จ๊ะเอ๋ อันตราย!!

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 31, 2020 3:03 pm

เพื่อนในline ส่งมาเห็นมีประโยชน์ ขอแบ่งปันค่ะ
...........จ๊ะเอ๋ อันตราย!...........>

ปาถ่องโก๋ หรือ อิ่วจาก๊วย ที่อร่อยมาก ต้องมีสีเหลืองงามภายนอก ขาวหนืดนุ่มภายใน คุณสมบัติที่ชวนกินอย่างนี้ ได้มาจาก ส่วนประกอบที่เรียกว่า “เช้าก่า” ซึ่งเป็นวัตถุดิบสีขาวคล้ายน้ำตาลทราย มีกลิ่นฉุนกึกของแอมโมเนีย ภาษานักเคมีเรียกผงนี้ว่า เกลือแอมโมเนียม ไบคาร์บอเนต สูตรเคมีเขียนหยาบๆ บน Line เป็น NH4.HCO3

คนทำเขาจะเอาผงชนิดนี้ละลายน้ำผสมลงไปในแป้ง จากนั้นนวด ให้โปรตีนจากแป้งสาลีรัดเกลือแอมโมเนียเข้าไว้ จนกระทั่งเอาไปทอด จะเกิดก๊าซแอมโมเนีย กับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดันตัวหนีออกจากเนื้อแป้ง ทิ้งแป้งลอยบนน้ำมันและฟองก๊าซ อย่างเดิอดพล่าน
คนทอดปาถ่องโกที่เก่งไ เขาจะสังเกตสีเหลืองพองาม กับฟองก๊าซรอบๆเปลือกเหลืองๆนั้นหายไปจนหมดจึงตักขึ้นมา พักไล่น้ำมันจนหมด แล้วจึงหยิบขาย

ลำพังเช้าก่า หรือเกลือแอมโมเนีย หากไล่ออกหมดตั้งแต่ตอนทอดก็ไม่มีอะไรจะเป็นพิษเป็นภัยอะไรเลย แต่ถ้าหากพ่อค้าเขาทอดด้วยไฟไม่แรงพอจะขับไล่ก๊าซแอมโมเนียไม่หมด จะทำให้ก๊าซนี้เหลืออยู่ คนกินจะได้กลิ่นแอมโมเนีย ซึ่งเป็นก๊าซที่โชยออกจากโถปัสสาวะชำระไม่สะอาดนั้นแหละ

อันที่จริง ก๊าซแอมโมเนียเพียงเล็กน้อยในปาถ่องโก๋ ไม่เป็นอันตรายอะไรเลย ถ้าคนกินยังไม่อยู่ในวัยชรา เพราะก๊าซนี้ ร่างกายคนทั่วไปเขาไม่ชอบ ได้หากสูดดมก๊าซนี้ แม้จะไม่มากก็เร่งขับปัสสาวะแล้ว ส่วนคนชรา ซึ่งตามปกติ ค่า eGfr หรือ glomerular filtration rate อัตราการกรองของหน่วยกรองของเซลล์ไต จะลดลงไปตามอายุขัยอยู่แล้ว การกินปาถ่องโก๋บ่อยๆ ของคนชราย่อมทำให้ค่า eGfr ลดลง หมอเขาจะดุเอาว่า เราใช้ไตทำงานหนักเกินไป ด้งนั้น คนชราจึงต้องงดละ!

คนจีนเขาฉลาดนัก ในเรื่องรู้หลบเหมือนมีปีก รู้หลีกเหมือนมีหาง ดังนั้น ในประเทศจีน และฮ่องกง ถ้าไปกินปาถ่องโก๋ จะเห็นว่า มันยาวเท่าศอก เขามักไม่ใช่เช้าก่า แต่จะใช้ สารส้ม สูตรเคมีเป็น KAl(SO4)2.12H2O นั่นหมายความว่า ไม่มีก๊าซแอมโมเนีย HN3 แต่จะมีน้ำระเหยออกมาจากแป้งที่ทอด มิหนำซ้ำ อะลูมิเนียมที่เป็นส่วนประกอบของสารส้ม ยังทำให้เนื้อแป้งกรุบกรอบชวนเคี้ยว และคงความกรอบของปาท่องโก๋ไว้ได้นาน ซื้อมาตอนเช้ากรอบอย่างไร ตอนเย็นก็ยังกรอบอย่างนั้น

อ้าวก็ดีซิ!

ใช่! มันน่าจะดี แต่มันขัดกับความรู้สมัยปัจจุบันที่พิสูจน์ชัดแล้วว่า อะลูมิเนียมนั้นแหละ เป็นสารมีพิษ อะตอมของมันเล็กมากจนซึมผ่านไปสู่เซลล์ประสามและสมองได้ ทำให้เป็นอัลไซเมอร์ หลงๆลืมก่อนวัยชรา

เท่านี้ ยังไม่พอนะ !

ใครที่ชอบกินโจ๊ก ข้าวต้ม หรือแม้แต่เต้าส่วน หรือเต้าฮวยร้อนๆ นั้น ตามร้านเขามักมีปาถ่องโก๋ ทำพิเศษ แต่ขนาดตัวเล็กกว่า ขนาดประมาณนิ้วก้อยเด็กอนุบาล มันกรอบ เคี้ยวกลุบ มันเค็ม ผมไม่รู้เขาเรียกว่า อะไร แต่รู้แน่เลยว่า ความกรุบกรอบของแป้งปาถ่องโก๋จิ๋วนี้ เกิดมาจาก ธาตุโบรอน Boron ได้มาจากเกลือบอแรกซ์ Borax ที่พบได้มากตามชายหาดของทะเลสาบซึ่งเกิดจากปล่องภูเขาไฟ หรือน้ำพุร้อนในอดีตกาล

ผงบอแรกซ์ นี่มีคุณสมบัติมหัศจรรย์ มันสามารถใช้ทำให้โลหะ แม้แต่ทองคำหลอมเหลวได้ง่าย เขาจึงนำมาใช้เป็น “น้ำประสานทอง”

แต่ถ้านำมาใส่ในแป้ง หรือเนื้อสัตว์ ที่ทำอาไม้ มันจะทำให้แป้งหรือเนื้อสัตว์นั้น เมื่อนำไปทอด หรือดอง จะกรอบ น่ากิน
แต่กินเข้าไปแล้ว อันตรายมาก หมอเขาดูที่ค่า eGfr เขาก็บอกได้ว่า ควรฟอกไตได้หรือยัง

ไม่เป็นไรน่า นานๆกินที!
ผมก็นึกอย่างนี้เสมอ เมื่อเผชิญหน้ากับปาถ่องโก๋ แต่พอนึกถึงหมอที่เขาต้องเยียวยารักษาเรา ผมก็ติดเบรค กินไม่ถึงคู่ ขอข้างเดียวก็พอ
ตอบกลับโพส