หัวใจที่ยิ่งใหญ่ของชายคนนี้

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5972
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ก.ย. 29, 2018 12:17 pm

ขอเชิญชวน...
ดูหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของชายคนนี้..ด้วยหัวใจ ♥
::

GOD is real. I edited two clips from Youtube into this one. Cr: Zero TV and Len Ken. GOD bless you all.
เหนือกว่าความสามารถด้านการร้องเพลง...คือจิตใจที่ดีงามจนต้องนำมาแชร์ เรื่องราวยาวหน่อย แต่อยากให้อ่านเรื่องนี้จังค่ะ นอกจากข้อมูลจากในคลิปแล้ว ดิฉันก็ได้ไปหาข้อมูลเพิ่มมาเพื่อแบ่งปันต่อเพื่อนๆ เพราะรู้สึกทึ่งมนุษย์คนนี้มาก ...จะมีกี่คนในโลกที่เป็นอย่างชายผู้นี้...

เริ่มจากบังเอิญได้ชมคลิปของ Michael Ketterer ผู้เข้าประกวด America’s Got Talent 2018 มีคลิปที่เค้าร้องเพลงอันนึง และคลิปที่เป็นการแนะนำตัวเค้าอันนึง มันแยกกัน แต่หาคลิปที่ควบรวมทั้งสองอย่างนี้ด้วยกันไม่ได้ ตัวเองจึงต้องเอา 2 คลิปนี้มาตัดต่อเข้าด้วยกัน เพราะอยากแชร์เรื่องนี้จริงๆ

จุดประสงค์คือ อยากแบ่งปันความประทับใจในความดีงามในจิตใจของคุณไมเคิล เค้าช่างเหมือนบุตรของพระเจ้าลงมาจุติเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ ขอเล่าคร่าวๆ ดังนี้ค่ะ

ไมเคิลเป็นบุรุษพยาบาลด้านสุขภาพจิตของเด็ก แต่งงานกับไอวี่ภรรยามาตั้งแต่อายุน้อย และมีลูกสาว 1 คน วันที่คลอดลูก ทั้งแม่ทั้งลูกเกือบเอาชีวิตไม่รอด ไมเคิลสวดมนต์ทั้งคืนต่อพระเจ้าอธิษฐานขอให้ทั้งคู่รอด ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ทั้งแม่ทั้งลูกปลอดภัยมีชีวิตรอดมาได้

จากเหตุการณ์ในวันคลอด หมอแจ้งต่อทั้งคู่ว่า ไอวี่ไม่ควรมีลูกอีก เพราะแนวโน้มอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะมีลูกสาว-โซฟีเพียงคนเดียว ไม่คิดจะมีลูกอีก ...

ครอบครัวพ่อแม่ลูกอยู่กันอย่างมีความสุขมาได้ 7 ปี โซฟีก็บอกกับพ่อแม่ว่า เธอฝันบ่อยๆ ว่า มีเด็กชาย 3 คนอยากมาอยู่ด้วย เธอรบเร้าพ่อแม่ให้ไปหาเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกเถอะ แต่ไมเคิลไม่ต้องการมีลูกอีก อย่างไรก็ตามโซฟีไม่ยอมแพ้ เธอจึงรบเร้าพ่อแม่ไม่เลิก ..เธอตื๊อพ่อแม่อยู่ประมาณ 2 ปี เพราะเธอฝันถึงเด็กขาย 3 คนอยู่ตลอด จนไมเคิลใจอ่อน ยอมรับความคิดที่จะหาเด็กชายสักคนมาเลี้ยง (ตั้งใจว่าคนเดียวนะ) แต่โซฟีบอกว่า ที่เธอเห็นในความฝันตลอดมา คือเด็กชายตัวเล็กๆ 3 คน

จนกระทั่งไมเคิลไปทำเรื่องขอเป็นผู้มีสิทธิ์รับบุตรบุญธรรม ต้องผ่านการตรวจสอบ ผ่านการทดสอบต่างๆ จนมั่นใจว่าครอบครัวนี้สามารถรับบุตรบุญธรรมได้ ...พอผ่านปั๊ป ไมเคิลก็ได้รับโทรศัพท์จากทางการทันทีเลยว่า มีเด็กที่จะให้ไมเคิลรับอุปการะแล้ว แต่ไม่ใช่คนเดียวนะ มี 3 คนพร้อมกันเลย เป็นเด็กที่เติบโตในบ้านที่มีการผลิตยาเสพติด ความเศร้ารันทดใจคือ เด็กทั้งสามถูกขังอยู่ในบ้าน ไม่มีอาหารและน้ำตลอดจนสามวันก่อนที่ตำรวจจะไปพบ น้องคนเล็กสุดถึงกับคว้าเศษหินในบ้านกินเพื่อให้ท้องอิ่ม (คิดประสาเด็ก) ... เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าจะรับ ก็ต้องรับ 3 คนเลย ไมเคิลประหลาดใจมาก นี่คือตรงกับความฝันของลูกสาวเป๊ะๆ จึงได้ไปรับเด็กชายทั้งสามมาอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม (เด็กอายุ 4,3 และ 1 ขวบในตอนนั้น)

ต่อมาอีกไม่นาน ไมเคิลก็ได้รับโทรศัพท์ถามว่าพอที่จะรับเด็กอีกคนได้มั้ย เป็นเด็กผิวสี อายุ 4 ขวบ (ในขณะนั้น) ถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้ ไม่มีคนดูแล เร่รอนอยู่ข้างถนนตามลำพัง ทางการไปตามจับตัวมาเพื่อหาผู้รับอุปการะ ไมเคิลใจอ่อนยอมรับมาเป็นลูกคนที่ 5

พอรับลูกคนนี้มาได้ไม่นาน คราวนี้ก็มีโทรศัพท์เข้ามาอีก บอกไมเคิลว่า ขอร้องล่ะ ด้วยความที่ไมเคิลเป็นบุรษพยาบาลสายกุมารเวช มีเด็กอีกคนอายุ 2 ขวบไม่ทราบว่าจะรับได้มั้ย น้องเป็นโรคทางสมองเนื่องจากถูกทำร้ายร่างกาย (ตอนหนึ่งขวบน้องถูกจับเหวี่ยงหัวกระแทกฝาผนังจนกะโหลกร้าว) และนำส่งโรงพยาบาลช้าไป สภาพตอนนั้นคือ น้องเป็นผัก โต้ตอบอะไรไม่ได้ ตาบอดสนิท พูดไม่ได้ กินอาหารเองไม่ได้ เดินไม่ได้ ไม่มีความรู้สึกตอบสนองใดๆ อาการหนักมาก เป็นเพียงแค่ร่างที่มีลมหายใจ และแพทย์วินิจฉัยว่า น่าจะมีสภาพแบบนี้ตลอดไป แต่เงื่อนไขคือ ถ้าไมเคิลรับอุปการะ ค่ารักษาพยาบาล ค่าเลี้ยงดู รัฐจะมีสนับสนุนให้ แค่ขอให้ไมเคิลใช้เวลาและความพยายามดูแลเด็กคนนี้จนกว่าจะหาไม่ (ซึ่งอาจจะไม่นาน)

ตอนแรกไมเคิลปฏิเสธไปเพราะมีลูกอยู่แล้ว 5 คน จะต้องรับมาอีกคนแม้จะมีงบประมาณช่วยเหลือ แต่ก็ต้องมีเวลาดูแล ต้องพาไปหาหมอ ต้องคอยช่วยทำกายภาพบำบัด และดูแลสารพัด คิดว่าไม่ไหว

แต่เหมือนมีอะไรติดค้างในใจ ไมเคิลซึ่งเป็นคริสเตียนที่เคร่งศาสนา (มาก) จึงอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า หากแม้นว่าเค้าควรเปลี่ยนใจที่จะต้องดูแลเด็กพิการผู้นี้ ถ้าเด็กคนนี้จะต้องเป็นลูกเค้าจริงๆแล้วขอให้พระบิดาช่วยส่งสัญญาณบอกด้วยเถิด ...

หลังจากอธิษฐานแล้ว วันต่อมาขับรถไปทำงาน เฮ้ย...อะไร มีป้ายบิลบอร์ดขึ้นใหญ่เบ้อเริ่มบนข้างถนนเส้นทางที่ไปทำงาน ...เป็นป้ายโฆษณาที่พ่อคนนึงเข็นรถวีลแชร์ให้ลูกเพื่อร่วมแข่งมาราธอนรายการหนึ่ง พอเห็นภาพนั้น ไมเคิลเกิดความรู้สึกตื้นตันจนระเบิดร้องไห้ออกมาในรถ และเค้าก็บอกกับตัวเองว่า นี่ล่ะนะ คือสิ่งที่พระบิดาทรงให้คำตอบมาแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ต้องลังเลสงสัยอีกต่อไป

ไมเคิลจึงกลับไปรับเด็กชายพิการคนนั้นมาเป็นลูกคนที่ 6 ชีวิตไม่ง่ายเลย แต่ไมเคิลก็พยายามดูแลลูกพิการคนนี้อย่างดี เค้าไปโบสถ์เป็นประจำ และร้องเพลงในโบสถ์ ช่วยปฏิบัติศาสนกิจอยู่เสมอ ..อธิษฐานต่อพระเจ้าตลอดเวลา ...และปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ...เด็กพิการที่มีสภาพเป็นผัก ซึ่งหมอบอกว่า อาจจะต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป ...น้องกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ดวงตาที่มืดมนกลับมามองเห็น จากที่ต้องฟีดอาหารทางสาย ก็สามารถเคี้ยวกลืนกินอาหารเองได้ เริ่มฝึกพูดได้ ยิ้ม หัวเราะ มีความรู้สึก โต้ตอบได้เป็นปกติ และกำลังฝึกกายภาพเพื่อจะกลับมาเดินอีกครั้งให้ดีที่สุด....

ลูกๆ ทั้ง 6 ของครอบครัวนี้ คือแรงบันดาลใจให้ไมเคิลมาร้องเพลงประกวดในรายการนี้ เพราะไมเคิลอยากทำให้ลูกได้ภูมิใจ และให้เด็กๆ เชื่อว่า ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้ ...ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ...เมื่อร้องเพลงจบ กรรมการสายโหดอย่างไซม่อนถึงกับตบปุ่ม Gold Buzzer ให้ไซม่อนทะลวงเข้าสู่รอบ Live ไปเลย โอกาสเป็นผู้ชนะสูงมาก

ไมเคิลนอกจากเป็นพยาบาลสายกุมารเวชแล้ว เค้ายังเป็น worship leader (ผู้นำนมัสการ) ให้กับโบสถ์ในชุมชนของเค้าด้วย

ดิฉันเป็นพุทธศาสนิกชน แต่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของทุกศาสนา และเชื่อว่าเรื่องราวของครอบครัวไมเคิลและไอวี่ คือ พระประสงค์ของพระเจ้า ...

บางสิ่ง แม้ในทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า “เป็นไปไม่ได้” แต่บางทีมันกลับเป็นไปได้อย่างเหลือเชื่อ ความพยายามของมนุษย์ มันก็ใช่ แต่ดิฉันเชื่อว่า ถ้ามีการอธิษฐานเพื่อความดีงามและทำด้วยหัวใจบริสุทธิ์ มันจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น

ปล. ในคอมเม้นท์แรกเป็นคลิปในรอบ semi final ค่ะ น้ำตาซึมเหมือนกัน คอมเม้นท์ที่ 2 เป็นคลิปเกี่ยวกับลูกคนเล็กที่พิการ

Cr. Daorach Preechatham

https://m.facebook.com/story.php?story_ ... 1676984082
รุ่งอรุณ
โพสต์: 477
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 06, 2010 9:26 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.ย. 29, 2018 1:51 pm

ดีมากๆเลยค่ะ
ตอบกลับโพส