อยากถามเรื่องพระนามพระเจ้า ในปฐมกาล

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Cherval
โพสต์: 566
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 30, 2011 7:17 pm
ที่อยู่: เชียงราย

เสาร์ มี.ค. 24, 2012 12:32 pm

ในพระธรรมเดิมในภาษาฮีบรู พระเจ้าใช้คำว่า "เรา" แทนตัวเอง

ปฐมกาล 1 : 1
"ในปฐมกาล พระเจ้า ทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน"

ในต้นฉบับภาษาฮีบรูนั้นได้ถูกบันทึกเป็นคำว่า "เอลโลฮิม"
ในภาษาฮีบรู นี่คือรูปพหูพจน์ ของคำว่า "เอลโลอะหฺ"
หรือ "เอล" ที่แปลว่า "พระเจ้า"

รูปภาพ

ในภาษาฮีบรูนั้น มีคำสามรูปแบบ คือ เอกพจน์, คู่, และพหูพจน์ คำว่าคู่หมายถึงสองเท่านั้น ในภาษาฮีบรูคำว่าคู่ใช้สำหรับสิ่งที่มาคู่กัน เช่น ตา, หู, และมือ ถ้าจำไม่ผิดไปอ่านเจอในหนังสือเล่มไหนซักเล่มนี่แหละ

ซึ่งหากถอดความเป็นภาษาอังกฤษ จะได้ว่า "Gods" Or "Powers" แต่ว่าหากเราตีความหมายตื้นๆแบบนี้ผมว่า เข้าข่ายลัทธิหลายพระเจ้าแน่ๆเลย เพราะแปลชัดเลยว่า "เหล่าพระเจ้า"

รูปภาพ

ในภาษายิวปัจจุบันนี้ ได้ให้คำจัดกัดความของคำว่า "เอลโลฮิม" ว่า "พระเจ้าผู้สร้างและผู้พิพากษา"

แต่ผมเข้าใจว่า การที่ใบเบิ้ลได้ใช้คำว่า "เอลโลฮิม" เพื่อว่าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะได้สำแดงอานุภาพของพระองค์ใน 3 รูปแบบ คือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต

ความลึกลับในข้อนี้ ผมเข้าใจว่า "เอลโลฮิม" คือการแสดงให้มนุษย์ได้เห็นว่า "พระตรีเอกภาพ" คือหนึ่งเดียวกัน คือ
เอล (พระบิดา) เอล (พระบุตร) และ เอล (พระจิต) สามหนึ่งเดียวกัน

จึงตีสรุปส่วนตัวว่า "เอลโลฮิม" มีความหมายคือ "พระตรีเอกภาพ"

------------------------------------------------------------

ซึ่งผมเองก็ยังคลางแคลงใจมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้นใครพอที่จะหาคำตอบ
หรือให้คำตอบที่ดีและดีกว่าที่ผมคิดได้บ้างครับ

ขอพระจิตเจ้าดลใจ ให้มีสติปัญญาในการเข้าสู่เรื่องล้ำลึกของพระองค์
peopletribune
โพสต์: 423
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 28, 2009 8:55 pm
ที่อยู่: Maka-Diyos, Makatao, Makakalikasan, at Makabansa

เสาร์ มี.ค. 24, 2012 5:58 pm

สวัสดีครับ คุณCherval

ผมอนุมานเอาว่าคุณ Cherval น่าจะได้ข้อมูลมาจาก clip ชุดนี้หรืออ่านข้อมูล
มาจาก ชุดความคิดดังกล่าว

ปล.อนุมาน(Inference) = กระบวนการคิดในการหาข้อสรุปจากเหตุผลที่มีอยู่



ซึ่ง Clip ดังกล่าวจัดทำโดย คณะWorldwide Church of God
http://english.watv.org/

ผมไม่ขอแสดงความเห็นในเรื่องของความเชื่อที่แตกต่าง แต่กระบวนการคิดหรือชุดความคิด
ดังกล่าวไม่ใช่คาทอลิกแน่นอน ผมตอบได้แค่นี้ ถึงแม้จะเป็นพระตรีเอกานุภาพ เหมือนกัน
และ/หรือ ใช้คัมภีร์บางเล่มเหมือนกัน แต่เชื่อว่าบทสรุปไม่เหมือนกันแน่นอน ซึ่งถ้าอยากรู้
ท่านต้องอ่านหลักการณ์ และชุดความคิดของกลุ่มดังกล่าว

แต่ถ้าไม่ศึกษาให้ดีก็จะเข้ารก เข้าพง แบบ ลัทธิโอมชินริเกียว ... หรืออ่านไปอ่านมา
จะเข้าไปทาง ทฤษฎีสมคมคิด แบบ Da Vinci Code

เพราะคาทอลิก ไม่ได้เชื่อว่าแม่พระคือ พระเจ้า และ มนุษย์ทุกคน ไม่ใช่พระเจ้า

หากต้องการแตกฉาน หรือมีความเข้าใจในพระคัมภีร์ทั้งภาคพันธสัญญาใหม่ และภาค
พันธสัญญาเดิม
แนะนำให้คุณCherval ปรึกษากับผู้เชียวชาญในนิกายที่ท่านนับถือ
หากท่านเป็นคาทอลิก ให้ปรึกษาครูคำสอน หรือ คุณพ่อเจ้าอาวาท หรือพ่อปลัด ท่านจะชี้แนะ
ไปในแนวทางที่ถูกที่ควร...เพราะอดีต คาทอลิกก็มีที่ถกเถียงกันเรื่องพระคัมภีร์ หรือชุดความ
คิดจนเกิดเป็นวิวาทะระหว่าง โป๊บ กับ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 จนทำให้เกิดเป็นนิกาย
ใหม่ คือ นิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ (Church of England) หรือ คริสตจักรแองลิกัน

:s023:
โดย : ฟรังซิสโก ณัฐวุฒิ (เดินทางทุกที่ ที่มีพระองค์)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Cherval
โพสต์: 566
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 30, 2011 7:17 pm
ที่อยู่: เชียงราย

เสาร์ มี.ค. 24, 2012 8:29 pm

อ่าครับ พอดีเลย พรุ่งนี้ไปมิสซา
หลังมิสซา ถือโอกาศจะได้ถามคุณพ่อเจ้าอาวาท

ปล1.ผมเป็นคาทอลิกครับ
ปล2.อนุมานได้ถูกต้องเลยครับ ตอนแรกผมไม่เชื่อหรอกครับ จนผมได้ใช้ http://www.scripture4all.org /โปรแกรมนี้ในการตรวจสอบพระคัมภีร์ในภาษาฮีบรู ซึ่งปรากฏว่า มันเป็นคำว่า "เอลโลฮิม" จริงๆ ผมก็เลยสงสัย เลยมาถามครับ
ปล3.นี่ไม่ใช่แหล่งข้อมูลแรกที่ผมเจอแล้วนำมาสรุป ยังมีอีกหลายบทสรุปที่ผมลองพยายามหาจาก พี่ที่เป็นคริสเตียน ถามจากพี่คนหนึ่ง ผมได้คำตอบที่ดีทีเดียว จนไม่กล้าไปถามใครอีก และคิดว่าจะหยุดหาคำตอบ

อพยพ 3:14
"เจ้าจงไปบอกชนชาติอิสราเอลว่า `เราเป็น(ยาเวหฺ น่าจะใช่คำนี้ เพราะแปลว่า To Be)ได้ทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย'"

--------------------------

พี่เขาบอกว่า

ประเด็นคือ พระองค์ทรงเน้นว่า ไม่ต้องรู้นามเรา แต่เราคือพระเจ้าของเจ้า (และบรรพบุรุษเจ้า)

อพยพ 3:15
"พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสอีกว่า "เจ้าจงกล่าวแก่ชนชาติอิสราเอลว่าดังนี้ `พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน คือพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคและพระเจ้าของยาโคบ ทรงใช้ให้ข้าพเจ้ามาหาท่าน'"
peopletribune
โพสต์: 423
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 28, 2009 8:55 pm
ที่อยู่: Maka-Diyos, Makatao, Makakalikasan, at Makabansa

อาทิตย์ มี.ค. 25, 2012 10:13 am

สวัสดีครับคุณCherval

ขออนุญาตไม่อ้างอิง quoute นะครับ เดี๋ยวกระทู้จะยาวแล้วอ่านยาก :s007:

อ่านจากที่คุณCherval เขียนนี่แสดงว่าอ่านหนังสือ และยืนหลักองค์ความรู้ของสังคมไทย
ครบเชียวครับ ทั้ง สุ จิ ปุ ลิ คือ ฟัง คิด ถาม และเขียน

แนวคิดบางแนว บางความเชื่อ ผมก็ไม่อยากเขียนลงสู่สาธารณะครับ ด้วยเหตุผล
1. นำไปสู่ประเด็นการถกเถียง เพราะเป็นเรื่องของการต่างความเชื่อ และวิธีคิด
2. สุแปรติซัง เป็นคำ ๆ นึง ที่กำหนดคาทอลิกไว้ค่อนข้างเคร่งครัด ....

ในข้อ 2 นั่นเป็นเหตุผล ๆ หนึ่งที่ทำให้ ศาสนาที่เป็น เทวนิยม เช่น ฮินดู,คริสต์ และอิสลาม
ไม่ค่อยเปิดความเช้าใจ หรือเปิดใจกว้างที่จะศึกษาศาสนาอื่น จึงทำให้การศึกษาศาสนาแล้ว
มองโลก มิติเดียว ...

ผมขออนุญาตยกตัวอย่าง เรื่องการปกครอง เช่น บ้านเรามีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ...บางคนก็ไม่เคยศึกษาระบอบการปกครองอื่น เพราะ
กลัวถูกกล่าวหาว่า "ฝักใฝ่การปกครองอื่น" ซึ่งในประวัติศาสตร์บ้านเราแล้วเราก็เคยผ่านเรื่อง
ดังกล่าวมา เช่น เหตุการณ์ 6 ต.ค. ,หรือ กรณี อ.วรเจตน์ นิติราษฎร์ เพราะเรื่องเหล่านี้เป็น
เรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งผู้รู้ท่านก็ได้เขียนมาแต่โบราณแล้วว่า เรื่องการเมืองอย่าง ศาสนาอีก
อย่าง
ถ้าถกเถียงกัน...รังแต่จะนำไปสู่ สงครามทั้งสิ้น ไม่ว่าสงครามรัฐต่อรัฐ หรือ สงคราม
กลางเมือง

การที่เราจะอ่านประวัติศาตร์ในถ่องแท้ นั้นเราจำต้องอ่านประวัติศาสตร์หลายเล่ม และนำมา
เปรียบเทียบ และสำคัญท่านต้องอ่านประวัติศาตร์โลก ประวัติศาสตร์รอบบ้าน และใช้หลัก
ตรรกะ
เข้ามาเสริมจะทำให้เกิดความเข้าใจ เชิงเหตุ เชิงผล มากขึ้น

เช่น ทำไมพระนเรศวรทรงใช้เวลากู้เอกราชตั้งนาน แต่พระเจ้าตากใช้ 7 เดือน เท่านั้น เราต้อง
ย้อนกลับไปอ่านประวัติศาสตร์พม่า
....ว่าจริง ๆ แล้วช่วงนั้นพม่ายกทัพหลวงกลับไปรบกับจีน
และอำนาจอังกฤษกำลังมา

:s008:
ศาสนาก็เช่นกันครับ!

รูปภาพ
ย้อนกลับมาเรื่องพระเจ้าหลายองค์...หรือองค์เดียว ที่เราเรียกพระตรีเอกานุภาพ ชุดความคิด
นี้จะกระจ่างแจ้งขึ้น...หากเราศึกษาให้ลงลึกไปสู่ศาสนาที่มีอิทธิพลต่อโลกเรา...ที่มีผู้คนเชื่อ
ถือ ศรัทธา และนับถือมาก ๆ เห็นทีจะเป็น 3 ศาสนาใหญ่ คือ ฮินดู คริสต์ และอิสลาม

เราจำต้องศึกษาศาสนาประกอบแล้วเราจะเกิดความเข้าใจมากขึ้นในเชิง ตรรกศาสตร์ คือ
การสามารถตีความ เทวศาสตร์ ให้เป็น ตรรกศาสตร์ ได้ ผมชอบวาทะท่านพุทธทาส
ที่ท่านว่า มีภาษาธรรม กับ ภาษามนุษย์

ถ้าเราตีความภาษาธรรม ผิดเพี้ยน ก็จะนำไปสู่อีกลัทธิหนึ่ง เช่น กรณีการตีความนิพพาน
ของพุทธหรือการตีความ โลกหน้าของคริสต์ หรือการตีความเรื่อง จีฮัด ของอิสลาม
เป็นต้น

เท่าที่เรานับประวัติศาสตร์ศาสนาโลก ศาสนาแรกที่มีในโลกคือ ฮินดู แล้วจึงเป็นศาสนาพุทธ
แล้วจึงเกิดเป็นศาสนาคริสต์...แล้วจึงเป็นอิสลาม ตรงนี้ถ้าใครอ่านปฐมกาลจะรู้ว่าส่วน
หนึ่งของปฐมกาลอยู่กับทั้ง ศาสนายิว,คริสต์ และอิสลาม เชื่อเหมือนกัน หรือคล้ายกัน
ต่อมา คริสต์รบอิสลาม เรียก สงครามครูเสท,อิสลามแพร่จากอาหรับ เข้าเอเซียทำให้
เกิดสงครามในประเทศอินเดีย ท่านคุรุ นานัก เดว ยิ จึงก่อตั้งศาสนาซิกข์ขึ้นมา เมื่อปี
ค.ศ.1469(พ.ศ. 2012) ตรงกลับรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เป็นกรุงศรีฯ ช่วง
กลาง ๆ ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ถ้าเราจัด Road Map การศึกษาแบบนี้จะทำให้เราเข้าใจศาสนา
แบบตรรกะ และรู้ที่มาที่ไป...


รูปภาพ
ฮินดูมีพระเจ้า 3 พระองค์ เรียก พระตรีมูรติ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า : Trinity ซึ่งช่างเหมือน
และตรงกับ พระตรีเอกานุภาพ ยิ่งนัก พระพรหม ซึ่งเป็นผู้สร้างโลก พระศิวะ เป็นผู้ทำลาย
และพระวิษณุ(บ้านเราเรียกพระนารายณ์)เป็นผู้ปกป้องและรักษาโลก...และแปลกจังที่ฮินดู
ก็มีเรื่องน้ำท่วมโลก ฮินดูเรียก ราตรีแห่งพรหม คือพรหม ผู้สร้างโลกจะเข้าสู่นิทราอันยาวนานมี
พระมนู เป็นตัวแทนช่วยมนุษย์โลกแบบโนอาห์

คุณCherval และท่านผู้อ่าน เคยได้ยินชื่อ ภูเขาอดัมส์พีค หรือชื่อ สีปาดา(Sri Pada)ที่
ประเทศศรีลังกา ที่ทุกศาสนาต่างมีความเชื่อของตน ชาวฮินดี เชื่อว่าบนนั้นมีรอยเท้าของพระศิวะ
ชาวพุทธเชื่อว่าเป็นพระพุทธบาท ชาวคริสต์(บางส่วน)เชื่อว่าท่านนักบุญโธมัสมาที่นี่และมี
รอยเท้าที่นี่ชาวมุสลิม เชื่อว่าอดัมส์ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกถูกเนรเทศลงจากสวรรค์ตรงจุดนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม :
http://sripada.org/

http://www.natureconcern.com/natureconc ... lone-1.htm

หรือ ท่านเคยได้ยินไม๊ครับว่า...ช่วงชีวิตที่หายไปของพระเยซู ได้มาศึกษาทางศาสนาที่
มหาวิทยาลัยนาลันทา

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99% ... 7%E0%B8%B2

อย่างที่ผมเรียนไปเบื้องต้น ศาสนาเป็นเรื่องของความ สุขุมคัมภีรภาพ จำต้องใช้เวลาศึกษา
และการศึกษาเชิงเปรียบเทียบ อันจะนำมาซึ่ง >>>
การศึกษาศาสนา ด้วยปัญญา ไม่ใช่ความงมงาย

ตอบยาวนิดนึงนะครับ ขอบคุณครับที่ติดตามอ่าน :s007:

:s021:
โดย : ฟรังซิสโก ณัฐวุฒิ เดินทางทุกที่ ๆ มีพระองค์
Toey Kung
โพสต์: 54
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร เม.ย. 29, 2008 1:20 pm
ที่อยู่: กรุงเทพฯ
ติดต่อ:

อาทิตย์ มี.ค. 25, 2012 12:55 pm

Cherval เขียน: ในภาษายิวปัจจุบันนี้ ได้ให้คำจัดกัดความของคำว่า "เอลโลฮิม" ว่า "พระเจ้าผู้สร้างและผู้พิพากษา"

แต่ผมเข้าใจว่า การที่ใบเบิ้ลได้ใช้คำว่า "เอลโลฮิม" เพื่อว่าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะได้สำแดงอานุภาพของพระองค์ใน 3 รูปแบบ คือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต

ความลึกลับในข้อนี้ ผมเข้าใจว่า "เอลโลฮิม" คือการแสดงให้มนุษย์ได้เห็นว่า "พระตรีเอกภาพ" คือหนึ่งเดียวกัน คือ
เอล (พระบิดา) เอล (พระบุตร) และ เอล (พระจิต) สามหนึ่งเดียวกัน

จึงตีสรุปส่วนตัวว่า "เอลโลฮิม" มีความหมายคือ "พระตรีเอกภาพ"
ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Elohim

คำว่า Elohim ถ้าเแปลเป็นภาษาไทย หมายถึง "พระเจ้า" หรือ "เทพเจ้า" หรือ "ทูตสวรรค์" ซึ่งเป็นคำนามธรรมดาทั่วๆ ไป ใช้นิยามถึงบุคคล ไม่ใช่ชื่อของบุคคล ตัวอย่างเช่น "พระเยซูเป็นพระเจ้า" ดังนั้นคำว่า Elohim จึงไม่ใช่ชื่อ หรือ พระนามของพระเจ้าอย่างที่เรามักจะเข้าใจ

ใน sense ของภาษาฮีบรู คำว่า Elohim มึความหมายได้ทั้ง "พระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว" (เอกพจน์) หรือ God และ "เทพเจ้าต่างๆ" (พหูพจน์) หรือ gods เวลาที่คนยิวพูดคำว่า Elohim ถ้าในบริบทนั้นเขาพูดถึงพระเจ้าพระยาห์เวห์ เขาจะใช้คำว่า Elohim เป็นเอกพจน์เสมอ (พระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว)

แต่ถ้าในบริบทนันเขาพูดถึง "พระต่างชาติ" หรือ "เทพเจ้า" หรือ "ทูตสวรรค์" เขาจะใช้คำนี้เป็พหูพจน์ (gods)
Toey Kung
โพสต์: 54
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร เม.ย. 29, 2008 1:20 pm
ที่อยู่: กรุงเทพฯ
ติดต่อ:

อาทิตย์ มี.ค. 25, 2012 1:06 pm

Cherval เขียน: แต่ผมเข้าใจว่า การที่ใบเบิ้ลได้ใช้คำว่า "เอลโลฮิม" เพื่อว่าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะได้สำแดงอานุภาพของพระองค์ใน 3 รูปแบบ คือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต
ส่วนตัว ผมเข้าใจว่าในปฐมกาล บทที่ 1 เมื่อพระเจ้าทรงสร้างสิ่งต่างๆ นั้น พระบิดาอาจจะตรัสกับพระบุตร หรือพระวิญญาณบริสุทธิ์ (หรืออาจจะตรัสกับทูตสวรรค์ในลำดับชั้นต่างๆ ด้วย) ก็ได้ครับ :s012:

เพราะในพระคัมภีร์มีเขียนใว้ว่า พระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทั้งสามบุคคล ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียว (Three Person One God)

1John 5:7 (KJV) For there are three that bear record in heaven, the Father, the Word, and the Holy Ghost: and these three are one.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ มี.ค. 25, 2012 10:53 pm

ในภาษาฮีบรูการใช้รูปพหูพจน์ ไม่ได้หมายความถึงจำนวนมากกว่า1เท่านั้น แต่ใช้สื่อถึงความบริบูรณ์ด้วย การใช้รูปพหูพจน์กับคำว่า เอโลฮิม ก็มีเจตนานี้ เพราะศาสนายิวย้ำว่ามีพระเจ้าหนึ่งเดียวมาตั้งแต่แรก และไม่เคยเป็นศาสนานับถือพระเจ้าหลายองค์ครับ

นอกจากนี้ในกรณีการสื่อถึงพระตรีเอกภาพ มีการใช้รูปพหูพจน์อีกครั้ง ในตอนที่ทูตสวรรค์ทั้ง3มาพบอับราฮัม ทูตสวรรค์ทั้ง3พูดคุยบอกเรื่องอิสอัคแล้ว กำลังเดินทางจากไป พออับราฮัมตามไปส่ง คุยไปด้วยเรื่องจะทรงทำลายเมืองโสดม กลายเป็นพระยาห์เวย์คุยกับอับราฮัม ซึ่งในความเชื่อคริสตชน และปิตาจารย์ของพระศาสนจักรตั้งแต่ยุคแรกเริ่มตีความว่า ทูตสวรรค์ทั้ง3เป็นตัวแทนถึงพระตรีเอกภาพที่เป็นพระเจ้า1เดียว

รูปภาพ

รูปภาพ

Old Testament Trinity icon by Andrey Rublev, c. 1400 (Tretyakov Gallery, Moscow)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ มี.ค. 25, 2012 11:07 pm

ดังนั้นหากเราเห็นภาพไอคอนที่เป็นทูตสวรรค์3องค์นั่งโต๊ะเดียวกันจะหมายถึงทูตสวรรค์3องค์ที่อับราฮัมต้อนรับและหมายถึงพระตรีเอกภาพที่ปรากฎในพระธรรมเดิมครับ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ มี.ค. 25, 2012 11:16 pm

ส่วนเทวศาสตร์ของเรา พระตรีเอกภาพไม่เหมือนกับเทพตรีมูรติของฮินดูครับ เพราะคุณสมบัติสำคัญที่สุดของพระเจ้าคือ แบ่งแยกไม่ได้ แม้จะมี3พระบุคคล และไม่ได้เป็นการแบ่งภาคแยกอวตารเป็นคนละองค์แบบฮินดู

ทั้ง3เทพในตรีมูรติของฮินดูนั้นมีกำเนิดต่างกัน โดยกำเนิดต่างกรรมต่างวาระ ในยุคแรกเริ่ม สมัยพราหมณ์นับถือลัทธินิกายที่แยกยกย่องเทพแต่ละองค์ไม่เท่ากันมีสงครามทะเลาะเบาะแว้งระหว่างนิกายอยู่มาก ดังจะเห้นจากมีวรรณกรรมคัมภีร์ ที่แสดงถึงการทะเลาะเบาะแว้งของเทพเจ้าทั้ง3นี้อยู่บ้าง และมีการสาปกันเองอยู่ด้วย อันอาจมีที่มาของการพยายามข่มกันของพราหมณ์ที่ถือคนละนิกาย

การรวมตรีมูรติซึ่งปรากฏในภายหลังน่าจะมาจากการรื้อสร้างคัมภีร์เพื่อการปรองดองของมวลหมู่ชาวอินเดียว เกิดเป็นการ Reform เป็นศาสนาใหม่คือศาสนาฮินดู และยังรวมเอาพระพุทธเจ้าเข้าเป็นอวตารหนึ่งของพระนารายณ์จนกลับทำให้ศาสนาฮินดูรุ่งเรืองและศาสนาพุทธเหลือเพียงส่วนน้อยในอินเดียจนปัจจุบัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ มี.ค. 25, 2012 11:45 pm

ในส่วนประเด็นของการเรียกพระนามต่างกันตรงนี้ มากจากประเด็นที่ว่า ก่อนการไขแสดงแก่โมเสส ชาวยิวเรียกพระเจ้าด้วยคำว่า เอโลฮิม ซึ่งในภาษาอังกฤษจะใช้ว่า God(พระผู้เป็นเจ้า)

แต่หลังจากโมเสสพบพระเจ้า โมเสสใช้พระนามที่พระเจ้าตอบว่า "เราเป็น" ยาห์เวห์ใช้ว่า Lord(พระเจ้า) ครับ


ถ้าได้ศึกษาให้ลึกในพระธรรมเดิมนั้น จะทราบว่า มีการรวมเอกสาร4ฉบับเข้าด้วยกัน แล้วเรียงรวมเป็นเล่มเดียว ไม่ได้แยก4เอกสารขาดจากกันแบบพระธรรมใหม่


การรวม4เอกสารนี้คือการจัดสาระบบพระธรรมเดิมเมื่อ 400ปีก่อนค.ศ. และคงสภาพสาระบบพระธรรมเดิมนี้มาจนปัจจุบัน


เอกสารแรกเก่าแก่กว่าทุกอัน เรียกว่าเอกสารเจ เพราะเรียกพระเจ้าว่า ยาห์เวห์ตลอด

เอกสารถัดมาเอกสารอี เรียกพระเจ้าว่า เอโลฮิมตลอด

ส่วนเอกสารดีและพี เรียกพระเจ้าว่าเอโลฮิมในเหตุการณ์ก่อนที่โมเสสพบพระเจ้า หลังโมเสสพบพระเจ้า ใช้ยาเวห์

(การเรียกว่า เจ พี อี ดี อันเป็นอักษรย่ออังกฤษตั้งเองโดยนักโบราณคดีเพื่อเรียกเข้าใจตรงกันในหมู่ผู้ศึกษา เพราะเอกสารพระธรรมเดิมไม่ระบุชื่อผู้เขียน)

ในหลายช่วงของพระธรรมเดิม ผู้รวบรวมและเรียบเรียงใช้พระนามพระเจ้าว่า ยาเวห์เอโลฮิม ซึ่งแปลว่า พระเจ้าผู้เป็นเจ้า เพื่อเน้นว่าทั้ง2ชื่อคือองค์เดียวกัน

ตัวอย่างเห็นได้ชัดมากในปฐมกาลช่วงสร้างโลก จะเห็นว่าพระเจ้าสร้างโลกส้รางทุกอย่างจนถึงปฐมกาลบทที่1ข้อ27 ดูเหมือนว่าพระเจ้าสร้างชายหญิงพร้อมกัน เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่พอขึ้นบทที่2เหมือนมาเล่าการสร้างโลกใหม่อีกรอบไม่ได้สร้างวันละอย่างแต่เหมือนบรรยายว่าสร้างมาในลักษณะไหนและเล่าการสร้างมนุษย์ใหม่อีกรอบให้หญิงเกิดจากชาย นั่นมีที่มาจากการรวมเอกสารจาก2ผู้บันทึกเข้าเป็นเล่มเดียวแล้วเล่าต่อกันไปเลย

ซึ่งช่วงบทที่1มาจากเอกสารพี ส่วนบทที่2มาจากเอกสารเจ

ดังนั้นที่มาของเอโลฮิมกับยาเวห์ก็คือการเรียกกันคนละสมัย ไม่ได้ลึกลับลึกเลิบอะไรขนาดในคลิปบิดเบือนนั้นครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Cherval
โพสต์: 566
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 30, 2011 7:17 pm
ที่อยู่: เชียงราย

จันทร์ มี.ค. 26, 2012 8:42 am

เนื้อหาแน่นทีเดียว ขอบคุณครับที่มาให้คำตอบ

ประเด็นคือ ผมแค่อยากรู้ความหมายของ "เอโลฮิม"
และทำไมถึงใช้คำนี้ เท่านั้นแหละครับ ไม่ได้มีความคิดที่จะเชื่อ
ในสิ่งที่บิดเบือนไปอย่างในคลิป
Toey Kung
โพสต์: 54
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร เม.ย. 29, 2008 1:20 pm
ที่อยู่: กรุงเทพฯ
ติดต่อ:

จันทร์ มี.ค. 26, 2012 8:50 am

ขอบคุณมากครับพี่โฮลี่ สุดยอดมากๆ :s012: :s012: :s012:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร มี.ค. 27, 2012 5:31 am

Cherval เขียน:เนื้อหาแน่นทีเดียว ขอบคุณครับที่มาให้คำตอบ

ประเด็นคือ ผมแค่อยากรู้ความหมายของ "เอโลฮิม"
และทำไมถึงใช้คำนี้ เท่านั้นแหละครับ ไม่ได้มีความคิดที่จะเชื่อ
ในสิ่งที่บิดเบือนไปอย่างในคลิป
ถ้าตอบแบบสั้นๆง่ายๆมันคือการเรียกพระเจ้าก่อนการทราบพระนามพระเจ้าจริงๆโดยโมเสส

เอโลฮิม เป็นคำมีในภาษาฮีบรูมานานแล้ว ใช้เรียกเทพเจ้า ทูตสวรรค์ หรืออะไรก็ตามที่จะสื่อถึงจิตที่มีฐานะทำนองนี้ ไม่เหมือนคำว่ายาเวห์ที่เพิ่งประดิษฐ์ใหม่หลังโมเสสพบพระเจ้า

คำว่าเอโลฮิม ตามแกรมม่าของชาวยิว ถ้าใช้หมายถึงเป็นพระนามของพระเจ้า(หนึ่งเดียว) สามารถดูจากกิริยาจะเป็นกิริยาสำหรับประธานที่เป็นเอกพจน์ และในปฐมกาล กิริยาที่ตามหลังใช้กับประธานที่เป็นเอกพจน์

ส่วนการใช้ในฐานะคำนามที่แปลว่าเทพเจ้า มีการพบในไบเบิ้ลด้วย เช่นการใช้เอโลฮิมในความหมายถึงเทพเจ้า(gods)ในสดุดีบทที่96ข้อ5

ความจริงเปรียบได้กับภาษาอังกฤษ การใช้คำว่า God ในฐานะชื่อเฉพาะของพระเจ้า จะใช้จีตัวใหญ่ ส่วน god คำเดียวกัน ใช้ในฐานะคำนามที่แปลว่าเทพเจ้าทั่วไปได้ด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พุธ มี.ค. 28, 2012 2:02 pm

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
COLUMBUS
โพสต์: 96
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ เม.ย. 22, 2012 1:14 pm

พุธ เม.ย. 25, 2012 2:44 pm

ขอบคุณทุกท่านสำหรับความรู้ครับ ขอพระเจ้าอวยพรครับ :s007:
ตอบกลับโพส