ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube.com โพสต์โดย UPYim
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เชื่อว่าหลายท่านคงได้ทราบเรื่องราวและติดตามเป็นกำลังใจให้ น้องเบนยามิน หรือ ด.ช.เบนยามิน พ่วงพงษ์ ทารกน้อยที่ลืมตาดูโลกในวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่อนิจจา หนูน้อยต้องมาทนทุกข์ทรมานกับความผิดปกติทางร่างกายที่มากมายเหลือเกิน
หนูน้อยเบนยามินมีอาการผิดปกติทางร่างกาย เริ่มจากที่ผนังหน้าท้องและทรวงอกไม่ปิดตั้งแต่กำเนิด จึงทำให้อวัยวะภายในต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตับ ไต ไส้ กระเพาะอาหาร และหัวใจไหลออกมาอยู่ภายนอกร่างกาย และยังมีอาการแทรกซ้อน กระเพาะอาหารทะลุเป็นแนวยาวกว่า 6 เซนติเมตร และช่องกระบังลมมีรูโหว่ ซ้ำร้ายแพทย์มาตรวจพบภายหลังว่า หนูน้อยมีหัวใจเพียง 3 ห้อง จึงต้องมีการผ่าตัดหัวใจร่วมด้วย ... แต่การผ่าตัดครั้งนี้ ผ่าตัดในเด็กน้อยอายุเพียง 5 วันเท่านั้น อีกทั้ง แพทย์ยังลงความเห็นว่าทารกน้อยรายนี้อาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน
อย่างไรก็ตาม แม้จะเหลือความหวังเพียงน้อยนิด แต่กระบวนการทางแพทย์เพื่อช่วยชีวิตหนูน้อยผู้โชคร้ายรายนี้ก็มีขึ้น โดยรศ.นพ.สุเมธ ธีรรัตน์กุล ศัลยแพทย์เด็กโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ทำการผ่าตัดรักษาเด็กชายเบนยามิน ร่วมกับศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก เย็บซ่อมแซมกระเพาะอาหารและช่องกระบังลม พร้อมกับนำถุงซิลิโคนสปริงผลิตพิเศษเฉพาะห่อหุ้มตับ ไต ไส้ กระเพาะอาหารและหัวใจไว้ เพื่อให้อวัยวะต่าง ๆ ปรับสภาพและไหลกลับเข้าช่องท้อง และหลังจากนี้หากไม่พบความผิดปกติ ศัลยแพทย์จะถอดถุงซิลิโคนออกและดึงผิวหนังด้านข้างมาเย็บติดปิดหุ้มหน้าท้องไว้ การผ่าตัดนี้ใช้เวลายาวนานกว่า 2 ชั่วโมง
แต่ต่อมา เมื่อแพทย์ตรวจพบว่า เด็กชายเบนยามิน มีหัวใจเพียง 3 ห้อง โดยหัวใจห้องล่างมีเลือดเสียปนกับเลือดสะอาด ทำให้ค่าก๊าซออกซิเจนที่สูบฉีดไปหล่อเลี้ยงร่างกายอยู่ในระดับต่ำเกินไป หนูน้อยเบนยามินมีชีวิตอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ แพทย์จึงได้วินิจฉัยเบื้องต้นว่า ต้องผ่าตัดรักษาหัวใจไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง
อย่างไรก็ดี รศ.ดร.สุเกษม อัตนวานิช ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก ประเมินว่า กว่าจะสรุปได้ว่าเด็กชายเบนยามินหัวใจผิดปกติอย่างอื่นหรือไม่ ต้องใช้เวลาดูอาการนานถึงสองเดือน แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต้องนำหัวใจลงไปอยู่ในทรวงอกให้ได้ และแยกหัวใจออกจากอวัยวะช่องท้องก่อน โดยการซ่อมกระบังลมบางส่วนก่อน ซึ่งถ้าหากผ่านกระบวนการนี้ไปได้ ก็จะสามารถวินิจฉัย อาการผิดปกติต่อไปได้
หลังการผ่าตัด รศ.สุเมธ แพทย์เจ้าของไข้ ได้ออกมากล่าวว่า หลังจากนี้ไป ต้องใช้ระยะเวลาร่วม 2 สัปดาห์ ให้บาดแผลอวัยวะบริเวณช่องท้องของเด็กชายเบนยามินพ้นขีดอันตรายก่อน จึงจะเริ่มทำการผ่าตัดรักษาความผิดปกติของหัวใจได้
แต่ทารกน้อยผู้นี้ ไม่ได้ต่อสู้กับชะตากรรมอันโหดร้ายเพียงลำพัง เพราะหนูน้อยยังมีพ่อ.. คือ นายประวิทย์ พ่วงพงษ์ เฝ้าอยู่เคียงกายไม่ห่างไปไหน โดยคุณพ่อจะคอยกระซิบข้าง ๆ ทารกน้อยว่า ขอให้อดทน อดทนเข้าไว้ สู้ ๆ นะลูกนะ หนูเก่งนะลูก พ่อรู้ว่าหนูได้ยินเสียงพ่อ พ่อเชื่อว่าหนูจะต้องหายดีและกลับมาอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกอย่างมีความสุข
โดยคุณพ่อ ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ เล่าให้ฟังว่า เขาได้สรรเสริญถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผ่านลูกน้อยคนนี้ว่า เด็กคนนี้ พระเจ้าให้เขามาจริง ๆ การที่พระเจ้าให้น้องมาเกิด นั้นแสดงว่าพระองค์ทรงมีวัตถุประสงค์... เพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุก ๆ คน
ณ ตอนนี้ความเสียใจของผู้เป็นพ่อหายไปหมดแล้ว มีแต่ความหวัง ซึ่งถ้าหากหนูน้อยอยู่รอดนั่นคือ ของขวัญจากพระเจ้าที่พระเจ้าให้มา แต่ถ้าเขาไป นั่นคือสิ่งที่พระเจ้าอนุญาต และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ก็ถือว่า เราได้ทำหน้าที่ของความเป็นพ่อและภูมิใจที่ได้เป็นพ่อของน้องเบนยามิน และได้ทำให้ดีที่สุดสำหรับลูกแล้ว แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังเชื่อเสมอว่า ลูกชายของเขาจะหาย เพราะเขาเป็นเด็กที่อัศจรรย์มาก น้องสามารถอยู่ได้ 4 วันโดยไม่มีอวัยวะปิดหน้าท้องเลย แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ หัวใจ.. ต้องยอมรับว่าหัวใจน้องเข้มแข็งจริง ๆ
แต่ที่สุดแล้ว ทางคณะแพทย์ก็ไม่สามารถยื้อลมหายใจของน้องเบนยามินได้อีกต่อไป เมื่อหนูน้อยมีอาการแย่ลง มีเลือดดำซึ่งเป็นเลือดเสียผสมกับเลือดแดงมาก ซึ่งทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนมากขึ้น อีกทั้งเลือดยังเป็นกรด จนเป็นเหตุให้เกิดภาวะหัวใจวาย เนื่องจากต้องทนกับสภาวะความเครียดจากการผ่าตัด การติดเชื้อจากการรักษาต่าง ๆ สุดท้ายหมอได้ลงความเห็นว่า น้องเบนยามินเสียชีวิตจากภาวะอวัยวะล้มเหลวที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะภาวะความผิดปกติทางหัวใจของน้องเบนยามินซึ่งไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
แม้น้องเบนยามินจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ก็ถือเป็นการจากไปที่สร้างคุณประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่ให้กับวงการแพทย์ไทย ที่นาน ๆ ทีจะมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นสักครั้ง กลายเป็นกรณีในการค้นคว้าเพื่อหาสาเหตุและวิธีการรักษาต่อไปในอนาคต เพื่อพัฒนาความรู้ทางการแพทย์ต่อไป
สุดท้ายนี้ กระปุกดอทคอมก็ขอแสดงความเสียใจกับคุณพ่อและคุณแม่ของน้องเบนยามินที่ต้องสูญเสียลูกชายผู้เป็นที่รัก มา ณ ที่นี้ด้วย ...
