จากหนังสือดั่งเมฆาขวางกั้น หน้า 114
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงอยากให้ท่านเข้าใจชัดเจนว่า สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นและยังไม่ก้าวหน้าในการเพ่งฌานนั้น การอ่านหรือฟังพระวาจาพระเจ้าต้องมาก่อน นอกนั้นพึงตระหนักด้วยว่าการภาวนาแท้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากมิได้ผ่านการตริตรองอย่างแท้จริง
---------------------------------------------------
คิดว่าอย่างไรกันบ้างครับ
การอ่านหรือฟังพระวาจาพระเจ้าต้องมาก่อนการเพ่งญาณ
สำหรับผม
พระวาจา คือ อาหาร
การเพ่งญาณ คือ การย่อย
พระวาจา(ตามความคิดของผม) ไม่ใช่เพียง พระคัมภีร์
แต่ยังหมายถึง "สารการประจักษ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในพระศาสนจักร"
ซึ่งเราก็สังเกตุไดว้่า การประจักษ์หลายครั้ง เกิดขึ้นกับ
คนไม่รู้หนังสือ ฆราวาสที่ไม่ใช่นักเพ่งญาณก่อนรับสาร
อย่างไรก็ตาม เมื่อท่านเหล่านั้นได้รับการประจักษ์
ก็ได้ฝึกเพ่งญาณเพื่อความเข้าใจในสาร เพื่อที่จะนำมาปฎิบัติ และเสริมสร้างพระศาสนจักร
ดังนั้นการอ่าน/ฟังพระวาจา ต้องมาก่อนการเพ่งญาณ
และการเพ่งญาณก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่ย่อหย่อนไปกว่ากันครับ
พระวาจา คือ อาหาร
การเพ่งญาณ คือ การย่อย
พระวาจา(ตามความคิดของผม) ไม่ใช่เพียง พระคัมภีร์
แต่ยังหมายถึง "สารการประจักษ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในพระศาสนจักร"
ซึ่งเราก็สังเกตุไดว้่า การประจักษ์หลายครั้ง เกิดขึ้นกับ
คนไม่รู้หนังสือ ฆราวาสที่ไม่ใช่นักเพ่งญาณก่อนรับสาร
อย่างไรก็ตาม เมื่อท่านเหล่านั้นได้รับการประจักษ์
ก็ได้ฝึกเพ่งญาณเพื่อความเข้าใจในสาร เพื่อที่จะนำมาปฎิบัติ และเสริมสร้างพระศาสนจักร
ดังนั้นการอ่าน/ฟังพระวาจา ต้องมาก่อนการเพ่งญาณ
และการเพ่งญาณก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่ย่อหย่อนไปกว่ากันครับ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ผมเห็นด้วยครับ
พระวาจาของพระสามารถนำมาซึ่งพระพรอันมหาศาล
พระวาจาของพระสามารถทำให้เราเพ่งได้อย่างมีจุดมุ่งหมาย
การเพ่งโดยปราศจากหรือไม่เพียงพอต่อพระวาจาของพระ เราอาจจะหลงไปได้ง่ายครับ
พระวาจาของพระสามารถนำมาซึ่งพระพรอันมหาศาล
พระวาจาของพระสามารถทำให้เราเพ่งได้อย่างมีจุดมุ่งหมาย
การเพ่งโดยปราศจากหรือไม่เพียงพอต่อพระวาจาของพระ เราอาจจะหลงไปได้ง่ายครับ
ผมเห็นด้วยในการเทียบเคียงสารการประจักษ์กับข้อพระคัมภีร์ ครับHoly เขียน:ไม่คิดว่าประโยคดังกล่าวในหนังสือนี้
จะหมายถึงสารการประจักษ์ด้วย
เพราะหลายๆครั้งการรับรองสารก้มาเทียบเคียงพระคัมภีร์ด้วยว่าขัดแย้งหรือไม่
ดั่งที่พระเยซูได้ตรัสไว้ว่า
"“จงอย่าคิดว่าเรามาเพื่อลบล้างธรรมบัญญัติหรือคำสอนของบรรดาประกาศก
เรามิได้มาเพื่อลบล้าง แต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์"
มัทธิว 5: 17
การเพ่งฌาน หมายถึง Contemplation ใช่ไหมครับ ซึ่งต่างจาก Meditation ซึ่งเราแปลว่า การรำพึง ไตร่ตรอง เป็นขั้นของการภาวนาด้วยสติปัญญา ส่วน Contemplation เป็นการภาวนาด้วยหัวใจ มี 2 แบบ คือ แบบ Active ที่ตัวผู้ภาวนาเป็นผู้ดำเนินการเอง ด้วยการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จะเรียกว่า เพ่งฌาน ก็ได้ ส่วนแบบ Passive เป็นกิจการที่พระเจ้าทรงกระทำ เรียกว่า การเข้าฌาน ผู้ภาวนาไม่ได้ทำให้เกิดเอง ส่วนมากจะเกิดกับความที่ดำเนินชีวิตชิดสนิทกับพระเจ้าแล้วในระดับที่สูง ไม่จำเป็นว่าต้องอ่านหรือฟังพระวาจาของพระเจ้าก่อน เพราะจะเกิดขึ้นเวลาใดก็ได้ เช่น เวลาร่วมมิสซา เวลาสวดภาวนา ฯลฯ
บทความเขาเน้นไปที่คนที่เริ่มต้นและยังไม่ก้าวหน้าครับAndreas เขียน:การเพ่งฌาน หมายถึง Contemplation ใช่ไหมครับ ซึ่งต่างจาก Meditation ซึ่งเราแปลว่า การรำพึง ไตร่ตรอง เป็นขั้นของการภาวนาด้วยสติปัญญา ส่วน Contemplation เป็นการภาวนาด้วยหัวใจ มี 2 แบบ คือ แบบ Active ที่ตัวผู้ภาวนาเป็นผู้ดำเนินการเอง ด้วยการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จะเรียกว่า เพ่งฌาน ก็ได้ ส่วนแบบ Passive เป็นกิจการที่พระเจ้าทรงกระทำ เรียกว่า การเข้าฌาน ผู้ภาวนาไม่ได้ทำให้เกิดเอง ส่วนมากจะเกิดกับความที่ดำเนินชีวิตชิดสนิทกับพระเจ้าแล้วในระดับที่สูง ไม่จำเป็นว่าต้องอ่านหรือฟังพระวาจาของพระเจ้าก่อน เพราะจะเกิดขึ้นเวลาใดก็ได้ เช่น เวลาร่วมมิสซา เวลาสวดภาวนา ฯลฯ
- billa-bong
- ~@
- โพสต์: 668
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
- ที่อยู่: thailand
อืม จากประโยคนั้นผมว่า การเพ่งญาณ สำหรับมือใหม่โดยที่ไม่มีพระวาจามันเหมือน เราอาจจะเพ่งไปโดยที่ไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการเพ่งญาณ คือไม่มีจุดหมาย แต่ถ้ามีพระวาจานำทางในการเริ่มต้น การเพ่งญาณก็มีพระวาจาเป็นจุดหมาย และทำให้เราเข้าใจพระวาจาแบบละเอียดอ่อนมากขึ้นโดยการเพ่งญาณ แบบนี้รึเปล่าครับ