เด็กหนุ่มมะกันแชร์นาทีเฉียดตาย ก่อนเสียชีวิต 1 สัปดาห์

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
Kenneth
โพสต์: 73
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 2:23 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 29, 2011 5:02 pm

ก่อนอื่นต้องขอไว้อาลัยให้กับการจากไปของ "เบน บรีดเลิฟ" หนุ่มอเมริกัน วัย 18 ปี เจ้าของเรื่องราวนี้ ที่เพิ่งจากไปด้วยอาการหัวใจล้มเหลว เมื่อคืนวันคริสต์มาสที่ผ่านมา และนี่คือเรื่องราวที่เขาทิ้งเอาไว้ เป็นคลิปวิดีโอที่ถ่ายทอดประสบการณ์เฉียดตายของเขาถึงสามครั้ง ก่อนที่ครั้งล่าสุดจะพาเขาไปสู่ดินแดนแห่งความสงบแล้วอย่างแท้จริง

เบน ได้อัพโหลดคลิปวิดีโอนี้ลงในแชนแนลของตัวเองบนเว็บไซต์ยูทูบ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากเพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตายครั้งล่าสุดมาเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม และอีกเพียง 1 สัปดาห์ หลังจากการโพสต์คลิปวิดีโอดังกล่าว เขาก็ได้ลาจากโรคร้ายที่ตามรังควานเขาเรื่อยมาไปตลอดกาล

ทั้งนี้ เด็กหนุ่มได้เล่าเรื่องราวของตัวเองผ่านการ์ดนับสิบ ๆ ใบ ที่เขียนถึงเรื่องราวและความรู้สึกของเขาต่อโรคที่เขาเป็น และต่อความตายที่มาเยือนเขาได้ทุกเมื่อ เบนมีอาการของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ หรือ HCM (Hypertrophic Cardiomyopathy) ซึ่งนับเป็นภาวะที่รุนแรงและอันตรายต่อชีวิตมาก เขารู้สึกกลัว แต่เขาก็เกลียดความรู้สึกนั้นของตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาหนัก ๆ อย่างที่เด็กคนอื่น ๆ ทำ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เบนบอกว่า ยังรู้สึกเสียใจที่พลาดเรื่องราวในช่วงเวลาเช่นนั้นไป เขาได้แต่หวังว่าสักวันเขาจะได้เป็นปกติอย่างคนอื่น ๆ ทั่วไป

แต่แล้วประสบการณ์เฉียดตายครั้งแรกก็มาเยือน เมื่อเขาอายุเพียง 4 ขวบเท่านั้น ซึ่งเขาก็จำอะไรเกี่ยวกับมันไม่ได้มากนัก นอกจากแสงไฟสีขาวสว่างจ้าที่เขาเห็นบนเพดาน ตอนที่เขากำลังนอนอยู่บนเตียงที่ถูกเข็นไปไปตามทางเดินในโรงพยาบาลเพื่อไปยังห้องฉุกเฉิน "ผมละสายตาไปจากมันไม่ได้จริง ๆ และผมก็ทำอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากยิ้มอย่างเดียวเท่านั้น"

หลังจากนั้นอาการของเบนก็ทรง ๆ เรื่อยมา จนเริ่มหนักขึ้นอีกในฤดูร้อนปี 2007 และต่อมาในปี 2009 แพทย์จึงได้ตัดสินใจผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจให้กับเขา แต่แล้วในปีฤดูร้อนของปีนี้ (2011) ความตายก็มาเยือนเขาอีกครั้ง เบนถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัด และหัวใจหยุดเต้นไป แต่โชคดีที่แพทย์ทำการช็อตด้วยกระแสไฟฟ้ากระตุ้นให้หัวใจเขากลับมาทำงานได้อีกครั้ง

"ผมกลัวที่จะต้องตาย และผมก็ดีใจที่ผมยังไม่ได้ตายไปจริง ๆ" นี่ความรู้สึกที่เบนมีต่อประสบการณ์เฉียดตายครั้งที่สองของเขา และหลังจากนั้นเขาก็ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะลืมเรื่องที่ผ่านมา และไม่กังวลกับมันมากเกินไป

เหตุการณ์เริ่มกลับเป็นปกติขึ้นเรื่อย ๆ แต่แล้วเหตุการณ์เฉียดตายครั้งที่สามก็มาเยือน เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา เบนจำได้เพียงว่า เขาอยู่ที่โรงเรียนแล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นลม จึงนั่งพักที่เก้าอี้จากนั้นสติเขาก็ดับวูบไป เมื่อตื่นมาอีกครั้งเขาจำได้ว่ามีหน่วยแพทย์ฉุกเฉินอยู่รายรอบตัวเขาไปหมด เขาไม่สามารถพูดหรือขยับตัวได้ ทำได้เพียงมองความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นรอบตัวเท่านั้น แพทย์ติดสื่อนำไฟฟ้าลงบนอกของเขา และทำการช็อตด้วยไฟฟ้า แต่ทว่าไม่สามารถกระตุ้นหัวใจที่เต้นอ่อนให้กลับมาทำงานได้ หัวใจเบนหยุดทำงานไปถึง 3 นาที ซึ่งเบนได้บรรยายช่วงเวลานั้นไว้ว่า...

"เมื่อคนเราตาย สมองจะยังคงทำงานต่อไปได้อีกสักพักหนึ่ง" เขาเล่าต่อไปว่า ได้ยินเสียงคนพูดว่า 'เขาไม่หายใจแล้ว หัวใจเขาหยุดเต้น ชีพจรก็หยุดเต้น' และในขณะนั้นเขาก็คิดกับตัวเองว่า นี่เขากำลังจะตายจริง ๆ แล้วใช่ไหม ..สิ่งต่อมาที่เขาจำได้คือ ตัวเองอยู่ในห้องสีขาวที่เวิ้งว้างกับ "คิด คูดิ" แร็ปเปอร์ขวัญใจของเขา ซึ่งเบนเองก็บอกว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแร็ปเปอร์หนุ่มถึงไปอยู่ตรงนั้นได้ ขณะเดียวกันเขารู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด และมองภาพสะท้อนตัวเองในกระจกตรงหน้า เขารู้สึกภูมิใจในตัวเอง พอใจในช่วงชีวิตที่ผันผ่าน และสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่เคยทำมา

"มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดที่สุดเลย" เบนบอกความรู้สึกของตัวเองต่อช่วงเวลานั้น แล้วจู่ ๆ เพลงของ คิด คูดิ ก็ดังขึ้น จนถึงท่อนที่ร้องว่า "when will the fantasy end ? when will the heaven begin ?" (เมื่อไหร่กันที่ความเพ้อฝันจะสิ้นสุด เมื่อไหร่กันที่สวรรค์จะเริ่มต้น) คูดิ ก็พูดกับเขาว่า "ไปเถอะ" ..จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้น และพบว่าแพทย์กำลังปั๊มหัวใจของเขาอยู่

หลังจากผ่านประสบการณ์เฉียดตายครั้งล่าสุด ก็ทำให้ เบน มีความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไป เขาไม่หวาดหวั่น และไม่มีความกังวลต่อสิ่งใด ๆ เหมือนแต่ก่อน เขาบอกผ่านคลิปวิดีโอว่า "ผมไม่อยากออกจากสถานที่นั้นมาเลย" และ "ผมหวังว่าผมจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก" ก่อนที่เบนจะปิดท้ายด้วยการถามว่า "พวกคุณเชื่อเรื่องนางฟ้า หรือว่าพระเจ้าไหม" และตอบกลับต่อคำถามของตัวเองว่า "ผมเชื่อนะ"

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ เบน ไม่สามารถจะกลับมารับฟังคำตอบที่เขาถามไปได้อีกแล้ว เพราะเขาได้เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา แต่เรื่องราวของเขาจะเป็นที่ประทับใจแก่คนอื่น ๆ ต่อไปอย่างแน่นอน กับเด็กหนุ่มวัย 18 ที่เผชิญหน้ากับความตายได้อย่างสงบและกล้าหาญ ...ไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้ เบน ได้อยู่ในดินแดนอีกฟากฝั่งอย่างสุขสงบตลอดกาล...

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย TotalRandomness512


ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ธ.ค. 30, 2011 12:36 pm

ขอให้อยู่ในอ้อมพระหัตย์พระเจ้าตลอดนิรันดร์......
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ ธ.ค. 30, 2011 8:51 pm

เชื่อว่าเขามีสันติสุขในอ้อมพระทรวงแล้วครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ม.ค. 02, 2012 2:43 pm

ขอบคุณคร้าบ แต่ขอเสริมหน่อยนะครับ คือถ้าใครดูวีดีโอแล้วอ่านทันนะครับ จะเห็นว่า น้องเบนเนี่ยบอกว่า ตอนอยู่บนเตียงแล้วเห็นแสง เค้าบอกว่ามันสว่างมากๆๆ และตัวเค้าเอง มีสันติสุขมากๆๆๆ เค้าถามแม่ของเค้าว่าเห็นไม๊ แม่เค้าบอกว่าไม่เห็นมีอะไรเลย ส่วนครั้งที่สองที่เค้าหมดสติไปแล้วเห็นกับนักร้องที่เค้าชื่นชอบ เค้าก็ยังบอกว่า เวลาอยู่ในแสงนั้นทำให้เค้ามีสันติสุขมาก เค้าก็บอกว่าไม่อยากฟื้นกลับมาเลย

เทียบ พระวรสาร นักบุญมัทธิว บทที่17
ต่อมาอีกหกวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายไปบนภูเขาสูงที่ปราศจากผู้คน แล้วพระวรกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์เปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์ ฉลองพระองค์กลับมีสีขาวดุจแสงสว่าง โมเสสและประกาศกเอลียาห์สำแดงตนสนทนาอยู่กับพระองค์ เปโตรจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า "พระเจ้าข้า ที่นี่สบายน่าอยู่จริง ๆ....

เทียบ เรื่องที่แม่พระประจักษ์มาหลายๆครั้ง และผู้ที่ได้เห็นการประจักษ์จะบอกว่ามีแสงสว่างมากๆๆ และมีสันติสุขแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

และน้องเบน คนนี้เอง ก็ยังเป็นพยานถึงแสงสว่างนั้นด้วย

"พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนอีกว่า เราเป็นแสงสว่างส่องโลก ผู้ที่ตามเรามา จะไม่เดินในความมืด
แต่จะมีแสงสว่างส่องชีวิต"
ตอบกลับโพส