2.ลืมเรื่องผลไม้ต้องห้ามซะ อภัยมนุษย์ทุกคนในโลกทั้งชายและหญิงเรื่องโดนงูหลอก ยกเลิกการกำหนดให้เพศใดเพศหนึ่งปกครองเหนือกว่า
เรื่องผลไม้ต้องห้ามเป็นการเล่าเรื่องของคนโบราณซึ่งจริงๆแล้วผมไม่คิดว่านั่นเป็นการบังคับให้เราเชื่อตามตัวอักษร มันเป็นการเปรียบเทียบซึ่งต้องการจะสอนเราว่ามนุษย์นั้นเมื่อได้รับอำเภอใจก็ใช้ในทางที่ไม่ถูก มนุษย์ได้เลือกผิดและทำให้ต้องรับสภาพชีวิตที่มีอุปสรรคมีความลำบากและก็ไม่บริสุทธิ์เพียงพอที่จะกลับไปอยู่ในสภาพชีวิตนิรันดร
อาศัยความเชื่อและการล้างบาปมนุษย์ได้รับการอภัยจากพระเจ้าแล้ว คุณยังไม่เข้าใจหรือครับการล้างบาปนั้นสามารถล้างด้วยน้ำ ด้วยเลือด และด้วยความปรารถนา
ถ้าคุณไม่ได้รับพิธีล้างโดยพระสงฆ์คาทอลิก คุณไม่ได้สละชีวิตเพื่อพระศาสนา คุณก็ยังได้รับการล้างบาปผ่านทางความเชื่อของตัวคุณเองเพราะถ้าคุณมีความเชื่อที่มากพอคุณย่อมอยากรับพิธีล้างจะล้างแบบคาทอลิกหรือไม่ผมว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สำคัญที่สุดคือคุณเชื่อพระเยซู คุณรักพระเจ้าหรือไม่เท่านั้น
พระเจ้าสร้างมนุษย์มาให้มีเพศ เพื่อให้เกื้อกูลกัน อย่างไรก็ตามพระองค์สร้างให้เพศชายแข็งแรงกว่า ทำให้มนุษย์เพศชายใช้ความได้เปรียบนี้ในทางที่ผิด พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงลำเอียงที่เลือกอัครสาวกเป็นชายทั้งหมดซึ่งทำให้อำนาจการปกครองทางศาสนจักรตกอยู่ในมือนักบวชชาย แต่เป็นการเลือกคนมาทำงานตามเหมาะสมมากกว่า การทำงานให้พระคือการรับใช้เพื่อนมนุษย์ นักบวชที่ดีต้องถือความบริสุทธิ์ ความนบนอบ และความยากจน ดังนั้นผู้ชายก็ไม่มีสิทธิ์ถือตนว่าได้รับอำนาจจากพระมาปกครองผู้หญิง และผู้หญิงก็ไม่ควรอิจฉาผู้ชาย
จากชีวประวัติของพระเยซูเจ้าจะเห็นว่าพระองค์ยกย่องสตรี และทรงคัดค้านการหย่าร้างซึ่งในสมัยนั้นรวมถึงสมัยนี้ก็ด้วยเป็นสิ่งที่สร้างปัญหาและเอาเปรียบสตรี เพราะในสังคมมนุษย์นั้นผู้ชายหาภรรยาใหม่ไม่ยากเท่าผู้หญิงหาสามีใหม่แม้ในสมัยนี้ก็ตาม และสตรีมักต้องรับหน้าที่เลี้ยงลูกคนเดียว single dad หนะมีน้อยกว่า single mum หลายเท่า
ถ้าขอพระเจ้าแบบนี้ล่ะ จะได้รึเปล่า
3.ให้อิสรภาพและความเป็นมนุษย์แก่ชาย หญิง และเหล่าผู้แตกต่าง ไม่ว่าเพศที่สาม หรือพวกรักอิสระ อย่างเท่าเทียม
ผมไม่ทราบว่าคุณไปเอามาจากไหนนะว่าพระเจ้าทรงเพิกถอนอิสรภาพของมนุษย์เพศใด เท่าที่ผมเข้าใจพระเจ้าทรงประทานอำเภอใจให้กับมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเพศอะไร
เรื่องเกี่ยวกับเพศที่สาม หรือคนที่มีรสนิยมทางเพศผิดไปจากคนส่วนใหญ่คือรักต่างเพศนั้น เท่าที่ผมเข้าใจในฐานะที่เรียนแพทย์มานั้นก็คือการมีรสนิยมทางเพศแบบรักร่วมเพศทั้งหลายหรือประเภทได้ทั้งหญิงทั้งชายอะไรประมาณนี้ในความเข้าใจส่วนตัวของผมก็คือมันเป็นความผิดปกติในสมองซึ่งด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ในปัจจุบันยังไม่เข้าใจกลไกสาเหตุอย่างถ่องแท้คือตอบให้ชัดเจนฟันธงไม่ได้ก็เลยรักษาไม่ได้ด้วย การแพทย์ในปัจจุบันไม่ถือว่าการเป็นคนรักร่วมเพศหรือเป็น bisexual เป็นโรคอีกต่อไป ให้ถือว่าเป็นความหลากหลายในคนปกติ (normal variation) ซึ่งก็มีข้อดีคือไม่ทำให้คนรักร่วมเพศรู้สึกว่าตนเองเป็นคนผิดปกติมีปมด้อย
ทีนี้ถ้าเราจะมาพิจารณากันตามจริงมันก็เห็นกันอยู่ว่าสภาพร่างกายโดยธรรมชาตินั้นมนุษย์เรามีอวัยวะเพศไว้เพื่อให้สามารถสืบพันธุ์ได้ และการมีเพศสัมพันธ์ก็เป็นแสดงความรักอย่างหนึ่ง แล้วอวัยวะเพศหญิงกับหญิงมันจะไปมีความสัมพันธ์กันได้อย่างไร หรือกรณีชายรักชายการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักก็เป็นอันตรายได้ง่ายและเสี่ยงต่อการติดเชื้ออีกด้วย เรื่องแบบนี้คงไม่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าแน่ๆ ถึงพระศาสนจักรจะเห็นใจคนรักร่วมเพศแค่ไหนก็อนุญาตให้มีการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันไม่ได้
ถ้าการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันเกิดขึ้นและได้รับการยอมรับ มันจะตามมาด้วยการมีบุตรบุญธรรม (เพราะมีบุตรตามธรรมชาติไม่ได้อยู่แล้ว) ซึ่งมีพ่อกับพ่อ หรือแม่กับแม่ แล้วเด็กจะเรียนรู้บทบาทหน้าที่ชายหญิงอย่างไรคงจะสับสนน่าดู
ผมไม่ทราบว่าคุณไปเอามาจากไหนนะว่าพระเจ้าทรงเพิกถอนอิสรภาพของมนุษย์เพศใด เท่าที่ผมเข้าใจพระเจ้าทรงประทานอำเภอใจให้กับมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเพศอะไร
เรื่องเกี่ยวกับเพศที่สาม หรือคนที่มีรสนิยมทางเพศผิดไปจากคนส่วนใหญ่คือรักต่างเพศนั้น เท่าที่ผมเข้าใจในฐานะที่เรียนแพทย์มานั้นก็คือการมีรสนิยมทางเพศแบบรักร่วมเพศทั้งหลายหรือประเภทได้ทั้งหญิงทั้งชายอะไรประมาณนี้ในความเข้าใจส่วนตัวของผมก็คือมันเป็นความผิดปกติในสมองซึ่งด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ในปัจจุบันยังไม่เข้าใจกลไกสาเหตุอย่างถ่องแท้คือตอบให้ชัดเจนฟันธงไม่ได้ก็เลยรักษาไม่ได้ด้วย การแพทย์ในปัจจุบันไม่ถือว่าการเป็นคนรักร่วมเพศหรือเป็น bisexual เป็นโรคอีกต่อไป ให้ถือว่าเป็นความหลากหลายในคนปกติ (normal variation) ซึ่งก็มีข้อดีคือไม่ทำให้คนรักร่วมเพศรู้สึกว่าตนเองเป็นคนผิดปกติมีปมด้อย
ทีนี้ถ้าเราจะมาพิจารณากันตามจริงมันก็เห็นกันอยู่ว่าสภาพร่างกายโดยธรรมชาตินั้นมนุษย์เรามีอวัยวะเพศไว้เพื่อให้สามารถสืบพันธุ์ได้ และการมีเพศสัมพันธ์ก็เป็นแสดงความรักอย่างหนึ่ง แล้วอวัยวะเพศหญิงกับหญิงมันจะไปมีความสัมพันธ์กันได้อย่างไร หรือกรณีชายรักชายการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักก็เป็นอันตรายได้ง่ายและเสี่ยงต่อการติดเชื้ออีกด้วย เรื่องแบบนี้คงไม่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าแน่ๆ ถึงพระศาสนจักรจะเห็นใจคนรักร่วมเพศแค่ไหนก็อนุญาตให้มีการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันไม่ได้
ถ้าการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันเกิดขึ้นและได้รับการยอมรับ มันจะตามมาด้วยการมีบุตรบุญธรรม (เพราะมีบุตรตามธรรมชาติไม่ได้อยู่แล้ว) ซึ่งมีพ่อกับพ่อ หรือแม่กับแม่ แล้วเด็กจะเรียนรู้บทบาทหน้าที่ชายหญิงอย่างไรคงจะสับสนน่าดู
4.มอบพลังให้มนุษย์ทุกคนสามารถต่อต้านและเอาตัวรอดจากปีศาจด้วยตัวเองได้
ถ้าคุณมีความเชื่อความศรัทธาที่มากพอคุณก็สามารถต่อต้านและเอาตัวรอดจากมันได้อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ใช่รอดไปได้ตลอด เพราะเราต่างต้องต่อสู้กับการประจญไปจนถึงวาระสุดท้าย พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นผ่านทางชีวิตของพระองค์เองเมื่อทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ทรงรับการประจญทดลองและรับความยากลำบาก หรือคุณ จขกท คิดว่าพระเยซูทรงรับทรมานและทรงเอาชนะบาปและความตายได้แล้ว ดังนั้นลูกศิษย์รุ่นหลังอย่างเราๆน่าจะได้สิทธิพิเศษให้มีอำนาจทิพย์ชนะการประจญได้ง่ายๆไม่ต้องออกแรงหรือครับ ถ้าอย่างนั้นพระอาณาจักรสวรรค์หรือชีวิตนิรันดรจะไปมีความหมายคุณค่าอะไรเหลืออีกหากว่ามันได้มาง่ายๆ มันเหมือนกับคุณไปบอกกับพระเจ้าให้ทรงสร้างมนุษย์ไม่ต้องให้มีอำเภอใจมันเลยไม่ดีกว่าหรือ จะประจญล่อล่วงยังไงก็ไม่แพ้เพราะทำบาปไม่เป็นอยู่แล้ว นี่คือศักดิ์ศรีที่พระเจ้าประทานให้กับเรา พระองค์ทรงให้เกียรติ์เราๆจึงต้องรับผิดชอบเมื่อเราเลือกผิด
ถ้าคุณมีความเชื่อความศรัทธาที่มากพอคุณก็สามารถต่อต้านและเอาตัวรอดจากมันได้อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ใช่รอดไปได้ตลอด เพราะเราต่างต้องต่อสู้กับการประจญไปจนถึงวาระสุดท้าย พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นผ่านทางชีวิตของพระองค์เองเมื่อทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ทรงรับการประจญทดลองและรับความยากลำบาก หรือคุณ จขกท คิดว่าพระเยซูทรงรับทรมานและทรงเอาชนะบาปและความตายได้แล้ว ดังนั้นลูกศิษย์รุ่นหลังอย่างเราๆน่าจะได้สิทธิพิเศษให้มีอำนาจทิพย์ชนะการประจญได้ง่ายๆไม่ต้องออกแรงหรือครับ ถ้าอย่างนั้นพระอาณาจักรสวรรค์หรือชีวิตนิรันดรจะไปมีความหมายคุณค่าอะไรเหลืออีกหากว่ามันได้มาง่ายๆ มันเหมือนกับคุณไปบอกกับพระเจ้าให้ทรงสร้างมนุษย์ไม่ต้องให้มีอำเภอใจมันเลยไม่ดีกว่าหรือ จะประจญล่อล่วงยังไงก็ไม่แพ้เพราะทำบาปไม่เป็นอยู่แล้ว นี่คือศักดิ์ศรีที่พระเจ้าประทานให้กับเรา พระองค์ทรงให้เกียรติ์เราๆจึงต้องรับผิดชอบเมื่อเราเลือกผิด
5.ใครแตกต่าง คิดต่าง หรือเกิดแผลในใจจนอาจโทษพระเจ้า ขอให้ใช้วิธีปรับความเข้าใจ ใช้เหตุผลพูดคุย ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ลงโทษ ไล่ไปนรกท่าเดียว ทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์บ้าง โดยเฉพาะคนที่เจอเรื่องแย่ ๆ มา
พระเจ้าทรงให้อภัยและทรงรอลูกของพระองค์ทุกคนเสมอ ผมไม่เข้าใจว่าคุณไปเอาไอ้คำว่าเอะอะอะไรลงโทษไล่ลงนรกท่าเดียวมาจากไหนนะครับ คุณจะทำบาปหนักแค่ไหน สำนึกผิดหาทางชดเชยแค่ไหนมันขึ้นกับสถานการณ์แย่ๆที่ตัวคุณเจอ และเจตนาที่คุณเองเลือกกระทำหรือไม่กระทำอะไรลงไป
พระยุติธรรมของพระองค์นั้นจริงๆก็ตัดสินตามมโนธรรมในใจคุณเองนั่นแหละครับมันเป็นสิ่งประเสริฐที่ไม่ว่าคุณ ผม หรือมนุษย์คนใดก็ตาม รวมทั้งคนต่างศาสนา คนไม่มีศาสนาก็ด้วย ได้รับจากพระองค์ คือคนเรานั้นไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่ในใจลึกๆกันทุกคนเพียงแต่เราจะเลือกที่ฝืนมันเพื่อทำชั่วหรือละเลยการทำดีหรือไม่เท่านั้นเอง
พระเจ้าทรงให้อภัยและทรงรอลูกของพระองค์ทุกคนเสมอ ผมไม่เข้าใจว่าคุณไปเอาไอ้คำว่าเอะอะอะไรลงโทษไล่ลงนรกท่าเดียวมาจากไหนนะครับ คุณจะทำบาปหนักแค่ไหน สำนึกผิดหาทางชดเชยแค่ไหนมันขึ้นกับสถานการณ์แย่ๆที่ตัวคุณเจอ และเจตนาที่คุณเองเลือกกระทำหรือไม่กระทำอะไรลงไป
พระยุติธรรมของพระองค์นั้นจริงๆก็ตัดสินตามมโนธรรมในใจคุณเองนั่นแหละครับมันเป็นสิ่งประเสริฐที่ไม่ว่าคุณ ผม หรือมนุษย์คนใดก็ตาม รวมทั้งคนต่างศาสนา คนไม่มีศาสนาก็ด้วย ได้รับจากพระองค์ คือคนเรานั้นไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่ในใจลึกๆกันทุกคนเพียงแต่เราจะเลือกที่ฝืนมันเพื่อทำชั่วหรือละเลยการทำดีหรือไม่เท่านั้นเอง
6.อย่าให้มีการล่าแม่มด เหยียดผิวเหยียดเพศ เหยียดชนชั้น
มนุษย์แต่ไหนแต่ไรมาในประวัติของทุกๆชาติมีการใช้ศาสนาเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองของชนชั้นปกครองในการกดขี่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันเสมอไม่ใช่แต่ศาสนาคริสต์
ยุโรปสมัยกลางคนที่เป็นพระราชาก็อ้างว่าได้รับการเลือกโดยพระเจ้า ได้รับการรับรองโดยพระสันตะปาปาสวมมงกุฏให้
เมืองจีนถือว่าฮ่องเต้เป็นโอรสสวรรค์ ญี่ปุ่นบอกว่าองค์จักรพรรดิสืบสายมาจากพระอาทิตย์
ทางปท.อิสลามตอนแรกมีกาหลิบก็บอกว่าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจากพระศาสดา ต่อมีสุลต่านก็อ้างว่าเป็นตัวแทนของพระเจ้า
ในอินเดียพวกราชาทั้งหลายก็คือว่าตนเองเกิดในวรรณะกษัตริย์
พระเยซูเจ้าทรงสอนว่าผู้ที่ต้องการเป็นใหญ่ก็ให้รับใช้ผู้อื่น พระองค์ไม่ปฏิเสธว่าพระองค์เป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรสวรรค์แต่ก็ทรงล้างเท้าให้อัครสาวก แล้วคุณ จขกท จะบอกว่าศาสนาคริสต์สอนให้เหยียดชนชั้นหรือครับ
พระเยซูทรงเน้นย้ำว่าไม่ใช่แต่ชาวยิวที่จะได้มีส่วนในมรดกแห่งพระอาณาจักรสวรรค์แต่จะมีคนมาจากทั่วสารทิศที่จะได้สิทธิ์นี้เช่นกัน ดังนั้นคำสอนในศาสนาคริสต์ไม่สนับสนุนให้เหยียดผิวหรือเหยียดเชื้อชาติ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าสูงสุดหนึ่งเดียวของทุกๆคน ทรงเป็นพระเจ้าของคนที่ไม่ได้เชื่อในพระองค์ด้วย ในความเข้าใจของผมพระองค์เป็นพระเจ้าของมนุษย์ต่างดาวด้วยเพราะทั้งเอกภพจักรวาลนี้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์
เรื่องเหยียดเพศผมได้ตอบไปแล้วใน reply ข้อก่อนๆ
มนุษย์แต่ไหนแต่ไรมาในประวัติของทุกๆชาติมีการใช้ศาสนาเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองของชนชั้นปกครองในการกดขี่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันเสมอไม่ใช่แต่ศาสนาคริสต์
ยุโรปสมัยกลางคนที่เป็นพระราชาก็อ้างว่าได้รับการเลือกโดยพระเจ้า ได้รับการรับรองโดยพระสันตะปาปาสวมมงกุฏให้
เมืองจีนถือว่าฮ่องเต้เป็นโอรสสวรรค์ ญี่ปุ่นบอกว่าองค์จักรพรรดิสืบสายมาจากพระอาทิตย์
ทางปท.อิสลามตอนแรกมีกาหลิบก็บอกว่าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจากพระศาสดา ต่อมีสุลต่านก็อ้างว่าเป็นตัวแทนของพระเจ้า
ในอินเดียพวกราชาทั้งหลายก็คือว่าตนเองเกิดในวรรณะกษัตริย์
พระเยซูเจ้าทรงสอนว่าผู้ที่ต้องการเป็นใหญ่ก็ให้รับใช้ผู้อื่น พระองค์ไม่ปฏิเสธว่าพระองค์เป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรสวรรค์แต่ก็ทรงล้างเท้าให้อัครสาวก แล้วคุณ จขกท จะบอกว่าศาสนาคริสต์สอนให้เหยียดชนชั้นหรือครับ
พระเยซูทรงเน้นย้ำว่าไม่ใช่แต่ชาวยิวที่จะได้มีส่วนในมรดกแห่งพระอาณาจักรสวรรค์แต่จะมีคนมาจากทั่วสารทิศที่จะได้สิทธิ์นี้เช่นกัน ดังนั้นคำสอนในศาสนาคริสต์ไม่สนับสนุนให้เหยียดผิวหรือเหยียดเชื้อชาติ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าสูงสุดหนึ่งเดียวของทุกๆคน ทรงเป็นพระเจ้าของคนที่ไม่ได้เชื่อในพระองค์ด้วย ในความเข้าใจของผมพระองค์เป็นพระเจ้าของมนุษย์ต่างดาวด้วยเพราะทั้งเอกภพจักรวาลนี้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์
เรื่องเหยียดเพศผมได้ตอบไปแล้วใน reply ข้อก่อนๆ
7."ถ้ารักมนุษย์จริง อย่าให้ใครต้องหลั่งน้ำตาแม้แต่คนเดียว"
ขนาดแม่พระยังหลั่งน้ำตาตั้งไม่รู้กี่ครั้งนะครับ
พระเยซูเจ้าก็ทรงหลั่งน้ำตาเช่นกัน กี่ครั้งไม่ทราบ อย่างน้อยก็ตอนเข้าตรีทูตตามที่มีบันทึกไว้ในพระวรสาร
สุดท้ายนี้ผมไม่ทราบนะครับว่าคุณ จขกท ไปผิดหวังอะไรกับพระเจ้านักหนา ผมคิดว่าคุณอาจจะฟุ้งซ่านมากเกินไปทำให้สับสนไปหมด และความรู้ในเรื่องการตีความหลักคำสอนคริสตศาสนาของคุณยังไม่ลึกซึ้งพอทำให้คุณออกอารมณ์นี้
สำหรับผู้ที่มีความสุภาพถ่อมตนอยู่มากเป็นทุนเดิมนั้นความรู้เรื่องศาสนาเพียงเล็กน้อยไม่ลึกซึ้งก็อาจจะเพียงพอ
สำหรับผู้ที่มีความสงสัยมากยิ่งต้องศึกษาให้มาก บางทีพระเจ้าคงจะทรงเมตตาคุณอยู่มากเลยปล่อยให้คุณมา post ระบายข้อเรียกร้องในบอร์ดนี้ หวังว่าคำอธิบายของผมจะช่วยคุณได้บ้างนะครับ
PS คุณลองนั่งสมาธิดูบ้างก็ดีนะครับเมื่อจิตเรานิ่งเราถึงจะได้ยินเสียงของพระองค์ ถ้าคุณอยากรู้เรื่องการนั่งสมาธิแบบคริสต์เอาไว้คุยกันหลังไมค์หรือจะให้ผมส่งเอกสารทาง email ให้ก็ได้ครับ
ขนาดแม่พระยังหลั่งน้ำตาตั้งไม่รู้กี่ครั้งนะครับ
พระเยซูเจ้าก็ทรงหลั่งน้ำตาเช่นกัน กี่ครั้งไม่ทราบ อย่างน้อยก็ตอนเข้าตรีทูตตามที่มีบันทึกไว้ในพระวรสาร
สุดท้ายนี้ผมไม่ทราบนะครับว่าคุณ จขกท ไปผิดหวังอะไรกับพระเจ้านักหนา ผมคิดว่าคุณอาจจะฟุ้งซ่านมากเกินไปทำให้สับสนไปหมด และความรู้ในเรื่องการตีความหลักคำสอนคริสตศาสนาของคุณยังไม่ลึกซึ้งพอทำให้คุณออกอารมณ์นี้
สำหรับผู้ที่มีความสุภาพถ่อมตนอยู่มากเป็นทุนเดิมนั้นความรู้เรื่องศาสนาเพียงเล็กน้อยไม่ลึกซึ้งก็อาจจะเพียงพอ
สำหรับผู้ที่มีความสงสัยมากยิ่งต้องศึกษาให้มาก บางทีพระเจ้าคงจะทรงเมตตาคุณอยู่มากเลยปล่อยให้คุณมา post ระบายข้อเรียกร้องในบอร์ดนี้ หวังว่าคำอธิบายของผมจะช่วยคุณได้บ้างนะครับ
PS คุณลองนั่งสมาธิดูบ้างก็ดีนะครับเมื่อจิตเรานิ่งเราถึงจะได้ยินเสียงของพระองค์ ถ้าคุณอยากรู้เรื่องการนั่งสมาธิแบบคริสต์เอาไว้คุยกันหลังไมค์หรือจะให้ผมส่งเอกสารทาง email ให้ก็ได้ครับ
-
Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
นึกว่ากระทู้จะตกไปแล้วซะอีกนะเนี่ย
......ก็ ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบ ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างก็เถอะนะ
คำอธิบายหลายอย่าง ถ้าเราได้ยินเร็วกว่านี้ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ลงเอยแบบตอนนี้
แต่เราเองก็ เหนื่อยแล้วล่ะ
บางที เราอาจจะเหนื่อยจนอยากเลิกไปแล้วก็ได้
อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปที่ไม่ต้องซีเรียสเรื่องศาสนา ไม่ต้องมานั่งคิดแล้วคิดอีกจนวิตกแทบเป็นบ้าว่าทำอะไรจะถูกลงโทษหรือโดนขู่กดดันอะไรอีกมั้ย
(ยังไงซะ เราก็มีประสบการณ์ที่ทำให้เราผิดหวังกับวิธีการของพระองค์แน่ ๆ อยู่แล้วล่ะ ถึงเราจะไม่ขาว แต่ก็ไม่คิดว่าวิธีการนั้นมันขาวจนตอนนี้เหมือนกัน และตอนนี้สมองส่วนที่ควบคุมความไว้วางใจในพระก็คงจะพังไปแล้วน่ะนะ)
ที่ยังโวยวายอยู่นี่ ก็อาจเพราะคิดว่า กลับไปทั้งแบบนี้ยังไม่ได้ อยากได้บางอย่างคืนในสิ่งที่ต้องสูญเสียไปเสียก่อน และไม่มีวันเอากลับมาได้เลยถ้าพระไม่ช่วย ล่ะมั้ง หรือบางทีเราอาจจะต้องการมากกว่านั้น ไม่งั้นออกไปทั้งแบบนี้มีหวังตายห่านล่ะมั้ง
แต่ตอนนี้ เอาจริง ๆ ก็เกือบจะลืมไปแล้วว่าเราต้องการอะไรบ้าง
ก็ไม่ถึงกับลืมจริง ๆ ซะทีเดียว แต่ว่ายิ่งเวลาผ่านไป ก็ยิ่งยากที่จะอธิบายมันเป็นคำพูดได้หมดทุกข้อเหมือนตอนแรก ๆ
บางทีทุกอย่างอาจจะมาจากความกลัวของเราเองก็ได้ กลัวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ยุติธรรม กลัวที่จะสูญเสีย กลัวอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง ถ้าไม่คิดจะต่อต้านพระองค์ก็คงไม่สามารถข่มความกลัวนั้นได้อีก
.........จริง ๆ มีมากกว่านี้แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้ออกมาหมดได้ และเราเองก็เริ่มไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ยืนอยู่ตรงไหน และทำไปเพื่ออะไรหากปลายทางมันสูญเปล่า
......ก็ ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบ ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างก็เถอะนะ
คำอธิบายหลายอย่าง ถ้าเราได้ยินเร็วกว่านี้ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ลงเอยแบบตอนนี้
แต่เราเองก็ เหนื่อยแล้วล่ะ
บางที เราอาจจะเหนื่อยจนอยากเลิกไปแล้วก็ได้
อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปที่ไม่ต้องซีเรียสเรื่องศาสนา ไม่ต้องมานั่งคิดแล้วคิดอีกจนวิตกแทบเป็นบ้าว่าทำอะไรจะถูกลงโทษหรือโดนขู่กดดันอะไรอีกมั้ย
(ยังไงซะ เราก็มีประสบการณ์ที่ทำให้เราผิดหวังกับวิธีการของพระองค์แน่ ๆ อยู่แล้วล่ะ ถึงเราจะไม่ขาว แต่ก็ไม่คิดว่าวิธีการนั้นมันขาวจนตอนนี้เหมือนกัน และตอนนี้สมองส่วนที่ควบคุมความไว้วางใจในพระก็คงจะพังไปแล้วน่ะนะ)
ที่ยังโวยวายอยู่นี่ ก็อาจเพราะคิดว่า กลับไปทั้งแบบนี้ยังไม่ได้ อยากได้บางอย่างคืนในสิ่งที่ต้องสูญเสียไปเสียก่อน และไม่มีวันเอากลับมาได้เลยถ้าพระไม่ช่วย ล่ะมั้ง หรือบางทีเราอาจจะต้องการมากกว่านั้น ไม่งั้นออกไปทั้งแบบนี้มีหวังตายห่านล่ะมั้ง
แต่ตอนนี้ เอาจริง ๆ ก็เกือบจะลืมไปแล้วว่าเราต้องการอะไรบ้าง
ก็ไม่ถึงกับลืมจริง ๆ ซะทีเดียว แต่ว่ายิ่งเวลาผ่านไป ก็ยิ่งยากที่จะอธิบายมันเป็นคำพูดได้หมดทุกข้อเหมือนตอนแรก ๆ
บางทีทุกอย่างอาจจะมาจากความกลัวของเราเองก็ได้ กลัวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ยุติธรรม กลัวที่จะสูญเสีย กลัวอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง ถ้าไม่คิดจะต่อต้านพระองค์ก็คงไม่สามารถข่มความกลัวนั้นได้อีก
.........จริง ๆ มีมากกว่านี้แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้ออกมาหมดได้ และเราเองก็เริ่มไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ยืนอยู่ตรงไหน และทำไปเพื่ออะไรหากปลายทางมันสูญเปล่า
-
Joseph visit
- โพสต์: 12
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 07, 2011 9:23 pm
mrwasan เขียน:เพื่ออะไร ? อยากจะโชว์ว่าคุณมีความเชื่อน้อยงั้นหรอ ?
เอาง่ายๆ นะครับ พระเจ้าให้สิทธิเสรี ในการเลือกทำในสิ่งต่างๆ เพราะพระองค์ไม่สามารถบังคับจิตใจเราได้ ดังนั้น คนส่วนใหญ่รู้จัก หรือไม่รู้จักพระองค์ หรือ เชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเลือกทำในสิ่งที่ดีก็เกิดขึ้นจากจิตใจของแต่ละคนไม่สามารถบังคับกันได้ เรามีตัวอย่างให้ดูแล้วคือพระบุตร เราจะเลือกกเดินตามพระองค์หรือไม่? .. เรามีสถานที่รวมตัวกันนั้นคือโบสถ์ ผู้ที่มีความเชื่อเหมือนกัน มาเพื่อแบ่งปันพระกิตติคุณ และการดำรงชีวิต แต่หลังจากเสร็จจากการแบ่งปันแล้ว ก็ชีวิตใครชีวิตมันแล้วแต่เราจะเลือก; ไม่มีใครบังคับเราได้อยู่ดี แต่สำหรับผม ผมเลือกที่จะเดินตามพระองค์ เพราะผมรู้สึก สันติสุขตลอดเวลา
1.ยกเลิกการมีอยู่ของนรกและเปลวไฟบ้า ๆ / มันมีที่ไหนหละ คิดไปเองเปล่า
2.ลืมเรื่องผลไม้ต้องห้ามซะ อภัยมนุษย์ทุกคนในโลกทั้งชายและหญิงเรื่องโดนงูหลอก ยกเลิกการกำหนดให้เพศใดเพศหนึ่งปกครองเหนือกว่า / ก็ประวัติเป็นอย่างนั้นอะ, พระเจ้าให้อภัยเสมอ อยู่ที่ว่าสำนึกหรือเปล่าแล้วจะไม่กลับไปทำอีก, แล้วตอนนี้เพศไรเหนือกว่านะครับ
3.ให้อิสรภาพและความเป็นมนุษย์แก่ชาย หญิง และเหล่าผู้แตกต่าง ไม่ว่าเพศที่สาม หรือพวกรักอิสระ อย่างเท่าเทียม / พระผู้สร้าง สร้างทุกอย่างเพื่อให้เป็นไปด้วยดี แต่ดันมีกลุ่มๆคนที่ถูกเลี้ยงดูผิดๆ หรืออยู่ในสังคม เลยมีปัญหาเรื่องเพศ พอโตขึ้นก็แก้ไขอะไรไม่ทัน ,พระเจ้าสร้างเพศชาย และ หญิงให้อยู่คู่กันชัวนิรันดร์ เพื่อสืบเชื้อสายไปเลื่อยๆ
4.มอบพลังให้มนุษย์ทุกคนสามารถต่อต้านและเอาตัวรอดจากปีศาจด้วยตัวเองได้ / ทุกคนทำได้อยู่แล้ว ถ้าเชื่อในพระองค์ ทูลขอพระองค์ให้ช่วยไม่ให้เราแพ้กับการล้อลวง ถ้าคุณศรัทธามากพอคุณก็ชนะ
5.ใครแตกต่าง คิดต่าง หรือเกิดแผลในใจจนอาจโทษพระเจ้า ขอให้ใช้วิธีปรับความเข้าใจ ใช้เหตุผลพูดคุย ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ลงโทษ ไล่ไปนรกท่าเดียว ทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์บ้าง โดยเฉพาะคนที่เจอเรื่องแย่ ๆ มา / พระเจ้าไม่ลงโทษใคร นอกจากพวกที่ในหัวเอาแต่คิดที่จะทำชั่วเพื่อหาความสุขของตัวเอง
6.อย่าให้มีการล่าแม่มด เหยียดผิวเหยียดเพศ เหยียดชนชั้น / ดูกาตูนมากไปเปล่า คุณลองเอาข้อความในพระคำภีร์ที่กล่าวแบบนี้มาให้ผมดูหน่อยสิ เพื่อให้ผมจะได้ตอบคุณไม่ได้
7."ถ้ารักมนุษย์จริง อย่าให้ใครต้องหลั่งน้ำตาแม้แต่คนเดียว / ความเศร้าเสียใจ จะให้ยืนหัวเราะหรอ? แปลกจัง หลั่งน้ำตาด้วยความปิติยินดี เวลาที่ผมนึกถึงพระองค์ นั้นก็ผิดด้วยหรอคุณ? ตอบผมหน่อยดิ
คำถามของคุณแต่ละข้อ เป็นอะไรที่ทำให้ผมอ่านแล้วรู้สึกหมั่นไส้คุณมากเลย ผมต้องขอโทษคุณจริงๆ ที่ผมโกรธคุณมากทั้งๆ ที่ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อน โปรดให้อภัยผมด้วยนะครับ
ข้อ1 นรก(Hell)และไฟชำระ (Purgatory) มีจริงครับ เป็นความเชื่ออย่างหนึ่งของคาทอลิกเราครับ1.ยกเลิกการมีอยู่ของนรกและเปลวไฟบ้า ๆ / มันมีที่ไหนหละ คิดไปเองเปล่า
ข้อ 6 แม่มดพ่อมดไม่ใช่แค่นิยายหรือการ์ตูนที่คนจินตนาการชึ้น แต่เป็นเรื่องราวในประวัติศาสตร์จริง แล้วพระศาสนจักรก็เคยประกาศตามล่าแม่มดจริงๆ ประวัติศาสตร์ นักบุญโจน ออฟ อาร์ค ก็ยังถูกจับเผาไฟเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด6.อย่าให้มีการล่าแม่มด เหยียดผิวเหยียดเพศ เหยียดชนชั้น / ดูกาตูนมากไปเปล่า คุณลองเอาข้อความในพระคำภีร์ที่กล่าวแบบนี้มาให้ผมดูหน่อยสิ เพื่อให้ผมจะได้ตอบคุณไม่ได้
คำว่าแม่มด
มด (อังกฤษ: witchcraft) หมายถึง หมอเวทมนตร์หรือหมอผี ถ้าเป็นชายเรียก "พ่อมด" ถ้าเป็นหญิงเรียก "แม่มด" หรือหญิงแก่เรียก "ยายมด" คำว่า "มด" นี้ ยังใช้เป็นคำประกอบกับคำ "หมอ" เป็น "มดหมอ" หมายความว่า หมอทั่ว ๆ ไป อีกด้วย
คำว่า "มด" นั้น เท่าที่ปรากฏเก่าแก่ที่สุด มีในวรรณกรรมลิลิตพระลออันสันนิษฐานกันว่าแต่งขึ้นในกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ราวในระหว่าง พ.ศ. 1991−2026[2] โดยในตอนที่พระเพื่อนและพระแพงได้สดับคำร่ำลือเกี่ยวกับรูปโฉมของพระลอก็เกิดหลงรัก นางรื่นและนางโรยพระพี่เลี้ยงจึงอาสาไปติดต่อหายายมดมาทำเสน่ห์ให้พระลอหลงรักเจ้านายของตนบ้าง ซึ่งยายมดได้ปฏิเสธ อ้างว่าตนเคยทำใส่แต่สามัญชน ไม่เคยและไม่อาจหาญไปทำเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน แต่ก็ได้แนะนำให้ไปหาปู่เจ้าสมิงพรายซึ่งเป็นผู้มีวิชาอาคมแกร่งกล้ากว่าตน
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตจากลิลิตพระลอว่า สมัยนั้นคำว่า "หมอ" ยังใช้ในความหมายเดียวกับ "มด" คือ ผู้มีเวทมนตร์คาถาด้วย ซึ่งในปัจจุบันคำว่า "มดหมอ" มีความหมายถึง หมอทั่ว ๆ ไปเท่านั้น[1]
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1% ... 0%B8%A5%29
-
TEODORA WAFIYYAH
- โพสต์: 6
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 29, 2013 9:00 pm
ความคิดเหล่านี้ล้วนแล้วเรียกว่าเ็ห็นแก่ประโยชน์ของตน....ถ้่าความคิดนี้เป็นกฏหมายในสังคมคงไม่มีระเบียบอ่าาา 
-
Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ใช่ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เช่นเดียวกับที่ทุกคนรวมทั้งพระเจ้าก็เป็นเหมือนกันนั่นแหละTEODORA WAFIYYAH เขียน:ความคิดเหล่านี้ล้วนแล้วเรียกว่าเ็ห็นแก่ประโยชน์ของตน....ถ้่าความคิดนี้เป็นกฏหมายในสังคมคงไม่มีระเบียบอ่าาา
"ขืนมัวแต่คิดถึงส่วนรวมอย่างเดียว สุดท้ายจะไม่มีอะไรเหลือ ขนาดในบทอุปมาในพระคัมภีร์ เจ้าสาวที่มีน้ำมันจุดตะเกียงยังไม่เผื่อหรือยกให้เจ้าสาวที่ไม่มีน้ำมันจุดตะเกียงเลยไม่ใช่รึไง"
ส่วนเรื่องไม่มีระเบียบ ไม่ใช่ว่าโลกทุกวันนี้มันไร้ระเบียบจะตายห่านอยู่แล้วหรอกรึ แล้วใครเป็นผู้ดูแลมันกันหว่า
-
siritawatss
- โพสต์: 559
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
- ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
- ติดต่อ:
มาเป็นกำลังใจ ให้คุณTEODORA WAFIYYAH ครับTEODORA WAFIYYAH เขียน:ความคิดเหล่านี้ล้วนแล้วเรียกว่าเ็ห็นแก่ประโยชน์ของตน....ถ้่าความคิดนี้เป็นกฏหมายในสังคมคงไม่มีระเบียบอ่าาา
คุณValkyrie Zero Number ครับ ชีวิตในโลกนี้มันสั้นครับ ควรรีบทำความดีต่อผู้อื่นเเละเพื่อนมนุษย์มากๆดีกว่าครับ อย่างน้อยที่สุดพวกเค้าเหล่านั้นก็อาจจะจำคุณได้บ้างเมื่อถึงเวลาที่คุณจากโลกนี้ไปเเล้ว
ผมไม่รู้ว่าคุณมีความทุกข์มากขนาดไหน เเต่บางครั้งการมีชีวิตอยู่เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นก็ช่วยบรรเทาความทุกข์ของตัวเราได้ครับ ลองทำดูครับ อย่ารีบตัดสินใจจากความคิดเท่านั้น บางสิ่งบางอย่างจะรู้สึกได้จริงๆเมื่อเราลองทำเท่านั้นครับ ขอให้ได้รับความบรรเทาทั้งทางกายทางใจครับ