แชร์จากเพื่อนในไลน์......
ซ้อลิ้มแต่งงานอยู่กินกับสามี 35 ปี,เมื่อสามีเสียชีวิตลง เหลือลูกชายลูกสาวอย่างละคู่ = 4 คน และเหลือเงินสดให้ไว้ 4 ล้านเหรียญusd (ประมาน 140 ล้านบาท)
ซ้อลิ้มเมื่อจัดการทำพิธีศพสามีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว, ก็ได้แบ่งทรัพย์สมบัติที่สามีให้ไว้ให้กับลูกทั้ง 4 เท่าๆ กัน,ใจก็คิดว่าต่อไปลูกๆ ต้องดูแลแม่ชราได้
แต่หลังจากลูกๆ รับเงินส่วนแบ่งไปแล้ว อีกไม่นานพวกลูกๆ ก็ได้เอาแม่ชราไปอยู่บ้านพักคนชรา (ทิ้ง)
ลูกทั้ง 4 คน ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยแวะเยี่ยมแม่ชราอีกเลย
ผ่านมาอีกไม่กี่ปี แม่ชราก็ป่วยและได้ฆ่าตัวตายจากไป
ในลักษณะเดียวกันนี้ มีซ้อหลิวคนหนึ่ง อายุไล่เลี่ยกับซ้อลิ้ม
สามีก็เหลือไว้ลูก 4คน และเงินสด 5 ล้านเหรียญ usd (175 ล้านบาท) สามีเสียชีวิตแล้ว
ซ้อหลิวเอาเงินทั้งหมดฝากธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่า ซึ่งดอกเบี้ยที่ได้รับนั้น สามารถเลี้ยงชีพได้อย่างสุขสบาย
เค้าบอกลูกหลานว่า หากใครมาเยี่ยมเยียนเค้า และเห็นหน้าแล้ว จะได้รับเงินสด 100 เหรียญทันที
หากลูกหลานอยู่ไกลและอยากจะไปเยี่ยมเค้า ก็จะจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับให้ด้วย
หากไปทานข้าวด้วยกันที่ภัตตาคาร ค่าอาหารเค้าจ่ายหมด และยังให้เงินลูกหลานที่ไปทานข้าวด้วยอีกคนละ 100 เหรียญ
ข้อสำคัญอีกคือ หากในขณะที่เค้าจะเสียชีวิต ใครอยู่ใกล้ตัวเค้าจะได้รับแบ่งมรดก1/2 ของมรดกทั้งหมดก่อนใคร
เวลาได้ผ่านไปหลายปี ซึ่งเค้าได้จ่ายเงินค่าบ้านพักคนชราที่แพงและสุดหรูสำหรับตัวเค้า และลูกๆหลานๆ สะใภ้ทุกคนก็ได้แวะเวียนมาเยี่ยมทุกอาทิตย์ไม่เคยขาด
ซ้อหลิวเป็นคนชราที่มีลูกหลานมาเยี่ยมมากที่สุดในบ้านพักคนชราแห่งนี้
ถึงเวลานี้ทรัพย์สมบัติของสามีที่เหลือไว้นั้นยังมีเงินเหลืออีกมากมาย
และเค้าก็มีความสุขตลอดเวลากับบั้นปลายชีวิต
หากคุณเป็นคนฉลาด, อ่านบทความนี้แล้ว มีตัวอย่างให้เห็น และเมื่อสักวันที่คุณแก่เฒ่าลง และหวังว่าลูกหลานจะดูแลคุณอยู่ใกล้ชิดคุณนั้น ขอให้บริหารให้ถูกวิธี ท่านจะได้รับความเคารพรักและมีความสุขกับครอบครัวตลอดไป
ความคิดเรื่องการเลี้ยงลูกเพื่อดูแลยามเราแก่เฒ่านั้น ขอให้คิดใหม่ บริหารใหม่ค่ะ
ยุคมันเปลี่ยนไปแล้ว