“วีซ่าเพื่อช่วยชีวิต น่ายกย่อง”

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 20, 2018 8:05 pm

“แม้แต่นายพรานก็ยัง...ไม่สังหารนกที่บินมาหลบภัย”

ชิอุเนะ ซึกิฮาร่า(Chiune Sugihara)
กงสุลใหญ่ญี่ปุ่นประจำประเทศลิทัวเนีย
จำได้ดีว่า เช้าวันหนึ่งปลายเดือนกรกฎาคม
ปี ๑๙๔๐ จู่ ๆ ก็มีชาวยิวล้อมรอบกำแพง
สถานกงสุลเต็มไปหมด

คนเหล่านี้มาหาชิอุเนะด้วยเหตุผลเดียว
นั่นคือ.....ต้องการให้เขาออกวีซ่า
สำหรับนักท่องเที่ยวให้

ทว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่วีซ่า
เพื่อการพักผ่อนอย่างที่ระบุไว้ในเอกสาร
แต่เป็น...วีซ่า...เพื่อการรอดชีวิต

ช่วงเวลานั้นมีชาวลิทัวเนียและ
ชาวโปแลนด์เชื้อสายยิวจำนวนมาก
ต้องการอพยพหนีออกนอกประเทศ
เพราะลิทัวเนียตกอยู่ในอาณัติของ
สหภาพโซเวียตและถูกบีบบังคับให้เข้าร่วม
สงครามโลกครั้งที่สอง ลิทัวเนียต้องรับมือ
ในการสู้รบกับกองทัพนาซีที่แข็งแกร่ง
และกำลังจะพ่ายแพ้

ซึ่งถ้าแพ้......ก็หมายความว่าชาวยิว
ในลิทัวเนียจะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
และหากไม่มี...วีซ่า...พวกเขาก็จะ
ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศ
อย่างปลอดภัยได้เป็นอันขาด

“แม้แต่นายพราน...ก็ยังไม่สังหารนกที่บินมาหลบภัย”

สุภาษิตของซามูไรบทนี้ปรากฏชัดในใจ
ของชิอุเนะซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขารู้ตัวว่าเขาคือ
นายพรานที่ฝูงนกบินมาพักอาศัย
ชิอุเนะโทรเลขปรึกษากระทรวงการ
ต่างประเทศญี่ปุ่นเพื่อขออนุญาตออกวีซ่า
ให้ชาวยิวเป็นกรณีพิเศษถึง ๓ ครั้ง
เพราะชาวยิวส่วนใหญ่ไม่มีเอกสาร
ไม่มีพาสปอร์ต และไม่มีแม้แต่....เงินค่าเดินทาง

แต่...ทุกครั้งได้รับปฏิเสธ...
เวลาหนี....เหลือน้อยลงทุกที
ผู้คนมาเข้าแถวรอหน้าสถานกงสุลมากขึ้นเรื่อย ๆ
ชิอุเนะจึงปรึกษา ยูกิโกะ ภรรยาของเขา
ในที่สุดก็ตัดสินใจว่า เขาจะออกวีซ่า
ให้ชาวยิวทุกคน แม้ไม่ได้รับอนุญาตก็ตาม!

ตั้งแต่วันที่ ๓๑ กรกฎาคม – ๒๘ สิงหาคม
ปีนั้น ชิอุเนะและภรรยาช่วยกันออกวีซ่า
ซึ่งต้องเขียนด้วยมือตามระเบียบของกระทรวงฯ
วันละ ๑๘ -๒๐ ชั่วโมง และทั้ง ๆ ที่โซเวียต
สั่งให้สถานทูตทุกแห่งปิด

แต่ชิอุเนะก็ทำเรื่องขอเปิดดำเนินการต่ออีก ๒๐ วัน
ในคืนสุดท้ายก่อนที่จะต้องเดินทางออก
จากลิทัวเนีย เขาและภรรยานั่งเขียนวีซ่าตลอดทั้งคืน...
ชิอุเนะ...ยังคงเขียนแม้ตอนที่ไปถึงสถานีแล้ว
ซึ่งที่นั่นมีชาวยิวเฝ้ารอเขาอยู่เป็นจำนวนมาก
กระทั่งรถไฟเริ่มเคลื่อนออกจากชานชาลา

ชิอุเนะจึง...โยนกระดาษเปล่า
ที่มีลายเซ็นของเขาออกมาทางหน้าต่าง

สุดท้าย...ก็โยนตราประทับของสถานกงสุล
ออกมาด้วย เพื่อว่า...ชาวยิวจะใช้มันทำวีซ่าปลอมได้


นักประวัติศาสตร์....ประเมินว่า
การกระทำที่กล้าหาญของชิอุเนะสามารถ
ช่วยเหลือชาวยิวได้ถึง ๖,๐๐๐ – ๑๐,๐๐๐ คน
แม้ว่าทางกระทรวงฯ จะไม่ได้
สอบสวนเขาต่อกรณีที่เกิดขึ้น

ทว่า...ผลจากการตัดสินใจโดยพลการครั้งนั้น
ทำให้ชิอุเนะหมดอนาคตในหน้าที่การงานอย่างสิ้นเชิง
เขาถูกกดดันให้ลาออกในปี ๑๙๔๗

หลังจากนั้นชิอุเนะต้องเลี้ยงชีพด้วยการเป็นล่าม
แปลเอกสาร และเป็นผู้จัดการบริษัทส่งออก
ซึ่งทำให้เขาต้องจากครอบครัวไปใช้ชีวิต
ลำพังในโซเวียตนานถึง ๑๖ ปี

เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องราวในลิทัวเนีย
ให้ใครฟังเลย ดังนั้นชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่
จึงไม่รู้จักผู้ชายคนนี้

กระทั่งถึงวันที่เขาเสียชีวิตในปี ๑๙๘๖
เมื่อถึงวันฝังศพเขา ทูตอิสราเอลประจำญี่ปุ่น
พร้อมด้วยชาวยิวที่รอดชีวิตจากการช่วยเหลือ
ของชิอุเนะ...ได้มารวมตัวกันเพื่อเคารพศพ
และให้กำลังใจ...ยูกิโกะ

สื่อมวลชน.....จึงสนใจเรื่องราว
ของอดีตนัการทูตคนนี้ขึ้นมา

ภายหลังจึงได้มีการสร้างอนุสาวรีย์
ให้เขาทั้งในญี่ปุ่นและในอีกหลาย ๆ เมือง
ทั่วโลก ผู้คนนำเรื่องของ “ชิอุเนะ ซึกิฮาร่า”
ไปสร้างเป็นละครและภาพยนตร์
และทำกิจกรรมหลายอย่างเพื่อรำลึกถึงเขา...

จนทำให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่า...
จะดีมากเพียงใดถ้าเขาได้รับสิ่งเหล่านี้....
เมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่

อย่างไรก็ตาม....
แม้ว่าชิอุเนะต้องเผชิญความยากลำบาก
และความว้าเหว่เป็นเวลานาน
เราคง...มิบังอาจคิดว่า....เขาและครอบครัว
จะไม่มีความสุข

แท้จริงแล้ว...ความซาบซึ้งใจ...
ที่ได้ช่วยชีวิตคนนับพันนับหมื่นคน
ยังคงติดตรึงอยู่ในใจของสามีภรรยาคู่นี้
ดังที่ยูกิโกะได้ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อปี ๒๐๐๔ ว่า

“ฉันจำได้ว่า...มีคนมารอที่สถานีรถไฟ
เต็มไปหมด สีหน้าของพวกเขาเต็มเปี่ยม
ไปด้วยคำขอบคุณ เมื่อรถไฟเคลื่อนตัว
หลายคนวิ่งตามและโบกมือให้
มีคนตะโกนขึ้นมาว่า
“เราจะ...ไม่ลืมคุณ เราจะได้พบกันอีก”
ฉันและสามีมองภาพนั้นแล้ว...
มิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ แม้แต่ในขณะนี้ก็เช่นเดียวกัน”

วีซ่าเพื่อชีวิต
ของ..ชิอุเนะ ซึกิฮาร่า
จากนิตยสาร...ซีเคร็ต
รุ่งอรุณ
โพสต์: 477
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 06, 2010 9:26 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ ธ.ค. 21, 2018 6:41 pm

:s002:
ตอบกลับโพส