.......ชื่อเรื่อง อาจไม่น่าอ่าน ฟังดูไม่ค่อยเป็นมงคลเท่าไร แต่เนื้อหาที่คุณสุทธิชัยนำมา
บอกกล่าวนั้นน่าสนใจอย่างยิ่ง นำไปสู่การตรวจสอบตัวเองว่า เรามีคุณสมบัติ ข้อหนึ่งข้อใด
หรือทั้งหมดใน14ข้อหรือไม่ ถ้ามี ก็นับถอยหลังสู่วันล้มเหลวได้เลย (ฮา)
1 เชื่อดวง..............8 จ้อทั้งวัน
2 หวงอำนาจ...........9 ขยัยแบบโง่
3 ญาติอุปถัมย์.........10 ชอบโอ้อวด
4 ทำคนเดียว...........11 วาจาไม่น่าฟัง
5 เขี้ยวลากดิน..........12 จัญไรอัปรีย์
6 กินไก่วัด..............13 ไม่มีเมตตา
7 ชอบขัดแย้ง...........14 บ้าอบายมุข
.....เห็นคุณสมบัติน่ากลัวเหล่านี้ หากใครตั้งหน้าตั้งตาทำแค่สองข้อนี้ หรือทำโดยไม่รู้ตัว และเมื่อมี
คนเตือนแล้วไม่เชื่อ กลับไปโกรธเคืองเขาหรือประกาศเป็นศัตรูกับผู้หวังดีอย่างเป็นทางการ ผู้นั้นมีสิทธิ
ล้มเหลวชนิดตั้งตัวไม่ทันทีเดียว
......อย่างข้อแรกทำให้คนเจ๊งมามากต่อมากแล้ว เพราะทำอะไรต้องตรวจ"ดวง"ก่อน บางคนบ้าถึงขั้น
ต้องถามซินแสว่าจะก้าวเท้าซ้ายหรือเท้าขวาก่อนออกจากบ้านทุกวัน เพื่อให้กิจกรรมวันนั้นประสพความ
สำเร็จ ทั้งๆที่ผลงานนั้นอยู่ที่ความมุ่งมั่นตั้งใจและขยันขันแข็ง ไม่เกี่ยวกับ "ดวง "ทั้งสิ้น
......แต่สังคมไทยกับ"ดวง"ดูเหมือนจะผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น และไม่ใช่เพียงแต่ชาวบ้านอย่างเรา
เท่านั้น คนใหญ่คนโตมีตำแหน่งสำคัญๆยังหนีไม่พ้นการพึ่ง"ดวง"เพื่อให้ตนทำสิ่งที่ต้องการได้
ลงท้ายจึงกลายเป็นเหยื่อของพวกทำนายดวงด้วยบริการแพงหูฉี่
......เรื่องหวงอำนาจ เกิดขึ้นได้เสมอกับคนที่มี"อัตตา"สูงและไม่ไว้ใจใคร เป็นลูกน้องก็ไม่ได้เรื่อง ยิ่งเป็น
หัวหน้ายิ่งใช้ไม่ได้ เพราะหวงอำนาจและตำแหน่งแห่งหนไว้กับตน จึงไม่สามารถสร้างความเป็นเอกภาพ
หรือบรรยากาศการทำงานให้เกิดความเป็นองค์กรได้ ลงท้ายคนอย่างนี้พอเป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมาจะสร้างความ
วุ่นวายปั่นป่วนในองค์กรนั้นๆ เพราะทำงานเอาแต่หน้า และไม่กระจายหน้าที่การงานไปให้ใคร คล้ายกับข้อ
"ทำคนเดียว"นั่นแหละเพราะไม่ยอมให้คนอื่นร่วมทำด้วยแต่อย่างไร
......คำว่า"เขี้ยวลากดิน" นี่เกือบไม่ต้องอธิบาย พอเอ่ยก็เห็นภาพทันที เพราะแปลว่าคนอย่างนี้มีลูกเล่น
และเล่ห์เหลื่ยมมากมายก่ายกอง โดยมีเป้าหมายประการเดียวคือ ทำอย่างไรตนจึงจะได้ประโยชน์สูงสุดจาก
งานทุกอย่างที่เข้าไปเกี่ยวข้อง
.....คนอย่างนี้่ทำอะไรมักคิดก่อนว่าตนจะได้อะไร ไม่ได้คิดว่าผลงานนั้นจะทำให้คนทั่วไปได้ประโยชน์
ร่วมกันอย่างไร จึงกลายเป็นคนที่ไม่มีใครคบหาด้วย เพราะใครมาเป็นเพื่อน ทำงานด้วยหรือคบหากันใน
รูปแบบใดก็ตาม จะรู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบ และมีความสงสัยคลางแคลงว่าเป้าหมายที่แท้จริงของคน
คนนั้นคืออะไรกันแน่
......เรื่อง"กินไก่วัด"นี่คงชัดเจน เพราะคนอย่างนี้กินไม่เลือก ไม่รู้ว่าอะไรถูกผิด เอาแต่ความพอใจของตน
เป็นที่ตั้ง และไม่สนใจว่าศิลธรรมและจริยธรรมคืออะไร เป็นทัศนคติที่นำไปสู่ความล้มเหลวอย่างปฎิเสธไม่ได้
.......คน"ชอบขัดแย้ง"และ"จ้อทั้งวัน" อาจจะจัดอยู่ในประเภทเดียวกัน เพราะคือคนที่ไม่สนใจว่าคนอื่น
คิดอย่างไรกับการพูดจาไม่หยุด ไม่สนใจว่าเขาอยากจะฟังหรือไม่ คนประเภทนี้ย่อมจะสร้างความขัดแย้ง
ขึ้นมาทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ก็ได้ คนพูดไม่หยุดย่อมไม่มีใครอยากจะคุยด้วย เพราะแปลว่าคนคนนี้ไม่ฟังใคร
......"โง่แล้วขยัน"อันตรายเพียงใด ท่านคงได้เห็นในชีวิตจริง เพราะมีให้เห็นอยู่เสมอ เพราะสิ่งที่ควรทำ
ไม่ทำ แต่จะทำสิ่งที่ไม่ควรทำและไม่จำเป็นต้องทำเสมอ จนสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด
......เห็นใครทำสองสามข้อที่ว่ามา กระซิบบอกเขาหน่อย หาไม่แล้วเขาอาจกลายเป็นคนล้มเหลวอย่าง
น่าเสียดาย เพราะลึกๆแล้วไม่มีใครอยากเป็นคนล้มเหลว เพียงแต่ไม่รู้ว่าพฤติกรรมอย่างนั้นจะนำไปสู่เส้น
ทางแห่งความมืดมนเท่านั้น
.....สำหรับตัวเราเอง เขกหัวตัวเองบ่อยๆ อย่าให้การกระทำข้อใดข้อหนึ่งมาครอบงำตัวเราเอง
บอกคนข้างๆด้วย...ถ้าฉันเป็นคนอย่างใดอย่างหนึ่งใน14ข้อนี้เตือนฉันด้วย ถ้าฉันไม่ฟัง
อนุญาตให้กระทืบได้(ฮา)
(หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะที่จะรู้สาเหตุแห่งความล้มเหลว จะได้ระวังค่ะ.....)
......
...
มาปลอบใจ และให้กำลังใจค่ะ 
เป็นกำลังใจให้พี่ด้วยน๊า
....