รวมเรื่องสั้น ข้อคิดสะกิดใจ ( 3 )

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2020 4:07 pm

#นิทานดีมากอ่านเถอะคุ้มค่าจริงๆ

อ ย่ า ใ จ บ อ ด ห ล ง ผิ ด เ ห มื อ น ผ ม เ ล ย

#แม่มีตา...#ตาเดียว
#ผมเกลียดที่แม่เป็นแบบนี้เหมือนเป็นตัวตลกของคนอื่น แม่ขายของที่ตลาด ผมหลบเลี่ยงที่จะเดินไปแถวนั้น วันหนึ่งวันกีฬาสี แม่มาหาผมที่โรงเรียน ผมวิ่งหลบหนีแม่ เพราะเพื่อนล้อเลียนว่า “ไอ้ลูกแม่ตาเดียว” ผมเกลียดคำนี้

คืนหนึ่งผมลงมาทานน้ำ เห็นแม่ร้องไห้ ผมหลบเลี่ยงที่จะเห็นน้ำตาแม่ ผมเกลียดที่จะอยู่กับแม่ตาเดียว ผมอยากรวยจึงเรียนหนัก ผมเริ่มมีครอบครัวที่มั่งคงและมีลูกน่ารัก แต่..ผมลืมและทิ้งแม่ตาเดียว

วันหนึ่งมีผู้หญิงน่าเกลียดมาที่บ้านผม ลูกๆ พากันรังเกียจ ผมได้ตวาดแม่ว่า… “มาทำให้ลูกผมตกใจทำไม?” เพราะผมบอกลูกเมียว่าแม่ตายไปแล้ว

วันหนี่งผมไปงานเลี้ยงรุ่นใกล้บ้านเดิม จึงแวะไปที่อยู่เก่าเพื่อเอาของบางอย่าง ที่นั่น ที่แม่ได้ตายไป ผมยืนมอง แต่ไม่มีน้ำตาของผมแม้แต่น้อย

#มีกระดาษข้างรูปวางไว้เขียนว่า….

แม่จะไม่ไปหาลูกอีกเพราะทำให้ลูกลำบากใจ
ลูกรู้ไหมตอนลูกเป็นเด็กเล็กลูกคลอดออกมา (ด้วยตาข้างเดียว)

แ ล ะ นั่ น คื อ… ด ว ง ต า ข อ ง แ ม่ ใ น ลู ก

แม่ดีใจที่เห็นลูกได้เห็นโลกที่สวยงาม

แ ล ะ มี ชี วิ ต ที่ ดี แ ล ะ มี ค ว า ม สุ ข ”

น้ำตาผมหลั่งออกมาโดยไม่รู้ตัว แ ม่…. ไ ม่ ไ ด้ พิ ก า ร ค น ที่ พิ ก า ร คือ ตั ว ผ ม ช า ย หั ว ใ จ พิ ก า ร ใ น ค ว า ม เ ป็ น ลู ก ข อ ง แ ม่
ลูกผมไม่มีโอกาสได้ยินกระทั่งเสียงแม่ตาเดียวของผม

นี่คือเรื่องเล่าขานที่มีชื่อเสียงเรื่องหนึ่งในเกาหลี. รักของแม่ คือ รักแท้ที่ไม่อาจคำนวณได้ รักของแม่ให้อย่างไม่มีเงื่อนไข และเสียสละให้ผู้อื่นได้เหมือนแม่ผม ขอให้ลูกทุกคนบนโลกนี้ จงดูแลแม่ขณะที่แม่ยังมีลมหายใจอยู่

#อย่าใจบอดหลงผิดเหมือนผมเลย!!

เมื่อท่านอ่านบทความนี้จบ ท่านมี 2 ทางเลือก
1. กดแชร์เผยแพร่ออกไปเต็มความสามารถ ทำให้โลกนี้มีความรักเพิ่มขึ้น
2. ท่านสามารถไม่สนใจ เสมือนหนึ่งท่านไม่เคยเห็นมันเลย
การแบ่งปันเล็กๆของท่าน อาจสามารถส่องแสงสว่างให้แก่ชีวิตคนมากมาย

Cr. ธรรมะ ในใจ อกาลิโก
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 29, 2020 5:58 pm, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2020 4:10 pm

........ ขอเวลาสักนิด...........

ตายายคู่หนึ่ง จูงมือกันเข้าไป ในมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด (ตั้งขึ้นในปีค. ศ. 1636)

" ขอพบท่านอธิการบดี "

เลขาฯหน้าห้องถามว่า

" ท่านมีธุระอะไรหรือ ได้นัดไว้หรือเปล่า "

ตา-ยายตอบ
" จะขอพบท่านอธิการบดีสักหน่อย คุยเรื่องลูกชาย "

เลขาฯจึงกดโทรศัพท์ เรียนท่านอธิการบดีว่า

" มีตา-ยายมาขอพบ ขอคุยกับท่าน เรื่องลูกชายของเขา ซึ่งเป็นอดีตนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัย ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เมื่อ 2 ปีที่แล้ว "

อธิการบดีตอบว่า

" เรื่องมันผ่านไปแล้ว ผมไม่มีเวลาว่างพอ ที่จะคุยด้วย ช่วยบอกตา-ยายว่า

ถ้าจะเรียกร้องค่าเสียหาย ก็ให้ไปฟ้องศาล เรามีแผนกนี้จัดการอยู่แล้ว "

ตา-ยายยังคงทู่ซี้ จะขอพบท่านให้ได้ โดยแจ้งว่า มีธุระจะคุยส่วนตัว แต่ในที่สุด ทั้งสองก็จำต้องจูงมือกันออก จากมหาวิทยาลัยไปด้วยความผิดหวัง เมื่อพ้นจากประตูมหาวิทยาลัยแล้ว ตาก็พูดกับยายว่า

" ไปกันเถอะ เขาไม่ต้อนรับเราแล้ว ไม่เป็นไร เรานำเงินของเรา ไปบริจาคที่อื่นก็ได้ "

ไม่กี่ปีต่อมา มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (ตั้งขึ้นในปีค. ศ. 1885) ก็ถือกำเนิดขึ้น ตามชื่อลูกชายของตา-ยาย ด้วยเงินที่ทั้งสอง อุทิศเพื่อลูกชายคนเดียวของเขา

และเป็นมหาวิทยาลัย ที่มีชื่อเสียง อีกแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

น่าเสียดายที่อธิการบดี ไม่ยอมสละเวลาสักนิด เพื่อพบกับตา-ยายคู่นี้ เขาพลาดสิ่งดี ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

(*)(*)(*)(*)(*)(*)(*)

รวบรวมโดย กอบกิจ ครุวรรณ
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 29, 2020 6:00 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2020 4:13 pm

........ เช็ค10, 000 เหรียญ.........

แจ็ค เด็กหนุ่มผู้ตั้งความหวังไว้สูง หลังจากจบมัธยมปลาย เขาสามารถสอบเข้าเรียนต่อ ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้

โดยคุณพ่อของเขา เคยสัญญาไว้ว่า ถ้าสอบได้ จะให้รถยนต์ 1 คัน เป็นของขวัญ เพื่อใช้ขับไปเรียนหนังสือ ที่มหาวิทยาลัย

“ คุณพ่อครับ ผมสอบได้แล้ว ผมมาทวงสัญญา "

จอห์นผู้เป็นพ่อ ห่วงจิตวิญญาณของลูก จึงไปซื้อพระคริสตธรรมคัมภีร์เล่มใหม่ ห่อของขวัญอย่างดี มอบให้ลูกเป็นของขวัญ และวางไว้ที่หัวเตียงของลูก

เมื่อแจ็คเปิดของขวัญ พบว่าเป็นพระคัมภีร์ เขาผิดหวังเป็นอย่างมาก เก็บข้าวของออกจากบ้าน และไม่ได้กลับมาอีกเลย

จนวันที่คุณพ่อของเขาป่วย และเสียชีวิต เพื่อนบ้านจึงตามเขากลับมาที่บ้านพ่อ

ที่หัวเตียง มีหนังสือพระคัมภีร์ถูกห่อไว้ วางไว้ที่เดิม พร้อมกับข้อความสั้น ๆ เขียนว่า

“ แจ็คลูกรัก อย่าลืมเปิดอ่านนะ รักลูกเสมอ จากพ่อ ”

แจ็คคว้าห่อพระคัมภีร์ และขว้างไปที่ข้างฝา ด้วยความโกรธ และก็ต้องประหลาดใจ

เมื่อพบกระดาษแผ่นหนึ่ง ปลิวออกมาจากพระคัมภีร์เล่มนั้น เขาหยิบมาดู จึงรู้ว่า

ในพระคัมภีร์เล่มที่พ่อให้ มีเช็คของขวัญ จำนวน 10, 000 เหรียญเสียบอยู่ และลงวันที่วันเดียวกับที่เขาจบมัธยมปลาย...

น่าเสียดายเพียงใด ที่เขาไม่ได้เปิดพระคัมภีร์ออกอ่าน เขาจึงพลาดของขวัญอันมีค่าที่ซ่อนอยู่

ฉะนั้น จงเปิดอ่านพระคัมภีร์ของท่านทุกวัน แล้วท่านจะพบสิ่งมีค่ามากมาย ที่ซ่อนอยู่ในพระคัมภีร์ของท่าน

(*)(*)(*)(*)(*)(*)(*)

รวบรวมโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2020 4:15 pm

............ กางเขนปลอม..........

พระอาจารย์ แจกกางเขนแก่ผู้ติดตามพระองค์ พระองค์ประทานกางเขนที่หนัก ให้แก่สิลาสผู้เกียจคร้าน

" พระอาจารย์ ทำไมกางเขนจึงหนักอย่างนี้ "
เขาถาม...

" ลูกเอ๋ย กางเขนยิ่งหนักเท่าไร รางวัลก็จะยิ่งใหญ่เท่านั้น "
ตรัสตอบแล้ว ก็หายวับไป

สิลาสกัดฟัน แบกกางเขนต่อไปได้ 2 - 3 ก้าว ก็โยนกางเขนทิ้งลง...ปีศาจรีบปรากฏตัว และเสนอว่า

" ฉันทำกางเขนด้วยกระดาษ ดูแล้วเหมือนอันเก่าเปี๊ยบเลย รับรองพระอาจารย์ดูไม่ออกหรอก เอาไหม ? "

สิลาสผู้เกียจคร้าน ยินดีรับข้อเสนอ...จากนั้น ก็แบกกางเขนกระดาษ ด้วยท่าทีที่เหมือนกับ กำลังแบกกางเขนที่แสนหนัก...

แล้วเขาก็เดินไปจนสุดทาง ซึ่งมีพระอาจารย์คอยอยู่ เมื่อไปถึง เขารีบร้องขึ้นว่า

" อาจารย์ครับ ผมแบกกางเขนแสนหนักมาแล้ว ผมขอรางวัลนะครับ "

" ดีมาก ลูกเอ๋ย เราจะให้รางวัลตามความเหมาะสม กับกางเขนของเจ้า "

สิลาสดีใจมาก จากนั้นพระอาจารย์ ก็พาเขาเดินไปบนเนินเขา และชี้ให้ดูคฤหาสน์สวยบนยอดนั้น

" สิลาส คฤหาสน์ทองคำนั้น เป็นของเจ้าแลัว "
อาจารย์บอกเขา

สิลาสดีใจมาก รีบวิ่งไปยังคฤหาสน์ เมื่อไปถึง ก็รีบเปิดประตูจะเข้าไป ทันใดนั้น ก็มีลมพัดกระโชกมาพอดี เขาตกใจมาก เมื่อเห็นคฤหาสน์สีทองคำทั้งหลัง ถูกลมพัดปลิวไปต่อหน้าต่อตา

(*)(*)(*)(*)(*)(*)(*)

รวบรวมโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ พ.ค. 17, 2020 4:16 pm

.............จักรพรรดินโปเลียนกับสายประคำ...........
จักรพรรดินโปเลียน เป็นผู้ที่มีภารกิจมากมาย แต่บางครั้ง
ก็ทรงหาความสุข จากการเข้าชมโอเปร่า พระองค์ทรงมี ทหารมหาดเล็กคนโปรด ชื่อ โรออง ชาโบต์

ค่ำวันหนึ่ง พระองค์เสด็จไปชมโอเปร่า โดยมีโรอองตามเสด็จ ขณะที่กำลังชมอยู่นั้น พระองค์ทรงละสายพระเนตรจากเวที และทรงทอดพระเนตรไปรอบ ๆ มองผู้ชมการแสดง

ในช่วงหนึ่ง พระองค์ทรงสังเกตเห็นโรออง ไม่ได้สนใจการแสดงบนเวทีเลย แต่กำลังนั่งอย่างสงบ สายตามองไปที่เสื้อโค้ท ที่วางพับอยู่บนตัก

จักรพรรดินโปเลียน จึงดึงมือเขาออกมาจากใต้เสื้อโค้ท ทรงคาดว่า ทหารมหาดเล็ก คงจะกำลังนวดนิ้วมือที่เคล็ด หรืออะไรทำนองนั้นอยู่

แต่พระองค์ก็ต้องประหลาดพระทัย ที่ทรงเห็นว่า ทหารมหาดเล็ก กำลังสวดสายประคำอยู่ โรอองหน้าแดงด้วยความตกใจ และสับสน เพราะคิดว่า

จักรพรรดิคงจะตำหนิเขา อย่างไรก็ดี จักรพรรดิเพียงแต่ทรงยิ้มอย่างเมตตา และตรัสว่า

“ ฉันเป็นสุข ที่เห็นสิ่งนี้ เธอมีความกล้าหาญ และจะเจริญขึ้นเป็นคนมีอำนาจ...สวดสายประคำต่อไปเถอะ "

นับแต่นั้นมา ไม่มีใครกล้าใช้ถ้อยคำ ถากถางทหารมหาดเล็ก ใจศรัทธาผู้นี้อีกเลย...

เมื่อเวลาผ่านไป ทหารมหาดเล็กผู้นี้ กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ในเรื่องความศรัทธา และการกุศล

และที่สุด ได้เป็นพระอัครสังฆราช แห่งเมือง เบอ ซัง ซอง ประเทศฝรั่งเศส และต่อมา ได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัล แห่งพระศาสนจักรคาทอลิก

(*)(*)(*)(*)(*)(*)(*)

รวบรวมโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ พ.ค. 18, 2020 2:49 pm

............ การให้ครั้งสำคัญ.............

หลายปีมาแล้ว ขณะที่ฉันเป็นพยาบาลอาสาสมัคร ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ฉันรู้จักลิซ่า เด็กหญิงที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง และรักษายาก

เธอมีโอกาสหายจากโรคเพียงวิธีเดียว คือ การถ่ายเลือดจากน้องชายวัย 5 ขวบของเธอ ซึ่งเคยป่วยเป็นโรคเดียวกัน

แต่หายป่วยได้อย่างอัศจรรย์ และมีภูมิต้านทานโรคนี้ หมออธิบายเรื่องนี้ ให้กับน้องชาย และถามความเต็มใจว่า

เขาจะยอมถ่ายเลือดของเขา ให้กับพี่สาวหรือไม่ ฉันเห็นเขาถอนหายใจ และสูดอากาศเข้าเต็มปอด ก่อนจะตอบว่า

" ได้ครับ ผมยอมสละเลือดของผม เพื่อช่วยชีวิตของพี่สาว "

ระหว่างการถ่ายเลือด เขานอนยิ้มอยู่ข้างพี่สาว เมื่อเขาเห็นแก้มของพี่สาว เริ่มมีสีชมพู

ขณะเดียวกัน ใบหน้าของเขากลับเริ่มซีด และรอยยิ้มก็ค่อย ๆ จางลง เขาหันไปทางหมอ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า

“ นี่ผมกำลังจะเริ่มตาย ตั้งแต่ตอนนี้เลยหรือครับ "

เนื่องจากเขาเพิ่งมีอายุ 5 ขวบ เขาจึงคิดว่า การถ่ายเลือด คือ การให้เลือดจนหมดทุกหยดในตัวเขา กับพี่สาว และยอมตายแทนเธอ !

(*)(*)(*)(*)(*)(*)(*)

รวบรวมโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ พ.ค. 23, 2020 10:26 am

คุณครูนำลูกโป่งไปโรงเรียนและขอให้เด็กๆเป่าให้มันขยายเต็มใบ หลังจากนั้นให้แต่ละคนเขียนชื่อของพวกเขาบนลูกโป่งของตัวเอง ต่อจากนั้นให้เด็กๆโยนลูกโป่งทั้งหมดลงในห้องโถง คุณครูก็กระจายลูกโป่งไปทั่วบริเวณห้อง และบอกเด็กๆว่าให้เวลา 5 นาทีเพื่อหาลูกโป่งที่มีชื่อของตัวเอง เด็กๆวิ่งไปรอบๆ มองไปเรื่อยๆจนกระะทั่งเวลาหมดไป - ไม่มีใครเจอลูกโป่งของตัวเอง...

คุณครูเลยบอกให้พวกเขาหยิบลูกโป่งใบที่ใกล้ตัวเองที่สุด และนำไปให้คนที่มีชื่อบนลูกโป่ง ภายในเวลาไม่ถึง 2 นาทีทุกคนก็มีลูกโป่งที่มีชื่อตัวเอง

หลังจากจบการเล่นเกมคุณครูก็บอกเด็กๆว่า " ลูกโป่งก็เหมือนความสุข จะไม่มีใครหามันพบเมื่อเรามองหาแต่ความสุขของเรา แต่ถ้าทุกๆคนใส่ใจซึ่งกันและกัน เราจะพบความสุขได้เร็วขึ้น."
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 28, 2020 8:03 pm

เกลือ, น้ำ 1 แก้ว และทะเลสาบ

ครั้งหนึ่ง ชายผู้ไม่มีความสุข มาขอให้อาจารย์หาวิธีช่วย อาจารย์บอกให้เขา เอาเกลือหนึ่งกำมือ ใส่ในน้ำ 1 แก้ว และดื่ม เมื่ออาจารย์ถามเขาว่า ดื่มแล้วรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง เขาก็ตอบว่า

" แย่มาก "

อาจารย์หัวเราะในลำคอ และบอกให้เอาเกลือในปริมาณเท่าเดิม ไปใส่ในทะเลสาบ และให้ดื่มน้ำจากทะสาบ ครั้งนี้ เขาตอบว่า

" รสจืดสนิทดีครับ ไม่เค็มเลย ”

อาจารย์จึงนั่งลงข้าง ๆ เขา จับมือทั้งสองข้างของเขา และพูดว่า

" ความทุกข์ในชีวิต เปรียบได้กับเกลือ ความทุกข์นั้นไม่หายไปไหน คงอยู่เหมือนเดิม แต่ความรู้สึก

" เจ็บปวด "

เกิดจากภาชนะที่เราใช้รองรับความทุกข์ ฉะนั้นเมื่อเกิดความทุกข์ เราต้องหันไปมองดูสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา

แล้วความทุกข์ ก็จะลดน้อยลงตามลำดับ จงเลิกทำตัวเป็นแก้วน้ำ แต่จงทำตัวให้กว้างใหญ่ เช่นทะเลสาบ

(*)(*)(*)(*)(*)(*)(*)

รวบรวมโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ มิ.ย. 05, 2020 4:41 pm

ทอดทิ้ง

นายหม่าถูกตัดสินจำคุก 15 ปีในข้อหาฆ่าคนตาย ตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ไม่เคยมีญาติคนไหนเข้ามาเยี่ยม แม้แต่ภรรยาที่พึ่งแต่งงานกันไป ก็ไม่แวะมาเยี่ยมเขาเลย จนกระทั่งเขาได้รับอิสนะภาพ วันที่ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำก็ไม่มีใครมารับเขาเลย นายหม่า จึงเดินทางกลับไปยังบ้านเช่าที่เขาเคยอาศัย ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากเดิมมาก แม้แต่ผู้คนแถวนั้น ยังได้บอกกับเขาว่า บ้านหลังนี้ถูกขายไปแล้ว เมื่อ 15 ปีก่อน เขามืดแปดด้านไม่รู้จะไปทางไหน

จึงพยายามติดต่อเพื่อนสนิทแต่ทุกคนก็ช่วยอะไรไม่ได้ บางคนเปลี่ยนเบอร์ติดต่อ เขาจึงมุ่งหน้าหางานทำ แต่ก็ไม่มีใครเขารับทำงานเพราะรู้ว่าติดคุกมาก่อน จึงไปทำงานก่อสร้าง เก็บเงินเพื่อกลับบ้านเกิด ที่บ้านนอก

1เดือนผ่านไป มีเงินซื้อตั๋วกลับบ้านนอก พอไปถึงบ้านนอก ก็พบกับเด็กชายคนหนึ่ง จึงถามเด็กชายคนนั้นว่า นี่ใช่บ้านของคนแซ่หม่าใช่ไหม เด็กน้อย พยักหน้าและสั่นกลัวตอบว่าใช่ และก็วิ่งเข้าบ้าน ประตูบ้านจึงเปิดออก เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 40กว่าๆ โบกมือเรียกเด็กชายคนนั้น ว่า บอกแล้วไงอย่าคุยกับคนแปลกหน้า รีบเข้าบ้านเดี่ยวนี้นะ เขาจำเสียงภรรยาเขาได้ เธอชื่อ “ซิ่ว” เธอดูแก่และไม่สวยเหมือนเดิมแล้ว เพราะเธอต้องทำงานหนักเลี้ยงแม่ของสามีที่ป่วยเป็นอัมพาต เมื่อรู้ลูกชายติดคุก ในข้อหาฆ่าคนตาย ส่วนพ่อเสียชีวิตหลังทราบข่าวลูกชายทำใจไม่ได้ล้มป่วย และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนภรรยาของเขาก็ตั้งท้องตอนสามีติดคุกอีกด้วย

หลังจากที่เขาติดคุก ภรรยาของเขาก็เพิ่งรู้ว่าตั้งครรภ์ และยังดูแลแม่ตัวเองที่ป่วย ซ้ำร้ายพ่อก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอีก เธอเหนื่อยและท้อแท้กับชีวิตเป็นอย่างมาก โชคดีลูกชายว่านอนสอนง่ายและเป็นเด็กดี ทำให้เธอมีกำลังใจต่อสู้

เธอรู้สึกดีใจมาก ที่สามีออกจากคุก พ่อแม่ลูกได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่เธอเสียใจคือไม่เคยไปเยี่ยมสามีแม้แต่ครั้งเดียว แต่สามีรู้เรื่องจึงไม่โกรธและให้อภัยภรรยาของเขา และนึกในใจว่า นับจากวันนี้ จะไม่ทำให้ภรรยาเขาต้องลำบากอีก



หลังจากนั้น นายหม่า ก็ทำแทบทุกอย่างแทนภรรยาของเขา ไม่ว่าจะเป็น ทำอาหาร ครบ 3 มื้อ และยังปลูกผักหลังบ้าน ในพื้นที่ 1 ไร่ เพื่อจะได้ขายในตลาด ถึงแม้ลูกชายของเขา จะไม่ยอมพูดกับเขาสักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นพ่อลูก ก็ยังรู้สึกว่าผูกพันธ์ และดีขึ้นตามลำดับ

เวลาผ่านไป 3 ปี นายหม่า มีเงินเก็บ สามารถซ่อมแซมบ้านที่เก่าผุพังให้กลับมาเหมือนเดิมได้ และยัง จ้างคนงานทำสวนเกษตรเพิ่ม และยังขยับขยายพื้นที่ ในการทำเกษตร เหมือนจะเป็นเถ้าแก่ใหญ่ไปแล้ว

และสิ่งที่อบอุ่นไปว่านั้น ถึงแม้เขาจะติดคุกถึง 15 ปี ผู้เป็นภรรยาไม่เคยทอดทิ้งเขาไปไหนเลย อีกทั้งลูกชายก็เรียกเขาว่าพ่อแล้ว และหลังเลิกเรียนก็รีบกลับมา เข้าสวนช่วยพ่อทำงานอีกด้วย

สื่อต่างประเทศยกให้ เขาเป็นบุคคลที่น่าสรรเสริญ คนที่เคยทำผิด แต่กลับตัวกลับใจ ตั้งสติ ประพฤติตนเป็นคนใหม่ผิดแล้วยอมรับผิด แค่นี้สังคมก็น่าอยู่แล้ว

ที่มา variety.
ตอบกลับโพส