอศาสนจักรประกาศมาอย่างนี้ ผมรู้สึกเหมือนความกระตือรือร้นที่จะประกาศข่าวดีของคาทอลิกเราจะลดน้อยถอยลงมากเลย ซึ่งผมอาจจะรู้สึกไปเองก็ได้ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับพี่น้องนิกายอื่นและศาสนจักรในสมัยก่อนสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ที่ยังมีความเชื่อที่ว่าต้องเชื่อพระถึงจะรอดแล้ว มันเห็นได้ถึงความแตกต่างกับคาทอลิกในปัจจุบันมากเลย อย่างตัวผมเองอยู่ที่ขอนแก่น ที่นี่ไม่มีร้านหนังสือคาทอลิก มีแต่ของคริสเตียน เวลาไปซื้อหนังสือมาอ่านเจ้าของร้านเขาเป็นศิษยาภิบาลอยู่คริสตจักรแห่งหนึ่ง เวลาเจอผมก็พยามยามมากที่จะพูดเกลี้ยกล่อมให้ผมไปคริสตจักรเขา ผมเคยคุยกับคนดูแลร้าน เธอเป็นคนต่างจังหวัด แต่มาเรียนที่มข. แล้วได้งานทำที่นี่ เมื่อก่อนเป็นพุทธ แต่ตอนเรียนมีรูมเมทเป็นคริสเตียน เธอเล่าว่ารูปเมทขยันประกาศข่าวดีกับเธอมาก แสดงความรัก ความมีน้ำใจให้กับเธอ จนเธอรู้สึกว่า คนคนหนึ่งที่ไม่รู้จักกัน ทำให้กันได้มากขนาดนี้เพราะอะไร ในที่สุดเธอก็รับเชื่อเป็นคริสเตียน ถึงผมไม่ได้มีความคิดจะเปลี่ยนนิกาย แต่ก็เคยลองเข้าไปนมัสการที่คริสตจักรแถวๆ บ้านดู ที่ชั้นเรียนพระคัมภีร์ของเขา มีคนต่างศาสนาไปเรียนเยอะมาก(มีคาทอลิกด้วยแหละ)เมื่อเปรียบเทียบกับชั้นเรียนคำสอนที่วัดของผมและวัดอื่นๆ ที่ผมเคยไปมิสซาถึงวัดของผมจะมีทั้งกลุ่มเซอร์ร่า ทั้งพลมารี รวมถึงกลุ่มเยาวชนด้วยก็เถอะ และยังเรื่องที่ประชากรคาทอลิกในยุโรปกำลังลดลงอย่างฮวบฮาบ ถึงจะมีหลายกลุ่มในศาสนจักรที่ทำกิจการด้านการประกาศนี้มานาน และอีกหลายกลุ่มเพิ่งเกิดขึ้น แต่มองจากภาพรวมแล้ว คาทอลิกเราก็ยังไม่ค่อยกระตือรือร้นในการประกาศเท่าไหร่
จากที่พูดมาทั้งหมด ผมเลยมาคิดดูว่า อยากให้พี่น้องคาทอลิกเราหันมาให้ความสำคัญกับการประกาศข่าวดีมากยิ่งขึ้น ให้พี่น้องต่างศาสนาได้รู้จักพระและหันมาเชื่อพระ รวมถึงคาทอลิกเองก็ให้มั่นคงในความเชื่อ ถึงศาสนจักรจะประกาศมาแล้วว่ามีความรอดนอกศาสนจักร แต่การประกาศถึงอาณาจักรสวรรค์ก็เป็นเหมือนหน้าที่หนึ่งของเราคริสตชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้โป๊ปได้ประกาศให้ปี 2012-2013 เป็นปีแห่งความเชื่อ ย้ำเตือนเราถึงช่วงเวลาแห่งพระหรรษทานและการอุทิศตนอย่างจริงจังให้กับการนำคนกลับใจมาหาพระ การเสริมสร้างความเชื่อในพระองค์ และการประกาศพระนามพระเจ้าให้ทุกคนได้รู้ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องทุกคน
- billa-bong
- ~@
- โพสต์: 668
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
- ที่อยู่: thailand
มาช่วยกันนะครับบบ พระเจ้าอวยพรครับ