ความมหัสจรรย์ประการที่2 ของสายประคำศักดิ์สิทธิ์

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 26, 2019 7:42 pm

ความมหัศจรรย์ประการที่ 2 ของสายประคำศักดิ์สิทธิ์

สายประคำเปรียบเสมือนอาวุธฝ่ายจิตวิญญาณ (THE ROSARY IS A SPIRITUAL WEAPON)

(ตอนที่ 3 จบตอนความมหัศจรรย์ประการที่สอง )

3) สงครามการโจมตีครั้งยิ่งใหญ่แห่งเกาะมอลตา (The Great Siege of Malta)

ในศตวรรษที่ 16 ได้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ของโปรเตสแตนต์ ทำให้ศาสนาคริสต์แตกแยก ประชาชนที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน กลับต่อสู้กันเอง และประชาชาติต่างหันหลังให้กับศาสนจักรที่แท้จริงหนึ่งเดียวที่ก่อตั้งโดยพระเยซูคริสต์ คือพระศาสนจักรคาทอลิก เหตุการณ์ที่พระศาสนจักรแตกแยกนี้ ทำให้ศาสนาอื่น ๆได้พยายามใช้ประโยชน์จากความแตกแยกของศาสนาคริสต์ นั่นก็คือศาสนาอิสลาม

พวกมุสลิม โดยการนำของจักรวรรดิออตโตมันอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร ซึ่งเป็นชาวตุรกี เมื่อสุไลมานผู้ยิ่งใหญ่ได้เป็นผู้นำของชาวมุสลิมในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 เขาแสดงความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อศาสนาคริสต์ ปู่ของเขาเคยสาบานว่าจะไม่หยุดยั้ง สงคราม จนกว่าเขาจะควบตะลุยม้าจู่โจมเหยียบย่ำจนถึงใต้โดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และเด็ดศีรษะของพระสันตะปาปาคลุมด้วยผ้าโพกหัวของชาวมุสลิม สุไลมานต้องการที่จะทำให้ความฝันปู่ของเขาเป็นความจริงขึ้นมาให้ได้

สุไลมานจินตนาการวาดฝันว่า วาติกันเปรียบประดุจดังเป็นแอปเปิ้ลสีแดงพร้อมที่จะนำมาถวายแด่พระอัลลาห์ ศูนย์กลางของพระศาสนจักรอยู่ภายใต้การคุกคามที่แท้จริงจากผู้บุกรุกชาวมุสลิม อันที่จริงอารยธรรมของชาวตะวันตก ตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นอย่างมาก

ในศวรรษศตวรรษที่แล้ว มุสลิมได้บุกพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในตะวันออกมานานนับหลายศตวรรษ เมื่อชาวมุสลิมยึดกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้ในปี 1453 พวกเขาเปลี่ยนชื่อเป็น "อิสตันบูล" และเปลี่ยนโบสถ์คริสตจักรไบแซนไทน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด Hagia Sophia เป็นมัสยิดแทน

ในปี 1565 จักรวรรดิออตโตมันอันทรงพลังรุกจู่โจมเข้าใกล้กับกรุงโรมมากขึ้นทุกขณะ ถ้ากองทัพมุสลิมพิชิตกรุงโรมและเปลี่ยนมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ให้กลายเป็นมัสยิดได้สำเร็จ ก็จะเป็นความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญที่สุดของศาสนาคริสต์ ชาวมุสลิมรู้ดีว่าในการที่จะเดินทางไปยึดกรุงโรมผ่านทะเลนั้น พวกเขาจะต้องยึดเกาะมอลตาที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ให้ได้เสียก่อน ความพยายามที่จะบุกจู่โจมยึดเกาะนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "Great Siege of Malta"


ในการโจมตีครั้งนี้กองทหารมุสลิมประกอบด้วยทหารมากกว่า 40,000 คน ในขณะที่กองทัพคาทอลิกมีเพียง 6,000 คนเท่านั้น ดังนั้นกองทัพคาทอลิกจึงมีจำนวนน้อยกว่าประมาณหนึ่งต่อเจ็ดเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามภายใต้การนำรบอย่างสุดอัศจรรย์ของ Jean Parisot de Valette ขุนนางชาวฝรั่งเศส ประมุขของ Sovereign Military Order ของนักบุญจอห์น (อัศวินแห่งมอลตา) กองทัพคาทอลิกสามารถปกป้องเกาะและขับไล่ชาวมุสลิมออกไปได้อย่างปาฏิหาริย์

ในการศึกครั้งนี้ ในขณะที่กองทัพคาทอลิกได้รับบาดเจ็บล้มตายเป็น จำนวนมาก แต่กองทัพมุสลิมประสบความสูญเสียมากกว่าถึง 30,000 คน (ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น) การบุกโจมตีครั้งใหญ่ของมอลตานั้นเกี่ยวข้องกับดาบที่ Jean Parisot de Valette ใช้ในการต่อสู้ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจอย่างที่สุด



ในการเตรียมตัวสำหรับการเผชิญหน้ากับชาวมุสลิม เดอวาเลตต์ไปหาช่างตีเหล็กและขอร้องอย่างพิเศษให้เตรียมดาบคู่ใจให้เขา โดยให้ช่างตีเหล็กแกะสลักรูปสายประคำลงบนใบดาบของท่าน! ท่านรู้ว่าสายประคำคืออะไรและเชื่อว่าสายประคำเป็นอาวุธทางจิตวิญญาณของท่าน และบัดนี้ท่านมอบความไว้วางใจแด่พระเป็นเจ้าและพระแม่มารีย์ ถ้าพระองค์ทรงอยู่ข้างท่านแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรเลย ท่านไม่ลังเลใจเลยที่จะแสดงสัญลักษณ์แห่งพละกำลังและความรอดนี้ในการต่อสู้กับศัตรู

หลังจากชนะการต่อสู้ในศึกสงครามครั้งนี้ เดอวาแลตต์ได้เดินทางไปยังรูปพระแม่มารีย์ที่มีชื่อเสียงซึ่งรู้จักกันในนามของ "Our Lady of Damascus" ใน Birgu เกาะ Malta (เมืองที่รู้จักกันในชื่อ Vittoriosa) ท่านได้วางหมวกเสื้อเกราะและดาบคู่ใจของท่านที่พระแท่นหน้าเบื้องพระบาท รูปแม่พระ ในปัจจุบันนี้ หมวกและดาบของท่านก็ยังจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์เล็กๆซึ่งอยู่ติดกับโบสถ์วิหาร สร้างถวายแด่พระรูปแม่พระ Our Lady of Damascus ใน Birgu


4) ตัวอย่างสุนทรพจน์แห่งความมหัศจรรย์ของสายประคำเปรียบประดุจอาวุธฝ่ายจิตวิญญาณ (Words of Wonder)


ในขณะที่นักบุญโดมินิกใช้การสวดสายประคำนี้ เป็นดาบเพื่อทำลายบาปอันน่าหวาดกลัวของชาวอัลเบเจนเซียน เช่นเดียวกันในยุคของเราผู้สัตย์ซื่อในการใช้อาวุธชนิดเดียวกัน - กล่าวคือการสวดสายประคำทุกวัน - เป็นที่แน่นอนว่า เราคริสตชนทั้งหลายจะได้รับการปกป้องที่มีประสิทธิภาพสูงสุด จากพระมารดาพระเจ้า บาปและข้อบกพร่องมากมายที่แพร่ระบาดในโลก จะถูกถอนรากถอนโคนและถูกทำลายลงไปในที่สุด

บุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 9 (Blessed Pope Pius IX)

ทุกวันนี้และในอนาคต สายประคำจะต้องเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพและทรงพลัง เพื่อให้เราสามารถเอาชนะการต่อสู้ภายในจิตวิญญาณของเราและเพื่อช่วยวิญญาณทั้งหลายให้รอดพ้น

นักบุญโคเซ มารีอา เอสกรีบา เด บาลาเกร์  (St. Josemaría Escrivá)

เมื่อรวมกับการรำพึงไตร่ตรองอย่าง
มุ่งมั่นศรัทธาของพระธรรมล้ำลึกแห่งสายประคำศักดิ์สิทธิ์ บทภาวนาวันทามารีย์จะกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในมือของมนุษย์ - อาวุธซึ่งโดยผ่านทางพระเจ้าและพระมารดาผู้เปี่ยมด้วยพระหรรษทานมากที่สุดขององค์พระผู้เป็นเจ้า จะเปลี่ยนโฉมหน้าโลกได้ในที่สุด

ผู้น่าเคารพ แพทริก เพย์ตัน
(Venerable Patrick Peyton)



ขอเชิญพี่น้องชมภาพและเหตุการณ์ที่แสดงในพิพิธภัณฑ์จากคลิปข้างล่างนี้ได้เลยครับ
https://youtu.be/4YHMBURw4_M

เรื่องราวบรรยาย
https://youtu.be/uyhy3K4S-E0

รูปโบสถ์พร้อมรูปแม่พระ Our Lady of Damascus
https://www.romeartlover.it/Malta5.html



ถอดความและเรียบเรียงจากหนังสือ
"10 Wonders of the Rosary"
By Father Donald H. Calloway MIC
Publication date : January 1, 2019
ตอบกลับโพส