รวมเรื่องสั้น ข้อคิดสกิดใจ (5)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ย. 16, 2020 3:57 pm

.....อาหารเช้าที่ร้านแมคโดนัลด์
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กินใจและเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง...
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับมารดาที่มีลูก 3 คน (อายุ 14, 12 และ 3 ขวบตามลำดับ)
ขณะนั้นดิฉันกำลังเรียนวิชาสังคมวิทยาเป็นวิชาสุดท้ายก่อนจะจบการศึกษาระดับปริญญา อาจารย์ผู้สอนเป็นสตรีที่มีคุณสมบัติที่ดิฉันอยากให้อาจารย์ผู้สอนทุกคนเป็นเช่นเธอ งานสุดท้ายที่ดิฉันได้รับมอบหมายเช่นเดียวกับนักศึกษาทุกคนในชั้นเรียนคือ “การยิ้ม” คือให้นักศึกษาในชั้นยิ้มให้บุคคลสามคน และเขียนรายงานบันทึกปฏิกิริยาตอบจากผู้ที่นักศึกษายิ้มให้
เนื่องจากดิฉันมีนิสัยเข้ากับคนง่าย ชอบยิ้มและกล่าวคำทักทายอยู่แล้ว ดิฉันจึงคิดว่างานนี้คงจะผ่านไปได้อย่างสบาย ๆ หลังจากที่ได้รับมอบหมายงานแล้ว ดิฉันก็วางแผนการทำรายงานโดยตกลงกับสามีว่าจะพาลูกชายคนเล็กไปกินอาหารในร้านแมคโดนัลด์ในเช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อเข้าไปในร้าน เราก็ไปเข้าแถวรอรับบริการ ทันใดนั้นทุกคนที่อยู่ในแถวก็พากันถอยกรูดออกจากแถวแม้แต่สามีของดิฉันเอง ดิฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิม และรู้สึกชะงักงันเมื่อหันไปพบกับสาเหตุของการแตกแถว
ขณะที่ดิฉันหันไปด้านหลัง ก็พบกับชายพเนจร 2 คนยืนอยู่ข้างหลัง เนื้อตัวของทั้งสอง “สกปรกสุด ๆ” พร้อมกับส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปโดยรอบ ชายคนเตี้ยที่ยืนติดกับดิฉัน“ส่งยิ้มให้” เขามีตาสีฟ้าที่สวยงามแสดงให้เห็นแสงสว่างของพระเจ้า ขณะที่เขากำลังรอการยอมรับจากบุคคลอื่น พร้อมกับการยิ้ม เขาก็กล่าวทักทายว่า “สวัสดีครับ” ขณะที่ในมือกำลังตรวจนับเงินสองสามเหรียญที่กำอยู่แน่นในมือ
ชายคนถัดไปซุกมืออยู่ยืนติดกับชายคนแรก มีลักษณะเป็นคนปัญญาอ่อนและอาศัยชายคนที่มีตาสีฟ้าเป็นที่พึ่ง
ดิฉันยังคงปักหลักยืนอยู่ที่เดิมเพราะภาพที่เห็นทำให้ดิฉันต้องกลั้นน้ำตาไว้ และเมื่อบริกรสาวถามชายคนแรกว่าจะสั่งอะไร ชายผู้นั้นก็ตอบว่า “กาแฟอย่างเดียวครับ” เพราะเงินทั้งหมดที่เขามีซื้อได้เพียงเท่านั้น (สาเหตุจริง ๆ ที่ทั้งสองเข้ามาในร้าน คงเป็นเพื่อหลบอากาศที่หนาวจัดข้างนอก และจำต้องซื้อกาแฟเพื่อจะได้มีสิทธิ์อยู่ในร้านที่อบอุ่น)
ดิฉันรู้สึกตื้นตันใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนแทบจะโอบกอดชายที่มีตาสีฟ้า ขณะนั้นเองดิฉันก็สังเกตว่าสายตาทุกคู่ของคนในร้านทุกคนกำลังจ้องมาที่ดิฉัน ดิฉันจึงยิ้มและสั่งอาหารเช้าเพิ่มอีก 2 ถาด จากนั้นดิฉันก็เดินไปยังมุมที่ชายทั้งสองกำลังนั่งพักดื่มกาแฟอยู่ ดิฉันวางถาดอาหารลงบนโต๊ะให้ชายทั้งสองพร้อมกับจับมือที่หนาวเย็นของชายที่มีตาสีฟ้า
เขาหันมามองดิฉันด้วยดวงตาสีฟ้าที่มีน้ำตาเอ่อล้นอยู่ พร้อมกับกล่าวคำ “ขอบคุณ” ดิฉันจึงโยกตัวไปตบแขนอย่างเบา ๆ พร้อมกับพูดว่า “ฉันมิได้เป็นคนให้อาหารคุณหรอก แต่เป็นพระเป็นเจ้าที่กำลังทำงานโดยทรงใช้ดิฉันเป็นเครื่องมือของพระองค์เพื่อให้คุณมีความหวัง”
ดิฉันร้องไห้ขณะเดินกลับไปหาสามีและลูกชาย และเมื่อดิฉันนั่งลงที่โต๊ะ สามีของดิฉันก็ส่งยิ้มให้และพูดว่า “เหตุที่พระเป็นเจ้าได้ประทานคุณให้แก่ผม ก็เพื่อให้ผมมีความหวังนั่นเอง”
เราจับมือกันไว้ครู่หนึ่ง และขณะนั้นเอง เราก็ทราบว่า เป็นเพราะพระหรรษทานของพระที่เราได้รับ ทำให้เราสามารถมีสิ่งของที่จะมอบให้แก่ผู้อื่นได้
วันนั้นเป็นวันที่ดิฉันได้แลเห็นความรักที่แสนหวานแห่งแสงสว่างของพระเป็นเจ้า
ดิฉันกลับไปเข้าชั้นเรียนในตอนเย็นพร้อมกับรายงาน หลังจากที่อาจารย์ได้อ่านรายงานของดิฉันแล้ว เธอก็ถามดิฉันว่า “ขออ่านให้เพื่อนนักศึกษาคนอื่นฟังได้ไหมค่ะ?” ดิฉันผงกศีรษะเป็นเชิงอนุญาต จากนั้นอาจารย์ก็เริ่มอ่านให้ทุกคนฟัง สิ่งนี้ทำให้ดิฉันเข้าใจว่า ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์และเป็นส่วนหนึ่งในพระเป็นเจ้า เราต้องรู้จักแบ่งปันช่วยเหลือกันและกัน
ในแง่หนึ่ง สิ่งที่ดิฉันทำนั้น สร้างความประทับใจแก่ผู้คนในร้านแมคโดนัลด์ แก่สามี, ลูกชาย, อาจารย์ และเพื่อนนักศึกษาที่อยู่ในห้องเรียนซึ่งเป็นวันสุดท้ายในชีวิตการเป็นนักศึกษาของดิฉัน ดิฉันได้รับปริญญาพร้อมกับบทเรียนที่สำคัญที่สุดบทหนึ่งในชีวิตคือ การยอมรับผู้อื่นโดยปราศจากเงื่อนไขใด ๆ
มีผู้คนมากมายผ่านเข้ามาในชีวิตของท่าน แต่ก็มีแต่ผู้ที่เป็นมิตรแท้เท่านั้นที่ฝากรอยประทับไว้ในใจของท่าน
จงใช้สมองในการดำเนินชีวิตของตนเอง และจงใช้หัวใจของท่านกับผู้อื่น พระเป็นเจ้าประทานอาหารให้แก่นกทุกตัว แต่พระองค์ก็มิได้ทรงโยนอาหารให้นกจนถึงในรังของมัน รวบรวมเเละเรียบเรียงโดย : กอบกิจ ครุวรรณ
*****************
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2020 11:00 am, แก้ไขไปแล้ว 3 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2020 10:57 am

......รถใหม่ป้ายแดง.......

เมื่อบริษัทประกันภัยบอกให้ลูกค้าคนหนึ่งเล่าถึงรายละเอียดทุกขั้นตอนเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ลูกค้าซึ่งเป็นคนขับรถชนมักจะจับต้นชนปลายไม่ถูกและอธิบายในลักษณะที่ว่า “ผมก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ต่างคนต่างขับและก็เกิดการชนกันในเวลาเดียวกัน”
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับแอนิตาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังขับรถป้ายแดงคันใหม่อยู่นั้น เธอเกิดเลี้ยวผิดช่องทางและชนเข้ากับรถบรรทุกที่จอดอยู่ เธอตกใจกลัวจนตัวสั่นออกจากรถและเดินไปพูดกับคนขับรถบรรทุก เธอขอโทษเขาที่เธอเป็นฝ่ายผิดและจะกลับเข้าไปในรถเพื่อนำทะเบียนรถและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ดำเนินการตามขั้นตอนของบริษัทประกันภัย
ขณะที่เธอพูดกับคนขับรถบรรทุกอยู่นั้น สมองของเธอก็เห็นภาพของแดเนียลสามี เธอรู้สึกหวาดหวั่นจนแทบจะขยับตัวไม่ได้ เพราะรถคันนี้สามีของเธอเพิ่งซื้อมาได้ 2 สัปดาห์ เธอจะอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับสามีอย่างไรดี? แน่นอน เขาย่อมมีเหตุผลที่จะระเบิดอารมณ์ใส่เธอด้วยความโกรธขณะที่เธอสารภาพว่า เธอขับรถผิดช่องทาง และทำให้รถที่เพิ่งซื้อมาใหม่พังมิใช่หรือ?
เธอกลับไปเปิดประตูรถอย่างทุลักทุเล จากนั้นก็ใช้มือที่ยังสั่นอยู่ค่อย ๆ เปิดช่องที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับรถ ทันทีที่ช่องใส่เอกสารในรถเปิดออก กระดาษแผ่นหนึ่งร่วงตกลงจากช่องนั้นลงบนพื้นรถ เธอคิดว่าคงไม่ใช่กระดาษที่สำคัญอะไรนัก แต่ก็ตัดสินใจที่จะเก็บขึ้นมาอ่าน เธอจึงเห็นข้อความที่เขียนด้วยลายมือของสามีอย่างชัดเจนบนกระดาษแผ่นนั้น สายตาของเธอจ้องไปที่ข้อความด้วยความอยากรู้ และเมื่ออ่านจบ อาการตัวสั่นทั้งหมดของเธอก็สงบลง น้ำตาที่ไหลอยู่เหือดแห้งลงอย่างฉับพลัน เธอถอนใจด้วยความโล่งอกและถึงกับยิ้มออกมาได้บ้าง ข้อความที่สามีเขียนไว้อ่านได้ความว่า
“ที่รัก หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาละก็ โปรดจำไว้ว่า สิ่งที่ผมรักคือตัวคุณ มิใช่รถยนต์ จากแดนนี่ของคุณด้วยความรัก” รวบรวมและเรียบเรียงโดย : กอบกิจ ครุวรรณ

*********************
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2020 11:02 am

......เครื่องถ้วยชามลายคราม.....

วันนั้นเป็นโอกาสแห่งความชื่นชมยินดีฉลองวันครบรอบการแต่งงานของคุณพ่อคุณแม่ สมาชิกของครอบครัวทุกคนและแขกที่ได้รับเชิญเป็นพิเศษกำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสที่สนามหญ้าหน้าบ้าน และสิ่งหนึ่งที่ทุกคนคาดว่าจะได้เห็นในวันนั้นคือ เครื่องถ้วยชามลายครามที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้เป็นแม่จะนำออกใช้เฉพาะในโอกาสพิเศษจริง ๆ เช่นงานฉลองในวันนี้เท่านั้น
ขณะนั้น บนถาดใบที่วางอยู่ข้างโต๊ะในงาน มีถ้วยชามลายภาพงามวิจิตรที่ใช้แล้ววางอยู่เต็ม ผู้เป็นแม่จึงส่งสัญญาณให้ลูกสาวคนหนึ่งยกกลับไปไว้ในครัว ทันทีที่รับทราบ เธอก็รีบไปจัดการทันที แต่ขณะที่เธอกำลังก้าวข้ามเข้าไปในบ้าน เท้าข้างหนึ่งเกิดสะดุดเธอจึงล้มลงพร้อมกับถ้วยชามทั้งถาดคว่ำลงบนพื้นและแตกกระจายไปทั่ว
เธอตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอตัวสั่นด้วยความกลัวและคิดว่า คุณแม่คงจะฆ่าเธอตายเป็นแน่ เธอรีบเก็บรวบรวมเศษถ้วยชามที่แตกใส่ถาดด้วยน้ำตานองหน้า และเข้าไปในครัว แม้ว่าเธอจะกลัวจนตัวสั่น แต่เธอก็ตัดสินใจจะสารภาพผิดกับแม่ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เธอรวบรวมความกล้าและเผชิญหน้ากับความจริงด้วยการบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอและชุดถ้วยชามราคาแพงลิบ
เธอรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นผู้เป็นแม่ตั้งใจฟังอย่างสงบ จากนั้นก็ยิ้มให้เธอและพูดว่า “แล้วลูกเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
เธอตอบไปว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ ผู้เป็นแม่จึงพูดต่อไปว่า “อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงเลย ลูกรัก แม่ซื้อถ้วยชามพวกนี้ใหม่ได้ แต่แม่ไม่มีทางหาคนอื่นมาแทนลูกได้!” รวบรวมและเรียบเรียงโดย : กอบกิจ ครุวรรณ

*******************
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2020 11:05 am

....... :s002: อย่ากลัว...ที่จะสวดภาวนาผ่านทางพระนางมารีย์!
โดย เอลิซาเบธ วัวนีเอร์
เรื่องนี้เกิดขึ้นในสวรรค์ เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเรียกเปโตรไปพบและตรัสถามว่า “เมื่อวานตอนค่ำ เราเดินผ่านไปเห็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสวรรค์และประหลาดใจที่มีหลายคนดูเหมือนจะมีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่สวรรค์บัญญัติไว้....เธอแน่ใจหรือว่าได้ตรวจเฝ้าประตูเข้าสวรรค์ไว้เป็นอย่างดีในตอนกลางคืน?”
เมื่อถูกถามเช่นนั้น เปโตรก็กลับไปปฏิบัติงานของตนด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และตรวจดูประตูสวรรค์ทุกบานว่าได้ลงกลอนใส่กุญแจปิดอย่างแน่นหนาก่อนจะเลิกงานในตอนเย็น สองสามวันต่อมา เปโตรก็ถูกเรียกไปพบ และก็ถูกถามเช่นเดิมอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น เปโตรจึงได้ตัดสินใจตรวจสอบอีกรอบหนึ่งหลังการเลิกงานแล้ว
วันรุ่งขึ้น เปโตรขอเข้าเฝ้าพระเยซูเจ้าทูลว่า “พระอาจารย์ครับ ผมมีคำตอบอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว การปฏิบัติงานในตอนกลางวันนั้น ทุกอย่างเป็นปรกติไม่มีปัญหาใด ๆ แต่หลังจากที่ผมปิดประตูใส่กุญแจตอนเลิกงานแล้ว ตอนกลางคืนผมเห็นพระมารดาของพระองค์ทรงเปิดหน้าต่างทุกบานทิ้งไว้...”
บางครั้ง การเล่าถึงความลี้ลับแห่งความรักโดยใช้เรื่องขำขันก็ทำให้เข้าใจกันได้ง่ายทีเดียว! เรื่องสั้นที่เล่ามานี้ เป็นสิ่งที่เล่ากันสืบต่อมาตั้งแต่พระศาสนจักรในสมัยแรก เพื่อให้ทุกคนทราบว่า ดวงหทัยของพระมารดาคือที่พักพิงที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ที่ทราบว่าตนเป็นคนบาปและไม่คู่ควรกับพระเยซูคริสตเจ้า
พระเยซูคริสตเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้เราทุกคนมีโอกาสเข้าสวรรค์ได้ จึงได้ประทานพระนางมารีย์พรหมจารีเป็นพระมารดาของชาวเรา ดังที่นักบุญเบอร์นาร์ดได้กล่าวไว้ในบทภาวนาที่รู้จักกันดีว่า “เราไม่เคยได้ยินเลยว่า ผู้ที่มาขอความคุ้มครองหรือสวดวิงวอนผ่านทางพระนางเคยถูกทอดทิ้ง” พระนางมารีย์จึงทรงเป็น “ประตูสวรรค์ที่เปิดรับอยู่เสมอมิใช่หรือ?”
ขอให้เราอย่าเข้าใจผิดว่า พระบุตรและพระมารดามีความคิดเห็นขัดแย้งกัน และดังนั้นพระนางจึงต้องเข้าช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาเพื่อเราจะได้เข้าสวรรค์ได้! การคิดเช่นนี้ เป็นการขาดความเคารพต่อพระนางผู้ทรงมีดวงหทัยแนบสนิทกับพระหฤทัยขององค์พระผู้ไถ่ พระองค์ทรงมีพระประสงค์และทรงพอพระทัยประทานพระราชอำนาจให้พระมารดาของพระองค์เสริมความรักและความเอื้ออาทรของพระองค์ต่อเรามนุษย์ สิ่งที่พระมารดาทรงกระทำด้วยการเสนอคำวิงวอนเพื่อเรา มิใช่เป็นการหลีกเลี่ยงกฏเกณฑ์การเข้าสวรรค์ แต่เป็นการกระทำที่สอดคล้องอย่างเหมาะสมของผู้ที่มีจิตใจเป็นมารดา
ดังนั้น ขอให้เราอย่าได้คิดว่าพระนางมารีย์เป็นพระมารดาของเราโดยตำแหน่งเท่านั้น แต่ให้เรารู้จักอาศัยพระนางอย่างเต็มที่ในการเสนอคำวิงวอนเพื่อเรา ในฐานะที่พระนางทรงเป็นพระมารดาแห่งพระศาสนจักร และเป็นมารดาของเราแต่ละคน ผู้ทรงให้กำเนิดชีวิตศักดิ์สิทธิ์แก่เรา พระนางผู้ทรงได้รับพระหรรษทานอย่างล้นเหลือ จึงสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งที่ผู้เป็นมารดาในโลกนี้ให้แก่เราเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ ดังนั้น สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์นปอลที่ 2 จึงตรัสว่า “จงอย่ากลัว...ที่จะรับพระนางนางมารีย์ไว้ในหัวใจ และจงพูดกับพระนางอยู่เสมอว่า “กายใจของลูกทั้งหมด เป็นของพระนางมารีย์ พระมารดาของลูก (Totus tuus)” รวบรวมเเละเรียบเรียงโดย : กอบกิจ ครุวรรณ
*********************
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2020 11:07 am

........อุปสรรคขวางทาง......
ในสมัยโบราณ มีหินผาตกลงมาขวางถนนสายหนึ่ง เมื่อพระราชาผ่านมาพบเข้า ก็ซ่อนพระองค์เพื่อแอบดูว่าจะมีใครมาเอาหินใหญ่ก้อนนั้นออกไปจากทาง เมื่อเสนาบดีในราชสำนักของพระองค์และพ่อค้าผู้ร่ำรวยผ่านมา ก็เพียงแต่อ้อมหินผาก้อนใหญ่นั้นไป พวกเขากล่าวตำหนิพระราชต่างๆ นานา ที่พระองค์ไม่ทรงใส่พระทัยที่จะดูแลเส้นทางนั้นให้ดี แต่ก็ไม่มีใครเอาหินนั้นออกไปให้พ้นทาง จนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งแบกผักมัดใหญ่ผ่านมา เมื่อเขาเดินมาถึงหินผานั้น เขาก็วางสัมภาระลง และพยายามที่จะขยับก้อนหินนั้นให้พ้นทาง หลังจากทั้งผลักทั้งดึงหินก้อนนั้นอยู่พักใหญ่ ที่สุดเขาก็ทำได้สำเร็จ และเมื่อเขาหยิบสัมภาระของเขากลับขึ้นมาแบกต่อ เขาก็เห็นถุงเงินวางอยู่ด้านหลังบริเวณที่เคยมีก้อนหินผาที่เขาเพิ่งเลื่อนออกไปจนพ้นทาง ในถุงนั้นมีเหรียญทองและจดหมายจากพระราชาเขียนไว้ว่า ทองในถุงนั้นเป็นของผู้ที่เอาหินก้อนนี้ออกไปจากถนน ชาวบ้านคนนั้นได้เรียนรู้ในสิ่งที่เรามักหลีกเลี่ยง ขอให้คิดในเชิงบวกเสมอว่า อุปสรรคทุกอย่างที่กีดขวาง เป็นโอกาสที่เราจะปรับตัวให้ดียิ่งขึ้น ผู้รวบรวมเรื่องราวดีๆเเละนำมาเเบ่งปัน : กอบกิจ ครุวรรณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2020 11:21 am

.......รับคนกลางฝน.......
คืนหนึ่ง เวลา 23.30น. สตรีวัยกลางคนเชื้อสายแอฟริกันคนหนึ่งยืนอยู่ริมทางหลวงสายอะลาบามา ท่ามกลางฝนที่กำลังตกหนักอยู่ รถของเธอเสียและเธอต้องเดินทางต่ออีกไกล เธอจึงตัดสินใจโบกรถคันที่วิ่งผ่านมา ชายหนุ่มผิวขาวคนหนึ่งหยุดรถเพื่อช่วยเหลือเธอ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ในยุคที่มีความขัดแย้งเรื่องการเหยียดผิวในช่วงทศวรรษที่ 1960 ชายหนุ่มช่วยเหลือให้เธอได้รับความปลอดภัยและส่งเธอขึ้นรถแท็กซี่ แม้ว่าเธอจะรีบมาก แต่ก็กล่าวขอบคุณและจดที่อยู่ของเขาไปด้วย
เจ็ดวันหลังจากนั้น มีชายหนุ่มผู้หนึ่งมาเคาะประตูบ้านของเขา ด้วยความประหลาดใจ โทรทัศน์สีจอยักษ์เครื่องหนึ่งถูกนำมาส่งยังบ้านของเขาและมีข้อความแนบมาด้วยว่า “ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือบนทางหลวงในคืนนั้น เป็นเพราะคุณ ฉันจึงสามารถไปทันดูใจสามีที่กำลังจะเสียชีวิต ทันเวลาก่อนที่เขาจะสิ้นลมพอดี ขอพระเป็นเจ้าโปรดอวยพรคุณสำหรับการช่วยเหลือฉันและผู้อื่นโดยไม่เห็นแก่ตัวของคุณ” ด้วยความจริงใจ – นางแนท คิง โคล (ภรรยาของ Nat King Cole : 1915-1965 นักร้องนักแสดงผิวดำชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงก้องโลก)
ผู้รวบรวมเรื่องราวดีๆเเละนำมาเเบ่งปัน : กอบกิจ ครุวรรณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2020 11:25 am

......ที่มาของโนเบิล ไพร้ซ์ (Nobel Prize)
เช้าวันหนึ่งในปี ค.ศ. 1888 อัลเฟรด โนเบิล ผู้คิดค้นระเบิดไดนาไมต์และร่ำรวยขึ้นมาจากการผลิตระเบิดและการค้าอาวุธสงคราม เขาได้อ่านข่าวมรณกรรมของตัวเองบนหน้าหนังสือพิมพ์ “ไว้อาลัยแด่อัลเฟรด โนเบิล ราชาแห่งระเบิด”
ที่จริงแล้ว เป็นน้องชายเขาที่ตาย แต่หนังสือพิมพ์ลงข้อมูลผิดพลาด
เป็นครั้งแรกที่เขามองเห็นตัวเองอย่างที่โลกมองเขาว่าเป็น “ราชาแห่งระเบิด” โดยที่ไม่มีใครพูดถึงความพยายามของเขาในการที่จะขจัดอุปสรรคขวางกั้นระหว่างผู้คนที่มีความคิดแตกต่างกัน เขารู้สึกสะเทือนใจมากกับข่าวนี้ และตั้งใจใหม่ว่า โลกจะต้องรับรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงในชีวิตของเขา ดังนั้น เขาจึงเขียนพินัยกรรมมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาเพื่อจัดตั้งรางวัลที่ทรงคุณค่าสูงสุดซึ่งได้แก่ “โนเบิล ไพร้ซ์ สาขาสันติภาพ”
ในปัจจุบัน โลกอาจลืมไปแล้วว่า เขาคือผู้คิดค้นระเบิดไดนาไมต์ ผู้รวบรวมเรื่องราวดีๆเเละนำมาเเบ่งปัน : กอบกิจ ครุวรรณ
ตอบกลับโพส