การนำพ่อแม่ไปทิ้งในสมัย#เอโดะ (ค.ศ.1603-1867)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 22, 2020 7:17 pm

การนำพ่อแม่ไปทิ้งในสมัย #เอโดะ (ค.ศ.1603-1867)

ช่วงนั้นญี่ปุ่นถูกภัยแล้งคุกคามนานหลายปี เจ้าเมืองได้ออกกฎว่า บ้านไหนมีพ่อแม่ที่อายุเกิน 70 ปี ลูกต้องนำพ่อแม่ไปทิ้งบนเขา มิฉะนั้นจะถูกประหาร

เพราะคนสูงวัยไร้ประโยชน์ เป็นภาระ โดยถือว่าตายเพื่อให้ลูกหลานได้อยู่ต่อ นับเป็นเกียรติสูงยิ่ง

ภูเขาจึงกลายเป็นสุสานคนแก่ ขึ้นไป 2 คน แต่กลับลงมา 1

เรียกภูเขาเหล่านี้ว่า "อุบะสุเทะ" ("อุบะ" แปลว่า คนแก่ "สุเทะ" แปลว่า ทิ้ง)

และแล้วก็ถึงวันที่แม่ของ XX อายุครบ 70 ปี เขาอุ้มแม่ลงตระกร้า แบกขึ้นหลังเดินไปยังภูเขา

ในขณะที่ชายหนุ่มปีนเขาสูงขึ้นเรื่อยๆ แม่ก็สังเกตเห็นว่าฟ้ากำลังมืดลงทุกที

นางกลัวว่าถ้าฟ้ามืดลูกชายอาจหลงทาง จึงเอื้อมมือไปหักกิ่งไม้ กิ่งแล้วกิ่งเล่า เพื่อที่ว่าหลังจากทิ้งนางไว้บนภูเขาแล้ว ลูกจะสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

เมื่อถึงเวลาที่แม่ลูกต้องจากกัน นางได้บอกลูกชายว่า

"ลูกแม่ ตอนที่เราขึ้นมา แม่ได้หักกิ่งไม้ไว้ตลอดทาง ตอนลงเขา เจ้าจงตามรอยไม้ที่แม่หักไว้ ก็จะถึงบ้านโดยปลอดภัย"

เมื่อลูกได้ยินและมองเห็นมือที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนของแม่

ก็อดหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้
และตัดสินใจว่าจะไม่ยอมทิ้งแม่ไว้เด็ดขาด

เขาจึงพาแม่ลงเขา
และซ่อนไว้ในยุ้งฉางเพื่อหลบคนภายนอก

อยู่มาวันหนึ่ง... เจ้าเมืองก็ประกาศปริศนา 2 ข้อ ว่าหากใครแก้ได้ ก็จะให้สมปรารถนา 1 ประการ

ข้อแรกคือ ให้ฟั่นเชือกขึ้นมาจากขี้เถ้า

และสองคือ ให้ร้อยเส้นไหมลอดผ่านเปลือกหอยสังข์

ผ่านไปหลายสัปดาห์ก็ยังไม่มีใครแก้ได้

ลูกชายจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็ยิ้มแล้วสอนว่า...

"ลูกแม่ ปริศนาข้อแรก ให้เจ้าฟั่นเชือกขึ้นมาแล้วนำไปเผาจนไหม้ ขี้เถ้าจะคงรูปเหมือนเชือกอยู่อย่างนั้น

ส่วนข้อที่สอง ให้ผูกเส้นไหมกับขามด แล้วจับมดไปใส่ในเปลือกหอย

หลังจากนั้นให้โรยน้ำตาล
และจุดเทียนอีกด้านหนึ่งของเปลือกหอย เมื่อมดได้กลิ่นน้ำตาลและเห็นแสงเทียนก็จะเดินออกด้านนี้"

ภายหลังเมื่อเจ้าเมืองรู้ว่าคนที่แก้ปริศนาได้ แท้จริงแล้วคือหญิงชราธรรมดาๆ คนหนึ่ง จึงเลื่อมใสในภูมิปัญญาว่าคนแก่ก็มีคุณค่า และตัดสินใจยกเลิกกฎให้ทิ้งพ่อแม่ตั้งแต่นั้น

แม่กับลูกชายจึงใช้ชีวิตต่อมาอย่างมีความสุข

ความรักของพ่อแม่เป็นสิ่งอัศจรรย์ เพราะมีแต่คำว่า "ให้" อย่างที่ไม่มีลูกคนไหน "ให้" คืนกลับได้อย่างเท่าเทียม

การดูแลพ่อแม่ในยามที่ท่านดูแลตัวเองไม่ได้ ถือเป็นการทดแทนบุญคุณของท่านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หากใครบอกว่าไม่สามารถดูแลพ่อแม่ได้ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โปรดจำเรื่องนี้ไว้เป็นคติสอนใจ

..........................................

จากตำนาน #อุบะสุเทะ...ที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักดี

มีการสร้างเป็นภาพยนต์ชื่อ Ballad of Narayama
โดยผู้กำกับอิมะมุระ โชเฮ (Imamura Shohei) ที่เล่าเรื่องราวชีวิตปีที่ 70 ของหญิงชราชื่อ โอริน
ตอบกลับโพส