เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
สงสัยนิดนึงครับ คือความสามารถนี้นาน ๆ ทีมันจะมาครับแล้วควบคุมไม่ได้ คือ เหมือนกับว่าเราคิดในสมองว่าเด๋วจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แล้วไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง ๆ ครับ เมื่อก่อนนี้ก็เคยเป็นนะครับแต่ก็หายไป แต่ตอนนี้มันกลับมาอีกแล้ว -*-
มันเกิดจากอะไรเหรอครับพอทราบบ้างหรือไม่ครับ
มันเกิดจากอะไรเหรอครับพอทราบบ้างหรือไม่ครับ
-
- โพสต์: 423
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 28, 2009 8:55 pm
- ที่อยู่: Maka-Diyos, Makatao, Makakalikasan, at Makabansa
สวัสดีครับ คุณImmanuel (MichaelPaul)Immanuel (MichaelPaul) เขียน:สงสัยนิดนึงครับ คือความสามารถนี้นาน ๆ ทีมันจะมาครับแล้วควบคุมไม่ได้ คือ เหมือนกับว่าเราคิดในสมองว่าเด๋วจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แล้วไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง ๆ ครับ เมื่อก่อนนี้ก็เคยเป็นนะครับแต่ก็หายไป แต่ตอนนี้มันกลับมาอีกแล้ว -*-
มันเกิดจากอะไรเหรอครับพอทราบบ้างหรือไม่ครับ
ภาษาทางวิทยาศาสตร์เรียก จิตใต้สำนึก (Subconscious) ครับ
ลองอ่านรายละเอียดตาม Link นะครับ
http://www.novabizz.com/NovaAce/Subconscious.htm
ผมไม่พูดถึงหลัก เทวศาสตร์ แต่พูดถึงหลัก ตรรกศาสตร์ ยกตัวเอย่างเช่นสมัยตถาคต
หลังบำเพ็ญทุกรกิริยานาน 6 พรรษา ในเวลาเย็นโสตถิยะให้ถวายหญ้าคา 8 กำมือ
ปูลาดเป็นอาสนะ(เรียก โพธิบัลลังก์)ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ว่าจะบรรลุโพธิญาณ ณ ใต้ต้น
พระศรีมหาโพธิ์ ประทับหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ทรงบรรลุรูปฌาณทั้ง 4 ชั้น
1. เวลาปฐมยาม ทรงได้ปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ ความรู้เป็นเหตุให้ระลึกชาติได้
2. เวลามัชฌิมยาม ทรงได้จุตูปปาตญาณ(ทิพยจักษุญาณ)คือรู้เรื่องเกิด-ตายของสัตว์
ทั้งหลายว่า เป็นไปตามกรรมที่ตนกระทำไว้
3. เวลาปัจฉิมยาม ทรงได้ อาสวักขยญาณ คือ ความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะหรือกิเลส หมายถึง
ตรัสรู้อริยสัจ 4
4. อาสวักขยญาณ ที่ทรงได้ทำให้ทรงพิจารณาถึงขันธ์ 5 (คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ) ว่าเป็น อัตตา เป็นตัวเรา เป็นเหตุทำให้เกิดความทุกข์แท้จริง และการเกิดขึ้น
พร้อมแห่งธรรมทั้งหลายโดยอาศัยกัน เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท อันเป็นต้นทางให้เขาถึง
อริยสัจ 4 เมื่อพระองค์ทรงรู้เห็นแล้ว จึงละอุปาทาน(เลิกยึดมั่น,ถือมั่น) และ คืนนั้น
พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสรู้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรงกับคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 6
โดย : ฟรังซิสโก ณัฐวุฒิ เดินทางทุกที่ ๆ มีพระองค์
-
- โพสต์: 954
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 11:04 pm
มีกันทุกคนล่ะครับผมเบื่อล่ะเห็นจนไม่อยากเห็น
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
บอกตรงๆ ว่ายังไม่ค่อยเข้าใจที่อธิบายเท่าไหร่ แต่สรุปคือว่ามันเป็นประเภทจิตใต้สำนึกหรือลางสังหรณ์ใช่ไหมครับ คือเหมือนผมจะมีช่วงแบบนี้ไม่แน่ใจว่าทุกปีไหม แต่คำนวนระยะเวลาหรือไม่รู้ว่ามันจะมาเวลาไหนน่ะครับ แต่มันจะเห็นเอง - -"peopletribune เขียน:สวัสดีครับ คุณImmanuel (MichaelPaul)Immanuel (MichaelPaul) เขียน:สงสัยนิดนึงครับ คือความสามารถนี้นาน ๆ ทีมันจะมาครับแล้วควบคุมไม่ได้ คือ เหมือนกับว่าเราคิดในสมองว่าเด๋วจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แล้วไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง ๆ ครับ เมื่อก่อนนี้ก็เคยเป็นนะครับแต่ก็หายไป แต่ตอนนี้มันกลับมาอีกแล้ว -*-
มันเกิดจากอะไรเหรอครับพอทราบบ้างหรือไม่ครับ
ภาษาทางวิทยาศาสตร์เรียก จิตใต้สำนึก (Subconscious) ครับ
ลองอ่านรายละเอียดตาม Link นะครับ
http://www.novabizz.com/NovaAce/Subconscious.htm
ผมไม่พูดถึงหลัก เทวศาสตร์ แต่พูดถึงหลัก ตรรกศาสตร์ ยกตัวเอย่างเช่นสมัยตถาคต
หลังบำเพ็ญทุกรกิริยานาน 6 พรรษา ในเวลาเย็นโสตถิยะให้ถวายหญ้าคา 8 กำมือ
ปูลาดเป็นอาสนะ(เรียก โพธิบัลลังก์)ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ว่าจะบรรลุโพธิญาณ ณ ใต้ต้น
พระศรีมหาโพธิ์ ประทับหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ทรงบรรลุรูปฌาณทั้ง 4 ชั้น
1. เวลาปฐมยาม ทรงได้ปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ ความรู้เป็นเหตุให้ระลึกชาติได้
2. เวลามัชฌิมยาม ทรงได้จุตูปปาตญาณ(ทิพยจักษุญาณ)คือรู้เรื่องเกิด-ตายของสัตว์
ทั้งหลายว่า เป็นไปตามกรรมที่ตนกระทำไว้
3. เวลาปัจฉิมยาม ทรงได้ อาสวักขยญาณ คือ ความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะหรือกิเลส หมายถึง
ตรัสรู้อริยสัจ 4
4. อาสวักขยญาณ ที่ทรงได้ทำให้ทรงพิจารณาถึงขันธ์ 5 (คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ) ว่าเป็น อัตตา เป็นตัวเรา เป็นเหตุทำให้เกิดความทุกข์แท้จริง และการเกิดขึ้น
พร้อมแห่งธรรมทั้งหลายโดยอาศัยกัน เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท อันเป็นต้นทางให้เขาถึง
อริยสัจ 4 เมื่อพระองค์ทรงรู้เห็นแล้ว จึงละอุปาทาน(เลิกยึดมั่น,ถือมั่น) และ คืนนั้น
พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสรู้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรงกับคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 6
โดย : ฟรังซิสโก ณัฐวุฒิ เดินทางทุกที่ ๆ มีพระองค์
-
- โพสต์: 423
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 28, 2009 8:55 pm
- ที่อยู่: Maka-Diyos, Makatao, Makakalikasan, at Makabansa
คนละเรื่อง คนละหลักการกันครับ จิตใต้สำนึก เป็นเรื่องของ วิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้Immanuel (MichaelPaul) เขียน: บอกตรงๆ ว่ายังไม่ค่อยเข้าใจที่อธิบายเท่าไหร่ แต่สรุปคือว่ามันเป็นประเภทจิตใต้สำนึกหรือลางสังหรณ์ใช่ไหมครับ คือเหมือนผมจะมีช่วงแบบนี้ไม่แน่ใจว่าทุกปีไหม แต่คำนวนระยะเวลาหรือไม่รู้ว่ามันจะมาเวลาไหนน่ะครับ แต่มันจะเห็นเอง - -"
ลางสังหรณ์ เป็นเรื่องของความเชื่อ พิสูจน์ไม่ได้ เช่น จิงจกทัก,ตาขวากระตุก,
แต่หลายหลัก หลายกลุ่มชน ก็ยืนอยู่บนหลักของความเชื่อที่พิสูจน์ไม่ได้ เช่น หลักเทวศาสตร์
หรือ หลักการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์(ที่เชื่อว่ากษัตริย์เป็นสมมุมติเทพ) หรือ
กรณีหลักวรรณะในหลักความเชื่อของศาสนาฮินดู
หลักทางพุทธก็มีครับ เรียก พุทธปาฏิหารย์
ในทางพุทธนั้นมีปาฏิหาริย์อยู่ 3 ชนิด คือ
1) อิทธิปาฏิหาริย์ การแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เหาะเหิรเดินอากาศ,ล่องหน
2) อาเทสนาปาฏิหาริย์ ทายใจผู้อื่นถูกต้องได้อย่างน่าอัศจรรย์
3) อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คำสั่งสอนที่น่าอัศจรรย์ โดยมีเหตุผลพร้อมมูลและปฏิบัติได้ผลจริง ๆ
(หลักนี้เป็นหลักที่พระพุทธองค์ สนับสนุนที่สุด)
จิตใต้สำนึก กับ ภาพหลอน เป็นเส้นบาง ๆ เหมือนเรื่องของ ความเชื่อ กับ ความงมงาย
และ ศิลปิน กับ คนบ้า....สิ่งเหล่านี้ตัวชี้วัด คือ ปัญญา
เหมือน อ.ถวัลย์ ดัชนี กล่าวไว้ว่า คนแยกศิลปะไม่ออก ก็เหมือนแยกไม่ออกระหว่าง
รัศมีดาวในท้องฟ้า กับ รอยเท้าสุนัขในโคลน....
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
มีในกลุ่มคริสต์เช่นกัน เรียกว่า เป็นของประทานในการเห็นล่วงหน้า เช่นผ่าน ความฝัน ผ่านสัมผัสบางอย่าง ผ่านหนังสือ หรือฯลฯ อีกมากมาย ซึ่งคนที่มีของประทาน(พระพรพิเศษ)เช่นนี้โดยทั่วไปเพื่อพระราชกิจของพระเจ้า หรือพระเจ้าทรงปกป้องเขาไม่ให้เข้าไปยุ่งในเหตุการณ์นั้น หรือ
พระเจ้ามอบมายให้เขาทำหน้าที่เป็นผู้ภาวนา เป็นต้น
เรื่องนี้ คุยกันยากทางบอร์ดนิดหนึ่ง
น้องเอกเจอพี่บนfbให้แอดคุยได้ค่ะ
พระเจ้ามอบมายให้เขาทำหน้าที่เป็นผู้ภาวนา เป็นต้น
เรื่องนี้ คุยกันยากทางบอร์ดนิดหนึ่ง
น้องเอกเจอพี่บนfbให้แอดคุยได้ค่ะ
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
ชื่อ FB พี่ชื่อไรอ่ะคร๊าบของผมProd Pran เขียน:มีในกลุ่มคริสต์เช่นกัน เรียกว่า เป็นของประทานในการเห็นล่วงหน้า เช่นผ่าน ความฝัน ผ่านสัมผัสบางอย่าง ผ่านหนังสือ หรือฯลฯ อีกมากมาย ซึ่งคนที่มีของประทาน(พระพรพิเศษ)เช่นนี้โดยทั่วไปเพื่อพระราชกิจของพระเจ้า หรือพระเจ้าทรงปกป้องเขาไม่ให้เข้าไปยุ่งในเหตุการณ์นั้น หรือ
พระเจ้ามอบมายให้เขาทำหน้าที่เป็นผู้ภาวนา เป็นต้น
เรื่องนี้ คุยกันยากทางบอร์ดนิดหนึ่ง
น้องเอกเจอพี่บนfbให้แอดคุยได้ค่ะ
Immanuel MichaelPaul ครับ
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
เขาเรียกว่า เดจาวู ครับ อาการที่คนทั่วๆไปเป็นกันแหละครับ ผมก็เป็น
มันเหมือนกับเรารู้สึกถึงอนาคตได้ชั่วขณะหนึ่ง แบบเห็นอนาคตได้ แต่จริงๆแล้วมันไม่น่าจะใช่หรอกครับ
เพราะเวลาที่เรารู้อนาคต มันจะเป็นแค่ ช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนเหตุการณ์จะเกิด ซึ่งมันน่าจะเป็นเพราะสมองเราสับสนระหว่างส่วนของการรับรู้ปัจจุบันกับส่วนของความทรงจำมากกว่า
พูดง่ายๆคือ เราคิดว่า "ฉันเห็นภาพเหตุการณ์นี้ล่วงหน้า แล้วเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นตรงตามที่เห็น"
แต่จริงๆแล้ว เราเห็นเหตุการณ์นั้นในปัจจุบันแหละครับ แต่เราเข้าใจว่า "เราเคยเห็นภาพนี้มาก่อนแล้ว" เพราะความสับสนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
มันเหมือนกับเรารู้สึกถึงอนาคตได้ชั่วขณะหนึ่ง แบบเห็นอนาคตได้ แต่จริงๆแล้วมันไม่น่าจะใช่หรอกครับ
เพราะเวลาที่เรารู้อนาคต มันจะเป็นแค่ ช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนเหตุการณ์จะเกิด ซึ่งมันน่าจะเป็นเพราะสมองเราสับสนระหว่างส่วนของการรับรู้ปัจจุบันกับส่วนของความทรงจำมากกว่า
พูดง่ายๆคือ เราคิดว่า "ฉันเห็นภาพเหตุการณ์นี้ล่วงหน้า แล้วเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นตรงตามที่เห็น"
แต่จริงๆแล้ว เราเห็นเหตุการณ์นั้นในปัจจุบันแหละครับ แต่เราเข้าใจว่า "เราเคยเห็นภาพนี้มาก่อนแล้ว" เพราะความสับสนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
-
- โพสต์: 423
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 28, 2009 8:55 pm
- ที่อยู่: Maka-Diyos, Makatao, Makakalikasan, at Makabansa
เห็นด้วยกับคุณ In the name of father ครับIn the name of father เขียน:เขาเรียกว่า เดจาวู ครับ อาการที่คนทั่วๆไปเป็นกันแหละครับ ผมก็เป็น
มันเหมือนกับเรารู้สึกถึงอนาคตได้ชั่วขณะหนึ่ง แบบเห็นอนาคตได้ แต่จริงๆแล้วมันไม่น่าจะใช่หรอกครับ
เพราะเวลาที่เรารู้อนาคต มันจะเป็นแค่ ช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนเหตุการณ์จะเกิด ซึ่งมันน่าจะเป็นเพราะสมองเราสับสนระหว่างส่วนของการรับรู้ปัจจุบันกับส่วนของความทรงจำมากกว่า
พูดง่ายๆคือ เราคิดว่า "ฉันเห็นภาพเหตุการณ์นี้ล่วงหน้า แล้วเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นตรงตามที่เห็น"
แต่จริงๆแล้ว เราเห็นเหตุการณ์นั้นในปัจจุบันแหละครับ แต่เราเข้าใจว่า "เราเคยเห็นภาพนี้มาก่อนแล้ว" เพราะความสับสนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80% ... 7%E0%B9%8C
http://en.wikipedia.org/wiki/Jamais_vu
เล่าสู่กันฟังนิดหนึ่ง คล้ายๆกันแต่เ็ป็นความฝัน แล้วมันก็เกิดขึ้นตามที่ฝันเห็นหรือเหตุบังเอิญ
ที่มีสิ่งที่ฝันเห็นเข้ามาร่วมในเหตุการณ์
เรื่องที่1
นานแล้วฝันว่าเดินไปไหนไม่รู้ มองไปเห็นศาลพระภูมิ ตั้งอยู่ริมน้ำ ตื่นมาก็ไม่ได้คิดอะไร
และก็ไม่เคยคิดหรืออะไรเกี่ยวกับศาลพระภูมิ ในสมองเลย เราเป็นคาทอลิกไม่สนใจด้วย
2-3วันต่อมามีคนรู้จักกันมาเที่ยวที่บ้าน เป็นคนพุทธคุยกันเดี๋ยว เขาบอกว่าจะหาคนมาตั้ง
ศาลพระภูมิที่บ้านเขา ไม่รู้จะให้ตั้งบริเวณไหนดี เขากับแฟนกำลังปรึกษากัน เราเลยบอกว่า
ปรึกษากันเองเถิด เราไม่รู้เรื่อง
เรื่องที่2
ฝันเห็นเด็กผู้หญิงมีผมเปียยาวถึงกลางหลังเลยมาที่ก้น อีก2-3วันมาเดินเที่ยวห้างก็เห็นแม่
จูงลูก ถักเปียน่ารักยาวมากๆถึงกลางหลัง เราเลยนึกได้ว่าเพิ่งฝันเห็นผมเปียยาวๆในฝัน
เล่าแค่นี้ก่อน มันคงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า
....... ...
ที่มีสิ่งที่ฝันเห็นเข้ามาร่วมในเหตุการณ์
เรื่องที่1
นานแล้วฝันว่าเดินไปไหนไม่รู้ มองไปเห็นศาลพระภูมิ ตั้งอยู่ริมน้ำ ตื่นมาก็ไม่ได้คิดอะไร
และก็ไม่เคยคิดหรืออะไรเกี่ยวกับศาลพระภูมิ ในสมองเลย เราเป็นคาทอลิกไม่สนใจด้วย
2-3วันต่อมามีคนรู้จักกันมาเที่ยวที่บ้าน เป็นคนพุทธคุยกันเดี๋ยว เขาบอกว่าจะหาคนมาตั้ง
ศาลพระภูมิที่บ้านเขา ไม่รู้จะให้ตั้งบริเวณไหนดี เขากับแฟนกำลังปรึกษากัน เราเลยบอกว่า
ปรึกษากันเองเถิด เราไม่รู้เรื่อง
เรื่องที่2
ฝันเห็นเด็กผู้หญิงมีผมเปียยาวถึงกลางหลังเลยมาที่ก้น อีก2-3วันมาเดินเที่ยวห้างก็เห็นแม่
จูงลูก ถักเปียน่ารักยาวมากๆถึงกลางหลัง เราเลยนึกได้ว่าเพิ่งฝันเห็นผมเปียยาวๆในฝัน
เล่าแค่นี้ก่อน มันคงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า
....... ...
เราก็เคยเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าเมื่อปีที่แล้วทางความฝันว่าจะเกิดภัยพิบัติเกี่ยวกับน้ำ
แล้วกรุงเทพก็น้ำท่วม
แล้วเราก็ต้องดีใจที่ปีนี้เราไม่มีพลังวิเศษนี้แล้ว(ควรดีใจหรือเสียใจดีที่เราไม่มีพลังนี้แล้วน่ะ)
ว่าแต่สงสัยจังทำไมพลังวิเศษถึงมาง่ายและไปง่ายจัง
แล้วกรุงเทพก็น้ำท่วม
แล้วเราก็ต้องดีใจที่ปีนี้เราไม่มีพลังวิเศษนี้แล้ว(ควรดีใจหรือเสียใจดีที่เราไม่มีพลังนี้แล้วน่ะ)
ว่าแต่สงสัยจังทำไมพลังวิเศษถึงมาง่ายและไปง่ายจัง
-
- โพสต์: 954
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 11:04 pm
ผมก็เคยฝัน แบบสึนามิญี่ปุ่นไม่มีใครเชื่อ และมันก็เป็นจริง แต่ผมบอกว่าไม่รู้ที่ไหน แต่บอกว่ามันจะเกิดจากในความฝันนานอยู่