“ ผักกุยช่าย “

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ค. 21, 2020 1:42 pm

..............ผั ก กุ ย ช่ า ย............

แม่โทรมาหาเขา "ตอนนี้ลูกอยู่ไหน?"

"อยู่โรงพยาบาลครับแม่."

"รู้แล้ว พ่อแกบอก" แล้วแม่ก็พูดต่อด้วยเสียงมีน้ำโห "ลูกคิดยังไง ลูกทำอย่างงั้นได้ไง ทำไมเที่ยวไปบริจาคไข...ไขกระดกกระดูกอะไรพวกนั้นให้คนอื่น."

แน่นอนที่สุด แม่ไม่เข้าใจว่าไขกระดูกคืออะไร เพราะแม่พูดคำนี้อย่างติดๆขัดๆ เขาปลอบแม่ "แม่อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก."

แม่พูดต่อ "จะไม่ให้กังวลได้ไง อวัยวะร่างกายสำคัญทุกส่วน ส่วนไหนขาดหายไปย่อมไม่ดีทั้งนั้น แม่ไม่ยอมให้แกทำแบบนั้นเด็ดขาด."

เขาตอบแม่แบบใจเย็น "ผมไม่ใช่เป็นคนบริจาค พ่อฟังผิด ผมต่างหากที่กำลังตามหาคนบริจาคไขกระดูกให้ผม ผมกำลังป่วยอยู่ครับ แม่."

แม่ตกใจด้วยความร้อนรน รีบถามชื่อโรงพาบาล แล้วพ่อแม่ก็รีบบึ่งรถออกจากบ้านไปทันที เพราะมันอยู่ไกลข้ามจังหวัดที่ลูกทำงานอยู่.

เมื่อถึงโรงพยาบาลก็ได้พบเขาในห้องคนไข้ พยาบาลกำลังวัดความดันให้เขาอยู่ แม่ถามด้วยความไม่สบายใจ "ลูกป่วยเป็นโรคอะไร?"

เขาบอกสั้นๆว่า "โรคลูคีเมียครับแม่." (มะเร็งเม็ดโลหิตขาว)

แม่ไม่รู้จักโรคนี้ จึงมีแววตาฉงน
เขาบอกแม่ว่า "ลูคีเมียรักษาลำบากมาก."

แม่กังวล หน้าซีด เขาเล่าต่อ "แต่ทว่า ถ้าสามารถหาคนที่มีไขกระดูกเข้ากับลูกได้ แล้วเขายอมบริจาค ลูกก็มีหวังรอด."

"เอาเลย ลูก รีบๆหาให้เจอ ขายบ้านขายช่องแม่ก็ยอม."

เขาบอกแม่ด้วยสีหน้าหดหู่ "มันไม่ง่ายอย่างที่แม่คิดหรอก ในทุกสองหมื่นคน อาจจะมีคนที่เข้ากันได้แค่คู่เดียว."

สีหน้าแม่หม่นหมอง.

"แต่ผมอาจจะโชคดีหน่อย คุณหมอเจอเด็กสาวคนหนึ่งที่ไขกระดูกเข้ากันได้พอดี."

แววตาแม่ลุกวาว "จริงเหรอ?"

เขาก้มหน้าด้วยความสลดอีกครั้ง
"แต่ฝ่ายนั้นเขาไม่ยอมบริจาค."

แม่ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดว่า
"ก็พอเข้าใจนะ สิ่งต่างๆบนร่างกายเรา ก็คงเหมือนดวงตาหรือจมูก ไม่มีอะไรเผื่อไว้เป็นอะไหล่ ตัดออกไปก็ผุดขึ้นมาใหม่ไม่ได้ แล้วใครจะยอมบริจาค."

พ่อที่เงียบมาตลอดพูดบ้าง "เห็นบอกว่าการบริจาคไขกระดูกไม่มีโทษไม่ใช่เหรอ?"

เขายังคงส่ายหน้า "แต่ยังไงเขาก็ยังไม่ยอมบริจาคอยู่ดี."

แม่ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ "ไม่มีผลเสียจริงๆนะ."

เขาบอกแม่ว่า "ก็คงเป็นเช่นนั้นแหละ ถ้าไม่เชื่อก็ลองฟังจากปากคุณหมอเอง."

ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ คุณหมอแวะเข้ามาในห้องพอดี แม่รีบคว้ามือคุณหมอไว้ ถามด้วยความร้อนรน “คุณหมอคะ การบริจาคไขกระดูกไม่มีผลเสียต่อคนบริจาคจริงเหรอ?"

คุณหมอมองหน้าแม่แล้วยิ้มผงกศรีษะเป็นการยืนยัน.

เมื่อเห็นแววตาแม่ยังมีแววฉงน หมอจึงอธิบายเพิ่มเติม "ไขกระดูกก็เหมือนผักกุยช่าย บริจาคแล้วร่างกายก็สร้างใหม่ขึ้นมาได้."

ในท้องไร่ท้องนาที่บ้าน มีการปลูกผักกุยช่ายเยอะแยะไปหมด หลังตัดเสร็จแล้วก็จะขึ้นมาใหม่ ยิ่งตัดยิ่งดก แล้วต้นใหม่ยังใหญ่โตกว่าต้นเก่า.

ดูเหมือนแม่จะเริ่มเข้าใจทุกอย่างดีขึ้น แววตาเริ่มมีความหวัง ก่อนจะหันไปขอร้องคุณหมอว่า "คุณหมอจะกรุณาช่วยทำความเข้าใจให้เด็กสาวคนนั้นมั่นใจขึ้นได้ไหม?"

คุณหมอส่งยิ้มให้ ก่อนจะพูดว่า "ด้วยความยินดีครับ."

คนทั้งสี่เดินไปยังห้องคนไข้อีกห้องหนึ่ง แล้วก็พบเด็กสาวคนนั้นนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ แม่เดินตรงเข้าไปหาเด็กสาว กุมมือเธอพร้อมกับพูดว่า “คุณหนูขา ป้าขอร้องนะ ป้ามีลูกชายคนนี้คนเดียว หนูช่วยชีวิตลูกป้าด้วยนะ."

แม่เห็นเด็กสาวมีสีหน้ากระอักกระอ่วนนั่งนิ่งไม่ตอบ แม่ก็ชี้ไปที่คุณหมอ "ไม่เชื่อหนูถามคุณหมอเองสิ การบริจาคไขกระดูกไม่มีผลเสียต่อร่างกายคุณหนูจริงๆ ไม่งั้นป้าคงไม่กล้ามาขอร้องคุณหนูหรอก."

ดวงตาของเด็กสาวเริ่มมีคราบน้ำตา ได้แต่มองหน้าแม่ แต่ไม่รู้จะพูดยังไงดี
ดูเหมือนความกังวลของแม่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

"คุณหนูขา ป้าคุกเข่าขอร้องคุณหนูนะ."

แม่กำลังจะคุกเข่าลงกับพื้น แต่เด็กสาวรีบดึงตัวแม่ไว้ ก่อนจะพูดว่า "คุณป้าขา หนูต่างหากที่เป็นคนป่วย พี่ชายคนนี้ที่จะเป็นผู้ใจบุญบริจาคให้หนู."

แล้วเด็กสาวก็ชี้ไปที่เขา พร้อมบอกแม่ว่า "หนูต้องขอร้องคุณป้าค่ะ กรุณาช่วยชีวิตหนูด้วย."

แม่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ แต่ดูเหมือนแม่จะเริ่มเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด.

แม่ยังคงกุมมือเด็กสาวไว้ มองดูสีหน้าที่ไร้เลือดฝาดของเด็กสาวอย่างเห็นใจ
มีคราบน้ำตาอยู่ในดวงตาของแม่ ก่อนที่จะหันไปบอกลูกชายว่า "ไปเถอะลูก แม่ไม่ห้ามแกแล้ว."

แม่พูดต่อไปอีกนิด "แล้วเย็นนี้กลับบ้านเรา แม่จะต้มไข่ไก่ให้ลูกกินบำรุงเอง."

เขายิ้มอย่างโล่งอก ก่อนที่จะเดินตรงไปยังห้องผ่าตัด.

เขามั่นใจอยู่แล้วว่า วิธีการของเขาต้องได้ผล แม่เป็นคนจิตใจดีงาม ถ้าลองแม่เข้าใจเรื่องบริจาคไขกระดูกอย่างถูกต้องแล้ว รับรองแม่ไม่มีทางห้ามเขาเด็ดขาด.

หลังจากนั้นหกชั่วโมง เขาได้ทำหน้าที่บริจาคไขกระดูกเรียบร้อยแล้ว
เขาเดินออกจากห้องผ่าตัดด้วยความอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก.

พ่อแม่เดินมาหาเขา สำรวจเขาอย่างถี่ถ้วนตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็เห็นว่าทุกส่วนอยู่ครบไม่มีอะไรสูญหาย.

พ่อยิ้มก่อนพูดว่า "ไอ้เสือ อย่าลืมที่สัญญาไว้ พ่อพาแม่มาโรงพยาบาลจนสำเร็จ กลับถึงบ้านต้องไปดื่มกับพ่อหลายๆจอกหน่อย."

เขาหัวเราะ ดีดนิ้วเสียงดังเปาะ
แม่เพิ่งจะรู้ตัวว่าตนถูกหลอกมาโรงพยาบาล เป็นแผนของพ่อลูกสองคน
แม่ค้อนพ่ออย่างแรง "ไอ้เฒ่าไร้ศักดิ์ศรี เพียงเหล้าไม่กี่จอกก็ถูกลูกซื้อตัวไปแล้ว."

แล้วแม่ก็หันมาตบไหล่ลูกชาย "วันนี้ลูกแม่ได้บริจาคไขกระดูก ช่วยชีวิตคนได้หนึ่งชีวิต และแม่ก็เชื่อว่าครอบครัวของเขาต้องมีความสุขอย่างมากเช่นกัน แม่ดีใจมาก แม้แม่จะถูกหลอกมา แต่ก็คุ้มนะ."

คนทั้งสามเดินออกจากโรงพยาบาลด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข.

‘ ข จ ร ศั ก ดิ์ ‘
แปลและเรียบเรียง
Credit: 余显斌/草根讀書
ตอบกลับโพส