มีเรื่องราวอยากจะมาแบ่งปันครับ

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
Existencia
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 09, 2013 12:41 pm

จันทร์ ธ.ค. 09, 2013 1:41 pm

สวัสดีครับ พี่น้องทุกท่านนะครับ

เรื่องที่ผมอยากจะมาแบ่งปัน และ อาจจะรวมถึงขอคำภาวนา และ อาจจะรวมถึงอะไรอย่างอื่นอีกมากมาย

ผมคิดแล้วคิดอีกว่าจะแบ่งปันเรื่องราวของผมให้พี่น้องทุกท่านได้รับรู้ดีไหม นั่งคิด นอนคิดมาวันสองวัน จนสุดท้าย ก็ตัดสินใจที่จะแบ่งปันให้พี่น้องทุกท่านได้รับรู้ เผื่อมันจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย เรื่องของผมอาจจะยาวสักหน่อย ทนๆอ่านกันหน่อยนะครับ

ผมรู้จักพระเจ้าและรู้จักเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ครั้งแรก ตอนผมเรียนอยู่ม.3 (ตอนนี้ปี2แล้วนะครับ) ตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่าอยากจะเป็นคริสตชนคาธอลิคเสียเต็มประดา เริ่มจากการปรึกษาครูต่างชาติซึ่งเป็นชาวอังกฤษในขณะนั้น อาจารย์ก็ใจดีและยินดีที่จะช่วยผม โดยการหาบทข้าแต่พระบิดา ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ มาให้ผมเริ่มสวด และ แนะนำอะไรต่อมิอะไรให้ผมอีกหลายอย่าง ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก ด้วยความที่อยากรู้ผมจึงลองโทรไปที่วัดแห่งหนึ่งเพื่อจะสอบถามเรื่องการเรียนคำสอน จำได้ว่าเป็นคุณพ่อชาวต่างชาติที่รับสาย คุยกันซะดิบดี กะว่าจะไปในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ แต่ก็คงจะด้วยความบังเอิญ บ่ายวันเสาร์วันนั้นเมื่อผมรู้ว่าแถวบ้านที่ผมอยู่ก็มีโบสถ์ (ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าคริสตศาสนาแบ่งออกเป็น3นิกาย) ด้วยความที่ไม่รู้ว่ามันคิอโบสถ์โปรแตสเตนท์ ผมก็เดินเข้าไปถามศิษยาภิบาลถึงคุณพ่อบาทหลวง แบบที่ผมเคยเห็นในหนังฝรั่ง และ นั้นเองที่ทำให้ผมรู้ว่า ศาสนาคริสต์ถูกแบ่งออกเป็น3นิกาย วันอาทิตย์นั้นผมก็ได้ไปลองนมัสการพระเจ้าเป็นครั้งแรก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากสำหรับผมตอนนั้นก็เถอะ แต่ผมก็ได้ไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และ เริ่มรู้สึกว่า โปรเตสแตนท์คงไม่ใช่ทางของเรา หลังจากนั้นไม่นานก่อนที่ผมจะรู้จักคาธอลิคมากขึ้น ผมก็ได้ไปคริสตจักรนนทบุรี กับ อาจารย์ในโรงเรียนที่เป็นคริสเตียนท่านหนึ่ง ผมก็ยังรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจตัวเองอยู่มากนัก และหลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้ไปโบสถ์คาธอลิคครั้งแรก ก็ตอนช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ปีถัดมา ผมได้เริ่มรู้ว่า อะไรเป็นอะไรมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ลองเข้ามิสซาสักครั้ง ผมเริ่มเรียนคำสอนตั้งแต่ครั้งนั้น เรียนไปเรื่อยๆจนถึงประมาณเดือนกรกฎา หรือ สิงหา ปี2009 แล้วผมก็เริ่มตีตัวออกห่างจากพระเจ้า(เหมือนเริ่มเรียนตอนปลายเทอมถึงกลางเทอมถัดไปแล้วลาออก) เพราะผมรู้สึกว่า พระเจ้าไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย ผมไม่มีเพื่อนเลย เพราะผมย้ายโรงเรียนเข้ามาเรียนตอนม.4 ผมทรมาน อธิษฐานขอพระเจ้าทุกวันให้มารับผมไปอยู่กับพระองค์เสียทีเถิด ผมไม่อยากทรมานอยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว ผมออกห่างจากพระองค์
แต่มันน่าขำตรงที่ว่า หลังจากนั้นไม่นาน ปลายปี2009 ผมก็เริ่มมีความรู้สึกอยากกลับไปวัดอีกครั้ง อยากไปมิสซา และผมก็ได้ไปมิสซาครั้งแรก ซึ่งเป็นมิสซารอบภาษาอังกฤษ ที่วัดอัสสัมชัญ หลังจากนั้น ผมก็เริ่มเข้าวัดมากขึ้น จนกระทั่ง ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ปี2010 ที่ผมเริ่มตีตัวออกห่างจากพระเจ้าอีกครั้ง และ หันไปศึกษาศาสนาอิสลามมากขึ้น และเช่นเคยที่ผมรู้สึกศรัทธาตามแนวทางแบบมุสลิมเสียเหลือเกิน ผมเกือบที่จะเข้ารีตเป็นมุสลิมเสียอยู่แล้ว แต่เหมือนมีอะไรมาสะกิดใจผมเสียก่อน ทำให้ผมไม่ได้เลือกเดินในเส้นทางนั้น หลังจากนั้นก็ออกห่างจากพระอีกครั้ง และ เริ่มกลับมาหาพระเจ้าอีก ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2010 และครั้งนี้ผมเลือกที่จะเดินไปทางโปรเตสแตนท์อีกครั้งหนึ่ง ผมได้ไปคริสตจักสาธร ผมได้เรียนรู้อะไรอีกพอสมควร และผมก็ออกห่างจากพระเจ้าอีกครั้ง คราวนี้ผมศึกษาทางพุทธศาสนา คราวนี้ผมได้เริ่มปฎิบัติธรรมในแบบพุทธ เริ่มหาอาจารย์ทางพุทธมากมายหลายท่าน มันเหมือนจะเติมเต็มอะไรบางอย่างให้ผมได้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็เหมือนกับว่า ผมกำลังหลอกตัวเองอยู่มากกว่า ผมปฎิบัติธรรมเรื่อยมา จนจบม.6 ในช่วงเวลาที่ผมปฎิบัติธรรม มันก็มีบ้างที่ผมถวิลหาอะไรบางอย่างที่จะมาเติมเต็มให้ผมได้ ผมเคยคิดจะกลับไปหาพระองค์ แต่เหมือนมีเสียงคอยบอกผมว่า ' พระเจ้ามีที่ไหนกัน ไม่มีหรอก ปฎิบัติสิ่งที่ทำไปอยู่ให้ดีก็พอแล้ว ' และในช่วงที่ผมปฎิบัติธรรมนี้เอง ที่ผมโละศาสนภัณฑ์ สายประคำ บทภาวนาต่างๆ และ อื่นๆ ที่ผมสะสมมาตั้งแต่ช่วงปลายปี2009(แต่ถือว่าโชคยังดีที่ผมยังเก็บ สายประคำ และ พระคัมภีร์เอาไว้) นอกจากนั้น ผมยังให้คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับทางบ้านและญาติพี่น้องว่า ผมจะไม่มีวันกลับเป็นนับถือคริสต์อีกเด็ดขาด แต่เหมือนกับว่า ผมกำลังจะผิดคำพูดของตัวเองที่ได้เคยพูดเอาไว้...

เวลาผ่านพ้นไป ผมได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านสังคมศาสตร์ ผมก็กลายเป็นคนที่ไม่มีแก่นสารไปชั่วขณะ เพราะหลังจากจบม.6 ผมก็เริ่มละเลยการปฎิบัติธรรม และหันเหไปทำอย่างอื่นแทน แต่ในช่วงเวลานั้นจนถึงเวลานี้ ก็มีบ้างที่ผมถวิลหาพระเจ้า แต่เหมือนกับว่า ผมไม่สามารถเชื่อและวางใจในพระองค์ได้นานมากนัก เพราะทุกครั้งที่ผมคิดจะกลับมาหาพระองค์ ผมกลับมาได้เพื่อน 3-4 วัน เท่านั้น และก็เริ่มตีตัวออกห่างจากพระองค์ (ความรู้สึกเหมือนเห่อของเล่นใหม่ พอเลิกเห่อก็ทิ้งมันไว้ที่ไหนสักแห่ง) แต่มันก็เป็นอะไรที่น่าแปลกอีกเช่นกันที่ผมกลับรู้สึกพอใจที่จะบูชาเทพเจ้าฮินดู แต่ผมก็บูชาได้อีกไม่นานเช่นกัน และหลังจากนั้นมาผมก็กลายเป็นคนที่ไร้แก่นสารอีกครั้งหนึ่ง และถึงจะเรียนมหาลัยแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่มีเพื่อนอยู่ดี มันเหงาและว้าเว่ และจู่ๆวันนั้นก็มาถึง...
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่จู่ๆผมก็รู้สึกอยากจะไปมิสซาเย็นที่วัดอัสสัมชัญ ที่นึกถึงวัดอัสสัมชัญ คงเป็นเพราะว่าผมมีความทรงจำอะไรบางอย่างกับที่นี้ สิ่งที่ผมได้รับจากการมิสซาเย็น ใน วันเสาร์ ที่ 7 ธันวาคม 2013 มันเป็นความสงบร่มเย็นแบบที่ผมถวิลหามานาน และมันก็คงจะเป็นความบังเอิญกระมัง เพราะผมได้ร่วมมิสซานพวารพระมารดานิจจานุเคราะห์ด้วย มันเป็นมิสซาที่ผมหวังว่าครั้งหนึ่งในชีวิตผมอยากจะร่วม มันเป็นความฝันที่ผมลืมไปนานแล้ว แต่แล้ววันหนึ่ง ผมกลับมาได้ร่วมมิสซาอีกครั้ง หลังจากจบมิสซา สิ่งที่ผมถามตัวเองอีกครั้งหนึ่งก็คือ ตกลงแล้วชีวิตนี้จะเอายังไงต่อไปดีกันแน่ เราเคยให้คำมั่นสัญญากับครอบครัวและญาติพี่น้องไปแล้วว่าเราจะไม่มีวันกลับไปนับถือคริสต์อีก ตอนนี้เหมือนผมยืนอยู่บนทางแยก ความเชื่อครึ่งๆกลางๆของผมที่ไม่รู้จะไปทางไหนดี ผมไม่กล้าตัดสินใจอะไรอีกแล้ว.. เพราะถ้าผมตัดสินใจไปแล้ว การตัดสินใจในครั้งนี้(อีกครั้ง)ของผมมันอาจจะเปลี่ยนชีวิตผมไปตลอด ผมอาจจะโดนตัดหางปล่อยวัด โดนบอยคอด หรือ อาจจะโดนแซงก์ชั่นให้เปลี่ยนความเชื่อและความคิดความอ่าน จิตใจของผมไม่ได้เข้มแข็งแบบบุญราศีที่สองคอน และ นักบุญอัครสาวกทั้ง12คน ผมเลยเป็นแบบนี้กระมังครับ และอีกสาเหตุหนึ่งมันน่าจะมาจากสังคมที่ผมอยู่ และถุกปลูกฝังมาแต่แนวความคิดแบบพุทธผสมพรามหณ์ผสมวิถีแบบจีน


ทั้งหมดที่ผมเล่ามานี้ เป็นเรื่องจริงทั้งหมดนะครับ ไม่ได้เสริมเติมแต่งแต่อย่างใด เจตนาของผมมีเพียงอยากจะแบ่งปันเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองให้ทุกๆท่านได้อ่าน คิดซะว่าอ่านไปเพื่อบันเทิงใจก็ได้นะครับ ผมไม่ว่าอะไร


สุดท้ายนี้ ผมอยากจะขอคำแนะนำรวมถึงคำภาวนาด้วยครับ :s002:
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

จันทร์ ธ.ค. 09, 2013 6:46 pm

ภาวนาให้นะครับ พระเจ้าผู้ทรงยุติธรรมพระองค์ไม่ทรงเคืองพระทัยอะไรแต่อย่างไรหรอกถึงเรื่องการเปลี่ยนความเชื่อหลายครั้ง แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ขอให้ถามหัวใจตัวเองว่า สุดท้ายนี้จะอยุ่ในเส้นทางไหน หากเลือกเส้นทางของพระองค์ พระองค์พร้อมเสมอครับ ผมเองก็เปลี่ยนจาก พุทธ สู่ คาทอลิก มาตั้งแต่ ป.3 ตอนนี้ ก็ ม.2 แล้ว บอกและขอทำข้อตกลงแล้ว จะมียอมรับและไม่ยอม คละเคล้ากันไป แต่ผมก็ยังวางใจพระองค์ ไปวัดสม่ำเสมอ และก็มีความสุขดี ขอพระเจ้าอวยพรนะครับ ผมจะระลึกในคำภาวนาทุกครั้ง :s007: :s007:
Existencia
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 09, 2013 12:41 pm

จันทร์ ธ.ค. 09, 2013 7:28 pm

พี่คงยังทำอะไรไม่ได้หรอก ณ ตอนนี้น่ะนะ คงยังต้องครึ่งๆกลางๆแบบเนี้ย คงจะอีกสักพักมั้ง ถ้าไม่หันเหออกจากพระองค์อีกครั้งไปเสียก่อน ขอบคุณน้องซันมากนะครับ สำหรับความระลึกถึงในคำภาวนา :s002:
ภาพประจำตัวสมาชิก
siritawatss
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
ติดต่อ:

จันทร์ ธ.ค. 09, 2013 8:40 pm

ชีวิตน่าสนใจมากครับ อายุยังน้อยเเต่ผ่านอะไรมาพอสมควร ได้เรียนรู้หลายอย่าง คือเป็นธรรมดามนุษย์ต้องค้นหา
เเสวงหาไปเรื่อยๆ เเล้ววันนึงก็จะเริ่มค้นพบ เริ่มมั่นใจก็จะหยุดเองครับ ก็เเค่ทดลองเดินในทางคาทอลิกดูบ้าง
ค่อยๆเดินไม่ต้องรีบร้อน ไม่มีอะไรกดดัน ไม่ต้องคิดกังวลเลย เพราะเราเเค่ลองดู ไม่ได้เปลี่ยนศาสนาอะไรตอนนี้
คือแค่ว่างๆก็ไปร่วมมิสซาบ้าง ไปนั่งเล่นที่วัดบ้างครับ เเล้วค่อยดูอีกทีว่าจะยังไงต่อไปดีครับ
ขอภาวนาให้คุณได้พบสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตนะครับ :s002:
Existencia
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 09, 2013 12:41 pm

อังคาร ธ.ค. 10, 2013 8:08 am

siritawatss เขียน:ชีวิตน่าสนใจมากครับ อายุยังน้อยเเต่ผ่านอะไรมาพอสมควร ได้เรียนรู้หลายอย่าง คือเป็นธรรมดามนุษย์ต้องค้นหา
เเสวงหาไปเรื่อยๆ เเล้ววันนึงก็จะเริ่มค้นพบ เริ่มมั่นใจก็จะหยุดเองครับ ก็เเค่ทดลองเดินในทางคาทอลิกดูบ้าง
ค่อยๆเดินไม่ต้องรีบร้อน ไม่มีอะไรกดดัน ไม่ต้องคิดกังวลเลย เพราะเราเเค่ลองดู ไม่ได้เปลี่ยนศาสนาอะไรตอนนี้
คือแค่ว่างๆก็ไปร่วมมิสซาบ้าง ไปนั่งเล่นที่วัดบ้างครับ เเล้วค่อยดูอีกทีว่าจะยังไงต่อไปดีครับ
ขอภาวนาให้คุณได้พบสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตนะครับ :s002:


ขอบพระคุณนะครับพี่ ผมก็หวังว่าผมจะได้เจอ ได้พบ กับอะไรที่ขาดหายไปเหมือนกันครับ :s015:
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

อังคาร ธ.ค. 10, 2013 1:09 pm

Existencia เขียน:พี่คงยังทำอะไรไม่ได้หรอก ณ ตอนนี้น่ะนะ คงยังต้องครึ่งๆกลางๆแบบเนี้ย คงจะอีกสักพักมั้ง ถ้าไม่หันเหออกจากพระองค์อีกครั้งไปเสียก่อน ขอบคุณน้องซันมากนะครับ สำหรับความระลึกถึงในคำภาวนา :s002:
ด้วยความยินดีครับ พระเจ้าอวยพร :s002:
Existencia
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 09, 2013 12:41 pm

พุธ ธ.ค. 11, 2013 5:57 am

ตอนนี้ผมเริ่มกลับมาสวดสายประคำแล้วครับ มีความร้อนรนที่จะสวดสายประคำมากขึ้น ทุกๆครั้งที่สวดเสร็จความรู้สึกดีๆที่ผมเคยได้รับมันก็ค่อยๆตามมา


แต่..ผมก็ไม่รู้ว่า ผมจะทำยังไง และ ดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรอยู่ดี :s008: ผมอธิษฐานบอกพระเจ้าว่า ผมขอลองกลับมาเดินทางในเส้นทางนี้ดูอีกครั้ง และหากผมมั่นใจและมั่นคงเมื่อไหร่ ผมพร้อมจะละทิ้งความเชื่อเดิมแล้วเดินตามพระองค์อย่างจริงจัง นั้นหมายความว่าตอนนี้ผมก็เหมือนยังครึ่งๆกลางๆกับความเชื่ออยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้รับ นั้นคือ การเริ่มต้นของการฟื้นฟูจิตวิญญานที่อ่อนแอและเปราะบางของผม :s002:
ภาพประจำตัวสมาชิก
siritawatss
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
ติดต่อ:

พุธ ธ.ค. 11, 2013 11:25 am

Existencia เขียน:ตอนนี้ผมเริ่มกลับมาสวดสายประคำแล้วครับ มีความร้อนรนที่จะสวดสายประคำมากขึ้น ทุกๆครั้งที่สวดเสร็จความรู้สึกดีๆที่ผมเคยได้รับมันก็ค่อยๆตามมา


แต่..ผมก็ไม่รู้ว่า ผมจะทำยังไง และ ดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรอยู่ดี :s008: ผมอธิษฐานบอกพระเจ้าว่า ผมขอลองกลับมาเดินทางในเส้นทางนี้ดูอีกครั้ง และหากผมมั่นใจและมั่นคงเมื่อไหร่ ผมพร้อมจะละทิ้งความเชื่อเดิมแล้วเดินตามพระองค์อย่างจริงจัง นั้นหมายความว่าตอนนี้ผมก็เหมือนยังครึ่งๆกลางๆกับความเชื่ออยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้รับ นั้นคือ การเริ่มต้นของการฟื้นฟูจิตวิญญานที่อ่อนแอและเปราะบางของผม :s002:
ดำเนินชีวิตตามปกติธรรมดาที่ทำอยู่ทุกวันครับ เพียงเเต่พยายามหักห้ามความกังวลใจบ้าง
เเละต้องไว้วางใจในพระเจ้าให้มากขึ้นอีก ก็คือไม่ต้องกังวลใจมากนัก เพราะความรัก
เเละความอบอุ่นของพระเจ้า จะค่อยๆเปลี่ยนชีวิตของเราอย่างช้าๆ เเต่มั่นคง เเละเเน่นอนว่า

จะต้องมีการประจญ เเละการทดลองต่างๆ จากภายนอกเเละภายในใจของเราเอง ต้องหมั่นภาวนา
อธิษฐานถึงพระเจ้าบ่อยๆเหมือนคุยกับพ่อ ผมเชื่อมั่นว่าคุณจะสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้เเน่นอนครับ

ส่วนเรื่องที่ว่า ครึ่งๆกลางๆกับความเชื่อนั้น ผมว่าไม่ใช่ครับ เพราะที่คุณกลับมาสวดสายประคำ ไปร่วมพิธีมิสซามานั้น คุณตั้งใจทำทั้งตัวและใจ มีสติครบถ้วน ไม่ใช่ครึ่งๆกลางหรอกครับ เพียงเเต่ว่ายังไม่เข้าร่วมจารีตล้างบาปเท่านั้นเองครับ

เเค่ปากกับใจคุณศรัทธาพระเจ้า คุณก็เป็นบุตรของพระองค์เเล้วครับ ไม่ว่าจะกลับไปกลับมากี่ครั้งก็ตาม พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งความรัก ค่อยๆเดินไปครับ ขอพระเจ้าสถิตอยู่กับคุณครับ :s002:
Existencia
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 09, 2013 12:41 pm

พุธ ธ.ค. 11, 2013 3:58 pm

siritawatss เขียน:
Existencia เขียน:ตอนนี้ผมเริ่มกลับมาสวดสายประคำแล้วครับ มีความร้อนรนที่จะสวดสายประคำมากขึ้น ทุกๆครั้งที่สวดเสร็จความรู้สึกดีๆที่ผมเคยได้รับมันก็ค่อยๆตามมา


แต่..ผมก็ไม่รู้ว่า ผมจะทำยังไง และ ดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรอยู่ดี :s008: ผมอธิษฐานบอกพระเจ้าว่า ผมขอลองกลับมาเดินทางในเส้นทางนี้ดูอีกครั้ง และหากผมมั่นใจและมั่นคงเมื่อไหร่ ผมพร้อมจะละทิ้งความเชื่อเดิมแล้วเดินตามพระองค์อย่างจริงจัง นั้นหมายความว่าตอนนี้ผมก็เหมือนยังครึ่งๆกลางๆกับความเชื่ออยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้รับ นั้นคือ การเริ่มต้นของการฟื้นฟูจิตวิญญานที่อ่อนแอและเปราะบางของผม :s002:
ดำเนินชีวิตตามปกติธรรมดาที่ทำอยู่ทุกวันครับ เพียงเเต่พยายามหักห้ามความกังวลใจบ้าง
เเละต้องไว้วางใจในพระเจ้าให้มากขึ้นอีก ก็คือไม่ต้องกังวลใจมากนัก เพราะความรัก
เเละความอบอุ่นของพระเจ้า จะค่อยๆเปลี่ยนชีวิตของเราอย่างช้าๆ เเต่มั่นคง เเละเเน่นอนว่า

จะต้องมีการประจญ เเละการทดลองต่างๆ จากภายนอกเเละภายในใจของเราเอง ต้องหมั่นภาวนา
อธิษฐานถึงพระเจ้าบ่อยๆเหมือนคุยกับพ่อ ผมเชื่อมั่นว่าคุณจะสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้เเน่นอนครับ

ส่วนเรื่องที่ว่า ครึ่งๆกลางๆกับความเชื่อนั้น ผมว่าไม่ใช่ครับ เพราะที่คุณกลับมาสวดสายประคำ ไปร่วมพิธีมิสซามานั้น คุณตั้งใจทำทั้งตัวและใจ มีสติครบถ้วน ไม่ใช่ครึ่งๆกลางหรอกครับ เพียงเเต่ว่ายังไม่เข้าร่วมจารีตล้างบาปเท่านั้นเองครับ

เเค่ปากกับใจคุณศรัทธาพระเจ้า คุณก็เป็นบุตรของพระองค์เเล้วครับ ไม่ว่าจะกลับไปกลับมากี่ครั้งก็ตาม พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งความรัก ค่อยๆเดินไปครับ ขอพระเจ้าสถิตอยู่กับคุณครับ :s002:


ที่ผมหมายถึงว่าครึ่งๆกลางๆ ก็คือ การประจญนั้นแหละครับ การประจญจากคนรอบข้าง(คนในครอบครัว)และญาติพี่น้องในเรื่องต่างๆ ผมกลัวว่าผมจะไม่มั่นคงมากพอ และอาจจะหลวมตัวทำตามด้วยความเคยชิน หรือ อาจจะทำด้วยความสมัครใจ(ด้วยว่าความเชื่อไม่มั่นคงและสั่นคลอน) และถึงแม้ว่าผมจะมีความมั่นคงในระดับหนึ่งแล้ว ผมก็อาจจะยังต้องทำในสิ่งที่ผมเคยทำได้ เช่น การไหว้พระ หรือ กินของที่ถวายแด่รูปเคารพต่างๆ เพื่อไม่ให้ความแปลกแยกเกิดขึ้นกับตัวผมและคนรอบข้าง ซึ่งผมรู้ดีว่าผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกแล้ว ผมก็จะพยายามที่จะหลีกเลี่ยง แต่ในบางสถานการณ์และบางกรณีที่ผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ สองอย่างนี้แหละครับ ที่ผมพูดถึงว่า มันดูครึ่งๆกลางๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เลย์
โพสต์: 1845
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
ติดต่อ:

พุธ ธ.ค. 11, 2013 10:32 pm

พี่เองก็เป็นพุทธมาก่อน เเละล้างบาปเป็นคาทอลิกเมื่อ 4 ปีก่อน เพราะได้รู้จักครอบครัวคริสตชนใจศรัทธาเลยทำให้อยากรู้จักกับพระเยซู จนได้เรียนคำสอนเเละล้างบาปในที่สุด :s002:
ภาพประจำตัวสมาชิก
siritawatss
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ธ.ค. 12, 2013 2:13 pm

Existencia เขียน:
siritawatss เขียน:
Existencia เขียน:ตอนนี้ผมเริ่มกลับมาสวดสายประคำแล้วครับ มีความร้อนรนที่จะสวดสายประคำมากขึ้น ทุกๆครั้งที่สวดเสร็จความรู้สึกดีๆที่ผมเคยได้รับมันก็ค่อยๆตามมา


แต่..ผมก็ไม่รู้ว่า ผมจะทำยังไง และ ดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรอยู่ดี :s008: ผมอธิษฐานบอกพระเจ้าว่า ผมขอลองกลับมาเดินทางในเส้นทางนี้ดูอีกครั้ง และหากผมมั่นใจและมั่นคงเมื่อไหร่ ผมพร้อมจะละทิ้งความเชื่อเดิมแล้วเดินตามพระองค์อย่างจริงจัง นั้นหมายความว่าตอนนี้ผมก็เหมือนยังครึ่งๆกลางๆกับความเชื่ออยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้รับ นั้นคือ การเริ่มต้นของการฟื้นฟูจิตวิญญานที่อ่อนแอและเปราะบางของผม :s002:
ดำเนินชีวิตตามปกติธรรมดาที่ทำอยู่ทุกวันครับ เพียงเเต่พยายามหักห้ามความกังวลใจบ้าง
เเละต้องไว้วางใจในพระเจ้าให้มากขึ้นอีก ก็คือไม่ต้องกังวลใจมากนัก เพราะความรัก
เเละความอบอุ่นของพระเจ้า จะค่อยๆเปลี่ยนชีวิตของเราอย่างช้าๆ เเต่มั่นคง เเละเเน่นอนว่า

จะต้องมีการประจญ เเละการทดลองต่างๆ จากภายนอกเเละภายในใจของเราเอง ต้องหมั่นภาวนา
อธิษฐานถึงพระเจ้าบ่อยๆเหมือนคุยกับพ่อ ผมเชื่อมั่นว่าคุณจะสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้เเน่นอนครับ

ส่วนเรื่องที่ว่า ครึ่งๆกลางๆกับความเชื่อนั้น ผมว่าไม่ใช่ครับ เพราะที่คุณกลับมาสวดสายประคำ ไปร่วมพิธีมิสซามานั้น คุณตั้งใจทำทั้งตัวและใจ มีสติครบถ้วน ไม่ใช่ครึ่งๆกลางหรอกครับ เพียงเเต่ว่ายังไม่เข้าร่วมจารีตล้างบาปเท่านั้นเองครับ

เเค่ปากกับใจคุณศรัทธาพระเจ้า คุณก็เป็นบุตรของพระองค์เเล้วครับ ไม่ว่าจะกลับไปกลับมากี่ครั้งก็ตาม พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งความรัก ค่อยๆเดินไปครับ ขอพระเจ้าสถิตอยู่กับคุณครับ :s002:


ที่ผมหมายถึงว่าครึ่งๆกลางๆ ก็คือ การประจญนั้นแหละครับ การประจญจากคนรอบข้าง(คนในครอบครัว)และญาติพี่น้องในเรื่องต่างๆ ผมกลัวว่าผมจะไม่มั่นคงมากพอ และอาจจะหลวมตัวทำตามด้วยความเคยชิน หรือ อาจจะทำด้วยความสมัครใจ(ด้วยว่าความเชื่อไม่มั่นคงและสั่นคลอน) และถึงแม้ว่าผมจะมีความมั่นคงในระดับหนึ่งแล้ว ผมก็อาจจะยังต้องทำในสิ่งที่ผมเคยทำได้ เช่น การไหว้พระ หรือ กินของที่ถวายแด่รูปเคารพต่างๆ เพื่อไม่ให้ความแปลกแยกเกิดขึ้นกับตัวผมและคนรอบข้าง ซึ่งผมรู้ดีว่าผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกแล้ว ผมก็จะพยายามที่จะหลีกเลี่ยง แต่ในบางสถานการณ์และบางกรณีที่ผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ สองอย่างนี้แหละครับ ที่ผมพูดถึงว่า มันดูครึ่งๆกลางๆ
อืม ถ้างั้นก็คงต้องครึ่งๆกลางๆ ตามความจำเป็นไปก่อนครับ เเล้วก็อธิษฐานตามความจริง ตามความจำเป็นไปครับ :s002:
Existencia
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 09, 2013 12:41 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 12, 2013 6:04 pm

เลย์ เขียน:พี่เองก็เป็นพุทธมาก่อน เเละล้างบาปเป็นคาทอลิกเมื่อ 4 ปีก่อน เพราะได้รู้จักครอบครัวคริสตชนใจศรัทธาเลยทำให้อยากรู้จักกับพระเยซู จนได้เรียนคำสอนเเละล้างบาปในที่สุด :s002:

เหมือนผมเคยแวะเวียนมาอ่านเรื่องราวของพี่เลย์เลย กว่าพี่เลย์จะได้เขัาบ้านเณร กว่าจะอะไรมากมาย ผมอยากอ่านและรับรู้เรื่องราวนั้นอีกจังเลยครับ เผื่อว่ามันจะเสริมศรัทธาให้ผมได้ ::017::
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

เสาร์ ธ.ค. 14, 2013 6:07 pm

สวดให้พระจิตเจ้านำทางน่ะค่ะ :s007:
ตอบกลับโพส