พระึคัมภีร์สอนไว้ว่า “อย่าตัดสินผู้อื่น แล้วท่านจะไม่ถูกตัดสิน” (มธ 7:1)
แต่แล้วถ้าต้องถูกคนอื่นตัดสินเองหลายๆ ครั้งในชีวิตล่ะ ทำไมเราถึงตัดสินคนอื่นบ้างไม่ได้
ในไบเบิลไดอารี่วันที่ 13 มีนา ถ้าจำไม่ผิด..... อ่านแล้วพอเข้าใจได้ว่า ถ้าไม่รู้จักอภัยให้ผู้อื่น ก็ไม่ใช่คนดีสินะ แต่เป็นคนเลว
งั้นกรูก็โคตรเลว ชนิดไม่มีใครเลวกว่ากรูแล้วสินะใช่มั้ย (โดนบอกว่า "เพิ่งรู้ตัวเหรอ" แหง ๆ )
อย่าตัดสินผู้อื่น......
- reccanohono
- โพสต์: 1045
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 03, 2008 7:06 pm
- ที่อยู่: thailand
ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า คนเราในโลกนี้มีหลายแบบมากมาย นิสัยก็แตกต่างกันไป
ถ้าเราคิดว่าคนไหนไม่ดีในสายตาเรา เราก็ควรเลือกที่จะตักเตือนเค้า (ในกรณีที่เตือนได้)
ถ้าไม่ได้เราก็ต้องปล่อยเค้าไปค่ะ
ดังพระคัมภีร์ที่ว่า
“ถ้าพี่น้องของท่านทำผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำพัง ถ้าเขาเชื่อฟังท่านจะได้พี่น้องกลับคืนมา ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง จงพาอีกคนหนึ่งหรือสองคนไปด้วย คำพูดของพยานสองคนหรือสามคน จะได้จัดเรื่องราวให้เรียบร้อย ถ้าเขาไม่ยอมฟังพยาน จงแจ้งให้หมู่คณะทราบ ถ้าเขาไม่ยอมฟังหมู่คณะอีก จงปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็นคนต่างศาสนาหรือคนเก็บภาษีเถิด” (มธ. 18 : 15)
ส่วนการที่ใครจะมาตัดสินอะไรเรานั้น ถ้าเราคิดว่ามันไม่ถูกต้อง
สิ่งที่เค้าคิด สิ่งที่เค้าเข้าใจนั้นมันผิด ในกรณีที่สามารถชี้แจงและอธิบายได้ ก็ทำค่ะ
แต่ถ้าเราแจงแล้วเค้าไม่เข้าใจ เค้ายังเชื่อแบบนั้น ก็ต้องปล่อยเค้าไปอีกเช่นกันค่ะ
เพราะคนเราไม่สามารถบังคับใครให้คิด ให้เชื่ออะไร ตามที่ทุกคนต้องการได้
พระเป็นเจ้าถึงได้ให้สิทธิ์อำเภอใจ สิทธิ์ในการเลือกกับพวกเราทุกคนไงค่ะ
ส่วนถ้าไม่ให้อภัยผู้อื่น แล้วเราเป็นคนไม่ดีนั้น อันนี้ขอแย้งค่ะ
เพราะการที่เราจะให้อภัยใคร หรือไม่ให้อภัยใครนั้น ผลทั้งหมดทั้งมวล มันก็จะตกมาที่เราเองค่ะ
ถ้าเราเกลียดใครมากๆ จิตใจเราก็ว้าวุ่น คิดแต่เรื่องไม่ดีของเขา ซึ่งนั้นก็จะทำให้เราเป็นทุกข์
ยิ่งต้องอยู่ใกล้ๆ คนๆนั้นเราก็จะยิ่งหวาดระแวง นั่นคือผลที่ทำให้ใจเราไม่เป็นสุขค่ะ
แต่ถ้าเราให้อภัยเขาได้ ก็จะเกิดความสบายใจกับตัวเราเอง ไม่คิดไม่แค้น จิตใจก็จะสงบสุขค่ะ
ถ้าเราคิดว่าคนไหนไม่ดีในสายตาเรา เราก็ควรเลือกที่จะตักเตือนเค้า (ในกรณีที่เตือนได้)
ถ้าไม่ได้เราก็ต้องปล่อยเค้าไปค่ะ
ดังพระคัมภีร์ที่ว่า
“ถ้าพี่น้องของท่านทำผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำพัง ถ้าเขาเชื่อฟังท่านจะได้พี่น้องกลับคืนมา ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง จงพาอีกคนหนึ่งหรือสองคนไปด้วย คำพูดของพยานสองคนหรือสามคน จะได้จัดเรื่องราวให้เรียบร้อย ถ้าเขาไม่ยอมฟังพยาน จงแจ้งให้หมู่คณะทราบ ถ้าเขาไม่ยอมฟังหมู่คณะอีก จงปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็นคนต่างศาสนาหรือคนเก็บภาษีเถิด” (มธ. 18 : 15)
ส่วนการที่ใครจะมาตัดสินอะไรเรานั้น ถ้าเราคิดว่ามันไม่ถูกต้อง
สิ่งที่เค้าคิด สิ่งที่เค้าเข้าใจนั้นมันผิด ในกรณีที่สามารถชี้แจงและอธิบายได้ ก็ทำค่ะ
แต่ถ้าเราแจงแล้วเค้าไม่เข้าใจ เค้ายังเชื่อแบบนั้น ก็ต้องปล่อยเค้าไปอีกเช่นกันค่ะ
เพราะคนเราไม่สามารถบังคับใครให้คิด ให้เชื่ออะไร ตามที่ทุกคนต้องการได้
พระเป็นเจ้าถึงได้ให้สิทธิ์อำเภอใจ สิทธิ์ในการเลือกกับพวกเราทุกคนไงค่ะ
ส่วนถ้าไม่ให้อภัยผู้อื่น แล้วเราเป็นคนไม่ดีนั้น อันนี้ขอแย้งค่ะ
เพราะการที่เราจะให้อภัยใคร หรือไม่ให้อภัยใครนั้น ผลทั้งหมดทั้งมวล มันก็จะตกมาที่เราเองค่ะ
ถ้าเราเกลียดใครมากๆ จิตใจเราก็ว้าวุ่น คิดแต่เรื่องไม่ดีของเขา ซึ่งนั้นก็จะทำให้เราเป็นทุกข์
ยิ่งต้องอยู่ใกล้ๆ คนๆนั้นเราก็จะยิ่งหวาดระแวง นั่นคือผลที่ทำให้ใจเราไม่เป็นสุขค่ะ
แต่ถ้าเราให้อภัยเขาได้ ก็จะเกิดความสบายใจกับตัวเราเอง ไม่คิดไม่แค้น จิตใจก็จะสงบสุขค่ะ
จะขอแบ่งปัน ..".อย่าตัดสินผู้อื่นแล้วท่านจะไม่ถูกตัดสิน"
ฟังคำสอนจากคุณพ่อท่านหนึ่ง
...คุณพ่อเล่าว่าสมัยก่อนมีบ้านเณรแห่งหนึ่งที่ยุโรป มีพระสงฆ์ชรามากแล้ว ท่านหนึ่ง
ก็ไม่ค่อยมีหน้าที่อะไร เวลาทานอาหารก็หก ตกใส่พื้นบ้าง บางทีก็ซุ่มซ่านทำของตกบ้าง
เวลาเข้าวัด ก็หลับบ้าง สัปหงกบ้าง หลายๆอย่าง บางครั้งทำมิสซายืดยาด พระสงฆ์หนุ่มๆก็
จะบ่นเสมอ ต่อว่าพระสงฆ์ชราบ้าง ว่าเป็นแบบนี้ไม่ได้ไปสวรรค์หรอก บกพร่อง ต่างๆ
พระสงฆ์ชราก็ จะยิ้ม พูดขอโทษ ถ้าไม่อยากฟัง ท่านก็จะขอตัวไปก่อนนะ เสมอๆ
....ต่อมาพระสงฆ์ชราท่านนี้ไม่สบายมาก พ่ออธิการก็ให้พระสงฆ์หนุ่มคนหนึ่งมาดูแล
พระสงฆ์ชราได้บอกว่าพรุ่งนี่ท่านจะตายแล้ว และจะไปอยู่สวรรค์กับพระองค์ พระสงฆ์หนุ่มก็
หัวเราะขำในใจว่าจะไปสวรรค์ได้อย่างไร บกพร่องมากมาย และได้ไปบอกพ่ออธิการ
พ่ออธิการก็มาเยี่ยม และถามไถ่พระสงฆ์ชราว่า "ทำไมบอกว่าพรุ่งนี้จะตายและไปอยู่สวรรค์หรือ"
พระสงฆ์ก็ตอบว่า "พ่อก็ไม่ทราบเมื่อคืนนี้เทวดารักษาตัว มาบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับไปสวรรค์
พ่อก็บอกว่าจะเป็นได้อย่างไร พ่อบกพร่องมากมาย เทวดารักษาตัวบอกว่า พ่อไม่ได้ตัดสินผู้อื่น
พระองค์ก็ไม่มีอะไรที่จะตัดสินพ่อ ให้เตรียมตัวพรุ่งนี้จะมารับไปสวรรค์" พ่ออธิการและ
พระสงฆ์หนุ่มอึ้งเลย........
นี่อาจเป็นเรื่องเล่า แต่สอนใจดี .....เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินคนอื่นนอกจากพระเจ้า....ท่านตวงให้เขาอย่างไรพระองค์ก็จะตวงให้ท่านอย่างนั้น.... และอย่าตัดสินตัวเองด้วย ถ้ารู้ตัวให้ปรับปรุงแก้ไข...
(อย่าไปตัดสินพระเจ้าและอย่าเอาพระองค์ไปตัดสินผู้อื่น) พระองค์พระทัยดีเสมอกับทุกคน...
.......... ....
ฟังคำสอนจากคุณพ่อท่านหนึ่ง
...คุณพ่อเล่าว่าสมัยก่อนมีบ้านเณรแห่งหนึ่งที่ยุโรป มีพระสงฆ์ชรามากแล้ว ท่านหนึ่ง
ก็ไม่ค่อยมีหน้าที่อะไร เวลาทานอาหารก็หก ตกใส่พื้นบ้าง บางทีก็ซุ่มซ่านทำของตกบ้าง
เวลาเข้าวัด ก็หลับบ้าง สัปหงกบ้าง หลายๆอย่าง บางครั้งทำมิสซายืดยาด พระสงฆ์หนุ่มๆก็
จะบ่นเสมอ ต่อว่าพระสงฆ์ชราบ้าง ว่าเป็นแบบนี้ไม่ได้ไปสวรรค์หรอก บกพร่อง ต่างๆ
พระสงฆ์ชราก็ จะยิ้ม พูดขอโทษ ถ้าไม่อยากฟัง ท่านก็จะขอตัวไปก่อนนะ เสมอๆ
....ต่อมาพระสงฆ์ชราท่านนี้ไม่สบายมาก พ่ออธิการก็ให้พระสงฆ์หนุ่มคนหนึ่งมาดูแล
พระสงฆ์ชราได้บอกว่าพรุ่งนี่ท่านจะตายแล้ว และจะไปอยู่สวรรค์กับพระองค์ พระสงฆ์หนุ่มก็
หัวเราะขำในใจว่าจะไปสวรรค์ได้อย่างไร บกพร่องมากมาย และได้ไปบอกพ่ออธิการ
พ่ออธิการก็มาเยี่ยม และถามไถ่พระสงฆ์ชราว่า "ทำไมบอกว่าพรุ่งนี้จะตายและไปอยู่สวรรค์หรือ"
พระสงฆ์ก็ตอบว่า "พ่อก็ไม่ทราบเมื่อคืนนี้เทวดารักษาตัว มาบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับไปสวรรค์
พ่อก็บอกว่าจะเป็นได้อย่างไร พ่อบกพร่องมากมาย เทวดารักษาตัวบอกว่า พ่อไม่ได้ตัดสินผู้อื่น
พระองค์ก็ไม่มีอะไรที่จะตัดสินพ่อ ให้เตรียมตัวพรุ่งนี้จะมารับไปสวรรค์" พ่ออธิการและ
พระสงฆ์หนุ่มอึ้งเลย........
นี่อาจเป็นเรื่องเล่า แต่สอนใจดี .....เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินคนอื่นนอกจากพระเจ้า....ท่านตวงให้เขาอย่างไรพระองค์ก็จะตวงให้ท่านอย่างนั้น.... และอย่าตัดสินตัวเองด้วย ถ้ารู้ตัวให้ปรับปรุงแก้ไข...
(อย่าไปตัดสินพระเจ้าและอย่าเอาพระองค์ไปตัดสินผู้อื่น) พระองค์พระทัยดีเสมอกับทุกคน...
.......... ....
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
เป็นคนเลว มันไม่ได้เท่ห์เหมือนในหนัง/การ์ตูน/เกมส์/นิยาย หรอกนะครับ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ไม่เท่หรอก และเราเชื่อว่า ตัวละครพวกนั้นไม่คิดว่าตัวเองเท่เพราะเป็นคนเลวหรอก ถ้ายังเป็น "คน" อยู่น่ะนะIn the name of father เขียน:เป็นคนเลว มันไม่ได้เท่ห์เหมือนในหนัง/การ์ตูน/เกมส์/นิยาย หรอกนะครับ
เป็นคนดีต่างหากถึงจะเท่ เราว่านะ แต่บางครั้ง "ความเท่มันก็กินไม่ได้เหมือนกัน"
ที่เราพูดถึงเรื่องนั้น ก็ลองเปิดไบเบิลไดอารี่ของปีนี้ แล้วอ่าน 13 มีนาคม ดูสิ หรือตามลิงค์นี้
http://www.saraburifc.com/webboard/inde ... ic=10373.0
ไม่รู้เราเข้าใจอะไรผิดรึเปล่านะ แต่ยอมรับว่าท้าย ๆ นี่โดนตัวเองเต็ม ๆ ยอมรับไม่ขัดข้องเลย
เป็นเรื่องหนุนใจที่ดี...... แต่ทำจริงยากจริง ๆ เลยนะrosa-lee เขียน:จะขอแบ่งปัน ..".อย่าตัดสินผู้อื่นแล้วท่านจะไม่ถูกตัดสิน"
ฟังคำสอนจากคุณพ่อท่านหนึ่ง
...คุณพ่อเล่าว่าสมัยก่อนมีบ้านเณรแห่งหนึ่งที่ยุโรป มีพระสงฆ์ชรามากแล้ว ท่านหนึ่ง
ก็ไม่ค่อยมีหน้าที่อะไร เวลาทานอาหารก็หก ตกใส่พื้นบ้าง บางทีก็ซุ่มซ่านทำของตกบ้าง
เวลาเข้าวัด ก็หลับบ้าง สัปหงกบ้าง หลายๆอย่าง บางครั้งทำมิสซายืดยาด พระสงฆ์หนุ่มๆก็
จะบ่นเสมอ ต่อว่าพระสงฆ์ชราบ้าง ว่าเป็นแบบนี้ไม่ได้ไปสวรรค์หรอก บกพร่อง ต่างๆ
พระสงฆ์ชราก็ จะยิ้ม พูดขอโทษ ถ้าไม่อยากฟัง ท่านก็จะขอตัวไปก่อนนะ เสมอๆ
....ต่อมาพระสงฆ์ชราท่านนี้ไม่สบายมาก พ่ออธิการก็ให้พระสงฆ์หนุ่มคนหนึ่งมาดูแล
พระสงฆ์ชราได้บอกว่าพรุ่งนี่ท่านจะตายแล้ว และจะไปอยู่สวรรค์กับพระองค์ พระสงฆ์หนุ่มก็
หัวเราะขำในใจว่าจะไปสวรรค์ได้อย่างไร บกพร่องมากมาย และได้ไปบอกพ่ออธิการ
พ่ออธิการก็มาเยี่ยม และถามไถ่พระสงฆ์ชราว่า "ทำไมบอกว่าพรุ่งนี้จะตายและไปอยู่สวรรค์หรือ"
พระสงฆ์ก็ตอบว่า "พ่อก็ไม่ทราบเมื่อคืนนี้เทวดารักษาตัว มาบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับไปสวรรค์
พ่อก็บอกว่าจะเป็นได้อย่างไร พ่อบกพร่องมากมาย เทวดารักษาตัวบอกว่า พ่อไม่ได้ตัดสินผู้อื่น
พระองค์ก็ไม่มีอะไรที่จะตัดสินพ่อ ให้เตรียมตัวพรุ่งนี้จะมารับไปสวรรค์" พ่ออธิการและ
พระสงฆ์หนุ่มอึ้งเลย........
นี่อาจเป็นเรื่องเล่า แต่สอนใจดี .....เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินคนอื่นนอกจากพระเจ้า....ท่านตวงให้เขาอย่างไรพระองค์ก็จะตวงให้ท่านอย่างนั้น.... และอย่าตัดสินตัวเองด้วย ถ้ารู้ตัวให้ปรับปรุงแก้ไข...
(อย่าไปตัดสินพระเจ้าและอย่าเอาพระองค์ไปตัดสินผู้อื่น) พระองค์พระทัยดีเสมอกับทุกคน...
.......... ....
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอบใจน้องเล็กครับ..reccanohono เขียน:ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า คนเราในโลกนี้มีหลายแบบมากมาย นิสัยก็แตกต่างกันไป
ถ้าเราคิดว่าคนไหนไม่ดีในสายตาเรา เราก็ควรเลือกที่จะตักเตือนเค้า (ในกรณีที่เตือนได้)
ถ้าไม่ได้เราก็ต้องปล่อยเค้าไปค่ะ
ดังพระคัมภีร์ที่ว่า
“ถ้าพี่น้องของท่านทำผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำพัง ถ้าเขาเชื่อฟังท่านจะได้พี่น้องกลับคืนมา ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง จงพาอีกคนหนึ่งหรือสองคนไปด้วย คำพูดของพยานสองคนหรือสามคน จะได้จัดเรื่องราวให้เรียบร้อย ถ้าเขาไม่ยอมฟังพยาน จงแจ้งให้หมู่คณะทราบ ถ้าเขาไม่ยอมฟังหมู่คณะอีก จงปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็นคนต่างศาสนาหรือคนเก็บภาษีเถิด” (มธ. 18 : 15)
สรุปได้ว่า "การตักเตือนด้วยความรัก" ไม่ใช่ "การตัดสิน" ครับ
การตักเตือน/การหนุนใจ ก็ต่อเมื่อบุคคลที่ถูกตักเตือน/หนุนใจ อยู่ในสถานะที่ "ความเชื่อ" ถูกสั่นคลอน
จำเป็นอย่างยิ่ง ที่คริสตชนอื่นต้องตักเตือน/หนุนใจให้กลับมามี "ความเชื่อ" ที่มั่นคงอีกครั้ง
เพราะคริสตชนทุกคนต่างเป็นพี่น้องกัน (พ่อแม่เดียวกันคือมนุษย์คู่แรก) และพี่น้องตามความเชื่อ (ในพระเยซูคริสต์ )
ดังนั้น เมื่อเตือนกันไม่ได้ อาจจะเพราะนิสัยส่วนตัว/ทัศนคติ/ประสบการณ์เลวร้ายในชีวิต
หรือคนที่ติดเกมส์ จนสมมติว่าตัวเองเป็นแบบนั้น
ก็ต้องปล่อยไปครับ แต่ว่า...ต้องคอยปกป้องไม่ให้คนนั้นพลอยทำให้คนอื่น "สะดุด" และ "เสียความเชื่อ" ไปด้วย
ขอพระเจ้าและแม่พระทรงอวยพระพรครับ
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
อันนี้อยากจะแนะนำหน่อย เพราะผมก็เข้าใจว่าการทำใจให้อภัยคนที่เราโกรธมากๆมันยากแค่ไหน
อยากแนะนำว่าถ้าทำใจสวดหรืออภัยไม่ลงจริงๆ อย่างน้อย "เมิน" พวกเขาก็ยังดีครับ
ไม่ได้ให้ทำเมินในชีวิตจริงแบบไม่ยอมคุยหรือทำไม่สนใจพวกเขานะครับ เพียงไม่เก็บมาคิดเป็นอารมณ์ เวลาเขาทำเราขัดใจก็คิดประมาณ "ช่างเหอะ มันก็มาแบบนี้ประจำ"
คิดซะว่าท้ายที่สุด พระเจ้าจะตัดสินการกระทำของทุกคน เราทำใคร พระองค์จดจำ และใครทำเรา พระองค์ก็ไม่ลืมเช่นกัน
ไม่จำเป็นต้องโกรธแค้นเขาครับ เขาทำอะไร เขาต้องรับผิดชอบ(วันพิพากษาอาจจะอีกนาน แต่เราเจอทุกคนแน่นอน) แต่สำคัญคืออย่าให้จิตใจเราต้องไปพัวพันกับเขา ปล่อยวางได้แค่ไหนก็ปล่อย ถ้าค่อยยังชั่วแล้วจะสวดให้เขาทีหลังก็ได้ครับ
อยากแนะนำว่าถ้าทำใจสวดหรืออภัยไม่ลงจริงๆ อย่างน้อย "เมิน" พวกเขาก็ยังดีครับ
ไม่ได้ให้ทำเมินในชีวิตจริงแบบไม่ยอมคุยหรือทำไม่สนใจพวกเขานะครับ เพียงไม่เก็บมาคิดเป็นอารมณ์ เวลาเขาทำเราขัดใจก็คิดประมาณ "ช่างเหอะ มันก็มาแบบนี้ประจำ"
คิดซะว่าท้ายที่สุด พระเจ้าจะตัดสินการกระทำของทุกคน เราทำใคร พระองค์จดจำ และใครทำเรา พระองค์ก็ไม่ลืมเช่นกัน
ไม่จำเป็นต้องโกรธแค้นเขาครับ เขาทำอะไร เขาต้องรับผิดชอบ(วันพิพากษาอาจจะอีกนาน แต่เราเจอทุกคนแน่นอน) แต่สำคัญคืออย่าให้จิตใจเราต้องไปพัวพันกับเขา ปล่อยวางได้แค่ไหนก็ปล่อย ถ้าค่อยยังชั่วแล้วจะสวดให้เขาทีหลังก็ได้ครับ