น.โยเซฟไม่เคยทอดทิ้งผู้ที่ภาวนาวอนขอจากท่าน
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 29, 2019 6:58 pm
.....ขอแบ่งปันเรื่องจากไลน์กลุ่มที่มีคนส่งมาให้ค่ะ......
.....นักบุญโยเซฟไม่เคยทอดทิ้งผู้ที่ภาวนาวอนขอจากท่าน
(บทความอัศจรรย์เรื่องที่ 1 : พาพระสงฆ์มาส่งศีล)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2016
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ช่วงเวลาที่เรากระวนกระวายใจหรือสับสนชีวิต เราต้องวางใจในพระเจ้า ให้พระองค์นำทางเรา และนบนอบต่อพระประสงค์ของพระองค์ เหมือนอย่างที่นักบุญโยเซฟทำให้เห็นเป็นตัวอย่างเรื่องการไม่ถอนหมั้นแม่พระและรับบุตรที่จะบังเกิดมา ทั้งที่ตนเองหาคำอธิบายไม่ได้ว่า แม่พระตั้งครรภ์ได้อย่างไร
https://www.popereport.com/2016/12/blog ... 8.html?m=1
คืนหนึ่งประมาณ 01.30 น. คุณพ่อ ร.แมสชิงเยร์ (R. Messinger) เจ้าอาวาสที่หมู่บ้านแนสเซา (Gnessau) ในเยอรมนี ได้ยินเสียงกริ่งก็ลุกขึ้น มีคนมาเชิญท่านไปโปรดศีลคนไข้ คนที่มาเชิญ แต่งตัวเรียบๆ ถือตะเกียงที่จุดอยู่ คุณพ่อไม่รู้จักเขา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะท่านมาอยู่ที่หมู่บ้านแนสเซาได้ไม่นาน ท่านจึงยังไม่รู้จักลูกวัดทุกคน
ท่านคิดว่าคนที่มานั้นคงเป็นคนงานของฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งในละแวกนั้น เมื่อจะออกบ้าน คุณพ่อคิดจะปลุกคนจัดห้องสักการภัณฑ์ เพื่อให้ไปเป็นเพื่อน แต่คนงานที่มาตามพูดว่า “ไม่จำเป็นครับ ผมรับเป็นธุระเอง” คุณพ่อแปลกใจมาก เมื่อเปิดตู้ศีลเพื่อนำศีลออกไป ท่านได้ยินคนงานคนนั้นสวดบท “ข้าพเจ้าขอสารภาพบาป” เป็นภาษาลาตินอย่างถูกต้องไม่มีที่ติ
คนงานถือตะเกียงออกนำหน้า เดินผ่านไปบนถนนที่มุ่งไปยังป่า เมื่อเลยฟาร์มสุดท้าย คุณพ่อเตือนคนงานที่เดินนำหน้าว่า ต่อไปไม่มีบ้านคนมีแต่ป่าเท่านั้น คนงานขอให้คุณพ่อเดินตามเขาต่อไป และเมื่อเห็นคุณพ่อเดินมาตามที่ขอร้อง เขาแสดงความพอใจ พูดว่า “ดีมาก” แต่คุณพ่อชักเริ่มไม่สบายใจแล้ว ทันใดนั้น คุณพ่อเห็นตะเกียงวางอยู่บนพื้นดินข้างหน้าท่านคนนำทางหายไปแล้ว ท่านเรียกเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบในความมืด คุณพ่อใจคอไม่ดี มองดูรอบตัว ก็สังเกตเห็น ใกล้ ๆ นั้นมีกระท่อมอยู่หลังหนึ่ง ท่านลังเลใจไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วก็ไดิยินเสียงครางเบาๆ จากกระท่อมนั้น ท่านนำตะเกียงเดินเข้าไปตรวจภายในกระท่อมนั้น ก็เห็นขอทานชราคนหนึ่งกำลังจะตาย นอนอยู่บนฟางข้าวเพียงเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นพระสงฆ์ ก็พูดด้วยความลำบากว่า
“คุณพ่อครับ คุณพ่อมาที่นี่ได้อย่างไร ตลอดชีวิต ผมภาวนาขอนักบุญโยเซฟอย่าปล่อยให้ผม ตายก่อนจะได้รับศีล ผมคิดว่าผมจะตายโดยไม่พบพระสงฆ์…แต่คุณพ่อก็มาอยู่นี่แล้ว!”
พระสงฆ์รู้สึกตื้นตัน เตรียมตัวช่วยชายน่าสงสารคนนั้นให้ไปปรากฏตัวต่อหน้าพระเจ้า แล้วอยู่เฝ้าจนกระทั่งเขาสิ้นใจ เมื่อกลับที่พักแล้ว คุณพ่อเล่า เหตุการณ์คืนนั้นให้ผู้ช่วยของท่านฟัง แต่ห้ามมิให้เล่าต่อ เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านถึงแก่มรณภาพใน ปี 1966
เพื่อเป็นที่ระลึกถึงคนงานที่นำท่านไปโปรดศีลคืนนั้น ท่านจัดการให้วางตะเกียงที่ใช้ในคืนดังกล่าว แทบเท้ารูปปั้นนักบุญโยเซฟในโบสถ์ และทุกวันสุด สัปดาห์ให้จุดตะเกียง เพื่อเชิญชวนคริสตชนให้มอบฝากคำภาวนาและความห่วงกังวลต่าง ๆ ไว้กับนักบุญโยเซฟ
คัดลอกจากนิตยสารแม่พระยุคใหม่
ฉบับที่ 200 ปีที่ 35
(มีนาคม-เมษายน) 2015/2558
.....นักบุญโยเซฟไม่เคยทอดทิ้งผู้ที่ภาวนาวอนขอจากท่าน
(บทความอัศจรรย์เรื่องที่ 1 : พาพระสงฆ์มาส่งศีล)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2016
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงสอน ช่วงเวลาที่เรากระวนกระวายใจหรือสับสนชีวิต เราต้องวางใจในพระเจ้า ให้พระองค์นำทางเรา และนบนอบต่อพระประสงค์ของพระองค์ เหมือนอย่างที่นักบุญโยเซฟทำให้เห็นเป็นตัวอย่างเรื่องการไม่ถอนหมั้นแม่พระและรับบุตรที่จะบังเกิดมา ทั้งที่ตนเองหาคำอธิบายไม่ได้ว่า แม่พระตั้งครรภ์ได้อย่างไร
https://www.popereport.com/2016/12/blog ... 8.html?m=1
คืนหนึ่งประมาณ 01.30 น. คุณพ่อ ร.แมสชิงเยร์ (R. Messinger) เจ้าอาวาสที่หมู่บ้านแนสเซา (Gnessau) ในเยอรมนี ได้ยินเสียงกริ่งก็ลุกขึ้น มีคนมาเชิญท่านไปโปรดศีลคนไข้ คนที่มาเชิญ แต่งตัวเรียบๆ ถือตะเกียงที่จุดอยู่ คุณพ่อไม่รู้จักเขา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะท่านมาอยู่ที่หมู่บ้านแนสเซาได้ไม่นาน ท่านจึงยังไม่รู้จักลูกวัดทุกคน
ท่านคิดว่าคนที่มานั้นคงเป็นคนงานของฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งในละแวกนั้น เมื่อจะออกบ้าน คุณพ่อคิดจะปลุกคนจัดห้องสักการภัณฑ์ เพื่อให้ไปเป็นเพื่อน แต่คนงานที่มาตามพูดว่า “ไม่จำเป็นครับ ผมรับเป็นธุระเอง” คุณพ่อแปลกใจมาก เมื่อเปิดตู้ศีลเพื่อนำศีลออกไป ท่านได้ยินคนงานคนนั้นสวดบท “ข้าพเจ้าขอสารภาพบาป” เป็นภาษาลาตินอย่างถูกต้องไม่มีที่ติ
คนงานถือตะเกียงออกนำหน้า เดินผ่านไปบนถนนที่มุ่งไปยังป่า เมื่อเลยฟาร์มสุดท้าย คุณพ่อเตือนคนงานที่เดินนำหน้าว่า ต่อไปไม่มีบ้านคนมีแต่ป่าเท่านั้น คนงานขอให้คุณพ่อเดินตามเขาต่อไป และเมื่อเห็นคุณพ่อเดินมาตามที่ขอร้อง เขาแสดงความพอใจ พูดว่า “ดีมาก” แต่คุณพ่อชักเริ่มไม่สบายใจแล้ว ทันใดนั้น คุณพ่อเห็นตะเกียงวางอยู่บนพื้นดินข้างหน้าท่านคนนำทางหายไปแล้ว ท่านเรียกเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบในความมืด คุณพ่อใจคอไม่ดี มองดูรอบตัว ก็สังเกตเห็น ใกล้ ๆ นั้นมีกระท่อมอยู่หลังหนึ่ง ท่านลังเลใจไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วก็ไดิยินเสียงครางเบาๆ จากกระท่อมนั้น ท่านนำตะเกียงเดินเข้าไปตรวจภายในกระท่อมนั้น ก็เห็นขอทานชราคนหนึ่งกำลังจะตาย นอนอยู่บนฟางข้าวเพียงเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นพระสงฆ์ ก็พูดด้วยความลำบากว่า
“คุณพ่อครับ คุณพ่อมาที่นี่ได้อย่างไร ตลอดชีวิต ผมภาวนาขอนักบุญโยเซฟอย่าปล่อยให้ผม ตายก่อนจะได้รับศีล ผมคิดว่าผมจะตายโดยไม่พบพระสงฆ์…แต่คุณพ่อก็มาอยู่นี่แล้ว!”
พระสงฆ์รู้สึกตื้นตัน เตรียมตัวช่วยชายน่าสงสารคนนั้นให้ไปปรากฏตัวต่อหน้าพระเจ้า แล้วอยู่เฝ้าจนกระทั่งเขาสิ้นใจ เมื่อกลับที่พักแล้ว คุณพ่อเล่า เหตุการณ์คืนนั้นให้ผู้ช่วยของท่านฟัง แต่ห้ามมิให้เล่าต่อ เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านถึงแก่มรณภาพใน ปี 1966
เพื่อเป็นที่ระลึกถึงคนงานที่นำท่านไปโปรดศีลคืนนั้น ท่านจัดการให้วางตะเกียงที่ใช้ในคืนดังกล่าว แทบเท้ารูปปั้นนักบุญโยเซฟในโบสถ์ และทุกวันสุด สัปดาห์ให้จุดตะเกียง เพื่อเชิญชวนคริสตชนให้มอบฝากคำภาวนาและความห่วงกังวลต่าง ๆ ไว้กับนักบุญโยเซฟ
คัดลอกจากนิตยสารแม่พระยุคใหม่
ฉบับที่ 200 ปีที่ 35
(มีนาคม-เมษายน) 2015/2558