อย่าลืมให้ของขวัญที่ดีที่สุดกับตัวเอง

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ธ.ค. 12, 2018 2:13 pm

ขวดเปล่า มีค่า 5 บาท
เมื่อใส่น้ำหวาน มีค่า 10 บาท
เมื่อใส่น้ำผึ้ง มีค่า 300 บาท
เมื่อใส่น้ำหอม มีค่า 10,000 บาท
จิตใจของเราก็เปรียบเสมือนขวดเปล่า จะมีค่าแค่ไหนขึ้นอยู่กับที่เราใส่อะไรลงไป ... ความคิดก็เช่นกัน เมื่อเลือกจะมองแต่สิ่งดีๆ แล้วคิดดี ก็จะมีสิ่งดีๆเข้ามา!

“ลูกเอ๋ย จงใส่ใจถ้อยคำของข้า จงเอียงหูของเจ้าเข้าหาคำพูดของข้า อย่าให้มันคลาดสายตาของเจ้า จงรักษามันไว้ภายในใจของเจ้า” (สภษ.4:20-21)

เพราะ ‘เวลา’ เป็นสิ่งมีค่า และราคาแพงมากที่สุด จะมีเงินมากเท่าไรก็ซื้อเวลาไม่ได้ ... ฉะนั้น ชีวิตจะล้ำค่ายิ่งขึ้นขึ้นอยู่กับเราเลือกจะ ‘ให้เวลา’ กับสิ่งใด พระเจ้าตรัสว่า “เราจะแนะนำและสอนเจ้าถึงทางที่เจ้าควรจะเดินไป เราจะให้คำปรึกษาแก่เจ้าและเฝ้าดูเจ้าอยู่” (สดด.32:8) รู้ไว้เราทุกคนพร้อมจะให้เวลากับสิ่งที่ ‘สำคัญ’ เสมอ! และพระเจ้ามิใช่อะไรก็ได้ เราจึงจะให้เวลาว่างๆเมื่อไรก็ได้กับพระองค์ ระวังอย่าให้ต้องน้ำตาไหลก่อนค่อยจะคิดถึงพระองค์ เช่น พระเยซูทรงกำหนดจะให้เวลากับพระบิดา (มก.1:35) เพราะความสัตย์ซื่อมิได้วัดกันที่จำนวนเงิน แต่วัดกันที่เวลา และมนุษย์ทุกคนต้องการเวลาจากกันและกัน เพราะ “สองคนจะเดินไปด้วยกันได้หรือ นอกจากทั้งสองจะได้ตกลงกันไว้ก่อน?” (อมส.3:3) คือ ผ่านการใช้เวลาร่วมกัน เพราะ “เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้” (ปญจ.4:12) แต่จะเหนี่ยวแน่นขึ้นอยู่กับ ‘ความผูกพัน’ ของเชือกแต่ละเส้นที่ประสานเข้าด้วยกัน และนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาที่จะสร้างขึ้นมา!

มนุษย์ทุกคนต่างมี ‘คุณค่า’ ความเป็นคนเท่าเทียมกัน เพราะต่าง “เกิดมาจากพระเจ้าองค์เดียวกัน” (กจ.17:26) แต่ต่างกันที่ ‘ความคิด’ เพราะ “ทุกสิ่งที่เราทำออกมาจากใจ [ความคิด]” (สภษ.4:23) ความคิดเราจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเราเลือกจะ ‘ใช้เวลา’ กับอะไร? ดังสุภาษิตว่า ‘คบคนพาลนำพาไปหาผิด คบบัณฑิตนำพาไปหาผล’ และพระคำว่า “จงทำตามแบบอย่างของพระคริสต์” (1คร.11:1) แล้วเราจะทำได้อย่างไร? ก็โดยการใช้เวลากับพระองค์ พระคำบอกว่า “โดยการถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน” (รม.12:1) และเปาโลย้ำอีกว่า “จงอุทิศเวลาให้กับการอ่านพระคัมภีร์” (1ทธ.4:13) เป็นการทุ่มเทและต้องทำอย่าง ‘สม่ำเสมอ’ ด้วย เพราะว่าอะไรๆที่ดีๆ บางทีอาจไม่ได้เป็นของ ‘คนเก่งกว่า’ แต่เป็นของ ‘คนไวกว่า’ ที่สม่ำเสมอต่างหากละ!? ... เพราะเวลามักมาพร้อม ‘โอกาส’ เสมอ!

ดาวิดอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะดำเนินในความจริงของพระองค์ ขอทรงรวมใจของข้าพระองค์เป็นใจเดียวให้ยำเกรงพระนามของพระองค์” (สดด.86:11)
หลายครั้งเรา ‘ล้มลง’ ง่ายๆ มิใช่เพราะเราไม่รู้ แต่เพราะเรา ‘รู้ดี’ ต่างหากละ!
หลายทีเราเลือกทำสิ่งที่ ‘ไม่ควรทำ’ ทั้งๆที่รู้เต็มอกว่า ‘ไม่ดี’
หลายหนที่เราเลือกจะ ‘ยอมแพ้’ อะไรง่ายๆ มิใช่เพราะเราอ่อนแอหรอก แต่ยังมีกำลังดีอยู่ แต่เพราะ ‘ใจ’ มันสั่งว่า ‘ไม่ไหวแล้ว ... พอเถอะ!’
ดาวิดบอกว่า “แต่ผู้ใดจะเห็นความผิดพลาดของตนได้เล่า? ขอทรงชำระข้าพระองค์ให้พ้นจากความผิดที่ซ่อนเร้นอยู่ ขอทรงยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์จากการทำบาปโดยตั้งใจนั้นด้วยเถิด ขออย่าให้มันมีอำนาจเหนือข้าพระองค์เลย แล้วข้าพระองค์จะไร้ตำหนิ และพ้นผิดจากการละเมิดใหญ่หลวงนั้น” (สดด.19:12-13) เราทุกคนไม่มีใครดีกว่าดาวิด และที่สำคัญผมเชื่อว่าพระเจ้าไม่ได้รักดาวิดมากกว่าเรา และไม่ได้รักเราน้อยกว่าดาวิดแน่นอน ... แต่ดาวิดแตกต่างจากเราที่ท่าน ‘ไม่ประมาท’ แต่ท่านก็พลาดเรื่อง ‘นางบัทเชมา’ (2ซมอ.11-12) เพราะเวลาที่ควรออกรบกลับไม่ไป แต่เอาเวลาไปเดินเล่นบนดาดฟ้าหลังคาพระราชวัง จึงได้เหลือบเห็นบัทเชบาอาบน้ำอยู่ สุดท้ายก็ทำบาปจนได้! ท่านถึงหนุนใจเราว่า “คนหนุ่มจะรักษาวิถีทางของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร? ก็โดยปฏิบัติตามพระวจนะของพระองค์” (สดด.119:9)

อย่าลืมพระคำบอกว่า “เรามีของล้ำค่านี้อยู่ในภาชนะดิน นั้นคือฤทธิ์เดชอันเลิศของพระเจ้า” (2คร.4:7) แต่ฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นจะอยู่ในเราได้อย่างไร? ดาวิดบอกว่า “โดยการสะสมพระดำรัสของพระเจ้า” (สดด.119:11) เพราะ “ถ้อยคำของพระองค์นั้นมาจากพระวิญญาณและเป็นชีวิต” (ยน.6:63) หากพระเจ้าทรงสร้าง ‘ความว่างเปล่า’ ให้เป็นจักรวาลได้โดย “พระวาทะ [ถ้อยคำของพระองค์]” แล้วทำไมชีวิตของเราจะถูกสร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่โดยพระวจนะคำของพระองค์ไม่ได้เล่า? (ปฐก.1:1-2, ยน.1:3, 2คร.4:6) และรู้อะไรไว้อย่างว่า “ชีวิตจะมีความบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า” เท่านั้น (2คร.7:1) และเราจะรู้ได้ก็โดยผ่านพระคัมภีร์เท่านั้นเช่นกัน

ฉะนั้น วันนี้เราสะสมสิ่งใดเข้าไปไว้ในจิตใจของเรา หากใส่น้ำหอมก็จะมีมูลค่ามหาศาล และพระคำบอกว่า “พระองค์นำเราด้วยความมีชัยในขบวนฉลองชัยเสมอมาในพระคริสต์ และพระองค์ประทานกลิ่นหอมที่เกิดจากการรู้จักพระองค์ ให้ปรากฏทั่วทุกแห่งโดยเรา” และสำคัญมากคือ “เราเป็นกลิ่นหอมหวานที่พระคริสต์ถวายแด่พระเจ้าในหมู่คนที่กำลังจะรอด” (2คร.2:14-15) ฉะนั้น รู้ไว้ในสายตามนุษย์บางคนเขาอาจจะเมิน แต่ในสายพระเนตรพระเจ้าเรานั้น ‘ล้ำค่า’ ยิ่งนัก (อพย.19:5, อสย.43:4) จมูกของพระองค์ดีเสมอ และพระองค์หันมามองเราได้ก็โดย ‘กลิ่นหอมหวาน’ จากชีวิตของเรา ... ฉะนั้นวันนี้เราบรรจุอะไรเข้าไปไว้ในหัวใจ หากเป็นพระคำพระเจ้าที่เป็นยิ่งกว่าสิ่งดีที่สุด (ยชว.1:7-9, สดด.1:2) ข้างในเราก็จะดี แล้ว “คนดีย่อมเอาสิ่งดีออกจากคลังดีในจิตใจตน ... เพราะปากย่อมพูด [มือย่อมกระทำ] สิ่งที่เต็มล้นอยู่ในจิตใจ” (ลก.6:45) เพราะการกระทำดี “จิตใจที่สุภาพอ่อนโยนและจิตใจที่สงบ ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนักในสายพระเนตรพระเจ้า” เป็นดั่งเครื่องหอมแลถเครื่องประดับที่ไม่รู้เสื่อมสลายเลย (1ปต.3:4)

การให้เวลากับพระเจ้า จึงถือว่าเป็นการให้ของขวัญที่ดีที่สุดแก่ตัวเราเอง!

Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา
ตอบกลับโพส