“ การชำระหนี้ที่ไม่ต้องใช้เงิน “

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2020 2:20 pm

.......การชำระหนี้ที่ไม่ต้องใช้เงิน........
เรื่องจริง เล่าโดย Anna E. Paradise เมือง Carmillus รัฐนิวยอร์ค จากหนังสือ 101 Inspirational Stories of the Rosary” เรื่อง “I want to be repaid”

แม้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณแม่ แต่ดิฉันก็รู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่มีโอกาสเล่าเรื่องของท่าน ตามที่ดิฉันรับทราบหลังพิธีฝังศพคุณแม่เมื่อมีชายสูงอายุท่านหนึ่งเดินมาแสดงความเสียใจกับดิฉัน และได้เล่าเรื่องนี้ให้ดิฉันฟัง ดังนี้
ชายผู้นั้นเล่าว่า เมื่อตอนที่เขายังอยู่ในวัยฉกรรจ์ เขาได้พัวพันกับสตรีคนหนึ่งที่ไม่ใช่ภรรยาของเขา ค่ำวันหนึ่งขณะที่เขากำลังรับประทานอาหารในภัตตาคารสองต่อสองกับเธอ คุณพ่อและคุณแม่ของดิฉันเข้าไปในภัตตาคารนั้นพอดี แต่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น อย่างไรก็ตาม ในวันต่อมา คุณแม่ดิฉันได้โทรศัพท์ไปหาเขาและเชิญให้เขามาหาที่บ้านเพื่อกินขนมพายที่คุณแม่ทำเอง
เขากล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่เขาตอบรับคำเชิญก็เพราะฝีมือทำขนมพายของคุณแม่ยังไม่เคยมีผู้ใดปฏิเสธคำเชิญเลย แต่สาเหตุที่สำคัญยิ่งกว่าคือ คำเชิญของคุณแม่มีลักษณะเป็นการบังคับให้ต้องมาตามคำเชิญแฝงอยู่ด้วย
เขาไปตามเวลาที่นัดกันไว้และรับประทานขนมพายด้วยความเอร็ดอร่อย หลังจากนั้นคุณแม่ก็บอกเขาว่า ได้เห็นเขาอยู่สองต่อสองกับสตรีคนหนึ่งในภัตตาคารคืนก่อนนั้น เขาพยายามปฏิเสธว่าเป็นการเข้าใจผิดพร้อมกับยกหาเหตุผลต่าง ๆ นานา แต่คุณแม่ก็ไม่ยอมถอย ที่สุดคุณแม่พูดขึ้นว่า
“เธอจำตอนที่เธอตกงานอยู่หลายเดือนได้ไหม ตอนนั้นฉันให้เงินและอาหารเพื่อให้ครอบครัวของเธออยู่รอดได้”
เขาก็รับว่าเป็นความจริงตามนั้น คุณแม่จึงพูดต่อไปว่า “ตอนนี้ฉันต้องการให้เธอใช้หนี้คืน”
เขารีบล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกระเป๋าสตางค์ที่มีเงินฟ่อนใหญ่ออกมา แต่คุณแม่รีบพูดต่อว่า “เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ต้องการเงินคืนเลย แต่ฉันอยากขอร้องให้เธอทำอย่างหนึ่งเป็นการใช้หนี้จะได้ไหม”
เขาตกลงทันทีและพร้อมที่จะทำอะไรก็ได้เพื่อเป็นการใช้หนี้คืน ดังนั้นคุณแม่ดิฉันจึงได้หันไปเปิดลิ้นชักข้าง ๆ และหยิบสายประคำออกมาสายหนึ่ง คุณแม่วางสายประคำนั้นลงบนมือของเขา และบอกให้เขาไปฟังมิสซาทุกวันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และให้สวดสายประคำ 1 สายทุกวันก่อนหรือหลังมิสซาก็ได้
คุณแม่ยังบอกเขาด้วยว่า ขณะที่สวดสายประคำอยู่นั้น ในการสวดแต่ละเม็ดให้คิดถึงสิ่งที่ดีของภรรยาหรือของลูกๆ หรือชีวิตในครอบครัวที่สมาชิกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า
คุณแม่ปิดท้ายด้วยการพูดว่า “เมื่อครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว หากเธอยังคิดว่าสตรีคนนั้นดีกว่าภรรยาของเธอ ก็ช่วยเอาสายประคำนี้ส่งคืนมาทางไปรษณีย์ และฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ไม่ว่าจะกับตัวเธอหรือกับภรรยาของเธอ อย่างไรก็ตาม หากเธอตัดสินใจเลือกที่จะอยู่กับภรรยาของเธอต่อไป ก็ให้เก็บสายประคำนี้ไว้พร้อมกับคำภาวนาและการอวยพรของฉัน”
เมื่อเล่าถึงตอนนี้ ชายผู้เล่าเรื่องก็แบมือข้างหนึ่งออกมาพร้อมกับพูดว่า “นี่ไงสายประคำที่คุณแม่ของคุณได้ให้ไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว เป็นสายประคำที่ภรรยาและผมได้ใช้สวดกันอยู่ทุกวันนับจากวันนั้นเป็นต้นมาครับ” ผู้รวบรวม : กอบกิจ ครุวรรณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2020 2:22 pm

ความเชื่อมั่น

ผู้บริหารกิจการคนหนึ่ง ติดหนี้สินจำนวนมาก บรรดาเจ้าหนี้ และผู้ผลิตสินค้า ตามทวงหนี้เขา โดยไม่คลาดสายตา

เขาจึงไปนั่งในสวนสาธารณะ เอามือกุมหน้าผาก คิดหาทาง ที่จะไม่ให้บริษัทล้มละลาย

ทันใดนั้น มีชายชราคนหนึ่ง เดินมาหยุดอยู่ข้างหน้าเขา และพูดว่า

" ผมคิดว่า คุณกำลังมีปัญหาอยู่นะครับ "

หลังจากฟังเรื่องราวของผู้บริหารแล้ว ชายชราก็พูดตอบว่า

" ผมเชื่อว่า ผมสามารถช่วยคุณได้ "

จากนั้น เขาก็ขอชื่อของผู้บริหาร บริษัทที่มีปัญหา เขียนจำนวนเงินลงในเช็ค และยื่นใส่มือผู้บริหารคนนั้น พูดว่า

" เอาเงินนี่ไปสิ ปีหน้าวันเวลาเดียวกัน มาพบผมที่นี่นะ แล้วตอนนั้น ค่อยเอาเงินมาคืนผม "

พูดเสร็จ เขาก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับตอนที่เดินมาหาเขา

ผู้บริหาร มองตัวเลขเช็คห้าแสนเหรียญ ($500,000) ที่ได้รับด้วยความตกใจ มีลายเซ็นของ จอห์น ดี. ร็อกกี้เฟลเลอร์ หนึ่งในอภิมหาเศรษฐีของโลก

บัดนี้ เขาหมดห่วงปัญหาด้านการเงินแล้ว เขาตัดสินใจจะไม่นำเช็คไปขึ้นเงิน แต่จะเก็บเช็คไว้ในตู้นิรภัย และเริ่มใช้เวลาคิด แก้ปัญหาธุรกิจอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

เขาเริ่มเจรจาธุรกิจ ด้วยความมั่นใจกับเจ้าหนี้ ทีละรายอย่างมีเหตุมีผล และสามารถขายสินค้าล็อตใหญ่ได้หลายรายการ

ไม่กี่เดือนต่อมา เขาก็สามารถหาเงินใช้หนี้ได้หมด และธุรกิจก็เริ่มรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

หนึ่งปีผ่านไป เขากลับไปที่สวนสาธารณะเดิม พร้อมกับเช็คที่ยังไม่ได้ขึ้นเงิน เมื่อถึงเวลานัด ชายชราคนเดิม ก็ปรากฎกายขึ้น

แต่ขณะที่ผู้บริหาร กำลังจะยื่นเช็ดคืนให้เขาอยู่นั้น พยาบาลคนหนึ่ง วิ่งมาจับตัวชายชราไว้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า

" โชคดีที่จับตัวเขาได้ทันครั้งนี้ ดิฉันหวังว่า เขาคงไม่ได้รบกวนคุณนะคะ "

เขาชอบหนีออกจากบ้านคนชรา และบอกกับทุกคนว่า เขาคือ จอห์น ดี. ร็อกกี้เฟลเลอร์ "

จากนั้น เธอก็จูงชายชราคนนั้นกลับไป

ผู้บริหารรู้สึกสับสน และยืนงงอยู่กับที่ เพราะตลอดปีที่ผ่านมา เขาวุ่นวายอยู่กับการซื้อมาขายไป ด้วยความมั่นใจว่า

เขามีเงินสำรอง อยู่ในตู้นิรภัยถึงครึ่งล้านเหรียญ และแล้วเขาก็ตระหนักได้ว่า

การที่เขาพลิกฟื้นกิจการได้นั้น มิได้เกิดจากตัวเงินจำนวนมหาศาลนั้นเลย แต่เกิดจากความมั่นใจที่เกิดใหม่ และการทำธุรกิจตามลำดับขั้นตอน ที่เหมาะสมของตัวเขาเอง

*****************************
ตอบกลับโพส