มีใครฝึกสมาธิเป็นประจำไหมครับ ลองทำได้ครึ่งปีรู้สึกดีครับ

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

เสาร์ มิ.ย. 22, 2013 10:23 pm

ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาผมได้เริ่มนั่งและเดินทำสมาธิจากที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยตอนนี้รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่ได้คาดไว้แต่เดิม ซึ่งผมเป็นคริสตังนอนโตมากับครอบครัวคาทอลิกและก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมชาวพุทธถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

ผมเคยอ่านเรื่องราวความเชื่อคำสอนของศาสนาพุทธเถรวาทในเมืองไทยจากเวบไซด์และจากหนังสืองานศพหรือตามและแผงหนังสือธรรมะต่างๆผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ที่เค้าสอนประมาณว่าการทำทานทั้งหลายนั้นทานสูงสุดคืออภัยทานแต่สิ่งที่สร้างบารมีได้มากกว่าการทำทานคือการถือศีลบริสุทธิ์และสิ่งที่สูงสุดคือการปฏิบัติสมาธิและเจริญสติเพื่อให้เกิดปัญญาและใช้ปัญญานั้นประหารกิเลสเพื่อให้ถึงการหลุดพ้น

มาช่วงหลังๆมีคนแนะนำให้ผมหัดนั่งสมาธิหลายคนผมก็เลยลองกับเค้าบ้าง จำได้ว่าครั้งแรกผมนั่งสมาธิในห้องพระที่บ้านผม เริ่มด้วยการทำสำคัญมหากางเขนและสวดสั้นๆก่อน ไม่คิดว่าครั้งแรกจะนั่งได้นานเกือบครึ่งชั่วโมง (มากกว่าที่คิดไว้ก่อน) และรู้สึกว่ามีอาการขนลุกและเย็นวาบจากกลางศีรษะลงไปตามแผ่นหลัง เหมือนกับมีพลังงานบางอย่างมาให้ได้สัมผัส
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

เสาร์ มิ.ย. 22, 2013 10:34 pm

หลังจากนั้นผมพยายามนั่งสมาธิเป็นประจำบางครั้งก็เดินบ้างเพื่อออกกำลังกายไปในตัว ส่วนมากมักจะทำสลับกับการสวดภาวนาด้วย ส่วนมากผมจะสวดสายประคำพระเมตตา บางครั้งก็สวดสายประคำแบบมาตรฐาน

ผมเคยคุยกับพ่อผมเรื่องนี้ท่านไม่เห็นว่ามันมีความจำเป็นอะไรมากนักแต่ได้แนะนำให้ผมลองสวดเป็นภาษาอื่นๆที่ไม่ใช่ภาษาไทยดูบ้างเพื่อที่จะทำให้เราตั้งใจมากขึ้นเพราะเราสวดภาษาไทยจนชินเป็นอัตโนมัติแล้วบางทีสวดสายประคำทั้งสายแต่ตั้งใจสวดถึงห้าบทหรือเปล่ายังไม่แน่เลย ผมก็เลยลองหัดสวดบทภาวนาพื้นฐานคือบทข้าแต่พระบิดา วันทามารีอาและพระสิริรุ่งโรจน์เป็นภาษาละติน ตอนแรกรู้สึกว่าไม่ง่ายนักต้องตั้งใจท่องพอสมควร พ่อบอกว่าไม่ยากนักหรอกคุณปู่ผมที่เสียไปแล้วท่านสวดสายประคำเป็นภาษาละตินทุกวัน (คุณปู่ผมเป็นเณรเล็กเก่ามาก่อน)

ทีนี้พอลองสวดภาษาละตินดูจนคล่องแล้วรู้สึกว่าอาการขนลุกแบบตอนนั่งสมาธินั้นเกิดขึ้นทุกครั้งที่สวดหรือทุกครั้งที่รู้สึกว่าต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า เวลาอยู่ในมิสซาก็รู้สึกมีอาการแบบนี้บ่อยๆ โดยเฉพาะตอนฟังพระวรสารกับตอนที่คุณพ่อเสกศีล
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

เสาร์ มิ.ย. 22, 2013 10:46 pm

ผมได้ลองศึกษาในอินเตอร์เนตเกี่ยวกับเรื่องการทำสมาธิกับคริสตศาสนาก็เลยพบว่าการนั่งสมาธินั้นมีการปฏิบัติในคริสตชนบางส่วนมาแต่สมัยอัครสาวกแล้ว และในปัจจุบันก็มีชมรม WCCM (world community for christian meditation) ซึ่งมีสมาชิกทั่วโลก

ตอนแรกผมตั้งใจจะไปร่วมกลุ่มจิตภาวนาของคุณอำนวยพรแต่ก็หาโอกาสไปกรุงเทพฯยากมากช่วงหลังๆนี้เพราะมีลูกเล็ก (ผมทำงานและซื้อบ้านอยู่ที่โคราช)

ผมได้เบอร์ของคุณพ่อประเสริฐ โลหะวิริยะสิริ มาจากอุดมสารเลยโทรไปขอคำปรึกษาจากคุณพ่อ คุณพ่อได้สอนหลักการฝึกสมาธิแก่ผมอย่างคร่าวๆและได้บอกว่าความรู้สึกขนลุกที่ผมเป็นนั้นเชื่อว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้ามาให้ผมได้สัมผัสพระองค์จริงๆ

2 เดือนที่แล้วช่วงหลังสงกรานต์มีโอกาสไปกทม.วันสุดสัปดาห์เลยแวะไปร่วมกลุ่ม WCCM ที่วัดมหาไถ่ น่าเสียดายวันที่ผมไปไม่ได้พบคุณพ่อประเสริฐ อย่างไรก็ตามพี่ๆสมาชิกชมรมก็ได้มอบเอกสารแปลจากบทเทศของคุณพ่อ Laurence Freeman ซึ่งเป็นประธานใหญ่ของชมรม มาให้ผมได้ศึกษา คุณพ่อเป็นพระสงฆ์คณะเบเนดิกตินชาวอังกฤษและสำนักงานใหญ่ของชมรมก็อยู่ในลอนดอน
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

เสาร์ มิ.ย. 22, 2013 10:49 pm

จากคำสอนที่เรียนมาและความเชื่อในฐานะที่เป็นชาวคาทอลิกผมเชื่อเสมอว่าพระเจ้าทรงทำอัศจรรย์ผ่านกิจการดีต่างๆของพวกเราเสมอ การปฏิบัติสมาธิทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น ผมทำงานเป็นแพทย์ทั่วไปในรพ.เอกชน และมีโอกาสได้ไปร่วมออกหน่วยตรวจสุขภาพและปฐมพยาบาลกับชมรมเวชบุคคลคาทอลิกของมิสซังโคราชหลายครั้ง
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

เสาร์ มิ.ย. 22, 2013 11:21 pm

เมื่อปลายปีที่แล้วท่านอธิการิณีของรพ.ที่ผมทำงานอยู่ (มาเซอร์ อาเดลา SPC) ได้ชวนผมไปออกหน่วยที่บ้านดินขาวบนดอยที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เขตติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผมจำได้ว่าได้ฝังเข็มรักษาอาการเจ็บป่วยให้กับสัตบุรุษชาวปกากะญอไปเพียงประมาณ 10 คนติดๆกันก็รู้สึกเมื่อยล้าเป็นอย่างมาก (ยังไม่เคยหัดนั่งสมาธิในตอนนั้น) เดือนต่อมาผมได้ไปร่วมงานฉลองวัดคาทอลิกโคกปราสาท อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ผมฝังเข็มให้กับพี่น้องสัตบุรุษเราไป 25 คนรู้สึกว่าเหนื่อยมากแต่ระหว่างทำผมได้ภาวนาสั้นๆขอกำลังจากองค์พระจิตเจ้าให้ทรงช่วยเหลือทำให้ผมรู้สึกว่าเรี่ยวแรงฟื้นได้เร็ว

เดือนมี.ค.ที่ผ่านมาผมได้รับมอบหมายให้ไปตรวจสุขภาพคุณครูและบุคลากรที่ทำงานในรร.อัสสัมชัญคอนแวนต์ลำนารายณ์ ตอนแรกได้ยินชื่อว่าคอนแวนต์ก็นึกถึงรร.เซนต์โยฯที่เคยไปเยี่ยมคุณย่า 2 คนที่เป็นมาเซอร์อาวุโส สมัยสัก 20 ปีที่แล้วปรากฏว่ารร.ที่ว่านี้อยู่นอกตัวอำเภอมาราวๆ 10 กม.และไม่มีชุมชนอะไรอยู่แถวนั้นเลย แต่บรรยากาศรร.ก็แลดูสะอาดและใหม่มาก มีคุณครูและบุคลากรรอรับบริการอยู่ราวๆ 170 คน ตอนแรกผมเห็นว่าพวกคุณครูนี่คงไม่ค่อยจะเจ็บป่วยอะไรมากมายเพราะไม่ได้ทำงานเข้ากะทำให้ร่างกายเสียสมดุลย์พักผ่อนไม่พอเหมือนพวกคนงานโรงงานต่างๆหรือพวกแม่ค้าที่ตื่นมาขายของกลางดึก ตรวจร่างกายคร่าวๆคงไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก

ปรากฏว่าพวกคุณครูหลายท่านและบุคลากรทั้งแม่บ้านคนครัวทั้งหลายป่วยเป็น office syndrome (โรคปวดศีรษะเรื้อร้งจากกล้ามเนื้อบ่าแข็งและปวดหลังจากการนั่งทำงานในท่าเดิมนานเกินไป) กันเป็นจำนวนมาก และคุณครูหลายคนต้องทำงานเอกสารปริมาณมากเพื่อรอรับการตรวจประเมินรร.ทำให้หลายคนต้องนอนดึกเสียสุขภาพ คราวนี้ผมไม่ได้นำเข็มมาด้วยเพราะทราบดีว่าไม่มีทางจะทำได้ทันในเวลาที่จำกัด แต่เนื่องจากเห็นคนปวดหัวปวดหลังกันมากเลยลองประยุกต์วิชาฝังเข็มมาลองกดจุดรักษาดู คราวนี้เลยลากยาวทำเอาจนท.รพ.ที่ไปออกหน่วยด้วยกันต้องกลับช้าไปด้วย แต่เหมือนพระจิตเจ้าจะไม่เคยทอดทิ้งผม ผมรู้สึกถึงอาการขนลุกเหมือนกับตอนนั่งสมาธิขึ้นมาอีกขณะที่ทำการกดจุดรักษาคนป่วย ระหว่างพักกลางวันซึ่งตอนแรกรู้สึกว่าไม่น่าหาเรื่องเลยตูเหนื่อยแทบไม่มีแรงเหลือ ทีนี้คนอื่นๆที่ยังไม่ได้ตรวจก็จะซักถามปัญหาสุขภาพกันมากขึ้นและต้องมีบางคนอยากจะทดลองวิชากดจุดของผม แต่ด้วยความเชื่อว่าพลังชีวิตของเรามาจากพระจิตเจ้าผมได้ลองสูดลมหายใจเข้าออกตามหลักวิชาชี่กง (วิชาออกกำลังกายด้วยลมปราณและสมาธิแบบจีน) เพียงประมาณห้านาทีเท่านั้นอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าก็หายไปเกือบหมดและผมสามารถผ่านงานช่วงบ่ายวันนั้นมาได้อย่างไม่รู้เพลียมากอย่างที่กังวลไว้แต่แรก
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

เสาร์ มิ.ย. 22, 2013 11:47 pm

ผมเคยได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องศาสนากับนักปฏิบัติธรรมชาวพุทธมาบ้างและบางท่านก็เป็นคนมีญาณหยั่งรู้ที่ฝึกสมาธิมาเป็นอย่างดี เค้าบอกให้ผมหัดเจริญสติบ่อยๆ ผมก็เล่าให้เค้าฟังว่าการปฏิบัติสมาธิแบบคาทอลิกของทางชมรม WCCM เป็นอย่างไรเค้าบอกผมว่ามันก็เหมือนกับการเจริญสตินั่นเองให้ผมทำต่อไปดีแล้ว

หลังจากปฏิบัติแบบทำบ้างไม่ทำบ้างมาเกือบๆครึ่งปี ผมรู้สึกว่าการหันมาสนใจเรื่องนี้ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปทำให้ความเชื่อมีมากขึ้น ทำให้ตัวเองมีความตั้งใจในการสวดภาวนา การไปร่วมมิสซา มากขึ้น และมีสติเตือนตัวเองมากขึ้น

การสวดภาวนาโดยทั่วไปนั้นเรานมัสการ ขอบพระคุณ ขอโทษและทูลขอต่อพระเจ้า การนั่งสมาธิและเจริญสติคือการฝึกจิตให้นิ่งอยู่ในปัจจุบันกับพระเจ้าเป็นการฟังเสียงของพระองค์อีกวิธีหนึ่งเช่นเดียวกับการอ่านพระวาจาของพระเจ้านั่นเอง และทำให้จิตของเรามีความเข้มแข็งมากขึ้น

มีครั้งหนึ่งผมมีปากเสียงทะเลาะกับภรรยาผมอยากพบทางออกอย่างเหมาะสมผมได้ภาวนาสั้นๆขอให้พระจิตเจ้าทรงช่วยเหลือและนั่งสมาธิประมาณ 20 นาที จากนั้นผมก็ค่อยๆคิดหาวิธีที่จะพูดกับเธอและมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
siritawatss
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
ติดต่อ:

อาทิตย์ มิ.ย. 23, 2013 1:39 pm

ส่วนตัวผมคิดว่าอาจเป็นการสะดุดในความเชื่อได้ครับ ศาสนาพุทธเเละคำสอนของพุทธมาจากมนุษย์ เราควรศรัทธาคำสอนของพระเจ้าไม่ไช่มนุษย์ คนพุทธที่มาพึ่งพระเจ้าที่เห็นมาส่วนนึงคือ ตนเป็นที่พึ่งเเห่งตนไม่ไหวอีกแล้ว นั่งสมาธิก็เเล้ว ปฎิบัตรธรรมก็เเล้วไม่ดีขึ้น จึงหันมาพึ่งพาพระเจ้าของเรา เเล้วเราล่ะกลับไปพึ่งสมาธิเเบบพุทธ เราควรต้องชัดเจนในเรื่องนี้มากหน่อยนะครับ ผมคิดว่าถ้าเป็นสิ่งจำเป็นจริงๆในBibleก็คงจารึกเอาไว้ เเละคงมีสอนกันทุกวัด เเต่ถ้าไม่มีคงไม่จำเป็นเท่าไหร่ เน้นทำตามอาจารย์ของเราคือพระเยซูคริสตเจ้ามากๆครับ มีอะไรอีกมากมายในคำสอนของพระคริสต์ ขออภัยความคิดเห็นของผมด้วยนะครับ
ความคิดส่วนตัวของผมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ มิ.ย. 23, 2013 3:14 pm

รู้สึกนั่งสมาธิแบบคริสตก็มีนะคะ
นักบุญโทมัส อไควนัส นักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา ท่านก็ฝึกจิตสมาธิเข้าญาณ ฝึกจิตขั้นสูง(ถ้าจำไม่ผิด)
มีหนังสือที่ท่านเขียน แปลเป็นไทย มีขายที่ศาสนภัณฑ์ วัดอัสสัมชัญ
เคยคุยกับคนคริสตที่นั่งสมาธิ การฝึกต้องมีผู้รู้คอยแนะนำ บางคนชอบนั่งสมาธิมากๆ ถอดจิตได้
เห็นแสง สี เสียงอะไรต่างๆได้ อาจหลงไปกับมัน บางคนหลงไปให้หลวงพ่อทางพุทธสอนเพิ่มเข้าไปนั่น
อาจทำให้ไขว้เขวได้ ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอ
ภราดา ชุมพล ดีสุดจิต คณะเซนต์คาเบียน ท่านก็ให้การอบรมเรื่องนี้อยู่ คุณอำนวยพรคงเป็นลูกศิษต์ท่าน
:s029: :s029:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

อาทิตย์ มิ.ย. 23, 2013 9:06 pm

เคยอยู่ค่ะเเต่เวลานั่งหายใจเข้าพูดเยซูหายใจออกเยซูเเบบนี้ค่ะ :s021:
รุ่งอรุณ
โพสต์: 477
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 06, 2010 9:26 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มิ.ย. 24, 2013 8:42 am

rosa-lee เขียน:ภราดา ชุมพล ดีสุดจิต คณะเซนต์คาเบียน ท่านก็ให้การอบรมเรื่องนี้อยู่ คุณอำนวยพรคงเป็นลูกศิษต์ท่าน
:s029: :s029:
ใช่ค่ะ

::017::
Hotty2539
โพสต์: 102
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 30, 2011 6:17 pm
ที่อยู่: จันทบุรี

จันทร์ มิ.ย. 24, 2013 8:49 pm

ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะคนพุทธครับสมาธิในทางศาสนาพุทธนั้นพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าใครจะฝึกก็ได้ไม่ต้องจำเป้นต้องมานับถือท่านเพียงแค่เอาสมาธิไปปฏิบัติจะพ้นทุกข์ได้จริงในเริ่มแรกผู้เจริญสมาธิจะมีความรู้สึกปิติซึ่งทางพุทธกล่าวว่าอารมณ์ของปิติมีอย่างคือ1. ขุททกาปิติ ปิติทำให้ขนชูชันเล็กน้อย
2. ขณิกาปิติ ปิติเกิดขึ้นชั่วขณะๆ เหมือนฟ้าแลบ
3. โอกกันติกาปิติ ปิติที่กระทบกาย เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
4. อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน ทำให้ลอยขึ้นได้
5. ผรณาปิติ ปิติที่ซาบซ่าน แผ่ไปทั่วร่างกาย
ผมเคยได้อ่านการปฏิบัติสมาธิแบบคริสแล้วทำให้ทราบว่ามันคล้ายๆกับการเจริญสมาธิแบบอานาปานานุสสติซึ่งเป็นคล้ายๆที่หลวงพ่อจรัญสอนว่าเดินหนอ ย่างหนอ เป็นต้นคือมีสติอยู่กับการกระทำผู้เจริญอานาปานานุสสติได้ในทางพุทธถือว่าได้เจริญสติปัฏฐาน 4ผู้เจริญบ่อยๆย่อมเป็นผู้มีหวังในสุคติหรือแดนสวรรค์นั้นเอง
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

เสาร์ ก.ค. 06, 2013 1:29 pm

ของผมคงจะเป็นปิติแบบที่ 1 กับแบบที่ 5 ครับ
เสียดายตอนนี้หาโอกาสลงไปกทม.ยังไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปเข้ากลุ่มของ คพ.ประเสริฐ อีกสักที

ตอนนี้ผมกำลังวางแผนกลับไปเรียนต่อเฉพาะทางอีกรอบแม้ตัวเองจะแก่ไปสักหน่อย สาขาที่จะสมัครคือเวชศาสตร์ฟื้นฟู อีกอย่างที่ผมสนใจก็คือการรักษาโรคด้วยลมปราณ แต่ยังหาอาจารย์ที่ตัวเองสะดวกไปเรียนด้วยไม่ได้ เข้าใจว่าสามารถใช้ร่วมกับวิชาฝังเข็มได้ ทุกวันนี้เวลาฝังเข็มให้ผู้ป่วยผมจะนึกถึงองค์พระจิตเจ้าหรือไม่ก็ภาวนาบทสายประคำพระเมตตาเกือบทุกครั้ง

เวลาเพ่งสมาธิไปที่ฝ่ามือตัวเองจะรู้สึกว่ามีคลื่นพลังงานกระทบเบาๆ
รุ่งอรุณ
โพสต์: 477
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 06, 2010 9:26 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.ค. 07, 2013 10:33 pm

Hotty2539 เขียน:ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะคนพุทธครับสมาธิในทางศาสนาพุทธนั้นพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าใครจะฝึกก็ได้ไม่ต้องจำเป้นต้องมานับถือท่านเพียงแค่เอาสมาธิไปปฏิบัติจะพ้นทุกข์ได้จริงในเริ่มแรกผู้เจริญสมาธิจะมีความรู้สึกปิติซึ่งทางพุทธกล่าวว่าอารมณ์ของปิติมีอย่างคือ1. ขุททกาปิติ ปิติทำให้ขนชูชันเล็กน้อย
2. ขณิกาปิติ ปิติเกิดขึ้นชั่วขณะๆ เหมือนฟ้าแลบ
3. โอกกันติกาปิติ ปิติที่กระทบกาย เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
4. อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน ทำให้ลอยขึ้นได้
5. ผรณาปิติ ปิติที่ซาบซ่าน แผ่ไปทั่วร่างกาย
ผมเคยได้อ่านการปฏิบัติสมาธิแบบคริสแล้วทำให้ทราบว่ามันคล้ายๆกับการเจริญสมาธิแบบอานาปานานุสสติซึ่งเป็นคล้ายๆที่หลวงพ่อจรัญสอนว่าเดินหนอ ย่างหนอ เป็นต้นคือมีสติอยู่กับการกระทำผู้เจริญอานาปานานุสสติได้ในทางพุทธถือว่าได้เจริญสติปัฏฐาน 4ผู้เจริญบ่อยๆย่อมเป็นผู้มีหวังในสุคติหรือแดนสวรรค์นั้นเอง
ได้เคยฝึกปฏิบัติกับ บร ชุมพล ค่ะ น่าจะเป็นแบบที่คุณ Hotty2539 พูดถึง
บร ชุมพลบอกว่า จริงๆแล้ว สมาธิไม่เกี่ยวกับศาสนาค่ะ แต่เป็นวิธีการที่ทำให้รู้ถึงสติ รู้สึกถึงลมปราณ และระลึกเสมอว่า ลมปราณมาจากพระเจ้า
การที่เรามีสติ เราอยู่กับลมปราณ เราอยู่กับพระเจ้าค่ะ

::017::
ภาพประจำตัวสมาชิก
siritawatss
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ค. 08, 2013 3:05 pm

คือส่วนตัวผมรู้สึกว่า การฝึกสมาธิมันเหมือนกับการพึ่งตัวเอง มากกว่าการพึ่งพาพระเจ้าครับ มันไปตรงกับคำสอนของพุทธที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งเเห่งตน ผมเลยไม่ค่อยสบายใจกับการฝึกสมาธิก็เท่านั้นเองครับ เพราะว่าถ้าพูดถึงสมาธิ คนไทยส่วนมากก็จะคิดถึงว่าเป็นของพุทธไงครับ เเล้วเราเป็นคริสตชนไปนั่งสมาธิ ไม่รู้คริสเตียน กับ ออโธดอกซ์ เค้าคิดยังไงกับเรื่องนี้ ขอความกรุณาช่วยเเสดงความคิดเห็นให้ผมอ่านหน่อยนะครับ แบ่งปันเพื่อพี่น้องในพระคริสตเจ้าครับ :s002:
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

จันทร์ ก.ค. 08, 2013 5:01 pm

ตอบคุณ siritawatss นะครับ

การใช้ศัพท์อาจจะทำให้เราไปยึดติดว่าอะไรเป็นของศาสนาใคร จริงๆแล้วหลายเรื่องหลายสิ่งเป็นสิ่งเดียวกันแต่ใช้ชื่อเรียกต่างกัน บางสิ่งเป็นคนละเรื่องแต่ใช้คำเดียวกัน ศาสนาคาทอลิกในเมืองไทยก็หยิบยืมคำที่ใช้ในพุทธศาสนามาใช้หลายคำในความหมายที่ไม่ตรงกับในพุทธศาสนา

การปฏิบัติสมาธิและการเจริญสติถ้าเราไปดูเนื้อหาหรือหลักการที่แท้จริงแล้ว ไม่ต่างไปจากการภาวนาชนิดหนึ่งของคริสตชน ที่เรียกว่า contemplative prayer แปลไทยว่าการภาวนาแบบเพ่งพิศ (ผมฟังแล้วไม่ค่อยคุ้นรู้สึกขัดๆนิดหน่อย ชอบใช้ว่าสมาธิแบบคริสต์มากกว่าครับ)

พระเยซูเจ้าอาจจะไม่ได้สอนให้เรานั่งสมาธิโดยใช้การอธิบายแบบเดียวกับในพุทธศาสนา การทำจิตใจให้นิ่งสงบเพื่อจะได้มีโอกาสรับการดลใจหรือได้รับปัญญาหรือปรีชาญาณจากองค์พระจิตเจ้าก็ถือเป็นการปฏิบัติสมาธิ

ช่วง 300 ปีแรกที่ศาสนาคริสต์กำเนิดขึ้นมามีการเบียดเบียนศาสนาคริสต์มาก พระศาสนจักรต้องหลบอยู่ใต้ดิน ยุคนั้นผมเข้าใจว่าบทสวดแบบที่เราสวดภาวนากันคงไม่มีสักกี่บท หลักๆน่าจะมีบทข้าแต่พระบิดาแน่ๆเพราะพระเยซูเจ้าทรงสอนเอง การภาวนาในสมัยนั้นอาจจะเป็นการรำพึงส่วนตัว หรือบทภาวนาสั้นๆ และการนั่งสมาธิรวมอยู่ด้วย

การฝึกสมาธิเจริญสติแบบชาวคริสต์นั้นเป็นการสำรวมจิตใจให้นิ่งอยู่ในขณะปัจจุบันกับองค์พระผู้เป็นเจ้า การเฝ้าศีลก็สามารถรวมการปฏิบัติสมาธิเข้าไปด้วยคือทำใจให้นิ่งจดจ่ออยู่กับองค์พระเยซูเจ้าแต่เพียงอย่างเดียวไม่ต้องไปคิดเรื่องอะไรทั้งสิ้น ทั้งเรื่องดีและร้าย เรื่องที่ผ่านมาแล้วเราย้อนไปแก้ไม่ได้ เรื่องที่ยังไม่เกิดเราก็ไปกะเกณฑ์อะไรมันไม่ได้ เราทำสมาธิคือเราพยายามให้จิตของเราจดจ่ออยู่ในปัจจุบันกับพระองค์

สรุปจากที่คุณ siritawatss แสดงความเห็นมาก็คือ การทำสมาธิมันไม่เกี่ยวกับว่าเราจะพึ่งตนเองหรือพึ่งพระ ชาวคริสต์ทำสมาธิเพื่อให้จิตใจจดจ่อกับพระได้มากขึ้น (หลังจากผมปฏิบัติมาได้พักหนึ่งผมรู้สึกว่าผมตั้งใจภาวนา ตั้งใจร่วมมิสซามากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ) แต่ชาวพุทธนั้นเค้าทำสมาธิเพื่อให้จิตมีกำลัง เจริญสติเพื่อเกิดปัญญา แล้วใช้จิตที่เข้มแข็งและมีปัญญาพยายามเอาชนะกิเลส ดังนั้นหลักการความเชื่อย่อมแตกต่างกันเพราะมันคนละศาสนา แต่วิธีปฏิบัตินั้นใกล้เคียงกันและเกิดประโยชน์เหมือนกันครับ

เท่าที่ผมเข้าใจการภาวนาในลักษณะนี้มีในนิกายออร์โธดอกซ์ แต่อาจจะไม่มีในโปรเตสแตนท์เพราะโปรฯส่วนใหญ่เค้าจะเน้นพระคัมภีร์

จริงๆแล้วในพระวรสารก็มีข้อความบางตอนที่อาจจะอนุมานถึงการทำจิตให้นิ่งและจดจ่ออยู่กับพระเจ้าซึ่งมันก็คือการทำสมาธิ เพียงแต่พระศาสนจักรเราไม่ได้เน้นเรื่องเหล่านี้ให้คริสตชนทั่วไปปฏิบัติ

สำหรับการไปนั่งสมาธิร่วมกันคนพุทธนั้นจริงๆมีชาวคริสต์บางส่วนที่ทำอยู่นะครับ ความเห็นผมก็คือทำได้แต่ควรจะระมัดระวังเส้นแบ่งระหว่างการทำศาสนสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับการปฏฺิบัติบางอย่างที่อาจเป็นที่สะดุดได้ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
siritawatss
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ค. 08, 2013 6:59 pm

ขอบคุณ คุณsansreposที่เเบ่งปันครับ มีใครมีอะไรจะเพิ่มเติมไหมครับ ขอบคุณครับ :s002:
ตอบกลับโพส