เรื่อง สุกี้ MK

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5974
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2018 1:08 pm

เรื่อง สุกี้
ตอน M. K.

เคยรู้บ้างไหมว่าเจ้าของร้านเอ็มเคสุกี้เป็นคนจังหวัดชัยนาท ... ///
>>> เปิดตำนานเอ็มเค <<<

จากแม่ครัวธรรมดาๆ คนหนึ่ง ปัจจุบันได้กลับกลายเป็นเจ้าของร้านเอ็มเคสุกี้ ที่ใครๆ หลายๆ คนรู้จักกันดี และเคยได้ลิ้มลองรสชาติกันมานักต่อนักแล้ว

เจ้าของร้านเอ็มเคสุกี้นี้มีนามว่า คุณทองคำ เมฆโต หรือเรียกสั้นๆ ว่าป้าทองคำ ป้าทองคำเป็นคนจังหวัดชัยนาท เข้ามาทำงานในกรุงเทพ เมื่อปีพ.ศ. 2505 เป็นแม่ครัวให้แก่เจ้าของร้านชาวฮ่องกง ชื่อร้าน Makong King Yee ซึ่งปัจจุบันชื่อร้านเอ็มเค ก็เป็นชื่อย่อของเจ้าของกิจการดั้งเดิมนี่เอง

หลังจากที่ป้าทองคำเป็นแม่ครัวได้ไม่นานนัก เจ้าของร้านก็บอกขายกิจการให้แก่ป้าทองคำ ด้วยสาเหตุเพราะ เขาจะต้องเดินทางไปอยู่ที่บอสตัน ก็บอกขายกันชนิดคนกันเองนี่แหละ มีเงินเมื่อไหร่ก็ค่อยจ่ายเมื่อนั้น เพราะว่าป้าทองคำไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร ทำงานเป็นลูกจ้างเขามาตลอด แต่ด้วยความที่เป็นคนดี ขยันขันแข็ง ทำให้เจ้าของร้านรักและไว้ใจ

เมื่อป้าทองคำได้มาเป็นเจ้าของร้านอาหารเอง ก็ยังคงใช้ชื่อร้านว่า เอ็มเค มาตลอด อาหารหลักๆ ของร้านก็คือ ปลาช่อนแป๊ะซะ เนื้อตุ๋น กับอาหารประเภทยำรสแซบต่างๆ ก็จัดว่ากิจการเจริญรุ่งเรืองดีทีเดียว เพราะว่ามีลูกค้าขาประจำแวะเวียนมาอยู่บ่อยๆ ด้วยเพราะติดใจในฝีมือการทำอาหารของป้าทองคำนั่นเอง

ประมาณปี พ.ศ. 2527 ลูกค้าเจ้าประจำระดับมหาเศรษฐีคนหนึ่งของป้าทองคำคือเจ้าสัวสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ประธานใหญ่ของห้างเซ็ลทรัลในยุคนั้นนั่นเอง ได้มาชักชวนป้าทองคำให้ไปเปิดร้านอาหารที่ห้างเซ็ลทรัล ลาดพร้าว ป้าทองคำก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ตอบตกลง และก็ยังคงใช้ชื่อร้านว่าเอ็มเคเหมือนเดิม แต่เติมคำว่ากรีนลงไปด้วย เป็นกรีน เอ็มเค เมื่อมาทำร้านอาหารที่ห้างเซ็ลทรัลลาดพร้าว ลูกสาวของป้าทองคำที่เป็นนิสิตจุฬาฯ ก็เข้ามาช่วยแม่อีกแรงหนึ่ง รวมทั้งสามีของเธอด้วย

และแล้วโชคชะตาฟ้าลิขิตก็วิ่งชนป้าทองคำอย่างจังอีกแล้วครับท่าน ก็ทำไมล่ะ “คนจะรวย ช่วยไม่ได้” ประโยคนี้น่าจะเหมาะกับป้าทองคำเป็นอย่างมาก เพราะว่าเจ้าสัวสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ คนเดิมอีกแล้ว ได้ยัดเยียดความเป็นเศรษฐีให้กับป้าทองคำ ด้วยสาเหตุเพราะเจ้าสัวสัมฤทธิ์ ต้องเจอกับปัญหาบางอย่างในห้างเซ็ลทรัลลาดพร้าว เหตุเพราะเนื้อที่บริเวณหนึ่งที่ห้างกันไว้เพื่อจะใช้เปิดธนาคารสาขาอีกสักแห่งหนึ่งเกิดว่างลง ไม่สามารถเปิดได้ เพราะขัดกฎแบงค์ชาติในสมัยนั้นที่ระบุไว้ว่าในห้างควรมีธนาคารสาขาเพียงแห่งเดียว เจ้าสัวสัมฤทธิ์ก็เลยต้องมาคะยั้นคะยอให้ป้าทองคำช่วยเอาพื้นที่ว่างส่วนนี้ไปทำร้านอาหารอีกสักร้านได้ไหม แถมยังเสริมไอเดียให้อีกว่าอยากได้เป็นร้านสุกี้ เพราะที่ห้างเรายังไม่มี

เอาล่ะซิทีนี้ ป้าทองคำก็เลยต้องระดมสมองเป็นการใหญ่ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก เป็นลูกสาว และลูกเขยของป้าทองคำนั่นเอง ปรึกษาหารือกันแล้ว ในที่สุดทุกคนก็มีความเห็นตรงกันว่า …“ลุย” ก็เลยเกิดร้านเอ็มเคในสไตล์สุกี้แห่งแรกที่ห้างเซ็ลทรัลลาดพร้าว เมื่อปี พ.ศ. 2529 ป้าทองคำโชคดีที่ได้ลูกเขยจบวิศวกรรมศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์ฯ มาช่วยออกแบบหม้อปรุงไฟฟ้าที่ปลอดภัย และไม่ต้องกลัวว่าจะระเบิดตูมตามเหมือนใช้เตาแก๊สทั่วไป

ในขณะที่ป้าทองคำเคยทำแต่อาหารไทย แต่ไม่เคยทำสุกี้มาก่อนเลย พึ่งได้มาเรียนรู้เอาก็เมื่อตอนที่จะเปิดร้านเอ็มเคสุกี้ นี่แหละ ลองผิดลองถูกจนได้น้ำจิ้มรสเด็ดที่ใครๆ ก็ปรุงไม่ได้เหมือนร้านเอ็มเค เล่นเอาลูกค้าติดใจในรสชาติกันยกใหญ่ เมื่อลูกค้าเยอะขึ้น จนทางร้านบริการได้ไม่เพียงพอ ป้าทองคำก็เลยจำเป็นต้องขยายสาขาออกไป จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ร้านเอ็มเคสุกี้มีสาขาทั้งหมดถึง 180 สาขาเข้าไปแล้ว และก็มีเป้าจะให้ครบ 200 สาขาในปี 2548

เพราะคำว่า “ปลอดภัย” และต่อมาคำว่า “อร่อย” “สะอาด” และ “รวดเร็ว” ทำให้เอ็มเคสุกี้ติดตลาดในชั่วพริบตา ส่งผลให้เอ็มเคสุกี้กลายเป็นขวัญใจลูกค้า แซงหน้าสุกี้ยี่ห้อเก่าๆ ไป ชนิดไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว

ความสามัคคีคือพลังจริงๆ เมื่อผนึกกำลังของป้าทองคำ ลูกสาว และลูกเขย 3 คนร่วมกันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 มาได้อย่างราบรื่น และยอดขายเอ็มเคปีล่าสุดกว่า 6,000 ล้านบาท ทั่วประเทศ และยอดเสียภาษีทุกประเภทจากเอ็มเคก็สูงกว่า 600 ล้านบาทเมื่อปีกลาย ส่งผลให้เอ็มเคต้องตั้งโรงงานผลิตอาหารสารพัดชนิดสำหรับปรุงสุกี้ขึ้นมาถึง 2 โรงงาน และต้องใช้รถสำหรับขนส่งอาหารไปร้านต่างๆ อีกกว่า 100 คัน สำหรับคนงานนั้น ตอนนี้มี 10,000 กว่าคนแล้ว และพ็อกเก็ตบุก ด้านการตลาดขายดีเล่มหนึ่งในชื่อ “Thai Brand” ยกย่องให้เอ็มเคสุกี้เป็นหนึ่งใน 15 สินค้าแบรนด์ไทยอันทรงคุณค่า

และนอกเหนือจากนั้นเอ็มเคสุกี้ยังโกอินเตอร์ออกไปสู่ต่างประเทศให้พี่หยุ่นปี่ ก็ญี่ปุ่นนี่แหละได้ลิ้มลองสุกี้และน้ำจิ้มรสแซบของไทยเราแล้ว ซึ่งก็มีสาขาอยู่ที่ญี่ปุ่นถึง 9 แห่ง และคาดว่าต่อไปในอนาคต สุกี้ของไทยเราก็คงจะกระจายออกไปในหลายๆ ประเทศอย่างแน่นอน

เพราะความขยัน มานะ อดทน ที่คนๆ หนึ่งทุ่มเทให้กับสิ่งที่มุ่งมั่นทำ ความสำเร็จจึงอยู่ไม่ไกลเกินที่จะไขว่คว้า ดั่งเช่นป้าทองคำ เมฆโต ผู้สร้างตำนานอันลือลั่นให้กับร้านเอ็มเคสุกี้ให้ทุกคนได้ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่า “ไม่มีอะไรที่คนเราทำไม่ได้ นอกเสียจากคนๆ นั้นไม่ลงมือทำมันสักที”

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันอาทิตย์ที่ 31/10/47
คอลัมน์ซอกแซกสุดสัปดาห์

เรียบเรียงโดย : กฤษณา ศรีสุริยพงศ์
ตอบกลับโพส