ของท่านจึงกินอาหารร่วมกับคนเก็บภาษีและคนบาปเล่า" พระเยซูเจ้า
ทรงได้ยินดังนั้น จึงตรัสตอบว่า คนสบายดีย่อมไม่ต้องการหมอ
แต่คนเจ็บไข้ต้องการ จงไปเรียนรู้ความหมายของพระวาจาที่ว่า
'เราพอใจความเมตตากรุณามิใช่พอใจเครื่องบูชา' เพราะเราไม่ได้
มาเพื่อเรียกคนชอบธรรมแต่มาเพื่อเรียกคนบาป(มธ 9:1-13)
....จากพระวาจาข้างต้นจะเห็นว่าพระเป็นเจ้าเป็นผู้เมตตาต่อเราเสมอ
พระองค์ทรงเรียกร้องกิจการที่ดีๆ จากตัวของเราโดยเฉพาะกิจการที่
เป็นกิจเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องรอบข้าง
....นี่คือตัวอย่างกิจการที่ดี หรือข้อปฎิบัติในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม
ที่จะนำเสนอต่อท่าน ลองไตร่ตรองดูว่าข้อไหนบ้างที่ท่านสามารถทำได้
ตลอดปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมนี้ เพื่อเราจะได้เป็น " ผู้เมตตากรุณา
ดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณา " (ลก 6:36 )
-สำรวมคำพูดของตนเอง แล้วภาวนาต่อพระเป็นเจ้าว่า "ข้าแต่
พระยาห์เวห์ ขอทรงวางยามเฝ้าปากของข้าพเจ้าไว้ ขอทรงวางยามไว้ตรง
ประตูริมฝีปากของข้าพเจ้า " (สดด 141:3)
-เสียสละของใช้ เสื้อผ้า แบ่งปันให้กับผู้ที่ขาดแคลน
-ยกโทรศัพย์ แล้วโทรหาเพื่อนที่ต้องการกำลังใจ
-ลองส่ง Line เขียนเฟชบุ๊ค ส่งอีเมล ขอโทษเพื่อนแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆก็ตามที
-วางโทรศัพย์ ฟังเพื่อนคุยบ้าง
-เข้าวัดแล้วสวดว่า " พระเยซูเจ้าข้า โปรดอวยพระพรให้แก่.....
(...ออกชื่อคนนั้นที่เราไม่ชอบ เกลียด ทำร้าย เอาเปรียบตัวฉัน)
-ทำดีเล็กๆน้อยๆ เพื่อคนทำผิดต่อเรา
-ไปแสวงบุญที่วัดใดวัดหนึ่งในสังฆมณฑลของเรา
-ใช้เวลาในการสวดภาวนานานขึ้น
-ยิ้มทักทายเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกัน
-เล่นสังคมออน Line ด้วยความสร้างสรรค์ ไม่ใช้เป็นเครื่องมือว่าใคร
ดูถูกเยาะเย้ย ทำลายใคร
มีต่อ...
ต่อค่ะ...