(เล่าเรื่อง)เส้นทางก่อนจะมาเป็นลูกพระ

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
กุญแจซอล
โพสต์: 89
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 10, 2010 5:15 pm

พฤหัสฯ. เม.ย. 26, 2012 10:07 pm

ห่างหายจากเว็บnewmanaมานาน ไม่ได้ถอยศรัทธาไปไหนจ้า
หลังจากที่พี่little lambติดต่อคุณพ่อวัชศิลป์ให้ จากนั้นก็มีพี่เลี้ยงแนะนำดูแลเรามาตลอด
ก็ไปเรียนคำสอนอยู่วัดนักบุญหลุยส์มารี บางแคค่ะ ก็ไปวัด อยู่กลุ่มนักร้องด้วย

เราก็ได้ล้างบาปในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ (7เมษาที่ผ่านมาค่ะ)
ก็มาเขียนเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆที่สนใจอยากเป็นคริสต์ อาจจะยาวมากๆ
เพราะเราก็เคยเป็นคนนึงที่สนใจอยากเป็นคริสต์แต่ไม่รู้จะก้าวเข้ามายังไงแล้วก็วนเวียนอยู่ในเว็บnewmanaแห่งนี้ที่ช่วยให้ฝันเราเป็นจริงค่ะ
ซึ่งกว่าจะได้ล้างบาปนั้น หนทางก็ไม่ได้ง่าย และยากจนเกินไปถ้าเราไว้ใจในพระองค์ค่ะ

เริ่มจากศูนย์...
ย้อนกลับไป มกราปี53 เรื่องมันเริ่มมาจากรูมเมทนำกุมารมาเลี้ยงในห้องเลยกลัว ไม่รู้คิดยังไงจึงเอาคู่มือนร.ที่ข้างหลังมีรูปแม่พระมาไว้หัวเตียง(เคยเรียนรร.คาทอลิกมาก่อนค่ะ แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพระเยซูเป็นชาวยิว) ข้างในมีบทสวดด้วย ก็เลยสวด แล้วเราก็ลองเคยขอพระให้หายป่วยจากอาการไอเป็นเลือดตอนเช้า ก็หายดีอย่างน่าอัศจรรย์

จากนั้นก็คิดว่าอยากไปโบสถ์จริงๆ แต่ไม่รู้จะทำยังไง ที่บ้านก็หวงเรามาก ก็ลองserchในnetดู
แล้วก็มาเจอเว็บnewmanaแห่งนี้แหละค่า ก็เริ่มจากการขอไบเบิ้ลมาอ่าน ศึกษาความรู้ ก็ไปซื้อสายประคำมาสวด ลองเดินทางไปวัดที่ใกล้บ้าน ซึ่งบททดสอบความเชื่อมีอยู่พอควรค่ะ ไปไม่ถึง รถไม่จอดบ้าง รถเปลี่ยนเส้นทางบ้าง เรากลัวหลงทางที่สุดเลยแต่ก็ภาวนาบอกพระว่า "หนูจะไปบ้านพระองค์นะ พระองค์จะไม่ให้หนูไปหรอ" พยายาม3รอบกว่าจะไปถึงวัดแล้วก็ไม่มีคนอยู่ รอบที่4ถึงจะได้เจอคุณพ่อ

พอเจอวัดแล้ว จากนั้นพี่little lambที่แสนใจดีก็ติดต่อคุณพ่อวัชศิลป์เพื่อแนะนำพี่เลี้ยงให้ พี่เลี้ยงท่านนี้ก็ดูแลเราอย่างดีค่ะ(ปัจจุบันเป็นแม่ทูนหัวไปแล้วค่า)

อุปสรรค...

แน่นอนที่เราแอบไปสำรวจทางไปวัดมาโดยที่บ้านไม่รู้ ใจก็อยากไปวัดมากๆ จึงตั้งใจจะบอกกับที่บ้าน ซึ่งเป็นด่านแรกของทุกคนที่เป็นคริสตังยืน(คนที่ไม่ได้เป็นคริสต์มาตั้งแต่กำเนิด)ต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ซึ่งเกือบร้อยทั้งร้อย ครอบครัวไม่สนับสนุน เราเองก็เป็นเช่นนั้น กลัวก็กลัว เพราะที่บ้านเวลาดูหนังฝรั่ง เห็นคนไปสารภาพบาปก็หัวเราะ เพราะเค้าเชื่อว่าบาปที่ทำไม่มีทางหายไปได้ ก่อนบอก ก็ภาวนาก่อนขอให้พระช่วย หายใจลึกๆ หนึ่ง สอง สาม!
"ป๊า หนูจะไปวัดนะอาทิตย์นี้"
"อืมม วัดที่ไหน" ป๊ากำลังจะเดินผ่านไป
"วัดนักบุญหลุยส์มารี"
"ฮ๊ะ อะไรนะ" ป๊าชะงัก แล้วหันหลังหลับมามอง เริ่มเหงื่อตกละช้าานน - -!
"วัดนักบุญหลุยส์มารี เป็นวัดคริสต์"
"วัดคริสต์ แล้วลื้อจะไปทำไม ใครพาไป ใครบอกให้ไป ไปรู้จักมาจากไหน" ยาวเป็นพรวน
แล้วป๊าก็เรียกมาคุย ถกกันเรื่องความเชื่อบ้าง สรุป ป๊าบอกว่า ก็ยังดี๊...เกิดเป็นคนต้องมีศาสนา แล้วก็อนุญาตให้ไปวัดวันอาทิตย์ แต่ไม่อนุญาติให้เรียนคำสอน ให้ศึกษาเอาเองที่บ้าน แต่ก็ทิ้งท้ายไว้ว่า ยังไงถ้าศึกษาแล้วไม่โอเคก็ให้กลับมาเป็นพุทธเหมือนเดิม

การไปวัดทำให้เราเปลี่ยนตัวเอง...
พอป๊าอนุญาติแล้ว ไปวัดครั้งแรกก็นัดกับพี่เลี้ยงว่าเจอกันหน้าวัด แต่คำว่า"หน้าวัด"ที่เค้าหมายถึงคือประตูที่จะเข้าในในห้องที่มิสซา แต่(อดีต)ชาวพุทธอย่างเราก็นึกว่าปากทากเข้า จึงไปนั่งรอตรงประตูลาดจอดรถ :s021: ฮาาาาา ก็ไม่เจอกัน พอพิธีเริ่ม เราก็กวาดตาซ้ายขวา หาที่นั่งแล้วก็บอกคนข้างๆว่า เพิ่งมาครั้งแรกค่ะต้องทำยังไงบ้าง คุณป้าก็บอกว่า "ดูตามเค้าไป" คือพิธีในวัดต่างๆเราต้องเข้าไปสัมผัสนานๆค่ะถึงจะจำและทำได้

พอเลิกวัด เราไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย สังคมภายในวัด ดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันหมดเลย มีกลุ่มต่างๆหลังเลิกวัดให้เข้าร่วม รุ่นแม่ๆก็จะอยู่รวมตัวกัน รุ่นลูกๆก็จะทำกิจกรรมกัน เรียกว่าเป็นครอบครัวใหญ่มากกว่า แล้วก็สนิทกันมาก สนิทกันยิ่งกว่าระดับเพื่อนที่รร.อีก คงเพราะว่าอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก

คุณป้าท่านนั้นก็แนะนำกลุ่มวัยรุ่นรุ่นเดียวกับเราให้รู้จัก แต่เนื่องจากเราเป็นคนโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ก็ไม่ยอมไปเข้ากลุ่มกับเค้า แต่พี่เลี้ยงก็บอกว่า "สังคมในวัดน่ะ เราจะอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้ เราจะอยู่กันเป็นกลุ่ม คือมีอะไรก็ปรึกษากัน ช่วยเหลือกัน" เราใช้เวลาตั้ง6เดือนกว่า กว่าจะยอมเปิดใจคุยกับคนอื่น ก็เข้ากลุ่มนักร้องกับเด็กมหาลัยรุ่นๆเดียวกัน จนสนิทกันไปเรียบร้อย จนเราคิดว่าเพื่อนกลุ่มนี้เราจะคบไปตลอดชีวิตค่ะ

เรียนคำสอน จาก6 เหลือแค่3คน...

เนื่องจากป๊าไม่อนุญาตให้เรียนคำสอน เพราะไม่อยากให้เรียนกับคุณพ่อแค่สองคน (ยังไงคุณพ่อก็เป็นผู้ชาย) แต่เราไม่ห่วงเรื่องนั้นเลย เพราะว่ากว่าจะได้เป็นบาทหลวงนั้นใช้เวลานานมาก แล้วก็เคร่งครัดมาก แค่คิดไม่ดีก็บาปแล้ว ตอนแรกเราไม่ได้ขอคุณพ่อเรียน แต่คุณพ่อเห็นว่าเรามาวัดสม่ำเสมอ ท่านจึงกรุณาสอนให้หลังเลิกวัด แต่ตอนหลังคุณพ่อมีภารกิจหลังเลิกวัดมาก จึงเปลี่ยนเป็นวัดธรรมดาซึ่งแล้วแต่ตารางเรียนของเราจะว่าง เราต้องคำนวณเวลาเดินทางจากมอ.แถวสุขุมวิทมาบางแค โกหกป๊าเพื่อแอบเรียน (แอบยันวันรับศีลล้างน่ะค่ะ)

เราเริ่มเรียนคนแรก ต่อมาพี่เลี้ยงเราก็พาพี่อีก3คนมาเรียนด้วย จากนั้นก็มีน้องม.ปลายอีก2คนมาสมทบ แต่เวลาผ่านไปเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น น้องม.ปลาย2คนนั้นหายไป ไม่มาวัด ไม่มาเรียน ต่อมา พี่อีกคนนึงก็หายไปเลย ไม่มาเรียน แล้วก็ติดต่อไม่ได้ เค้าคงได้รับการทดสอบหรือท้อใจอะไรซักอย่างเป็นแน่ เราก็หนีไม่พ้นเช่นเดียวกัน

ช่วงมิถุนาปี54 อาม่าเราป่วยหนัก(หมอบอกให้ทำใจไว้เลย) เราไม่ไปเรียนคำสอนเพราะอยากดูใจอาม่า แต่ก็ดูมา2อาทิตย์ อาม่าก็ยังไม่...ซักที เราเลยคิดว่าไปเรียนคำสอนซักวันคงไม่เป็นไร เรียนเสร็จก็กลับบ้านพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยมาดูอาม่าแต่เช้าละกัน

แต่วันนั้นเราไม่รู้เลย...อาม่าเรากำลังจะจากไปแล้วจริงๆ
ซึ่งเรานั่งเรียนคำสอนจบแล้วป๊าก็โทรมาบอกว่า
"ฮัลโหลๆๆ อยู่ไหน รีบมาเร็วๆอาม่าจะไปแล้ว"
เราอึ้งอ่ะ ความรู้สึกแรกคือ โมโหพระมากจริงๆ เราน้ำตาไหลพรากเลย ตัดพ้อพระเจ้าใหญ่เลย ว่าไปเยี่ยมอาม่ามาครึ่งเดือนไม่เกิดเรื่อง เราไม่อยู่แค่วันนี้วันเดียว ทำไมอ่ะ ในใจก็กลัวว่าถ้าป๊ารู้ว่าแอบมาเรียนคำสอน ในช่วงที่อาม่ากำลังจะตาย มีหวังไม่ได้มาวัดอีกแน่ แถมโกหกไปว่าอยู่BTS ซึ่งถ้าใช้เวลาไปรพ.ก็ไม่เกิน1ชม. พี่ที่เรียนคำสอนด้วยกันเค้าก็สงสารพาซิ่งจากเขตบางแคไปถึงเขตสัมพันธวงศ์ มันดูดราม่าจริงๆนะ เราวิ่งในรพ.แล้วก็ร้องไห้ไปด้วยใครมองเราก็ไม่สนใจแล้ว แต่ก็ไปไม่ทัน อาม่าเสียไปครึ่งชม.แล้ว

แม้ว่าเราจะเสียใจมาก แต่เราก็ไม่เคยคิดนะว่าเราไม่น่ามาเรียนคำสอนเลย บางทีอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะพี่ชายกับป๊านั่งดูลมหายใจอาม่าค่อยๆหมดลง ดูทรมานใจมาก

"สังคมในวัดน่ะ เราจะอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้ เราจะอยู่กันเป็นกลุ่ม คือมีอะไรก็ปรึกษากัน ช่วยเหลือกัน"
จากคำที่พี่เลี้ยงเคยพูดไว้ไม่ผิดเลยจริงๆนะ ทั้งพี่เลี้ยงเราแล้วก็คุณป้าที่อยู่ในกลุ่มอ่านพระวาจาด้วยกันหลังเลิกวัด ก็มางานศพอาม่าเราด้วย คิดดูสิขนาดไม่ได้เป็นญาติกันแต่เค้าดีกับเราได้ถึงขนาดนี้ เราประทับใจมากๆเลย รู้สึกขอบคุณที่ทำให้เราได้พบเจอคนดีๆ สังคมดีๆแบบนี้

การถูกประจญ

ช่วงหลังๆเราก็เริ่มป่วยตั้งแต่ธ.ค.54 คือบ้านโดนน้ำท่วมแล้วสปอร์เชื้อราก็เข้าไปในจมูก จากนั้นก็หายใจไม่ออก ดมยาดมก็ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย ไอจนเจ็บท้อง เสียงก็อู้อี้เหมือนเป็นหวัดตลอดเวลา ไปหาหมอมา3ครั้ง มีหมอคนนึงบอกว่า มันจะไม่มีวันหายเพราะมันเกิดมาจากภูมิแพ้ แต่ก็ไม่ค่อยสนใจ ละเลยด้วยแหละ เรียนก็หนักจะเอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อนก็เป็นอย่างนี้อยู่3เดือนกว่า

ก็ทนมาเรื่อยๆจนถึงช่วงเรียนคำสอนเดือนสุดท้ายก่อนรับศีลล้างบาป จนวันนึงมันไอหนัก
ทนไม่ไหวแล้ว ก็เข้ารพ.ไป6วัน มีโรคตามมาเป็นพรวน ภูมิแพ้ หอบ ไซนัส หลอดลมอักเสบ มีริดสีดวงในจมูก แต่เล็กอยู่ก็ยังไม่ต้องผ่า เชื้อก็ลามไปที่กล่องเสียงด้วย เราไม่ได้ไปเรียนคำสอนมา1เดือน เพราะหลังออกจากรพ.โทรมมาก แม้กระทั่งครั้งสุดท้ายก่อนรับศีลล้าง(มารมันมากลั่นแกล้ง) คุณพ่อก็เข้าใจแล้วก็เป็นห่วงเรามาก สวดมนต์ให้ แล้วก็ย้ำว่า "หนูต้องมาล้างบาปให้ได้นะ" ในวันรับศีลล้างเราก็ไม่ได้ไปอบรมที่วิหารอัสสัมชัญด้วยไปเข้าค่ายค้างคืนที่ถือว่าเป็นการสอบในตจว.แล้ววิ่งจับรถมาให้ทันรับศีลล้างในตอนเย็น

ในวันรับศีลล้างบาปในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ เราไม่รู้ว่าพิธีจะล่วงเลยมาถึง3ทุ่ม
ระหว่างนั้นป๊าก็โทรจิก7สายไม่ยอมวางเลย เรากังวลมากไม่กล้ารับโทรศัพท์เพราะป๊าคงไม่เข้าใจว่าวัดอะไรมีตอน3ทุ่ม ก็ร้องไห้ ไม่รู้จะทำยังไง สุดท้ายแม่ทูนหัวก็ช่วยแอบพาไปส่งที่บ้านให้เร็วที่สุด คุณพ่อก็บอกแม่ทูนหัวเราว่า “ถ้ามีอะไรให้บอกไปว่า พ่อจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด"

พอมาถึงบ้าน ตอนแรกนึกว่าจะโดนซะแล้ว งงมากที่ป๊าไม่ถามอะไรเลย แถมบอกเสียงใสว่า "รีบมากินข้าวเร๊วแล้วกินยา" เราอึ้งอ่ะ มันผิดปกติแล้ว จริงๆต้องโดนยกใหญ่ด้วยซ้ำ พระเจ้าช่วยเราชัดๆ สุดท้ายคุณพ่อโทรมาถามเพราะเป็นห่วง กลัวว่าเราจะโดนป๊าตีเพราะกลับบ้านดึก แล้วคุณพ่อก็เล่าให้ฟังว่า พอเห็นเราร้องไห้ คุณพ่อเลยสวดมนต์ให้ (อ๋อ มิน่าละ ไม่งั้นโดนไปแว้วว) แต่ก็จบลงด้วยดี แต่ที่แน่ๆ เราเกลียดการโกหกมาก มันเป็นทุกข์มากเหมือนเราต้องระวังหลังตลอดเลย เราไม่เคยโกหกเพราะกลัวโดนป๊าด่าหรอก แต่เรากลัวว่าป๊าจะไม่ให้เรามาวัดอีกต่างหาก เราจึงทำ แต่หลังจากนี้เราไม่ต้องทำมันอีกแล้วล่ะ

อ้อ จริงๆเราต้องบอกที่บ้านนิว่าเรารับศีลล้าง เราบอกพี่สาวว่าจะล้างบาปเป็นคาทอลิก แต่พี่ตอบกลับมาว่า "อ่าว ยังไม่เป็นอีกหรอ พี่ก็เข้าใจว่าเป็นไปนานแล้ว ก็เห็นไปวัดทุกอาทิตย์นิ ป๊าเค้าก็เข้าใจว่าแกเป็นคริสต์ไปแล้วนะ" อย่างนี้ก็ดี จบอย่างHappy Ending ทุกคนเข้าใจตรงกัน K.O. O.K. แต่ก็ไม่Happyเท่าไหร่

อาการทุกอย่างตอนไปนอนรพ.ยังคงอยู่ หมอบอกว่าจะไม่มีวันหาย ถ้าอยากหายต้องฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันซึ่งใช้เวลารักษา3-5ปี ก็ไม่ได้ไปวัดมาตั้งแต่ล้างบาปเพราะยาหมด เลยพักอยู่ที่บ้าน คุณพ่อก็โทรมาให้กำลังใจเรื่อยๆ ตอนนี้ได้ยาชุดใหม่มาละคาดว่าอาทิตย์นี้ก็คงจะไปวัดได้ เย้ :s012:

สุดท้ายนี้อยากบอกว่ารู้สึกอบอุ่นมากที่ได้มารู้จักพระเจ้า ได้มาโบสถ์ มีกลุ่มเพื่อนและสัตบุรุษในวัด ซึ่งทุกคนจริงใจแล้วก็เป็นสังคมที่ดีมากๆ เหมือนครอบครัวจริงๆนะ ส่วนใครที่มาโบสถ์แต่ไม่คุยกับใครเลย ดูโดดเดี่ยว เหมือนเราแต่ก่อน ก็อยากให้ค่อยๆเปลี่ยนความคิด เพราะเมื่อเรามีความสุขเราก็แบ่งปันกัน เมื่อเรามีความทุกข์ เพื่อนก็จะช่วยดึงเราขึ้นมานะ
ส่วนใครที่กำลังอยู่ในหนทางที่จะมาเป็นลูกพระ เมื่อใดที่ถูกประจญ แล้วท้อก็สวดมนต์เยอะๆ วางใจในพระเจ้าแล้วทุกอย่างจะดีเองค่ะ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. เม.ย. 26, 2012 10:19 pm

ขอบคุณพระเจ้า และ ขอบคุณที่แบ่งปันนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เลย์
โพสต์: 1845
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. เม.ย. 26, 2012 11:11 pm

จงขอบพระคุณพระเป็นเจ้า เพราะพระองค์พระทัยดี ::017::
win_comeback
โพสต์: 954
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 11:04 pm

พฤหัสฯ. เม.ย. 26, 2012 11:41 pm

ขอให้สุขภาพแข็งแรงน่ะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ เม.ย. 27, 2012 2:41 am

ขอบคุณครับสำหรับการแบ่งปันที่ดี ขอพระเจ้าดูแลและอยู่เคียงข้างเสมอ
TVE
โพสต์: 120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 15, 2009 9:09 am

ศุกร์ เม.ย. 27, 2012 8:11 am

ยินดีกับกุญแจซอล ด้วยครับ

ผมประทับใจในความศรัทธาของคุณมากๆเลย

ประทับใจในความใจกว้างของป๊าของคุณ ด้วย คุณพ่อสนับสนุนให้ลูกมีอิสระที่จะทำสิ่งดี
belive13
โพสต์: 28
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 19, 2011 6:16 pm

ศุกร์ เม.ย. 27, 2012 8:26 am

ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันกันนะค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5972
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ เม.ย. 27, 2012 3:05 pm

ขอบคุณค่ะ.... อ่านไปซื้งไป ปลื้มใจมากๆ ขอพระอวยพรมากๆค่ะ
พี่ได้เจอแม่ทูนหัวของหนู ที่พิธี เอฟฟาธา วัด อ.ส.ช.แล้วน่ารักมากจะเป็นแม่ทูนหัวที่ดีต่อไป
เขาบอกว่า ลูกทูนหัวมาไม่ได้ติดธุระ เขาเลยมาคนเดียว และเป็นครั้งแรกที่เขามีลูกทูนหัว....
ฝากใจคิดถึงน้องอ้วนด้วยนะคะ.... :s007: ....
PeterCartoon
โพสต์: 141
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 03, 2006 12:17 pm

พุธ พ.ค. 02, 2012 12:14 am

ขอบคุณครับที่แบ่งปัน...รู้สึกซาบซึ้งไปด้วยความรักแบบซื่อ ๆ นะครับ ขอเป็นกำลังใจและจะภาวนาให้ด้วยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ พ.ค. 04, 2012 12:22 am

ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ :s015:
ขออนุญาตเอาไปแบ่งปันต่อนะคะ
ตอบกลับโพส