มีใครฝึกสมาธิเป็นประจำไหมครับ ลองทำได้ครึ่งปีรู้สึกดีครับ
ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาผมได้เริ่มนั่งและเดินทำสมาธิจากที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยตอนนี้รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่ได้คาดไว้แต่เดิม ซึ่งผมเป็นคริสตังนอนโตมากับครอบครัวคาทอลิกและก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมชาวพุทธถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก
ผมเคยอ่านเรื่องราวความเชื่อคำสอนของศาสนาพุทธเถรวาทในเมืองไทยจากเวบไซด์และจากหนังสืองานศพหรือตามและแผงหนังสือธรรมะต่างๆผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ที่เค้าสอนประมาณว่าการทำทานทั้งหลายนั้นทานสูงสุดคืออภัยทานแต่สิ่งที่สร้างบารมีได้มากกว่าการทำทานคือการถือศีลบริสุทธิ์และสิ่งที่สูงสุดคือการปฏิบัติสมาธิและเจริญสติเพื่อให้เกิดปัญญาและใช้ปัญญานั้นประหารกิเลสเพื่อให้ถึงการหลุดพ้น
มาช่วงหลังๆมีคนแนะนำให้ผมหัดนั่งสมาธิหลายคนผมก็เลยลองกับเค้าบ้าง จำได้ว่าครั้งแรกผมนั่งสมาธิในห้องพระที่บ้านผม เริ่มด้วยการทำสำคัญมหากางเขนและสวดสั้นๆก่อน ไม่คิดว่าครั้งแรกจะนั่งได้นานเกือบครึ่งชั่วโมง (มากกว่าที่คิดไว้ก่อน) และรู้สึกว่ามีอาการขนลุกและเย็นวาบจากกลางศีรษะลงไปตามแผ่นหลัง เหมือนกับมีพลังงานบางอย่างมาให้ได้สัมผัส
ผมเคยอ่านเรื่องราวความเชื่อคำสอนของศาสนาพุทธเถรวาทในเมืองไทยจากเวบไซด์และจากหนังสืองานศพหรือตามและแผงหนังสือธรรมะต่างๆผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ที่เค้าสอนประมาณว่าการทำทานทั้งหลายนั้นทานสูงสุดคืออภัยทานแต่สิ่งที่สร้างบารมีได้มากกว่าการทำทานคือการถือศีลบริสุทธิ์และสิ่งที่สูงสุดคือการปฏิบัติสมาธิและเจริญสติเพื่อให้เกิดปัญญาและใช้ปัญญานั้นประหารกิเลสเพื่อให้ถึงการหลุดพ้น
มาช่วงหลังๆมีคนแนะนำให้ผมหัดนั่งสมาธิหลายคนผมก็เลยลองกับเค้าบ้าง จำได้ว่าครั้งแรกผมนั่งสมาธิในห้องพระที่บ้านผม เริ่มด้วยการทำสำคัญมหากางเขนและสวดสั้นๆก่อน ไม่คิดว่าครั้งแรกจะนั่งได้นานเกือบครึ่งชั่วโมง (มากกว่าที่คิดไว้ก่อน) และรู้สึกว่ามีอาการขนลุกและเย็นวาบจากกลางศีรษะลงไปตามแผ่นหลัง เหมือนกับมีพลังงานบางอย่างมาให้ได้สัมผัส
หลังจากนั้นผมพยายามนั่งสมาธิเป็นประจำบางครั้งก็เดินบ้างเพื่อออกกำลังกายไปในตัว ส่วนมากมักจะทำสลับกับการสวดภาวนาด้วย ส่วนมากผมจะสวดสายประคำพระเมตตา บางครั้งก็สวดสายประคำแบบมาตรฐาน
ผมเคยคุยกับพ่อผมเรื่องนี้ท่านไม่เห็นว่ามันมีความจำเป็นอะไรมากนักแต่ได้แนะนำให้ผมลองสวดเป็นภาษาอื่นๆที่ไม่ใช่ภาษาไทยดูบ้างเพื่อที่จะทำให้เราตั้งใจมากขึ้นเพราะเราสวดภาษาไทยจนชินเป็นอัตโนมัติแล้วบางทีสวดสายประคำทั้งสายแต่ตั้งใจสวดถึงห้าบทหรือเปล่ายังไม่แน่เลย ผมก็เลยลองหัดสวดบทภาวนาพื้นฐานคือบทข้าแต่พระบิดา วันทามารีอาและพระสิริรุ่งโรจน์เป็นภาษาละติน ตอนแรกรู้สึกว่าไม่ง่ายนักต้องตั้งใจท่องพอสมควร พ่อบอกว่าไม่ยากนักหรอกคุณปู่ผมที่เสียไปแล้วท่านสวดสายประคำเป็นภาษาละตินทุกวัน (คุณปู่ผมเป็นเณรเล็กเก่ามาก่อน)
ทีนี้พอลองสวดภาษาละตินดูจนคล่องแล้วรู้สึกว่าอาการขนลุกแบบตอนนั่งสมาธินั้นเกิดขึ้นทุกครั้งที่สวดหรือทุกครั้งที่รู้สึกว่าต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า เวลาอยู่ในมิสซาก็รู้สึกมีอาการแบบนี้บ่อยๆ โดยเฉพาะตอนฟังพระวรสารกับตอนที่คุณพ่อเสกศีล
ผมเคยคุยกับพ่อผมเรื่องนี้ท่านไม่เห็นว่ามันมีความจำเป็นอะไรมากนักแต่ได้แนะนำให้ผมลองสวดเป็นภาษาอื่นๆที่ไม่ใช่ภาษาไทยดูบ้างเพื่อที่จะทำให้เราตั้งใจมากขึ้นเพราะเราสวดภาษาไทยจนชินเป็นอัตโนมัติแล้วบางทีสวดสายประคำทั้งสายแต่ตั้งใจสวดถึงห้าบทหรือเปล่ายังไม่แน่เลย ผมก็เลยลองหัดสวดบทภาวนาพื้นฐานคือบทข้าแต่พระบิดา วันทามารีอาและพระสิริรุ่งโรจน์เป็นภาษาละติน ตอนแรกรู้สึกว่าไม่ง่ายนักต้องตั้งใจท่องพอสมควร พ่อบอกว่าไม่ยากนักหรอกคุณปู่ผมที่เสียไปแล้วท่านสวดสายประคำเป็นภาษาละตินทุกวัน (คุณปู่ผมเป็นเณรเล็กเก่ามาก่อน)
ทีนี้พอลองสวดภาษาละตินดูจนคล่องแล้วรู้สึกว่าอาการขนลุกแบบตอนนั่งสมาธินั้นเกิดขึ้นทุกครั้งที่สวดหรือทุกครั้งที่รู้สึกว่าต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า เวลาอยู่ในมิสซาก็รู้สึกมีอาการแบบนี้บ่อยๆ โดยเฉพาะตอนฟังพระวรสารกับตอนที่คุณพ่อเสกศีล
ผมได้ลองศึกษาในอินเตอร์เนตเกี่ยวกับเรื่องการทำสมาธิกับคริสตศาสนาก็เลยพบว่าการนั่งสมาธินั้นมีการปฏิบัติในคริสตชนบางส่วนมาแต่สมัยอัครสาวกแล้ว และในปัจจุบันก็มีชมรม WCCM (world community for christian meditation) ซึ่งมีสมาชิกทั่วโลก
ตอนแรกผมตั้งใจจะไปร่วมกลุ่มจิตภาวนาของคุณอำนวยพรแต่ก็หาโอกาสไปกรุงเทพฯยากมากช่วงหลังๆนี้เพราะมีลูกเล็ก (ผมทำงานและซื้อบ้านอยู่ที่โคราช)
ผมได้เบอร์ของคุณพ่อประเสริฐ โลหะวิริยะสิริ มาจากอุดมสารเลยโทรไปขอคำปรึกษาจากคุณพ่อ คุณพ่อได้สอนหลักการฝึกสมาธิแก่ผมอย่างคร่าวๆและได้บอกว่าความรู้สึกขนลุกที่ผมเป็นนั้นเชื่อว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้ามาให้ผมได้สัมผัสพระองค์จริงๆ
2 เดือนที่แล้วช่วงหลังสงกรานต์มีโอกาสไปกทม.วันสุดสัปดาห์เลยแวะไปร่วมกลุ่ม WCCM ที่วัดมหาไถ่ น่าเสียดายวันที่ผมไปไม่ได้พบคุณพ่อประเสริฐ อย่างไรก็ตามพี่ๆสมาชิกชมรมก็ได้มอบเอกสารแปลจากบทเทศของคุณพ่อ Laurence Freeman ซึ่งเป็นประธานใหญ่ของชมรม มาให้ผมได้ศึกษา คุณพ่อเป็นพระสงฆ์คณะเบเนดิกตินชาวอังกฤษและสำนักงานใหญ่ของชมรมก็อยู่ในลอนดอน
ตอนแรกผมตั้งใจจะไปร่วมกลุ่มจิตภาวนาของคุณอำนวยพรแต่ก็หาโอกาสไปกรุงเทพฯยากมากช่วงหลังๆนี้เพราะมีลูกเล็ก (ผมทำงานและซื้อบ้านอยู่ที่โคราช)
ผมได้เบอร์ของคุณพ่อประเสริฐ โลหะวิริยะสิริ มาจากอุดมสารเลยโทรไปขอคำปรึกษาจากคุณพ่อ คุณพ่อได้สอนหลักการฝึกสมาธิแก่ผมอย่างคร่าวๆและได้บอกว่าความรู้สึกขนลุกที่ผมเป็นนั้นเชื่อว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้ามาให้ผมได้สัมผัสพระองค์จริงๆ
2 เดือนที่แล้วช่วงหลังสงกรานต์มีโอกาสไปกทม.วันสุดสัปดาห์เลยแวะไปร่วมกลุ่ม WCCM ที่วัดมหาไถ่ น่าเสียดายวันที่ผมไปไม่ได้พบคุณพ่อประเสริฐ อย่างไรก็ตามพี่ๆสมาชิกชมรมก็ได้มอบเอกสารแปลจากบทเทศของคุณพ่อ Laurence Freeman ซึ่งเป็นประธานใหญ่ของชมรม มาให้ผมได้ศึกษา คุณพ่อเป็นพระสงฆ์คณะเบเนดิกตินชาวอังกฤษและสำนักงานใหญ่ของชมรมก็อยู่ในลอนดอน
จากคำสอนที่เรียนมาและความเชื่อในฐานะที่เป็นชาวคาทอลิกผมเชื่อเสมอว่าพระเจ้าทรงทำอัศจรรย์ผ่านกิจการดีต่างๆของพวกเราเสมอ การปฏิบัติสมาธิทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น ผมทำงานเป็นแพทย์ทั่วไปในรพ.เอกชน และมีโอกาสได้ไปร่วมออกหน่วยตรวจสุขภาพและปฐมพยาบาลกับชมรมเวชบุคคลคาทอลิกของมิสซังโคราชหลายครั้ง
เมื่อปลายปีที่แล้วท่านอธิการิณีของรพ.ที่ผมทำงานอยู่ (มาเซอร์ อาเดลา SPC) ได้ชวนผมไปออกหน่วยที่บ้านดินขาวบนดอยที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เขตติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผมจำได้ว่าได้ฝังเข็มรักษาอาการเจ็บป่วยให้กับสัตบุรุษชาวปกากะญอไปเพียงประมาณ 10 คนติดๆกันก็รู้สึกเมื่อยล้าเป็นอย่างมาก (ยังไม่เคยหัดนั่งสมาธิในตอนนั้น) เดือนต่อมาผมได้ไปร่วมงานฉลองวัดคาทอลิกโคกปราสาท อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ผมฝังเข็มให้กับพี่น้องสัตบุรุษเราไป 25 คนรู้สึกว่าเหนื่อยมากแต่ระหว่างทำผมได้ภาวนาสั้นๆขอกำลังจากองค์พระจิตเจ้าให้ทรงช่วยเหลือทำให้ผมรู้สึกว่าเรี่ยวแรงฟื้นได้เร็ว
เดือนมี.ค.ที่ผ่านมาผมได้รับมอบหมายให้ไปตรวจสุขภาพคุณครูและบุคลากรที่ทำงานในรร.อัสสัมชัญคอนแวนต์ลำนารายณ์ ตอนแรกได้ยินชื่อว่าคอนแวนต์ก็นึกถึงรร.เซนต์โยฯที่เคยไปเยี่ยมคุณย่า 2 คนที่เป็นมาเซอร์อาวุโส สมัยสัก 20 ปีที่แล้วปรากฏว่ารร.ที่ว่านี้อยู่นอกตัวอำเภอมาราวๆ 10 กม.และไม่มีชุมชนอะไรอยู่แถวนั้นเลย แต่บรรยากาศรร.ก็แลดูสะอาดและใหม่มาก มีคุณครูและบุคลากรรอรับบริการอยู่ราวๆ 170 คน ตอนแรกผมเห็นว่าพวกคุณครูนี่คงไม่ค่อยจะเจ็บป่วยอะไรมากมายเพราะไม่ได้ทำงานเข้ากะทำให้ร่างกายเสียสมดุลย์พักผ่อนไม่พอเหมือนพวกคนงานโรงงานต่างๆหรือพวกแม่ค้าที่ตื่นมาขายของกลางดึก ตรวจร่างกายคร่าวๆคงไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก
ปรากฏว่าพวกคุณครูหลายท่านและบุคลากรทั้งแม่บ้านคนครัวทั้งหลายป่วยเป็น office syndrome (โรคปวดศีรษะเรื้อร้งจากกล้ามเนื้อบ่าแข็งและปวดหลังจากการนั่งทำงานในท่าเดิมนานเกินไป) กันเป็นจำนวนมาก และคุณครูหลายคนต้องทำงานเอกสารปริมาณมากเพื่อรอรับการตรวจประเมินรร.ทำให้หลายคนต้องนอนดึกเสียสุขภาพ คราวนี้ผมไม่ได้นำเข็มมาด้วยเพราะทราบดีว่าไม่มีทางจะทำได้ทันในเวลาที่จำกัด แต่เนื่องจากเห็นคนปวดหัวปวดหลังกันมากเลยลองประยุกต์วิชาฝังเข็มมาลองกดจุดรักษาดู คราวนี้เลยลากยาวทำเอาจนท.รพ.ที่ไปออกหน่วยด้วยกันต้องกลับช้าไปด้วย แต่เหมือนพระจิตเจ้าจะไม่เคยทอดทิ้งผม ผมรู้สึกถึงอาการขนลุกเหมือนกับตอนนั่งสมาธิขึ้นมาอีกขณะที่ทำการกดจุดรักษาคนป่วย ระหว่างพักกลางวันซึ่งตอนแรกรู้สึกว่าไม่น่าหาเรื่องเลยตูเหนื่อยแทบไม่มีแรงเหลือ ทีนี้คนอื่นๆที่ยังไม่ได้ตรวจก็จะซักถามปัญหาสุขภาพกันมากขึ้นและต้องมีบางคนอยากจะทดลองวิชากดจุดของผม แต่ด้วยความเชื่อว่าพลังชีวิตของเรามาจากพระจิตเจ้าผมได้ลองสูดลมหายใจเข้าออกตามหลักวิชาชี่กง (วิชาออกกำลังกายด้วยลมปราณและสมาธิแบบจีน) เพียงประมาณห้านาทีเท่านั้นอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าก็หายไปเกือบหมดและผมสามารถผ่านงานช่วงบ่ายวันนั้นมาได้อย่างไม่รู้เพลียมากอย่างที่กังวลไว้แต่แรก
เดือนมี.ค.ที่ผ่านมาผมได้รับมอบหมายให้ไปตรวจสุขภาพคุณครูและบุคลากรที่ทำงานในรร.อัสสัมชัญคอนแวนต์ลำนารายณ์ ตอนแรกได้ยินชื่อว่าคอนแวนต์ก็นึกถึงรร.เซนต์โยฯที่เคยไปเยี่ยมคุณย่า 2 คนที่เป็นมาเซอร์อาวุโส สมัยสัก 20 ปีที่แล้วปรากฏว่ารร.ที่ว่านี้อยู่นอกตัวอำเภอมาราวๆ 10 กม.และไม่มีชุมชนอะไรอยู่แถวนั้นเลย แต่บรรยากาศรร.ก็แลดูสะอาดและใหม่มาก มีคุณครูและบุคลากรรอรับบริการอยู่ราวๆ 170 คน ตอนแรกผมเห็นว่าพวกคุณครูนี่คงไม่ค่อยจะเจ็บป่วยอะไรมากมายเพราะไม่ได้ทำงานเข้ากะทำให้ร่างกายเสียสมดุลย์พักผ่อนไม่พอเหมือนพวกคนงานโรงงานต่างๆหรือพวกแม่ค้าที่ตื่นมาขายของกลางดึก ตรวจร่างกายคร่าวๆคงไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก
ปรากฏว่าพวกคุณครูหลายท่านและบุคลากรทั้งแม่บ้านคนครัวทั้งหลายป่วยเป็น office syndrome (โรคปวดศีรษะเรื้อร้งจากกล้ามเนื้อบ่าแข็งและปวดหลังจากการนั่งทำงานในท่าเดิมนานเกินไป) กันเป็นจำนวนมาก และคุณครูหลายคนต้องทำงานเอกสารปริมาณมากเพื่อรอรับการตรวจประเมินรร.ทำให้หลายคนต้องนอนดึกเสียสุขภาพ คราวนี้ผมไม่ได้นำเข็มมาด้วยเพราะทราบดีว่าไม่มีทางจะทำได้ทันในเวลาที่จำกัด แต่เนื่องจากเห็นคนปวดหัวปวดหลังกันมากเลยลองประยุกต์วิชาฝังเข็มมาลองกดจุดรักษาดู คราวนี้เลยลากยาวทำเอาจนท.รพ.ที่ไปออกหน่วยด้วยกันต้องกลับช้าไปด้วย แต่เหมือนพระจิตเจ้าจะไม่เคยทอดทิ้งผม ผมรู้สึกถึงอาการขนลุกเหมือนกับตอนนั่งสมาธิขึ้นมาอีกขณะที่ทำการกดจุดรักษาคนป่วย ระหว่างพักกลางวันซึ่งตอนแรกรู้สึกว่าไม่น่าหาเรื่องเลยตูเหนื่อยแทบไม่มีแรงเหลือ ทีนี้คนอื่นๆที่ยังไม่ได้ตรวจก็จะซักถามปัญหาสุขภาพกันมากขึ้นและต้องมีบางคนอยากจะทดลองวิชากดจุดของผม แต่ด้วยความเชื่อว่าพลังชีวิตของเรามาจากพระจิตเจ้าผมได้ลองสูดลมหายใจเข้าออกตามหลักวิชาชี่กง (วิชาออกกำลังกายด้วยลมปราณและสมาธิแบบจีน) เพียงประมาณห้านาทีเท่านั้นอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าก็หายไปเกือบหมดและผมสามารถผ่านงานช่วงบ่ายวันนั้นมาได้อย่างไม่รู้เพลียมากอย่างที่กังวลไว้แต่แรก
ผมเคยได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องศาสนากับนักปฏิบัติธรรมชาวพุทธมาบ้างและบางท่านก็เป็นคนมีญาณหยั่งรู้ที่ฝึกสมาธิมาเป็นอย่างดี เค้าบอกให้ผมหัดเจริญสติบ่อยๆ ผมก็เล่าให้เค้าฟังว่าการปฏิบัติสมาธิแบบคาทอลิกของทางชมรม WCCM เป็นอย่างไรเค้าบอกผมว่ามันก็เหมือนกับการเจริญสตินั่นเองให้ผมทำต่อไปดีแล้ว
หลังจากปฏิบัติแบบทำบ้างไม่ทำบ้างมาเกือบๆครึ่งปี ผมรู้สึกว่าการหันมาสนใจเรื่องนี้ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปทำให้ความเชื่อมีมากขึ้น ทำให้ตัวเองมีความตั้งใจในการสวดภาวนา การไปร่วมมิสซา มากขึ้น และมีสติเตือนตัวเองมากขึ้น
การสวดภาวนาโดยทั่วไปนั้นเรานมัสการ ขอบพระคุณ ขอโทษและทูลขอต่อพระเจ้า การนั่งสมาธิและเจริญสติคือการฝึกจิตให้นิ่งอยู่ในปัจจุบันกับพระเจ้าเป็นการฟังเสียงของพระองค์อีกวิธีหนึ่งเช่นเดียวกับการอ่านพระวาจาของพระเจ้านั่นเอง และทำให้จิตของเรามีความเข้มแข็งมากขึ้น
มีครั้งหนึ่งผมมีปากเสียงทะเลาะกับภรรยาผมอยากพบทางออกอย่างเหมาะสมผมได้ภาวนาสั้นๆขอให้พระจิตเจ้าทรงช่วยเหลือและนั่งสมาธิประมาณ 20 นาที จากนั้นผมก็ค่อยๆคิดหาวิธีที่จะพูดกับเธอและมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี
หลังจากปฏิบัติแบบทำบ้างไม่ทำบ้างมาเกือบๆครึ่งปี ผมรู้สึกว่าการหันมาสนใจเรื่องนี้ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปทำให้ความเชื่อมีมากขึ้น ทำให้ตัวเองมีความตั้งใจในการสวดภาวนา การไปร่วมมิสซา มากขึ้น และมีสติเตือนตัวเองมากขึ้น
การสวดภาวนาโดยทั่วไปนั้นเรานมัสการ ขอบพระคุณ ขอโทษและทูลขอต่อพระเจ้า การนั่งสมาธิและเจริญสติคือการฝึกจิตให้นิ่งอยู่ในปัจจุบันกับพระเจ้าเป็นการฟังเสียงของพระองค์อีกวิธีหนึ่งเช่นเดียวกับการอ่านพระวาจาของพระเจ้านั่นเอง และทำให้จิตของเรามีความเข้มแข็งมากขึ้น
มีครั้งหนึ่งผมมีปากเสียงทะเลาะกับภรรยาผมอยากพบทางออกอย่างเหมาะสมผมได้ภาวนาสั้นๆขอให้พระจิตเจ้าทรงช่วยเหลือและนั่งสมาธิประมาณ 20 นาที จากนั้นผมก็ค่อยๆคิดหาวิธีที่จะพูดกับเธอและมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี
- siritawatss
- โพสต์: 559
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
- ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
- ติดต่อ:
ส่วนตัวผมคิดว่าอาจเป็นการสะดุดในความเชื่อได้ครับ ศาสนาพุทธเเละคำสอนของพุทธมาจากมนุษย์ เราควรศรัทธาคำสอนของพระเจ้าไม่ไช่มนุษย์ คนพุทธที่มาพึ่งพระเจ้าที่เห็นมาส่วนนึงคือ ตนเป็นที่พึ่งเเห่งตนไม่ไหวอีกแล้ว นั่งสมาธิก็เเล้ว ปฎิบัตรธรรมก็เเล้วไม่ดีขึ้น จึงหันมาพึ่งพาพระเจ้าของเรา เเล้วเราล่ะกลับไปพึ่งสมาธิเเบบพุทธ เราควรต้องชัดเจนในเรื่องนี้มากหน่อยนะครับ ผมคิดว่าถ้าเป็นสิ่งจำเป็นจริงๆในBibleก็คงจารึกเอาไว้ เเละคงมีสอนกันทุกวัด เเต่ถ้าไม่มีคงไม่จำเป็นเท่าไหร่ เน้นทำตามอาจารย์ของเราคือพระเยซูคริสตเจ้ามากๆครับ มีอะไรอีกมากมายในคำสอนของพระคริสต์ ขออภัยความคิดเห็นของผมด้วยนะครับ
ความคิดส่วนตัวของผมครับ
ความคิดส่วนตัวของผมครับ
รู้สึกนั่งสมาธิแบบคริสตก็มีนะคะ
นักบุญโทมัส อไควนัส นักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา ท่านก็ฝึกจิตสมาธิเข้าญาณ ฝึกจิตขั้นสูง(ถ้าจำไม่ผิด)
มีหนังสือที่ท่านเขียน แปลเป็นไทย มีขายที่ศาสนภัณฑ์ วัดอัสสัมชัญ
เคยคุยกับคนคริสตที่นั่งสมาธิ การฝึกต้องมีผู้รู้คอยแนะนำ บางคนชอบนั่งสมาธิมากๆ ถอดจิตได้
เห็นแสง สี เสียงอะไรต่างๆได้ อาจหลงไปกับมัน บางคนหลงไปให้หลวงพ่อทางพุทธสอนเพิ่มเข้าไปนั่น
อาจทำให้ไขว้เขวได้ ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอ
ภราดา ชุมพล ดีสุดจิต คณะเซนต์คาเบียน ท่านก็ให้การอบรมเรื่องนี้อยู่ คุณอำนวยพรคงเป็นลูกศิษต์ท่าน
นักบุญโทมัส อไควนัส นักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา ท่านก็ฝึกจิตสมาธิเข้าญาณ ฝึกจิตขั้นสูง(ถ้าจำไม่ผิด)
มีหนังสือที่ท่านเขียน แปลเป็นไทย มีขายที่ศาสนภัณฑ์ วัดอัสสัมชัญ
เคยคุยกับคนคริสตที่นั่งสมาธิ การฝึกต้องมีผู้รู้คอยแนะนำ บางคนชอบนั่งสมาธิมากๆ ถอดจิตได้
เห็นแสง สี เสียงอะไรต่างๆได้ อาจหลงไปกับมัน บางคนหลงไปให้หลวงพ่อทางพุทธสอนเพิ่มเข้าไปนั่น
อาจทำให้ไขว้เขวได้ ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอ
ภราดา ชุมพล ดีสุดจิต คณะเซนต์คาเบียน ท่านก็ให้การอบรมเรื่องนี้อยู่ คุณอำนวยพรคงเป็นลูกศิษต์ท่าน
ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะคนพุทธครับสมาธิในทางศาสนาพุทธนั้นพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าใครจะฝึกก็ได้ไม่ต้องจำเป้นต้องมานับถือท่านเพียงแค่เอาสมาธิไปปฏิบัติจะพ้นทุกข์ได้จริงในเริ่มแรกผู้เจริญสมาธิจะมีความรู้สึกปิติซึ่งทางพุทธกล่าวว่าอารมณ์ของปิติมีอย่างคือ1. ขุททกาปิติ ปิติทำให้ขนชูชันเล็กน้อย
2. ขณิกาปิติ ปิติเกิดขึ้นชั่วขณะๆ เหมือนฟ้าแลบ
3. โอกกันติกาปิติ ปิติที่กระทบกาย เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
4. อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน ทำให้ลอยขึ้นได้
5. ผรณาปิติ ปิติที่ซาบซ่าน แผ่ไปทั่วร่างกาย
ผมเคยได้อ่านการปฏิบัติสมาธิแบบคริสแล้วทำให้ทราบว่ามันคล้ายๆกับการเจริญสมาธิแบบอานาปานานุสสติซึ่งเป็นคล้ายๆที่หลวงพ่อจรัญสอนว่าเดินหนอ ย่างหนอ เป็นต้นคือมีสติอยู่กับการกระทำผู้เจริญอานาปานานุสสติได้ในทางพุทธถือว่าได้เจริญสติปัฏฐาน 4ผู้เจริญบ่อยๆย่อมเป็นผู้มีหวังในสุคติหรือแดนสวรรค์นั้นเอง
2. ขณิกาปิติ ปิติเกิดขึ้นชั่วขณะๆ เหมือนฟ้าแลบ
3. โอกกันติกาปิติ ปิติที่กระทบกาย เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
4. อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน ทำให้ลอยขึ้นได้
5. ผรณาปิติ ปิติที่ซาบซ่าน แผ่ไปทั่วร่างกาย
ผมเคยได้อ่านการปฏิบัติสมาธิแบบคริสแล้วทำให้ทราบว่ามันคล้ายๆกับการเจริญสมาธิแบบอานาปานานุสสติซึ่งเป็นคล้ายๆที่หลวงพ่อจรัญสอนว่าเดินหนอ ย่างหนอ เป็นต้นคือมีสติอยู่กับการกระทำผู้เจริญอานาปานานุสสติได้ในทางพุทธถือว่าได้เจริญสติปัฏฐาน 4ผู้เจริญบ่อยๆย่อมเป็นผู้มีหวังในสุคติหรือแดนสวรรค์นั้นเอง
ของผมคงจะเป็นปิติแบบที่ 1 กับแบบที่ 5 ครับ
เสียดายตอนนี้หาโอกาสลงไปกทม.ยังไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปเข้ากลุ่มของ คพ.ประเสริฐ อีกสักที
ตอนนี้ผมกำลังวางแผนกลับไปเรียนต่อเฉพาะทางอีกรอบแม้ตัวเองจะแก่ไปสักหน่อย สาขาที่จะสมัครคือเวชศาสตร์ฟื้นฟู อีกอย่างที่ผมสนใจก็คือการรักษาโรคด้วยลมปราณ แต่ยังหาอาจารย์ที่ตัวเองสะดวกไปเรียนด้วยไม่ได้ เข้าใจว่าสามารถใช้ร่วมกับวิชาฝังเข็มได้ ทุกวันนี้เวลาฝังเข็มให้ผู้ป่วยผมจะนึกถึงองค์พระจิตเจ้าหรือไม่ก็ภาวนาบทสายประคำพระเมตตาเกือบทุกครั้ง
เวลาเพ่งสมาธิไปที่ฝ่ามือตัวเองจะรู้สึกว่ามีคลื่นพลังงานกระทบเบาๆ
เสียดายตอนนี้หาโอกาสลงไปกทม.ยังไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปเข้ากลุ่มของ คพ.ประเสริฐ อีกสักที
ตอนนี้ผมกำลังวางแผนกลับไปเรียนต่อเฉพาะทางอีกรอบแม้ตัวเองจะแก่ไปสักหน่อย สาขาที่จะสมัครคือเวชศาสตร์ฟื้นฟู อีกอย่างที่ผมสนใจก็คือการรักษาโรคด้วยลมปราณ แต่ยังหาอาจารย์ที่ตัวเองสะดวกไปเรียนด้วยไม่ได้ เข้าใจว่าสามารถใช้ร่วมกับวิชาฝังเข็มได้ ทุกวันนี้เวลาฝังเข็มให้ผู้ป่วยผมจะนึกถึงองค์พระจิตเจ้าหรือไม่ก็ภาวนาบทสายประคำพระเมตตาเกือบทุกครั้ง
เวลาเพ่งสมาธิไปที่ฝ่ามือตัวเองจะรู้สึกว่ามีคลื่นพลังงานกระทบเบาๆ
ได้เคยฝึกปฏิบัติกับ บร ชุมพล ค่ะ น่าจะเป็นแบบที่คุณ Hotty2539 พูดถึงHotty2539 เขียน:ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะคนพุทธครับสมาธิในทางศาสนาพุทธนั้นพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าใครจะฝึกก็ได้ไม่ต้องจำเป้นต้องมานับถือท่านเพียงแค่เอาสมาธิไปปฏิบัติจะพ้นทุกข์ได้จริงในเริ่มแรกผู้เจริญสมาธิจะมีความรู้สึกปิติซึ่งทางพุทธกล่าวว่าอารมณ์ของปิติมีอย่างคือ1. ขุททกาปิติ ปิติทำให้ขนชูชันเล็กน้อย
2. ขณิกาปิติ ปิติเกิดขึ้นชั่วขณะๆ เหมือนฟ้าแลบ
3. โอกกันติกาปิติ ปิติที่กระทบกาย เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
4. อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน ทำให้ลอยขึ้นได้
5. ผรณาปิติ ปิติที่ซาบซ่าน แผ่ไปทั่วร่างกาย
ผมเคยได้อ่านการปฏิบัติสมาธิแบบคริสแล้วทำให้ทราบว่ามันคล้ายๆกับการเจริญสมาธิแบบอานาปานานุสสติซึ่งเป็นคล้ายๆที่หลวงพ่อจรัญสอนว่าเดินหนอ ย่างหนอ เป็นต้นคือมีสติอยู่กับการกระทำผู้เจริญอานาปานานุสสติได้ในทางพุทธถือว่าได้เจริญสติปัฏฐาน 4ผู้เจริญบ่อยๆย่อมเป็นผู้มีหวังในสุคติหรือแดนสวรรค์นั้นเอง
บร ชุมพลบอกว่า จริงๆแล้ว สมาธิไม่เกี่ยวกับศาสนาค่ะ แต่เป็นวิธีการที่ทำให้รู้ถึงสติ รู้สึกถึงลมปราณ และระลึกเสมอว่า ลมปราณมาจากพระเจ้า
การที่เรามีสติ เราอยู่กับลมปราณ เราอยู่กับพระเจ้าค่ะ
- siritawatss
- โพสต์: 559
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
- ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
- ติดต่อ:
คือส่วนตัวผมรู้สึกว่า การฝึกสมาธิมันเหมือนกับการพึ่งตัวเอง มากกว่าการพึ่งพาพระเจ้าครับ มันไปตรงกับคำสอนของพุทธที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งเเห่งตน ผมเลยไม่ค่อยสบายใจกับการฝึกสมาธิก็เท่านั้นเองครับ เพราะว่าถ้าพูดถึงสมาธิ คนไทยส่วนมากก็จะคิดถึงว่าเป็นของพุทธไงครับ เเล้วเราเป็นคริสตชนไปนั่งสมาธิ ไม่รู้คริสเตียน กับ ออโธดอกซ์ เค้าคิดยังไงกับเรื่องนี้ ขอความกรุณาช่วยเเสดงความคิดเห็นให้ผมอ่านหน่อยนะครับ แบ่งปันเพื่อพี่น้องในพระคริสตเจ้าครับ
ตอบคุณ siritawatss นะครับ
การใช้ศัพท์อาจจะทำให้เราไปยึดติดว่าอะไรเป็นของศาสนาใคร จริงๆแล้วหลายเรื่องหลายสิ่งเป็นสิ่งเดียวกันแต่ใช้ชื่อเรียกต่างกัน บางสิ่งเป็นคนละเรื่องแต่ใช้คำเดียวกัน ศาสนาคาทอลิกในเมืองไทยก็หยิบยืมคำที่ใช้ในพุทธศาสนามาใช้หลายคำในความหมายที่ไม่ตรงกับในพุทธศาสนา
การปฏิบัติสมาธิและการเจริญสติถ้าเราไปดูเนื้อหาหรือหลักการที่แท้จริงแล้ว ไม่ต่างไปจากการภาวนาชนิดหนึ่งของคริสตชน ที่เรียกว่า contemplative prayer แปลไทยว่าการภาวนาแบบเพ่งพิศ (ผมฟังแล้วไม่ค่อยคุ้นรู้สึกขัดๆนิดหน่อย ชอบใช้ว่าสมาธิแบบคริสต์มากกว่าครับ)
พระเยซูเจ้าอาจจะไม่ได้สอนให้เรานั่งสมาธิโดยใช้การอธิบายแบบเดียวกับในพุทธศาสนา การทำจิตใจให้นิ่งสงบเพื่อจะได้มีโอกาสรับการดลใจหรือได้รับปัญญาหรือปรีชาญาณจากองค์พระจิตเจ้าก็ถือเป็นการปฏิบัติสมาธิ
ช่วง 300 ปีแรกที่ศาสนาคริสต์กำเนิดขึ้นมามีการเบียดเบียนศาสนาคริสต์มาก พระศาสนจักรต้องหลบอยู่ใต้ดิน ยุคนั้นผมเข้าใจว่าบทสวดแบบที่เราสวดภาวนากันคงไม่มีสักกี่บท หลักๆน่าจะมีบทข้าแต่พระบิดาแน่ๆเพราะพระเยซูเจ้าทรงสอนเอง การภาวนาในสมัยนั้นอาจจะเป็นการรำพึงส่วนตัว หรือบทภาวนาสั้นๆ และการนั่งสมาธิรวมอยู่ด้วย
การฝึกสมาธิเจริญสติแบบชาวคริสต์นั้นเป็นการสำรวมจิตใจให้นิ่งอยู่ในขณะปัจจุบันกับองค์พระผู้เป็นเจ้า การเฝ้าศีลก็สามารถรวมการปฏิบัติสมาธิเข้าไปด้วยคือทำใจให้นิ่งจดจ่ออยู่กับองค์พระเยซูเจ้าแต่เพียงอย่างเดียวไม่ต้องไปคิดเรื่องอะไรทั้งสิ้น ทั้งเรื่องดีและร้าย เรื่องที่ผ่านมาแล้วเราย้อนไปแก้ไม่ได้ เรื่องที่ยังไม่เกิดเราก็ไปกะเกณฑ์อะไรมันไม่ได้ เราทำสมาธิคือเราพยายามให้จิตของเราจดจ่ออยู่ในปัจจุบันกับพระองค์
สรุปจากที่คุณ siritawatss แสดงความเห็นมาก็คือ การทำสมาธิมันไม่เกี่ยวกับว่าเราจะพึ่งตนเองหรือพึ่งพระ ชาวคริสต์ทำสมาธิเพื่อให้จิตใจจดจ่อกับพระได้มากขึ้น (หลังจากผมปฏิบัติมาได้พักหนึ่งผมรู้สึกว่าผมตั้งใจภาวนา ตั้งใจร่วมมิสซามากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ) แต่ชาวพุทธนั้นเค้าทำสมาธิเพื่อให้จิตมีกำลัง เจริญสติเพื่อเกิดปัญญา แล้วใช้จิตที่เข้มแข็งและมีปัญญาพยายามเอาชนะกิเลส ดังนั้นหลักการความเชื่อย่อมแตกต่างกันเพราะมันคนละศาสนา แต่วิธีปฏิบัตินั้นใกล้เคียงกันและเกิดประโยชน์เหมือนกันครับ
เท่าที่ผมเข้าใจการภาวนาในลักษณะนี้มีในนิกายออร์โธดอกซ์ แต่อาจจะไม่มีในโปรเตสแตนท์เพราะโปรฯส่วนใหญ่เค้าจะเน้นพระคัมภีร์
จริงๆแล้วในพระวรสารก็มีข้อความบางตอนที่อาจจะอนุมานถึงการทำจิตให้นิ่งและจดจ่ออยู่กับพระเจ้าซึ่งมันก็คือการทำสมาธิ เพียงแต่พระศาสนจักรเราไม่ได้เน้นเรื่องเหล่านี้ให้คริสตชนทั่วไปปฏิบัติ
สำหรับการไปนั่งสมาธิร่วมกันคนพุทธนั้นจริงๆมีชาวคริสต์บางส่วนที่ทำอยู่นะครับ ความเห็นผมก็คือทำได้แต่ควรจะระมัดระวังเส้นแบ่งระหว่างการทำศาสนสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับการปฏฺิบัติบางอย่างที่อาจเป็นที่สะดุดได้ครับ
การใช้ศัพท์อาจจะทำให้เราไปยึดติดว่าอะไรเป็นของศาสนาใคร จริงๆแล้วหลายเรื่องหลายสิ่งเป็นสิ่งเดียวกันแต่ใช้ชื่อเรียกต่างกัน บางสิ่งเป็นคนละเรื่องแต่ใช้คำเดียวกัน ศาสนาคาทอลิกในเมืองไทยก็หยิบยืมคำที่ใช้ในพุทธศาสนามาใช้หลายคำในความหมายที่ไม่ตรงกับในพุทธศาสนา
การปฏิบัติสมาธิและการเจริญสติถ้าเราไปดูเนื้อหาหรือหลักการที่แท้จริงแล้ว ไม่ต่างไปจากการภาวนาชนิดหนึ่งของคริสตชน ที่เรียกว่า contemplative prayer แปลไทยว่าการภาวนาแบบเพ่งพิศ (ผมฟังแล้วไม่ค่อยคุ้นรู้สึกขัดๆนิดหน่อย ชอบใช้ว่าสมาธิแบบคริสต์มากกว่าครับ)
พระเยซูเจ้าอาจจะไม่ได้สอนให้เรานั่งสมาธิโดยใช้การอธิบายแบบเดียวกับในพุทธศาสนา การทำจิตใจให้นิ่งสงบเพื่อจะได้มีโอกาสรับการดลใจหรือได้รับปัญญาหรือปรีชาญาณจากองค์พระจิตเจ้าก็ถือเป็นการปฏิบัติสมาธิ
ช่วง 300 ปีแรกที่ศาสนาคริสต์กำเนิดขึ้นมามีการเบียดเบียนศาสนาคริสต์มาก พระศาสนจักรต้องหลบอยู่ใต้ดิน ยุคนั้นผมเข้าใจว่าบทสวดแบบที่เราสวดภาวนากันคงไม่มีสักกี่บท หลักๆน่าจะมีบทข้าแต่พระบิดาแน่ๆเพราะพระเยซูเจ้าทรงสอนเอง การภาวนาในสมัยนั้นอาจจะเป็นการรำพึงส่วนตัว หรือบทภาวนาสั้นๆ และการนั่งสมาธิรวมอยู่ด้วย
การฝึกสมาธิเจริญสติแบบชาวคริสต์นั้นเป็นการสำรวมจิตใจให้นิ่งอยู่ในขณะปัจจุบันกับองค์พระผู้เป็นเจ้า การเฝ้าศีลก็สามารถรวมการปฏิบัติสมาธิเข้าไปด้วยคือทำใจให้นิ่งจดจ่ออยู่กับองค์พระเยซูเจ้าแต่เพียงอย่างเดียวไม่ต้องไปคิดเรื่องอะไรทั้งสิ้น ทั้งเรื่องดีและร้าย เรื่องที่ผ่านมาแล้วเราย้อนไปแก้ไม่ได้ เรื่องที่ยังไม่เกิดเราก็ไปกะเกณฑ์อะไรมันไม่ได้ เราทำสมาธิคือเราพยายามให้จิตของเราจดจ่ออยู่ในปัจจุบันกับพระองค์
สรุปจากที่คุณ siritawatss แสดงความเห็นมาก็คือ การทำสมาธิมันไม่เกี่ยวกับว่าเราจะพึ่งตนเองหรือพึ่งพระ ชาวคริสต์ทำสมาธิเพื่อให้จิตใจจดจ่อกับพระได้มากขึ้น (หลังจากผมปฏิบัติมาได้พักหนึ่งผมรู้สึกว่าผมตั้งใจภาวนา ตั้งใจร่วมมิสซามากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ) แต่ชาวพุทธนั้นเค้าทำสมาธิเพื่อให้จิตมีกำลัง เจริญสติเพื่อเกิดปัญญา แล้วใช้จิตที่เข้มแข็งและมีปัญญาพยายามเอาชนะกิเลส ดังนั้นหลักการความเชื่อย่อมแตกต่างกันเพราะมันคนละศาสนา แต่วิธีปฏิบัตินั้นใกล้เคียงกันและเกิดประโยชน์เหมือนกันครับ
เท่าที่ผมเข้าใจการภาวนาในลักษณะนี้มีในนิกายออร์โธดอกซ์ แต่อาจจะไม่มีในโปรเตสแตนท์เพราะโปรฯส่วนใหญ่เค้าจะเน้นพระคัมภีร์
จริงๆแล้วในพระวรสารก็มีข้อความบางตอนที่อาจจะอนุมานถึงการทำจิตให้นิ่งและจดจ่ออยู่กับพระเจ้าซึ่งมันก็คือการทำสมาธิ เพียงแต่พระศาสนจักรเราไม่ได้เน้นเรื่องเหล่านี้ให้คริสตชนทั่วไปปฏิบัติ
สำหรับการไปนั่งสมาธิร่วมกันคนพุทธนั้นจริงๆมีชาวคริสต์บางส่วนที่ทำอยู่นะครับ ความเห็นผมก็คือทำได้แต่ควรจะระมัดระวังเส้นแบ่งระหว่างการทำศาสนสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับการปฏฺิบัติบางอย่างที่อาจเป็นที่สะดุดได้ครับ
- siritawatss
- โพสต์: 559
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
- ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
- ติดต่อ:
ขอบคุณ คุณsansreposที่เเบ่งปันครับ มีใครมีอะไรจะเพิ่มเติมไหมครับ ขอบคุณครับ