น.โยเซฟไม่เคยทอดทิ้งผู้ที่ภาวนาวอนขอจากท่าน

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ เม.ย. 29, 2019 6:58 pm

.....ขอแบ่งปันเรื่องจากไลน์กลุ่มที่มีคนส่งมาให้ค่ะ......
.....นักบุญโยเซฟไม่เคยทอดทิ้งผู้ที่ภาวนาวอนขอจากท่าน

(บทความอัศจรรย์เรื่องที่ 1 : พาพระสงฆ์มาส่งศีล)

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2016
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ช่วงเวลาที่เรากระวนกระวายใจหรือสับสนชีวิต เราต้องวางใจในพระเจ้า ให้พระองค์นำทางเรา และนบนอบต่อพระประสงค์ของพระองค์ เหมือนอย่างที่นักบุญโยเซฟทำให้เห็นเป็นตัวอย่างเรื่องการไม่ถอนหมั้นแม่พระและรับบุตรที่จะบังเกิดมา ทั้งที่ตนเองหาคำอธิบายไม่ได้ว่า แม่พระตั้งครรภ์ได้อย่างไร
https://www.popereport.com/2016/12/blog ... 8.html?m=1

คืนหนึ่งประมาณ 01.30 น. คุณพ่อ ร.แมสชิงเยร์ (R. Messinger) เจ้าอาวาสที่หมู่บ้านแนสเซา (Gnessau) ในเยอรมนี ได้ยินเสียงกริ่งก็ลุกขึ้น มีคนมาเชิญท่านไปโปรดศีลคนไข้ คนที่มาเชิญ แต่งตัวเรียบๆ ถือตะเกียงที่จุดอยู่ คุณพ่อไม่รู้จักเขา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะท่านมาอยู่ที่หมู่บ้านแนสเซาได้ไม่นาน ท่านจึงยังไม่รู้จักลูกวัดทุกคน

ท่านคิดว่าคนที่มานั้นคงเป็นคนงานของฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งในละแวกนั้น เมื่อจะออกบ้าน คุณพ่อคิดจะปลุกคนจัดห้องสักการภัณฑ์ เพื่อให้ไปเป็นเพื่อน แต่คนงานที่มาตามพูดว่า “ไม่จำเป็นครับ ผมรับเป็นธุระเอง” คุณพ่อแปลกใจมาก เมื่อเปิดตู้ศีลเพื่อนำศีลออกไป ท่านได้ยินคนงานคนนั้นสวดบท “ข้าพเจ้าขอสารภาพบาป” เป็นภาษาลาตินอย่างถูกต้องไม่มีที่ติ

คนงานถือตะเกียงออกนำหน้า เดินผ่านไปบนถนนที่มุ่งไปยังป่า เมื่อเลยฟาร์มสุดท้าย คุณพ่อเตือนคนงานที่เดินนำหน้าว่า ต่อไปไม่มีบ้านคนมีแต่ป่าเท่านั้น คนงานขอให้คุณพ่อเดินตามเขาต่อไป และเมื่อเห็นคุณพ่อเดินมาตามที่ขอร้อง เขาแสดงความพอใจ พูดว่า “ดีมาก” แต่คุณพ่อชักเริ่มไม่สบายใจแล้ว ทันใดนั้น คุณพ่อเห็นตะเกียงวางอยู่บนพื้นดินข้างหน้าท่านคนนำทางหายไปแล้ว ท่านเรียกเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบในความมืด คุณพ่อใจคอไม่ดี มองดูรอบตัว ก็สังเกตเห็น ใกล้ ๆ นั้นมีกระท่อมอยู่หลังหนึ่ง ท่านลังเลใจไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วก็ไดิยินเสียงครางเบาๆ จากกระท่อมนั้น ท่านนำตะเกียงเดินเข้าไปตรวจภายในกระท่อมนั้น ก็เห็นขอทานชราคนหนึ่งกำลังจะตาย นอนอยู่บนฟางข้าวเพียงเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นพระสงฆ์ ก็พูดด้วยความลำบากว่า


“คุณพ่อครับ คุณพ่อมาที่นี่ได้อย่างไร ตลอดชีวิต ผมภาวนาขอนักบุญโยเซฟอย่าปล่อยให้ผม ตายก่อนจะได้รับศีล ผมคิดว่าผมจะตายโดยไม่พบพระสงฆ์…แต่คุณพ่อก็มาอยู่นี่แล้ว!”


พระสงฆ์รู้สึกตื้นตัน เตรียมตัวช่วยชายน่าสงสารคนนั้นให้ไปปรากฏตัวต่อหน้าพระเจ้า แล้วอยู่เฝ้าจนกระทั่งเขาสิ้นใจ เมื่อกลับที่พักแล้ว คุณพ่อเล่า เหตุการณ์คืนนั้นให้ผู้ช่วยของท่านฟัง แต่ห้ามมิให้เล่าต่อ เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านถึงแก่มรณภาพใน ปี 1966

เพื่อเป็นที่ระลึกถึงคนงานที่นำท่านไปโปรดศีลคืนนั้น ท่านจัดการให้วางตะเกียงที่ใช้ในคืนดังกล่าว แทบเท้ารูปปั้นนักบุญโยเซฟในโบสถ์ และทุกวันสุด สัปดาห์ให้จุดตะเกียง เพื่อเชิญชวนคริสตชนให้มอบฝากคำภาวนาและความห่วงกังวลต่าง ๆ ไว้กับนักบุญโยเซฟ


คัดลอกจากนิตยสารแม่พระยุคใหม่

ฉบับที่ 200 ปีที่ 35
(มีนาคม-เมษายน) 2015/2558
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ เม.ย. 29, 2019 7:04 pm

.....นักบุญโยเซฟไม่เคยทอดทิ้งผู้ที่ภาวนาวอนขอจากท่าน

(บทความอัศจรรย์เรื่องที่ 2 : จักษุแพทย์ของนักบุญโยเซฟ)

++++
เพื่อที่จะเข้าใจความศรัทธาต่อนักบุญยอแซฟในพิธีกรรม ในปี 1870 พระสันตะปาปาปีโอที่ 9 ได้ประกาศว่านักบุญยอแซฟเป็นองค์อุปถัมภ์ของพระศาสนจักรสากล นักบุญผู้เจริญชีวิตในความเงียบนี้ได้รับมอบงานที่มีเกียรติ ในการเอาใจใส่และดูแลพระแม่มารีย์และพระเยซูเจ้า

“ข้าแต่ท่านผู้ปกป้องพระเยซูเจ้าข้าพเจ้าวางใจในคำภาวนาของท่าน ที่จะทำให้พระเป็นเจ้าสดับฟังด้วยพระทัยเมตตากรุณา อาแมน”

(จากบทความไตร่ตรองพระวาจา
โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญ
วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2017)
++++

เที่ยงคืนวันนั้น หญิงสาวคนหนึ่งโดยสารรถไฟไปตามลำพัง ในขบวนนั้นมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ หญิงสาวนั่งตรงหน้าเขา ชายคนนั้นสังเกตเห็นเธอมีหน้าตาแสดงความวิตกกังวล จึงเอ่ยปากถามว่า “ทำไมคุณจึงกล้าเดินทางยามดึกดื่นเช่นนี้”

มาร์การิตาตอบด้วยอาการเศร้าโศกว่า “ดิฉันไปเยี่ยมคุณลุง และได้ข่าวจากทางบ้านว่า บิดาดิฉัน ประสบอุบัติเหตุในโรงงาน จึงต้องรีบกลับบ้านค่ะ” ตอบพลางสะอึกสะอื้น พึมพำว่า “ข้าแต่นักบุญโยเซฟ โปรดช่วยคุณพ่อของดิฉันด้วยเถิด โปรดให้เขาแลเห็นอีกครั้งหนึ่ง”

ชายนั้นสนใจซักต่อไปว่า “พ่อของคุณประสบอุบัติเหตุตาบอดหรือ”

“ค่ะ” พลางใช้ผ้าซับนํ้าตา “แล้วทำไมคุณขอนักบุญโยเซฟช่วยล่ะ เขามิใช่จักษุแพทย์นี่”

“แต่ท่านนักบุญช่วยเสมอ ถ้าเราวอนขอท่าน” หญิงสาวตอบด้วยความมั่นใจเหมือนเด็ก ๆ

แล้วหญิงสาวเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบเหรียญอันหนึ่งออกมา ส่งให้ชายผู้นั้น พลางกล่าวว่า “นี่ไงคะ เหรียญนักบุญโยเซฟ โปรดเก็บรักษาไวให้ดีนะคะ ในยามเดือดร้อนก็ขอท่านนักบุญช่วย”

สุภาพบุรุษผู้นั้นยื่นมือรับเหรียญไว้มองดู พร้อมกับยิ้มอย่างไม่ค่อยเชื่อ แต่เพื่อมิให้เสียมารยาท เขาก็เก็บไว่ในกระเป๋าเสื้อ เมื่อถามมาร์การิตาว่าจะลงที่ไหน ชายนั้นก็บอกให้นอนสักงีบ…หลับไปได้สักหน่อย ก็ถึงสถานี หญิงสาวลุกขึ้น เตรียมตัวลงจากรถ ชายผู้นั้นก็ลุกขึ้น เอากระเป๋าเดินตามมาร์การิตาไปที่สถานี พี่ชายของเธอมารับ ส่วนสุภาพบุรุษของเราไปพักที่โรงแรม

เช้าวันรุ่งขึ้น เขาสืบถามถึงคนงานที่ประสบอุบัติเหตุนัยน์ตาบอด เมื่อทราบแล้วเขารีบไปเยี่ยม

มาร์การิตาประหลาดใจ ที่สุภาพบุรุษผู้นั้นกลับมาหาอีกครั้งหนึ่ง เขาชิงพูดขึ้นก่อนว่า “ผมมาเยี่ยมคุณพ่อของคุณ และดูว่าจะมีอะไรช่วยได้บ้าง”

แล้วเขาไปหามารดาของหญิงสาว กล่าวว่า “เมื่อคืน ผมพบลูกสาวของคุณในรถไฟ และทราบว่าบิดาประสบอุบัติเหตุ ตาบอด ผมชื่อ ดร. เนลสัน เป็น จักษุแพทย์ครับ ขอให้ผมตรวจดูอาการคนไข้สักหน่อยนะครับ” เมื่อตรวจนัยน์ตา และทำการผ่าตัดแล้ว แพทย์พันแผลให้เรียบร้อย พลางสั่งว่า “พันผ้าไว้ 4 วัน แล้วผมจะกลับมาเอาผ้าออกเอง”

สี่วันต่อมาจักษุแพทย์กลับมาตามนัด พอแก้ผ้าพันออก คนไข้เปล่งเสียงด้วยความดีใจว่า “ขอพระเจ้าจงได้รับการสดุดี ผมแลเห็นเป็นปรกติอีกครั้งหนึ่งแล้ว” ทุกคนในบ้านต่างดีใจกันถ้วนหน้า

“ผมไม่ทราบว่า จะขอบคุณคุณหมออย่างไรดีครับ”

นายแพทย์ยิ้ม ตอบว่า “ผมได้รับค่าตอบแทนแล้ว” พลางล้วงเอาเหรียญนักบุโยเซฟออกมาชูขึ้น “ในรถไฟ ลูกสาวของคุณให้เหรียญนี้แก่ผม และบอกผมให้ใว้ใจนักบุญโยเซฟ ท่านนักบุญฟังคำภาวนาของเราแล้ว คุณได้สายตากลับคืนมา ส่วนผมก็ได้ความเชื่อกลับคืนมาด้วย ! “

ถูกแล้วนักบุญโยเซฟฟังคำภาวนาของเราเสมอ


คัดลอกจากนิตยสารแม่พระยุคใหม่

ฉบับที่ 200 ปีที่ 35
(มีนาคม-เมษายน) 2015/2558
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ เม.ย. 29, 2019 7:09 pm

ข้าพเจ้ารักนักบุญโยเซฟ...นักบุญพระสันตะปาปา ยอห์น ที่ 23

"ข้าพเจ้ารักนักบุญโยเซฟมาก ถึงขนาดว่า ข้าพเจ้าจะเริ่มและจบวันหนึ่งๆ ไม่ได้ ถ้าไม่เปล่งคำพูดสุดท้ายและไม่มีความคิดสุดท้ายสำหรับท่าน"

เมื่อข้าพเจ้ารับศีลล้างบาป เจ้าอาวาสถามว่า ชื่ออะไร พ่อทูนหัวตอบว่า “ชื่ออังเยโล โยเซฟ (Angelo Joseph)” เมื่อบิดาไปแจ้งการเกิดของข้าพเจ้าที่อำเภอ ใครๆ ถามท่านว่า
“ลูกชายคุณชื่ออะไร” “ไม่รู้ว่าชื่ออังเยโล โยเซฟ หรือ โยเซฟ อังเยโล”

เจ้าหน้าที่เขียนว่าชื่อ “โยเซฟ” คนในครอบครัวเรียกข้าพเจ้าว่า “อังเยโล” หรือ “อังเยลีโน” แต่เวลาไปรับราชการเป็นทหาร ข้าพเจ้ากลับมีชื่อว่า “โยเซฟ”

เมื่อพระญาณสอดส่องโปรดให้ข้าพเจ้าเป็นพระสังฆราช ข้าพเจ้าไม่ยอมลบหลู่อัครเทวดา (Angelo) ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงเรียกชื่อตัวว่า “อังเยโล โยเซฟ”

ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่งที่จะรับอภิเษกเป็นพระสังฆราชในวันฉลองนักบุญโยเซฟ พระคาร์ดินัลกัสปารี ถามข้าพเจ้าว่า “ทำไมจึงอยากรับอภิเษกวันฉลองนักบุญโยเซฟ”

“เพราะนักบุญโยเซฟเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของผม ทั้งผมยังเชื่อว่าท่านเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของนักการทูตด้วย”

“นักบุญโยเซฟเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของนักการทูต หรือ เกินไปกระมัง เป็นไปได้อย่างไร”

“ผมคิดว่า พวกนักการทูตก็เหมือนนักบุญโยเซฟ ต้องแนะนำพระคริสตเจ้าให้คนรู้จัก พร้อมทั้งซ่อนพระองค์ด้วย”

พระคาร์ดินัลทำตาโต ข้าพเจ้าพูดต่อไปว่า “ใช่ครับ พระคุณเจ้า เราต้องแนะนำพระคริสตเจ้า ให้คนรู้จักแต่บางครั้งก็ต้องซ่อนพระองค์ด้วย เป็นการปลอดภัยกว่า ไม่ต้องใส่กุญแจขังพระองค์ด้วย แต่ต้องซ่อนพระองค์ เพื่อจัดให้พระองค์ได้รับการต้อนรับดีขึ้น


...ต้องเงียบเหมือนนักบุญโยเซฟ ต้องรู้จักทำทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของงานรับใช้ และโดยเฉพาะต้องชิมของหวานและกลืนของขม หมายความว่าต้องกลืนช้าๆ แม้ว่าขม ต้องนอบน้อมเชื่อฟัง แม้เมื่อไม่เข้าใจ เหมือนนักบุญโยเซฟ เมื่อท่านออกเดินทางไปกับลาของท่าน”

นักบุญโยเซฟเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์พิเศษของข้าพเจ้าจนตลอดชีวิต และเมื่อจะตาย ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านยื่นมือให้ข้าพเจ้าเป็นคนแรก



บทความจากนิตยสารแม่พระยุคใหม่ ฉบับที่ 200
ปีที่ 35 เดือนมีนาคม - เมษายน 2015

คัดลอกและขอขอบคุณที่มา
Facebook ของวัดนักบุญยอแซฟตรอกจันทน์

https://m.facebook.com/story.php?story_ ... 5079503734
ตอบกลับโพส