เริ่มอังคารที่ 10 เม.ย. 2012
พระพรการรักษา โดย คพ. คอร์ซี่ เลอแกซปี้
ระหว่างวันที่ 10-19 เม.ย. 2012 (ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ)
...วันอังคารที่ 10 เม.ย. วัดอัสสัม พัทยา
โดยพระคุณเจ้าเทียนชัยเป็นประธาน เริ่ม 13.00 น.
...วันพุธ ที่ 11 เม.ย. วัดน.โทมัน ไควนัส ราคำแหง มีนบุรี เวลา 9.00 น.
...วันอังคาร 17 เม.ย. วัดเซนต์หลุยส์ สาทร กทม. เวลา 13.00 น.
...วันพุธทีที่ 18 เม.ย. วัดอัครเทวดามีคาแอล ดอนกระเบื้อง บ้านโป่ง ราชบุรี เวลา 13.00 น.
...วันพฤหัสฯที่ 19 เม.ย. วัดซางตาครู้ส (วัดกุฏีจีน) เวลา 13.00 น.
ดีใจกับผู้ป่วยทุกท่านที่รอคุณพ่ออยู่นะครับ
กำหนดการรักษาของ คุณพ่อ คอร์ซี่ 10-19 เม.ย. 2012
-
wavesnippy
- โพสต์: 4
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 12, 2012 1:16 pm
ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณมากจริงๆครับ ผมกำลังตามหาอยู่เลย
-
win_comeback
- โพสต์: 954
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 11:04 pm
ผมจะไปให้ท่านรักษาครับปีที่แล้วพลาด
คุณพ่อคอร์ซี่ เลอแกซปี้
ประวัติ
คุณพ่อคอร์ซี่ เป็นพระสงฆ์ประจำสังฆมณฑลทามุส จังหวัดคอร์เต้ ประเทศฟิลิปปินส์ ท่านเป็นบุคคลที่พระเจ้าประทานพระพรในการรักษาผู้ป่วย ได้บวชเป็นพระสงฆ์เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2518 หลังจากบวชได้ปีเศษ ท่านพบว่า ท่านได้รับพระพรในการรักษาผู้ป่วย และผู้ป่วยคนแรกที่ท่านรักษา คือ มารดาของท่านเอง ซึ่งเป็นโรคมะเร็งในปอดขั้นสุดท้าย
คุณพ่อคอร์ซี่ ได้อุทิศตนทำงานรักษาผู้ป่วยเต็มเวลาและได้รักษาผู้ป่วยทั่วประเทศฟิลิปปินส์ รวมทั้งในต่างประเทศด้วย ท่านเดินทางมาประเทศไทยกว่า 20 ปี เพื่อให้บริการรักษาผู้ป่วย
ในการรักษาผู้ป่วยทุกครั้ง ท่านจะเริ่มด้วยพิธีบูชามิสซาขอบพระคุณ โดยผู้เข้าร่วมจะต้องมาก่อนที่พิธีบูชามิสซาขอบพระคุณจะเริ่ม และร่วมพิธีด้วยความตั้งใจ แนวความคิดขึ้นพื้นฐานของศาสนบริการแห่งการรักษาโรคคือ การประกาศว่า "พระเป็นเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักและเมตตา ประทับอยู่ท่ามกลางเรา" การรักษาโรคส่วนใหญ่ที่พระเป็นเจ้าโปรดให้ โดยที่คุณพ่อคอร์ซี่ เป็นเพียงเครื่องมือรับพระพรการรักษาผ่านทางศีลมหาสนิท ได้แก่ผู้ป่วยด้วยโรคทั่วไปและบรรดาผู้ที่ทรมานด้วยความเจ็บปวด รวมทั้งผู้เจ็บป่วยอื่นๆ ที่วิงวอนขอพระเมตตาจากพระเป็นเจ้าก็ได้รับการรักษาเช่นกัน
อำนาจความเชื่อ
เป็นที่น่าแปลกว่า มนุษย์ส่วนมากไม่ค่อยทราบว่าตนเองมีอำนาจภายในอย่างล้นเหลือที่จะทำอะไรๆ ได้อย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน พระเป็นเจ้าได้ทรงประทานอำนาจนั้นให้แก่มนุษย์นับตั้งแต่เกิดจนสิ้นชีวิต อำนาจนั้นก็คือ อำนาจแห่งความเชื่อ ซึ่งถ้าหากท่านมีความเชื่ออย่างเพียงพอแล้ว ท่านจะสามารถทำอะไรก็ได้อย่างที่ท่านต้องการ แทนที่จะปล่อยให้ชีวิตของท่านอยู่ในความพ่ายแพ้ และความทุกข์ดังที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ในพระคัมภีร์ว่า
"ถ้าท่านเชื่อ ทุกสิ่งก็เป็นไปได้ตามความเชื่อของท่าน" (มาระโก 9:23)
"ถ้าใครมีความเชื่ออย่างเพียงพอ เขาก็จะสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามที่เขาต้องการ"
ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงควรที่จะเรียนรู้ที่จะเชื่อด้วยการขจัดข้อสงสัย และความคลางแคลงใจออกจากจิตใจของท่าน และนำเอาความเชื่อและความไว้วางใจในพระเป็นเจ้ามาใส่ลงในจิตใจของท่าน พร้อมกับนำความคิดที่ดี หรือความคิดในแง่บวก เช่น ความสมหวัง ความสุขและความสำเร็จใส่ลงในจิตใจของท่าน และขจัดความผิดหวัง ความทุกข์และความล้มเหลวออกจากตัวท่าน ยิ่งท่านเรียนรู้ที่จะมีความเชื่อมากขึ้นเท่าไหร่ ความสมหวัง ความสำเร็จและความสุขก็จะมีกับท่านมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าหากท่านนำพระวาจาของพระเป็นเจ้าดังกล่าง ข้างต้น มาฝังให้ติดแน่นในความคิดหรือจิตใจของท่านตลอดเวลา ท่านจะไม่เป็นเหยื่อความโชคร้ายอีกต่อไป
ประวัติ
คุณพ่อคอร์ซี่ เป็นพระสงฆ์ประจำสังฆมณฑลทามุส จังหวัดคอร์เต้ ประเทศฟิลิปปินส์ ท่านเป็นบุคคลที่พระเจ้าประทานพระพรในการรักษาผู้ป่วย ได้บวชเป็นพระสงฆ์เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2518 หลังจากบวชได้ปีเศษ ท่านพบว่า ท่านได้รับพระพรในการรักษาผู้ป่วย และผู้ป่วยคนแรกที่ท่านรักษา คือ มารดาของท่านเอง ซึ่งเป็นโรคมะเร็งในปอดขั้นสุดท้าย
คุณพ่อคอร์ซี่ ได้อุทิศตนทำงานรักษาผู้ป่วยเต็มเวลาและได้รักษาผู้ป่วยทั่วประเทศฟิลิปปินส์ รวมทั้งในต่างประเทศด้วย ท่านเดินทางมาประเทศไทยกว่า 20 ปี เพื่อให้บริการรักษาผู้ป่วย
ในการรักษาผู้ป่วยทุกครั้ง ท่านจะเริ่มด้วยพิธีบูชามิสซาขอบพระคุณ โดยผู้เข้าร่วมจะต้องมาก่อนที่พิธีบูชามิสซาขอบพระคุณจะเริ่ม และร่วมพิธีด้วยความตั้งใจ แนวความคิดขึ้นพื้นฐานของศาสนบริการแห่งการรักษาโรคคือ การประกาศว่า "พระเป็นเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักและเมตตา ประทับอยู่ท่ามกลางเรา" การรักษาโรคส่วนใหญ่ที่พระเป็นเจ้าโปรดให้ โดยที่คุณพ่อคอร์ซี่ เป็นเพียงเครื่องมือรับพระพรการรักษาผ่านทางศีลมหาสนิท ได้แก่ผู้ป่วยด้วยโรคทั่วไปและบรรดาผู้ที่ทรมานด้วยความเจ็บปวด รวมทั้งผู้เจ็บป่วยอื่นๆ ที่วิงวอนขอพระเมตตาจากพระเป็นเจ้าก็ได้รับการรักษาเช่นกัน
อำนาจความเชื่อ
เป็นที่น่าแปลกว่า มนุษย์ส่วนมากไม่ค่อยทราบว่าตนเองมีอำนาจภายในอย่างล้นเหลือที่จะทำอะไรๆ ได้อย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน พระเป็นเจ้าได้ทรงประทานอำนาจนั้นให้แก่มนุษย์นับตั้งแต่เกิดจนสิ้นชีวิต อำนาจนั้นก็คือ อำนาจแห่งความเชื่อ ซึ่งถ้าหากท่านมีความเชื่ออย่างเพียงพอแล้ว ท่านจะสามารถทำอะไรก็ได้อย่างที่ท่านต้องการ แทนที่จะปล่อยให้ชีวิตของท่านอยู่ในความพ่ายแพ้ และความทุกข์ดังที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ในพระคัมภีร์ว่า
"ถ้าท่านเชื่อ ทุกสิ่งก็เป็นไปได้ตามความเชื่อของท่าน" (มาระโก 9:23)
"ถ้าใครมีความเชื่ออย่างเพียงพอ เขาก็จะสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามที่เขาต้องการ"
ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงควรที่จะเรียนรู้ที่จะเชื่อด้วยการขจัดข้อสงสัย และความคลางแคลงใจออกจากจิตใจของท่าน และนำเอาความเชื่อและความไว้วางใจในพระเป็นเจ้ามาใส่ลงในจิตใจของท่าน พร้อมกับนำความคิดที่ดี หรือความคิดในแง่บวก เช่น ความสมหวัง ความสุขและความสำเร็จใส่ลงในจิตใจของท่าน และขจัดความผิดหวัง ความทุกข์และความล้มเหลวออกจากตัวท่าน ยิ่งท่านเรียนรู้ที่จะมีความเชื่อมากขึ้นเท่าไหร่ ความสมหวัง ความสำเร็จและความสุขก็จะมีกับท่านมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าหากท่านนำพระวาจาของพระเป็นเจ้าดังกล่าง ข้างต้น มาฝังให้ติดแน่นในความคิดหรือจิตใจของท่านตลอดเวลา ท่านจะไม่เป็นเหยื่อความโชคร้ายอีกต่อไป
+1000อำนาจแห่งความเชื่อ ซึ่งถ้าหากท่านมีความเชื่ออย่างเพียงพอแล้ว ท่านจะสามารถทำอะไรก็ได้อย่างที่ท่านต้องการ แทนที่จะปล่อยให้ชีวิตของท่านอยู่ในความพ่ายแพ้ และความทุกข์ดังที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ในพระคัมภีร์ว่า
"ถ้าท่านเชื่อ ทุกสิ่งก็เป็นไปได้ตามความเชื่อของท่าน" (มาระโก 9:23)
"ถ้าใครมีความเชื่ออย่างเพียงพอ เขาก็จะสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามที่เขาต้องการ"
ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงควรที่จะเรียนรู้ที่จะเชื่อด้วยการขจัดข้อสงสัย และความคลางแคลงใจออกจากจิตใจของท่าน และนำเอาความเชื่อและความไว้วางใจในพระเป็นเจ้ามาใส่ลงในจิตใจของท่าน พร้อมกับนำความคิดที่ดี หรือความคิดในแง่บวก เช่น ความสมหวัง ความสุขและความสำเร็จใส่ลงในจิตใจของท่าน และขจัดความผิดหวัง ความทุกข์และความล้มเหลวออกจากตัวท่าน ยิ่งท่านเรียนรู้ที่จะมีความเชื่อมากขึ้นเท่าไหร่ ความสมหวัง ความสำเร็จและความสุขก็จะมีกับท่านมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าหากท่านนำพระวาจาของพระเป็นเจ้าดังกล่าง ข้างต้น มาฝังให้ติดแน่นในความคิดหรือจิตใจของท่านตลอดเวลา ท่านจะไม่เป็นเหยื่อความโชคร้ายอีกต่อไป
ด้วยการที่อยากเห็นการรักษาผมจึงเดินทางไปดูและร่วมพิธีที่คุณพ่อทำการรักษาที่เชียงใหม่2010 อาสนวิหาร สังเกตุจากผู้แปลเวลาคุณพ่อภาวนา จะเป็นลักษณะขออำนาจจากพระบิดา และพระพรต่างๆจากมือของพระที่เคยใช้รักษา ผู้ป่วยต่าง ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร เนื่องจากคนมารักษานั้นเป็นชาวเขา มีปัญหาด้านการสื่อสารครับ มีหลายเผ่ามากที่มา
หลังจากนั้นผมกลับมาทำงานที่สุโขทัย ที่จริงผมมีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อมือซ้ายระหว่างนิ้วโป้วกับนิ้วชี้กระตุก เป็นช่วงๆ สาเหตุมาจากปวดหลังและไปทำการรักษาโดยกดขยับเคลื่อนกระดูกสันหลัง ซึ่งการกดครั้งนี้อาจจะไปโดนเส้นประสาท เป็นมาน่าจะเดือนนึง โดยกระตุกเป็นช่วงๆ ไม่มีเวลาแน่นอน
ในวันหนึ่ง เมื่อผมกลับมาที่บ้านพักและกำลังจะนอน ในบรรยากาศที่เงียบสนิท เจ้ากล้ามเนื้อระหว่างนิ้วเกิดอาการ กระตุกจนนิ้วกระดิกตามจังหวะ ซึ่งอาการนี้ผมบอกก่อนว่าผมไม่เคยไปหาหมอเลย
ผมก็นึกถึงแบบอย่างที่คุณพ่อกระทำรักษา ผมจึงจำมาทำบ้าง การภาวนาทุกครั้งในชีวิตผมไม่เคยนึกถึงพระบิดาเลย มาครั้งนี้แหละผมจึงใช้มือขวาผมมาแตะจุดที่มันกระดิก และภาวนาถึงพระบิดาด้วยความเชื่อพร้อมกับสวดภาวนา แต่ไม่ยาวมากเหมือนคุณพ่อเคอซี่ภาวนานะครับ แล้วก็นอนหลับโดยไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากที่ทำภาวนานับจากที่วันภาวนาวันนั้นมาถึงวันนี้ อาการที่เป็นไม่มีอาการกระตุกอีกเลย ซึ่งผมไม่ได้คาดหวังจากการภาวนามากนักว่าจะหาย ซึ่งผมกลับมาคิดดูว่าการภาวนาเป็นผมในครั้งนั้น ผมคงได้รับพระพรจากพระ ให้หาย ซึ่งปัจจุบันผมจะพยายามหาเวลาสวดภาวนาเสมอถ้าไม่ติดภาระกิจมาก และอยากจะบอกว่าการสวดภาวนานั้นเกิดความสุขในใจขึ้นอย่างประหลาด
คุณจะร่าเริงแจ่มใสในใจเสมอ ผมเขียนมานี้แค่อยากจะบอกว่าอัศจรรย์แห่งการภาวนามีจริงครับ
หลังจากนั้นผมกลับมาทำงานที่สุโขทัย ที่จริงผมมีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อมือซ้ายระหว่างนิ้วโป้วกับนิ้วชี้กระตุก เป็นช่วงๆ สาเหตุมาจากปวดหลังและไปทำการรักษาโดยกดขยับเคลื่อนกระดูกสันหลัง ซึ่งการกดครั้งนี้อาจจะไปโดนเส้นประสาท เป็นมาน่าจะเดือนนึง โดยกระตุกเป็นช่วงๆ ไม่มีเวลาแน่นอน
ในวันหนึ่ง เมื่อผมกลับมาที่บ้านพักและกำลังจะนอน ในบรรยากาศที่เงียบสนิท เจ้ากล้ามเนื้อระหว่างนิ้วเกิดอาการ กระตุกจนนิ้วกระดิกตามจังหวะ ซึ่งอาการนี้ผมบอกก่อนว่าผมไม่เคยไปหาหมอเลย
ผมก็นึกถึงแบบอย่างที่คุณพ่อกระทำรักษา ผมจึงจำมาทำบ้าง การภาวนาทุกครั้งในชีวิตผมไม่เคยนึกถึงพระบิดาเลย มาครั้งนี้แหละผมจึงใช้มือขวาผมมาแตะจุดที่มันกระดิก และภาวนาถึงพระบิดาด้วยความเชื่อพร้อมกับสวดภาวนา แต่ไม่ยาวมากเหมือนคุณพ่อเคอซี่ภาวนานะครับ แล้วก็นอนหลับโดยไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากที่ทำภาวนานับจากที่วันภาวนาวันนั้นมาถึงวันนี้ อาการที่เป็นไม่มีอาการกระตุกอีกเลย ซึ่งผมไม่ได้คาดหวังจากการภาวนามากนักว่าจะหาย ซึ่งผมกลับมาคิดดูว่าการภาวนาเป็นผมในครั้งนั้น ผมคงได้รับพระพรจากพระ ให้หาย ซึ่งปัจจุบันผมจะพยายามหาเวลาสวดภาวนาเสมอถ้าไม่ติดภาระกิจมาก และอยากจะบอกว่าการสวดภาวนานั้นเกิดความสุขในใจขึ้นอย่างประหลาด
คุณจะร่าเริงแจ่มใสในใจเสมอ ผมเขียนมานี้แค่อยากจะบอกว่าอัศจรรย์แห่งการภาวนามีจริงครับ
-
อึ่งแดดเดียว
- โพสต์: 4
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. เม.ย. 19, 2012 7:51 pm
ผมเป็นลูกวัดนักบุญเปโตร.เมื่อวันที่18ผมได้ไปหาคุณพ่อที่วัดดอนกระเบื้อง รู้สึกว่าอาการปวดหลังของผมดีขึ้นมากเลยครับ ขอบคุณสําหรับทุกๆสิ่งที่ได้รับจากพระองค์ที่ผ่านทางคุณพ่อดอร์ซี่..ขอบคุณครับ 
-
win_comeback
- โพสต์: 954
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 11:04 pm
ผมไปไม่ทันอีกกแล้วครับเสียใจมาก