“อัครสาวกนิรนามแห่งความรัก “ “(3ตอน)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5972
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ย. 01, 2020 1:38 pm

อัครสาวกนิรนามแห่งความรัก (ตอนที่ (one)) ผู้เเปลเเละเรียบเรียง : กอบกิจ ครุวรรณ
โยอาคิม เหงียน ทัน วัน เกิดวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.1928 ที่หมู่บ้านงามเกียว ฮานอย เวียดนามเหนือ และรับศีลล้างบาปในวันรุ่งขึ้น ครอบครัวของเขาเป็นคริสตังใจศรัทธา ‘วัน’ มีพี่ชายชื่อ ‘เลียต’ (Liêt) และน้องสาวชื่อ ‘เล’ (Lê) พ่อบ้านชื่อโยอาคิม เตรียด (Triêt) เป็นช่างตัดเสื้อ ส่วนแม่บ้านชื่อ “อันนา เมิง” (Anna Mâu) เป็นชาวนา และเป็นหมอตำแยของหมู่บ้าน
วัน มีใบหน้ารูปไข่ โหนกแก้มสูง ผมสั้น หูกาง และอมยิ้มอยู่เสมอ เขามีนัยน์ตาขี้เล่นที่มองตรงมายังตาของเราอย่างอ่อนโยน แสดงถึงความรักที่มุ่งมั่น เป็นนัยน์ตาที่หรี่เล็กคล้ายเชิญชวนเราให้เข้าสู่พระรหัสธรรมแห่งความรัก อะไรคือเปลวเพลิงแห่งดวงวิญญาณที่ลุกโชติช่วงอยู่เบื้องหลังนัยน์ตาดำคู่นี้หรือ?
หนูน้อยวันเป็นเด็กร่าเริง มีเหตุผล หัวแข็งและศรัทธาร้อนรน คุณแม่สอนวันให้รู้จักคำว่า “เยซู มารีย์ โยแซฟ” ตั้งแต่เมื่อเขาเริ่มหัดพูด หนูน้อยวันไม่ยอมเข้านอนก่อนการสวดพร้อมกันตอนค่ำ และขอให้คุณแม่ปลุกเพื่อสวดภาวนาด้วยกันทุกเช้า หนูน้อยวันรับศีลมหาสนิทครั้งแรกตั้งแต่อายุ 6 ขวบและเกือบจะถูกปฏิเสธเพราะตัวเล็กมาก หลังจากนั้นเขาก็แสดงเจตจำนงให้ทุกคนทราบว่า เขาจะเป็นพระสงฆ์เมื่อโตขึ้น ผู้คนจึงตั้งสมญาเขาว่า “นักบุญกระเป๋า”
วันและครอบครัวประสบเคราะห์กรรมครั้งแรกเมื่อ ‘เลียต’ พี่ชายคนโตตาบอด ผู้เป็นพ่อรู้สึกผิดหวังมากและไม่ยอมรับที่ลูกคนโตกลายเป็นคนพิการ จากนั้นก็ไม่เป็นอันทำมาหากินและหมกมุ่นอยู่แต่ในบ่อนการพนัน ตัววันเองก็ต้องออกจากโรงเรียนเมื่อป่วยหนัก เพราะถูกครูผู้สอนลงโทษอย่างไร้ความปรานี พฤษภาคม 1935 ขณะที่วันมีอายุย่างเข้า 7 ขวบ คุณแม่ซึ่งสังเกตเห็นความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นพระสงฆ์ของเขา ตัดสินใจส่งวันไปอยู่กับคุณพ่อโยแซฟ นัง (Nhã) ซึ่งเป็นคุณพ่อเจ้าวัดในเขตฮูบัง (Huu Bang) ห่างจากฮานอยทางเหนือประมาณ 50 กม. และจากนั้นชีวิตวัยเด็กของวันก็ปิดฉากลง ทั้งนี้เพราะเพื่อน ๆ อิจฉาเขาเมื่อคุณพ่อเจ้าวัดเรียกวันว่า “เบ็นจามิน” และให้เพื่อน ๆ ดูเขาเป็นตัวอย่างในด้านคุณธรรม นอกจากนั้นครูสอนคำสอน ‘วินห์’ (Vinh) ก็เกลียดเขาและหาเรื่องเฆี่ยนตีเขาทุกวัน บางครั้งก็ลงโทษให้อดข้าวและห้ามรับศีลมหาสนิทด้วย ครูวินห์เกลียดเขาอย่างเข้ากระดูกดำจนถึงกับยึดสายประคำส่วนตัว ซึ่งเป็นเครื่องปลอบประโลมใจเพียงสิ่งเดียวที่เขาเหลืออยู่ หญิงซักผ้าทราบถึงเรื่องการถูกลงโทษจนเกินเหตุของเขา เมื่อเธอสังเกตเห็นรอยเปื้อนเลือดตามเสื้อผ้าของวัน แต่ชีวิตของวันก็ยังคงไม่ดีขึ้น (โปรดติดตามตอนที่2)
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อังคาร ก.ย. 01, 2020 1:41 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5972
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ย. 01, 2020 1:40 pm

อัครสาวกนิรนามแห่งความรัก (ตอนที่ (two)) ผู้เเปลเเละเรียบเรียง : กอบกิจ ครุวรรณ
“ผมได้รับของขวัญแห่งความรัก”
ต่อมาเกิดข้าวยากหมากแพงจนพ่อแม่ไม่สามารถส่งเสียวันได้อีกต่อไป วันถูกคุณพ่อเจ้าวัดใช้งานอย่างหนัก และให้อยู่ในความดูแลของกลุ่มครูคำสอนที่โหดร้าย จนเขามีสภาพเหมือนทาส เมื่อทนไม่ไหวจริง ๆ วันจึงหนีกลับบ้าน แต่พ่อแม่ของเขาก็ไม่เชื่อเมื่อเขาเล่าถึงสภาพความเป็นอยู่และการถูกทารุณกรรมต่าง ๆ พ่อแม่ส่งเขากลับไปยังแดนนรกที่ฮูบังอีก วันตัดสินใจหนีอีกครั้งหนึ่งและเลี้ยงชีพด้วยการให้บริการเล็กๆ น้อยๆ แก่ผู้คนตามท้องถนน และกลายเป็นขอทานตามถนนที่บัก นินห์ (Bac Ninh) พ่อแม่และเครือญาติตัดหางปล่อยวัดวัน เมื่อคำพูดให้ร้ายเขาของคุณพ่อเจ้าวัดรู้กันไปทั่วหมู่บ้าน อย่างไรก็ตามท่ามกลางวิถีชีวิตที่มืดมิดนั้นเองก็ปรากฏมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ระหว่างมิสซาเที่ยงคืนฉลองพระคริสตสมภพ วันซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ 12 ขวบก็ได้รับพระพรยิ่งใหญ่ วันเขียนบันทึกเรื่องนี้ในภายหลังว่า “ขณะนั้นจิตใจของผมโศกเศร้าและหนาวเหน็บอย่างที่สุด มีแต่พระเยซูเจ้าเท่านั้นที่เป็นความหวังของผม และแล้วเวลาที่ผมเฝ้าอดทนรอก็มาถึงคือเวลาที่ผมไปรับศีลมหาสนิท ความสุขเปี่ยมล้นบังเกิดขึ้นจนผมบังคับตัวเองไม่ได้ ผมได้พบกับขุมทรัพย์แห่งชีวิตที่แท้จริงแล้ว... ในบัดดลนั้นเอง จิตวิญญาณของผมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ผมไม่กลัวความทุกข์ทรมานใด ๆ อีกต่อไป พระเยซูเจ้าได้ประทานพันธกิจให้กับผมแล้ว พระองค์ทรงเปลี่ยนความทุกข์ทรมานของผมเป็นความสุข เพราะผมได้รับของขวัญแห่งความรักในโอกาสพระคริสตสมภพแล้ว!”
หลังจากนั้นผมใช้เวลาสวดภาวนาและคิดไตร่ตรองเป็นเวลา 1 วัน ผมกลายเป็นคนใหม่ กลับไปขอคืนดีกับพ่อแม่ จากนั้นก็ไปหาคุณพ่อเจ้าวัดที่ฮูบังเพื่อ “เอาชนะความเกลียดชังด้วยความรัก” ครั้งนี้วันได้รวมกลุ่มเด็กเล็ก ๆ ที่นั่นและตั้ง “กลุ่มเทวดาแห่งการต่อต้าน” เพื่อปกป้องพวกเขาจากการถูกเด็กที่โตกว่ากลั่นแกล้งและจากการปกครองอย่างไร้ยางอายของพวกครูคำสอน
ไม่นานต่อมาในช่วงคริสตสมภพปี 1941 วันได้รับจดหมายจากเพื่อนชื่อ “เติน” (Tân) นักเรียนในบ้านเณรเล็กในเขตลัง-ซอน (Lang-Son) เตินแจ้งให้วันทราบว่ามีที่ว่างที่บ้านเณรและให้วันมาอยู่กับเขาได้ อนิจจา วันย้ายมาอยู่ในบ้านเณรที่ลัง-ซอนได้เพียง 1 ปี บ้านเณรก็ปิดตัวลงเมื่อถูกทหารญี่ปุ่นบุกและทิ้งระเบิดที่นั่น มิชชันนารีคณะโดมินิกันรับเขาไว้และให้เขาเรียนต่อ ทำให้วันพบกระแสเรียกที่จะเป็นชาวคณะพระมหาไถ่ต่อมา
22 มิถุนายน 1944 ขณะนั้นวันมีอายุ 16 ปี คณะพระมหาไถ่ที่ฮานอยอนุญาตให้เขาเข้ารับการศึกษาได้ แต่เนื่องจากครอบครัวเขาพังทลายเพราะการกระทำของบิดาจึงไม่สามารถส่งเสียวันได้ และเขาก็ไม่ต้องการเป็นพระสงฆ์อีกต่อไป คณะพระมหาไถ่จึงรับเขาไว้ในฐานะคนรับใช้ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เขารับไว้ด้วยความปลาบปลื้ม!
เหตุใดวันจึงเลิกการเป็นพระสงฆ์กลางคันทั้งที่เคยเป็นเป้าหมายสูงสุดของเขาเสมอมา? ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพระอาจารย์เจ้า ทรงขอให้เขาเปลี่ยนความคิด พระองค์ทรงมีแผนให้เขาโดยผ่านทางน้ำเสียงที่อ่อนหวานของนักบุญเทเรซาองค์น้อยนั่นเอง
ระหว่างฤดูร้อนปี 1942 ขณะที่เขากำลังศึกษาอยู่ที่วัดนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู ใกล้กับพรมแดนประเทศจีนอยู่นั้น ในบัดดลใจของวันรู้สึกเหมือนกับ “มีปั๊มน้ำทำงาน” แจ้งให้เขาทราบว่าหนทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ที่เขากำลังมุ่งอยู่นั้นไม่เหมาะกับเขา วันสวดภาวนาขอให้พระนางพรหมจารีมารีย์ประทานเครื่องหมายอย่างหนึ่งให้เขาทราบ และเมื่อเขาเข้าไปในห้องอ่านหนังสือที่นั่น เขาได้สุ่มหยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือชื่อ “เรื่องของวิญญาณดวงหนึ่ง” หลังจากที่ได้อ่านอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ดื่มด่ำกับเนื้อหาของหนังสือจนวางไม่ลง จากนั้นเขาก็ได้เลือกนักบุญเทเรซาเป็น “พี่สาวแห่งจิตวิญญาณ” ของเขา

“น้องวันคะ เธอมีวิญญาณเป็นพระสงฆ์ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพระสงฆ์” นักบุญเทเรซาสนทนากับวันเป็นเวลาหลายปี จนถึงวันที่เธอพูดกับเขาแทนพระเยซูเจ้าว่า เขาจะไม่ได้เป็นพระสงฆ์ ข้อความนั้นทำให้วันถึงกับผงะและร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่พักใหญ่ เธอปลอบใจเขาและพูดเบา ๆ ว่า “น้องวันคะ เธอมีวิญญาณเป็นพระสงฆ์ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพระสงฆ์ กระแสเรียกของเธอคือการเป็น ‘อัครสาวกนิรนามแห่งความรัก’ ”
เรื่องของวันยังไม่จบเพียงเท่านี้ ในปี 1944 เณรวันได้รับพระพรพิเศษสนทนากับองค์พระเยซูเจ้าเป็นเวลานานถึงหนึ่งปีครึ่ง วันเล่าถึงเรื่องนี้ว่า “ขณะนั้นผมรู้สึกว่ากำลังดำดิ่งเข้าสู่ความรัก และหายตัวไปในพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า และในพระมหากรุณาที่กว้างใหญ่สุดประมาณนั้น พระองค์ทรงขอให้ผมเล่าถึงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของผม พระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้ผมเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ปัญหาที่เกิดกับเพื่อนพี่น้อง รวมทั้งความทุกข์ในใจของผม เป็นต้น พระองค์ตรัสกับผมว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมล้วนมีคุณค่าต่อความรักของพระองค์ พระองค์ตรัสด้วยว่าผู้ที่มีความรักจะไม่ปิดบังสิ่งใดเลยกับพระองค์ผู้เป็นที่รักของเขา” โปรดติดตามตอนที่ (3)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5972
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ย. 01, 2020 1:42 pm

อัครสาวกนิรนามแห่งความรัก (ตอนที่ (three)) ผู้เเปลเเละเรียบเรียง : กอบกิจ ครุวรรณ
ค่ำวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน 1945 ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะสิ้นสุดลงไม่นาน วันได้รับการประจักษ์อย่างฉับพลันอีกครั้งหนึ่ง “ผมแลเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จมาหา พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยความรักและพระมหากรุณา ผมรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีฝูงชน ลุกฮือเข้ามา มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก พวกเขาต่างร้องตะโกนด่าแช่งพลางขว้างปาก้อนหินเข้าใส่พระเยซูเจ้าที่ทรงกอดตัวผมไว้แนบพระอุระ และทั้งที่พระองค์ทรงได้รับบาดเจ็บอยู่นั้น พระองค์ทรงมองดูพวกเขาด้วยความรัก! พระองค์ตรัสกับผมว่า ‘ลูกเอ๋ย จงสวดภาวนาให้มาก จงทำพลีกรรม และจงช่วยพวกเขาให้รอดร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับเรา’ ”
พระองค์ทรงเชื้อเชิญวันเป็น “อัครสาวกแห่งความรัก” และเดินตามทางสายเล็กแห่งชีวิตจิตของนักบุญเทเรซาด้วยความวางใจและสละตนเอง พระองค์ทรงขอให้วันอุทิศชีวิตเพื่อช่วยวิญญาณต่าง ๆ รอดได้โดยการภาวนาและพลีกรรม วันผู้มีท่าทางร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมที่จะรับใช้ผู้อื่นอยู่เสมอ ทั้งที่กำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ภายใน ตั้งสมญานามให้กับตัวเองว่า “ผู้ไถ่บาปน้อย” ท่านยอมเป็นเหยื่อแห่งความรักด้วยความสมัครใจ เช่นเดียวกับนักบุญฟรังซิส อัสซีซี หรือ มาร์ธ โรแบ็ง (Marthe Robin (1902-81) ชาวฝรั่งเศส ผู้ได้รับการประจักษ์ส่วนตัวจากแม่พระและพระเยซูเจ้า เธอมีความศรัทธามากต่อศีลมหาสนิทและร่วมในพระมหาทรมานทุกวันศุกร์ตั้งแต่ปี 1931 จนถึงแก่กรรมในปี 1981) เธอเป็นเสมือนคนเสียสติในสายตาของมนุษย์ แต่เป็นผู้มีความล้ำลึกในสายตาของผู้มีความเชื่อ
ความเชื่อของวันถูกทดลองในค่ำคืนที่ยาวนานเช่นเดียวกับนักบุญผู้ยิ่งใหญ่เป็นจำนวนมาก
วันที่ 8 กันยายน 1946 วันปฏิญาณตนและในวันรุ่งขึ้น เขาเขียนในบันทึกว่า “หลังจากสนทนากับพระเยซูเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายโดยที่พระองค์ตรัสแนะนำให้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว พระองค์ทรงปล่อยผมให้อยู่ในความมืดมิดตามลำพังแต่เพียงผู้เดียว”
เช่นเดียวกับคุณแม่เทเรซาและบรรดานักบุญผู้ยิ่งใหญ่เป็นจำนวนมาก ความเชื่อของวันถูกทดลองในค่ำคืนที่ยาวนาน วันถูกทอดทิ้งตามลำพัง ไม่มีเสียงตอบใด ๆ จากพระ จิตใจของเขาอ้างว้างเป็นล้นพ้น มีเพียงคุณพ่อบูเชร์ คุณพ่อวิญญาณที่วันตั้งสมญาท่านว่า “เครื่องบรรเทาใจ” พูดให้กำลังใจเขา
ในปี 1954 หลังจากกองทัพฝรั่งเศสพ่ายแพ้เวียดนามในสมรภูมิรบที่เดียน เบียนฟูแล้ว ประเทศเวียดนามถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนตามสนธิสัญญาเยนีวา วันขอไปทำงานในเวียดนามเหนือซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ “เพื่อว่าอย่างน้อยก็คงจะมีใครสักคนหนึ่งที่รักพระผู้พระทัยดีในประเทศนี้” ไม่นานต่อมาในวันที่ 7 พฤษภาคม 1955 วันถูกจับขังคุก
หลังจากวันถูกขัง 5 เดือนและถูกสอบสวนวันแล้ววันเล่า “สภาพของผมเป็นเหมือนกับซากศพที่หายใจได้... ความรักเป็นสิ่งเดียวที่ผมมี ผมกลายเป็นเหยื่อขององค์ความรักและนี่คือความสุขเพียงอย่างเดียวของผม เป็นความสุขที่ไม่มีผู้ใดทำลายได้!” วันถูกย้ายไปอยู่ในคุกที่ฮานอยหลังการตัดสินให้ถูกขังเดี่ยวเป็นเวลา 15 ปี
มิถุนายน 1956 วันถูกส่งไปยังค่ายโมเชน (Mo-Chèn) ที่ห่างจากฮานอย 50 กม. วันอยู่ในสภาพพร้อมที่จะทำงานกับทุกคนแม้ร่างกายจะอ่อนล้าก็ตาม เขามีชีวิตในค่ายกักกันเหมือนกับ “คุณพ่อเจ้าวัดน้อยองค์หนึ่ง” “บ่อยครั้ง ผมสวดวอนขอพระเยซูเจ้าโปรดให้ผมเสียชีวิตในค่ายกักกันนี้ แต่ทุกครั้งพระองค์ตรัสตอบว่า ‘เราก็พร้อมที่จะทำตามความประสงค์ของเธอ เช่นเดียวกับที่เธอปฏิบัติตามความปรารถนาของเรา แต่มีดวงวิญญาณอีกมากมายที่ยังต้องพึ่งความช่วยเหลือของเธอ เพราะหากไม่มีเธอละก็ คงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเข้าถึงดวงวิญญาณเหล่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจะตัดสินใจเลือกทำอะไรเล่าลูกรัก?’ ข้าแต่พระอาจารย์ ผมขอให้พระองค์ตัดสินพระทัยแทนผมเถิด พระเจ้าข้า” (จดหมายถึงคุณพ่ออธิการลงวันที่ 20 กรกฎาคม 1956)
สิงหาคม 1957 วันถูกส่งตัวไปเข้าคุกห่างจากฮานอย 150 กม. เขาถูกจับขณะที่พยายามหลบหนีไปเพื่อรับศีลมหาสนิท ทางการประกาศว่า เขาเป็น “คนหัวรั้นเกินกว่าจะดัดนิสัยได้” วันถูกขังคุกมืดสนิทเป็นเวลา 2 ปี ห้ามเยี่ยมและห้ามติดต่อทางจดหมาย ล่วงมาจนถึงเดือนมิถุนายน 1959 วันถูกลากตัวออกจากคุกมืด เขามีสภาพเหมือนโครงกระดูกที่มีผ้าขี้ริ้วห่ออยู่ เนื้อตัวสั่นเทาเพราะพิษไข้แต่จิตใจยังคงร้อนรนด้วยความรัก วันป่วยเป็นโรคเหน็บชาและวัณโรค หลังจากทรมานในสภาพตรีทูตเป็นเวลานาน วันก็ลาจากโลกนี้ไปด้วยวัย 31 ปี เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 1959 เวลา 12.00 น. ที่สุดสาวกน้อยของพระเยซูเจ้าก็ได้พบกับนักบุญเทเรซา “พี่สาวคนโต” ในพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า พี่สาวผู้เคยใฝ่ฝันจะเป็นมิชชันนารีคณะคาร์เมไลต์ที่ฮานอย บัดนี้ดวงวิญญาณของท่านทั้งสองเสวยสุขเฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้าตลอดนิรันดร์แล้ว
----------------------- (จบบริบูรณ์)
ตอบกลับโพส