โศกนาฏกรรมจากการรับน้องใหม่จะไม่เกิดขึ้นถ้า... เสียงสะท้อนจากกำแพงมหาวิทยาลัย: วิทยา เศรษฐวงศ์
ในปี ค.ศ.2005 นี้ โศกนาฏกรรมจากพิธีกรรมรับน้องใหม่ ดูจะสั่นขวัญ สะท้านวิญญาณคนไทยในยุคไทยรักไทยครองประเทศอย่างต่อเนื่องและชวนสลดหดหู่ เริ่มต้นตั้งแต่ กรณี น้องหญิง ปี 1 ของมหาวิทยาลัยบูรพาที่พลัดตกลงมาจากการเล่นกายกรรมต่อตัวที่รับอิทธิพลจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศมาเต็มๆ โดยที่ขณะนี้มารดาหมดหวังที่จะให้น้องหญิงกลับมามีสภาพปกติเยี่ยงสามัญชนทั่วไปแล้ว เนื่องจากเธอกลายสภาพเป็นเจ้าหญิงนิทรามาตลอดนับแต่เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นมา
ตามมาด้วย นายโชคชัย รุ่งเรืองศรีศักดิ์ อายุ 19 ปี นิสิตปี 1 คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต โดยคาดว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความเครียดที่ถูกรับน้อง และถูกบังคับจากรุ่นพี่ให้เต้น "ไก่ย่าง" ซึ่งส่ออนาจาร รวมทั้งไม่ให้พกโทรศัพท์มือถือ ซึ่งน้องหมูได้ทิ้งจดหมายลาตายไว้ด้วย (เสียชีวิต 5 มิถุนายน ค.ศ.2005)
หลังจากนั้นก็ปรากฏข่าว เหยื่อชักเย่ออวัยวะเพศรับน้อง เข้าพบ "หมอทศพร" กรณีที่ นายปฏิภาณ อินยะโพธิ์ ถูกรุ่นพี่ในแผนกวิชาช่างจักรกลหนัก คณะวิชาเครื่องกล ระดับ ปวส. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน วิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมา รับน้องด้วยวิธีวิตถารและรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่งจนเป็นข่าว (17 มิถุนายน ค.ศ.2005)
แล้วก็ปรากฏกรณีนักศึกษาสาวถูกรุ่นพี่หลอกไปข่มขืนโดยอ้างว่ารับน้องในยามวิกาล เหยื่อน้องใหม่ถูกข่มขืนช้ำขอไม่เผยตัว เกรงไม่สามารถเรียนอยู่สถาบันเดิมได้ ยืนยันไม่ต้องการเยียวยาใดๆ
ล่าสุดนิสิตวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลูกของทันตแพทย์ที่ทำงานที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์กลายเป็นเจ้าชายนิทราตามน้องหญิงแห่งมหาวิทยาลัยบูรพาไปอีกคน เมื่อเศษอาหารเข้าไปติดคอหลังจากนิสิตรุ่นพี่มอมเหล้าจนไม่ได้สติ
โศกนาฏกรรมต่างกรรมต่างวาระที่เกิดขึ้นถี่ยิบในช่วงการเปิดภาคการศึกษาใหม่นี้ (ค.ศ.2005) ชวนให้ผู้เขียนพยายามหาคำตอบว่า เกิดอะไรขึ้นกับระบบการศึกษา โดยเฉพาะระบบอุดมศึกษาไทยในปัจจุบัน ทำไมจึงมีแต่ข่าวในเชิงลบมากมายเหลือที่จะรับได้จากพิธีกรรมรับน้องของแต่ละมหาวิทยาลัย
แน่นอนที่สุดผู้เขียนอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนกลับไปในวันเวลาที่ตนเองเป็นนิสิตใหม่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีพุทธศักราช 2518 ยังจำได้ว่าไม่มีเหตุการณ์ชวนสลดแบบที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ทั้งนี้เพราะนิสิตนักศึกษาในยุคนั้นพุ่งความสนใจทั้งหมดของรุ่นไปที่ปัญหาความเดือดร้อนของชาวนา ชาวไร่ ผู้เสียเปรียบในสังคม มุ่งที่จะเข้าไปมีบทบาทในการแก้ปัญหาสังคมที่หมักหมมมายาวนาน ทั้งนี้เพราะนิสิตนักศึกษาในยุคนั้นถือเป็นรุ่นประวัติศาสตร์ที่ผ่านการต่อสู้กับอำนาจรัฐในวันที่ 14-16 ตุลาคม พ.ศ.2516 จนประสบชัยชนะในระดับหนึ่ง วิญญาณขบถคือ จุดยืนของเยาวชนคนหนุ่มสาวในยุคนั้นที่ปฏิเสธงานรับน้อง ปฏิเสธงานปาร์ตี้ ปฏิเสธค่านิยมไร้สาระ ไร้เหตุผลของระบบโซตัส (SOTUS Seniority Order Tradition Unity Spirit) ผู้นำนักศึกษารุ่น 14 ตุลา "16 ระดับหัวขบวน เช่นเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ถึงกับชกต่อยกับรุ่นพี่หัวเก่าที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยากร เชียงกูล ถึงกับเขียนบทกวีขบถแห่งสถาบันเพื่อปลุกเร้าให้นักศึกษาแสวงหาความหมายของการศึกษาที่แท้จริง
ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึงมาหาความหมาย
ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว
ซ้ำยังมีบทกวีที่สะท้อนอุดมคติรับใช้ประชาชนผู้เสียเปรียบที่อุโฆษไปทั่วแผ่นดินไทยในยุค 30 ปีที่แล้ว เช่น
เพียงหวังจะเฟื่องฟุ้ง ฤาจึงมุ่งมาศึกษา
เพียงเพื่อปริญญา เอาตัวรอดเท่านั้นฤา
แท้ควรสหายคิด และตั้งจิตร่วมยึดถือ
รับใช้ประชาคือ ปลายทางเราที่เล่าเรียน
แม้แต่ผู้เขียนเองก็เคยมีปัญหากับรุ่นพี่ร่วมคณะที่หัวเก่า ยึดมั่นถือมั่นในระบบโซตัสจนถึงกับรุ่นพี่คนนั้นพาอันธพาลจากนอกสถาบันเข้ามาหวังทำร้ายผู้เขียนเพียงเพราะการที่ผู้เขียนเป็นคนหัวแข็ง ไม่ยอมลงให้กับประเพณี ความเชื่อ ที่ตนเองไม่เห็นด้วย เพียงเพราะผู้เขียนเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเอง คิดเอง ทำเองอย่างอิสรชน เพราะไม่เคยไปขอข้าวจากรุ่นพี่คนไหนมากิน
แน่นอน รุ่นพี่ที่ดีก็มีมาก ดังที่ผู้เขียนก็ยังประทับใจตราบจนทุกวันนี้อยู่หลายคน ไม่ว่าจะเป็นพี่พงษ์ (พงษ์ องค์วรรณดี) พี่พงษ์ศักดิ์ และอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่เคยเข้ามาบังคับ ขู่เข็ญ หรือโน้มน้าวให้ผู้เขียนเชื่อ หรือปฏิบัติตามความคิดของรุ่นพี่เหล่านั้นเลย
ในช่วงนั้นหนังสือ "วิญญาณขบถ" ของคาลิล ยิบราน ที่แปลโดย ศ.ระวี ภาวิไล เป็นหนังสือที่เยาวชนคนหนุ่มสาวหลงใหลได้ปลื้มที่ได้อ่านอย่างดื่มด่ำ แม้กระทั่งข้อความบางตอนในหนังสือปรัชญาชีวิตของคาลิล ยิบราน ก็กึกก้องอยู่ในมโนสำนึกของนิสิตนักศึกษายุคนั้น โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง บุพการีกับบุตรของตน "บุตรของเธอไม่ใช่บุตรของเธอ พวกเขาเหล่านั้นเป็นบุตรธิดาแห่งชีวิต เขามาทางเธอ แต่เขามิได้มาจากเธอ" (คาลิล ยิบราน : เขียน/ ระวี ภาวิไล : แปล)
ในเมื่อนิสิตนักศึกษาในยุค 3 ทศวรรษที่แล้วมีสายตาที่กว้างไกล ไม่หมกมุ่นอยู่กับความสุข สนุกส่วนตัว ไม่มัวเมาคลั่งไคล้ ใหลค่านิยม หลงคณะ บ้าสถาบัน บ้าสี บ้าพวก เช่นทุกวันนี้ มองไปไกลถึงความทุกข์ยากของประชาชนผู้ยากไร้ในชนบทอันห่างไกล โดยเฉพาะภาคอีสาน สนใจแต่การมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาหลักของกระดูกสันหลังของชาติไทย ทั้งยังถูกหล่อหลอมด้วยจิตสำนึก และวิญญาณขบถจากบทกวี หนังสือปรัชญา ดนตรีเพื่อชีวิต เช่นนี้เอง จะให้นักศึกษาเมื่อ 30 ปีก่อน มามีปัญหาการรับน้องแบบนิสิตนักศึกษายุคนี้ได้อย่างไรกัน เพราะวิธีคิดหลักของนิสิตนักศึกษาในยุคนั้นมุ่งไปที่การรับใช้ประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศที่แท้จริง ชาวไร่ ชาวนา ชนชั้นกรรมาชีพ ผู้เสียเปรียบในสังคม
ผู้เขียนได้ตั้งชื่อบทความนี้ในเชิงเงื่อนไขว่า "โศกนาฏกรรมจากการรับน้องใหม่จะไม่เกิดขึ้นถ้า........" คำตอบมิได้อยู่ที่การย้อนอดีตกลับไป 3 ทศวรรษ เพราะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คำตอบมิได้อยู่ที่การเลียนแบบนิสิตนักศึกษาในยุคนั้นที่มองเห็นส่วนรวมสำคัญกว่าส่วนตัว แต่น่าจะอยู่ที่การมีวิญญาณขบถ มีวิญญาณเสรี รู้จักคิด ดำเนินชีวิตด้วยตัวของตัวเอง รู้จักปฏิเสธความไร้สาระของพิธีกรรมรับน้องอย่างมั่นใจ
ฉะนั้นถ้านิสิต นักศึกษาปัจจุบันมีวิญญาณขบถอยู่ในชีวิตจิตใจบ้าง ผู้เขียนมั่นใจว่า ปัญหาจากการรับน้องจะลดลงอย่างมาก เพียงแค่การปฏิเสธที่จะเข้าร่วมพิธีกรรมไร้สาระเท่านั้น ปฏิเสธที่จะทำตัวเป็นวัว ควาย ให้รุ่นพี่มาสนตะพายจูงไปซ้าย จูงไปขวา เลือกที่จะเป็นอิสรชน เสรีชน ที่ยืนอยู่บนหนึ่งสมอง สองเท้าของตนเอง
(ข้อมูลประกอบบทความมาจาก manageronline.co.th)
ที่มา : บทความพิเศษจากหนังสืออุดมสาร ฉบับวันที่ 17 - 23 กรกฎาคม 2548
ย้อนคิดกันนิดเกี่ยวกับการรับน้องใหม่
แก้ไขล่าสุดโดย Divine Mercy เมื่อ จันทร์ ส.ค. 29, 2005 3:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ที่แน่ๆผมเป็นคนนึงที่ต่อต้าน SOTUS :P
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ชอบให้มีกิจกรรมรับน้องแบบเล่นเกมกันกิจกรรมเชียร์สร้างความสามัคคีเสียสละซึ่งสำคัญกว่าบทเรียน :) แต่ไม่ชอบการว๊ากและการบังคับว่าต้องเข้าว๊าก และการรับน้องที่พิเรนท์ๆ(ชักเย่อจู๋ อะไรแบบนั้น) :P
SOTUS เป็นคำที่ดี และ สิ่งที่ดีนะงับNihil เขียน: ที่แน่ๆผมเป็นคนนึงที่ต่อต้าน SOTUS :P
แต่อยู่ที่ว่าคนเอาคำนี้ไปบังหน้าเพื่อความสนุก และ ความสะใจส่วนบุคคลมากกว่าค่ะลิงน้อย
การเคารพรุ่นพี่ การมีระเบียบวินัย รักษาประเพณีดีงาม(ย้ำ...เฉพาะที่ดีงาม)
มีความสามัคคี และ มีสปิริต ไม่เห็นมันจะผิดตรงไหนเลย
พี่เรเคยเจอคนที่พูดว่า ผมต่อต้าน SOTUS
แล้วมันก็ไม่ไหว้รุ่นพี่ด้วยนะ ไม่เคารพพี่ๆ ไม่แต่งเครื่องแบบมาเรียน ไม่ร่วมกิจกรรมอะไรเลย
พอถามว่าเป็นอะไร มันก็บอก "ผมต่อต้าน SOTUS มันล้าหลัง ผมจะไม่ยอมอยู่ใต้ SOTUS ผมไม่สน Seniority" พี่ก็เลยไม่รู้จะว่าไงอ่ะค่ะ
ตัว SOTUS เอง พี่ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะ แต่รุ่นพี่บางคนที่นำไปใช้เกินขอบเขตตะหากที่ไม่ดีอ่ะ
แม้แต่คริสต์เราเองยังมีลิทธิ เท็จเทียม เทียมเท็จ ฟาดกันให้มั่ว
SOTUS ที่มีไว้เพื่อความสะใจของรุ่นพี่ ก็เป็น SOTUS เทียมเท็จค่ะ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เราชอบ..Lotus ;D
แฮะ แฮะ
เราก็ไม่ชอบSotus
แฮะ แฮะ
เราก็ไม่ชอบSotus
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
SOTUS เป็นระบบของทหารที่เค้าใช้กันครับ ถ้าจะมาใช้รับน้องก็ให้ไอ่พวกรุ่นพี่ที่จะรับน้องไปฝึกทหารมาก่อน แล้วค่อยมารับน้องเหอะ ดีแต่พูด SOTUS คนพูดเองรู้จักแค่ไหน จิงๆแล้วแค่คิดจะเอาคืนจากที่ตัวเองโดนซะมากกว่า
ป.ล. เคยโดนระบบ "โซตัส" มากอ่นแล้วก็เลย "ไปซัด" กะรุ่นพี่ที่มาบ้าพลังเอิ๊ก (เจอผมบ้าพลังกว่า) แต่เป็นช่วงก่อนหน้าจะมารู้จักพระเจ้านะครับ อิอิ
ป.ล. เคยโดนระบบ "โซตัส" มากอ่นแล้วก็เลย "ไปซัด" กะรุ่นพี่ที่มาบ้าพลังเอิ๊ก (เจอผมบ้าพลังกว่า) แต่เป็นช่วงก่อนหน้าจะมารู้จักพระเจ้านะครับ อิอิ
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
สำหรับผมขอยืนยัน นอนยัน นั่งยัน ระบบพี่ปกครองน้องเป็นสิ่งที่ดีผมอยู่โรงเรียนประจำที่มีระบบนี้มา 8 ปี แต่อยู่ที่ว่าผู้ที่อยู่ในระบบจะใช้อำนาจที่ได้รับอย่างไรบ้างระบบนี้ไม่ได้ไม่ดี จะสเยก็ที่ผู้ที่ใช้อำนาจนำอำนาจที่มีมาใช้ในทางที่ผิดเท่านั้นเอง ตอนเรียนอยู่ผมก็เคยเป็นทั้งเด็ก ป.5 ซึ่งเล็กที่สุดและก็ ม.6 ที่มีอำนาจมากสุดในโรงเรียนก็ว่าได้ น้องๆยังจะเชื่อฟังรุ่นพี่มากกว่าครูเสียอีก ผมคิดว่าถ้าจะพึ่งแต่ผู้ใหญ่ก็ไม่มีทางที่จะสามารถเข้าใจเด็กได้ดีเท่ารุ่นพี่ แต่ทุกอย่างมีดีก็ต้องมีเสีย ลองคิดดูว่าอีกหน่อยถ้าผู้น้อยไม่เคารพผู้ใหญ่สังคมจะอยู่ยังไง
ล่าสุดนิสิตวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลูกของทันตแพทย์ที่ทำงานที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์กลายเป็นเจ้าชายนิทราตามน้องหญิงแห่งมหาวิทยาลัยบูรพาไปอีกคน เมื่อเศษอาหารเข้าไปติดคอหลังจากนิสิตรุ่นพี่มอมเหล้าจนไม่ได้สติ
วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ห้ามกินเหล้าวันรับน้องตั้งแต่ ค.ศ. 2000
เกิดข่าวแบบนี้ได้ไงเนี่ย ??? ไปกินเหล้ากันเองแล้วโทษรุ่นพี่ป่าว