ประวัตินักบุญ อย่างย่อเดือนธันวาคม(วันที่21-31)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ธ.ค. 22, 2020 7:26 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๑ ธันวาคม
นักบุญปีเตอร์ คานิซิอุส
St. Peter Canisius

ปีเตอร์ คานิซิอุส เป็นบุคคลสำคัญในยุคปฏิรูปพระศาสนจักรในศตวรรษที่ ๑๖ ท่านเป็นพระสงฆ์คณะเยสุอิตและเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักร

บทบาทของท่านในการเป็นนักเทศน์นักเขียน ผู้อบรมด้านศาสนาทำให้ความเชื่อคริสตชนแข็งแกร่งอย่างมากในเยอรมนี ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ และภาคกลางของยุโรป ซึ่งยุคนั้นกำลังเกิดความสับสนเรื่องข้อความเชื่อ

ปีเตอร์ คานิส เกิดที่เนเธอร์แลนด์ในปี ๑๕๒๑ บิดาของท่านเป็นเจ้าหน้าที่บริหารบ้านเมืองฐานะดี แต่มารดาเสียชีวิตหลังให้กำเนิดท่านไม่นาน ปีเตอร์เริ่มเรียนในมหาวิทยาลัยโคโลญจน์เมื่ออายุ ๑๕ ปี และได้รับปริญญาโทก่อนอายุ ๒๐ ปี มิตรสหายของท่านในช่วงเวลานี้มีหลายคนที่คงยึดความเชื่อคาทอลิก
แม้ว่าความเชื่อโปรเตสแตนท์เริ่มเข้ามาตั้งมั่นในเยอรมนี

บิดาต้องการให้ปีเตอร์แต่งงาน แต่ท่านตัดสินใจที่จะถือโสด สามปีต่อมา ท่านเข้าคณะเยสุอิต ปีเตอร์ก่อตั้งบ้านคณะเยสุอิตแห่งแรกในเยอรมันนีปี ๑๕๔๖ ท่านบวชเป็นพระสงฆ์และมีบทบาทร่วมบีบบังคับให้อัครสังฆราช Hermann แห่ง Wied ของเมืองโคโลญจน์ลาออกหลังจากที่เขาเปลี่ยนไปถือตามคำสอน
ของโปรเตสแตนท์

เพียงหนึ่งปีหลังการบวช ปีเตอร์ก็ร่วมทางกับสังฆราช Augsburg ไปร่วมประชุมสังคายนาเมืองเทรนท์ในฐานะที่ปรึกษาเทววิทยา ท่านใช้เวลาส่วนหนึ่งในการทำงานกับนักบุญอิกญาซีโอโลโยลาก่อนจะเดินทางไปบาวาเรียเพื่อเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งสอนคำสอนและเทศน์ด้วย ภารกิจทั้งด้านวิชาการและงานอภิบาลคงดำเนินต่อไปที่เมืองเวียนนา ท่านไปเยี่ยมและช่วยวัดในออสเตรียจำนวนมากที่ไม่มีพระสงฆ์

ในปี ๑๕๕๐ การเดินทางประกาศพระวรสารของปีเตอร์นำท่านไปถึงเมืองปราก ท่านตั้งโรงเรียนเยสุอิตที่นั่น และอีกแห่งที่บาวาเรียและต่อมาแห่งที่สามที่มิวนิค ปี ๑๕๕๕ นักบุญอิกญาสิโอเลื่อนท่านขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำในคณะ ซึ่งท่านจะทำหน้าที่จนถึงปี ๑๕๖๙ ท่านจัดพิมพ์คำสอนคาทอลิกที่ท่านเขียนคำสอนเล่มนี้ต่อมาจะถูกตีพิมพ์หลายร้อยครั้งและใช้กันสืบต่อหลายศตวรรษ

ปีเตอร์ทำงานหนักเพื่อให้ข้อกำหนดต่างๆ จากการสังคายนาได้ถูกนำมาปฏิบัติในเยอรมนีความพยายามอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยของท่านกว่ายี่สิบปีมีส่วนสำคัญที่ทำให้คาทอลิกในเยอรมันกลับฟื้นฟูขึ้นlมาใหม่ ในปี ๑๕๘๐ ท่านมุ่งหน้าทำงานเช่นเดียวกันที่เมือง Freibourg ของสวิสฯประสบ

CR. : Sinapis
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 28, 2021 10:50 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ธ.ค. 22, 2020 7:27 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๒ ธันวาคม
นักบุญเชโรมอน
St. Chaeromon

เรารู้เพียงว่านักบุญเชโรมอนเป็นสังฆราชของเมือง Nilopolis ในอียิปต์ ท่านอายุมากแล้วเมื่อจักรพรรดิTrajanus Decius เริ่มการเบียดเบียนคริสตชนอย่างรุนแรง

ท่านและสหายหลบหนีไปอาราเบียและเชื่อกันว่าท่านเป็นมรณสักขีที่นั่น

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 24, 2020 12:52 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๓ ธันวาคม
นักบุญธอร์แลคแห่งไอซ์แลนด์
St. Thorlak of Iceland

ชาวสแกนดิเนเวียแห่งไอซ์แลนด์ฉลองนักบุญอุปถัมภ์ของพวกเขาคือ นักบุญธอร์แลค ธอร์ฮอลล์สัน(Thorlak Thorhallsson) ในวันที่ ๒๓ ธันวาคม พวกเขาประกาศว่าท่านเป็นนักบุญในปี ๑๑๙๘ เพียงห้าปีหลังการตายของท่าน แต่การประกาศตั้งนักบุญ "อย่างไม่เป็นทางการนี้" ไม่มีอยู่ในปฏิทินพิธีกรรม
ของศาสนจักรจนกระทั่งพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ ๒ ทรงรับรองในเดือนมกราคม ๑๙๘๔

ธอร์แลคเกิดในปี ๑๑๓๓ สองศตวรรษหลังจากมิสชันนารีชาวเยอรมันและนอร์เวย์เริ่มประกาศพระวรสารอย่างเกิดผลในไอซ์แลนด์การกลับใจของชาวไอซ์แลนด์ต้องผ่านขั้นตอนที่ยากลำบาก เพราะประชาชนไอซ์แลนด์จำนวนมากยังยึดถืออย่างเอาเป็นเอาตายกับศาสนาบรรพบุรุษของพวกเขา ซึ่งมีธรรมเนียมการนมัสการรูปเคารพและสังหารทารก

พระศาสนจักรคาทอลิกตั้งมั่นแล้วในช่วงเวลาที่ธอร์แลคถือกำเนิด อย่างไรก็ตาม การถือปฏิบัติศาสนายังคลอนแคลน เพราะพวกพระสงฆ์ไม่ใส่ใจกฎการถือโสด พวกเขาขายตำแหน่งในศาสนจักร และทำผิดระเบียบอื่นๆ

บิดามารดาของธอร์แลค ซึ่งเป็นชาวไร่ชาวนา สังเกตว่าลูกชายพวกเขามีพรสวรรค์จึงนำไปให้รับการอบรมจากพระสงฆ์ท้องถิ่น ธอร์แลคได้รับศีลบวชเป็นอนุสงฆ์ก่อนอายุ ๑๕ ปีและเป็นพระสงฆ์เมื่ออายุ ๑๘ ปี

หลังจากนั้น ท่านเดินทางออกจากไอซ์แลนด์เพื่อไปศึกษาเทววิทยาที่ฝรั่งเศสและอังกฤษ ระหว่างนี้ท่านดำเนินชีวิตตามพระวินัยของคณะออกัสติเนียน พระวินัยไม่เพียงกำหนดให้พระสงฆ์ต้องถือโสดแต่ยังให้ใช้ชีวิตหมู่คณะโดยปราศจากทรัพย์สินส่วนตัว ตามแบบอย่างของพวกอัครสาวกในศาสนจักรยุคแรกเริ่ม

ธอร์แลคยังคงถือปฏิบัติตามพระวินัยนี้แม้ว่าเมื่อกลับมาไอซ์แลนด์ ท่านจะถูกกดดันให้แต่งงานกับแม่ม่ายที่เป็นเศรษฐีนีคนหนึ่งก็ตาม ท่านตั้งอารามตามวินัยของคณะออกัสติเนียน ซึ่งมีชื่อเสียงในการสวดภาวนาและการศึกษา

สิบปีหลังการก่อตั้งอาราม อัครสังฆราชชาวนอร์เวย์ซึ่งเป็นผู้ดำเนินชีวิตตามพระวินัยของคณะออกัสติเนียน ก็ได้เชิญให้ธอร์แลคเป็นสังฆราชแห่งสังฆมณฑล Skalholt ของไอร์แลนด์ในฐานะสังฆราช ธอร์แลคตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องฟื้นฟูและให้แนวทางพวกพระสงฆ์นักบวชท่านพยายามนำเอาการฟื้นฟูที่พระสันตะปาปาเกรกอรี่ ที่ ๗ ทรงริเริ่มในศตวรรษก่อนมาปฏิบัติให้เป็นจริง ไม่เพียงแต่เรื่องการถือโสดอย่างเคร่งครัดของพระสงฆ์แต่ยังพยายามให้พระศาสนจักรเป็นอิสระไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีอำนาจทางบ้านเมือง

ธอร์แลคพยายามปรับปรุงศีลธรรมของสังคมด้วย ท่านกล้าเผชิญหน้ากับหัวหน้าเผ่าผู้มีชื่อเสียงและมี
อำนาจที่สุดของไอซ์แลนด์ซึ่งกล่าวกันว่ามีความสัมพันธ์พิเศษกับน้องสาวของท่านเอง ท่านเกิดความต้องการจะวางทุกเรื่องราวและกลับคืนสู่ชีวิตในอารามอยู่บ่อยๆแต่ก่อนจะทำเช่นนั้น ท่านได้เสียชีวิตลงในวันที่ ๒๓ ธันวาคม ปี ๑๑๙๓

นักบุญธอร์แลคเป็นนักบุญพื้นเมืองของไอซ์แลนด์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคที่ประเทศเป็นคาทอลิก มีวัด
กว่า ๕๐ แห่งที่สร้างเพื่ออุทิศแด่ท่านก่อนที่ไอซ์แลนด์จะถือลัทธิลูเธอรันอย่างเป็นทางการในระหว่างศตวรรษที่ ๑๖

แต่การฉลองนักบุญธอร์แลคก็ยังคงมีอยู่ทั่วไปในฐานะประเพณีของประเทศ ชาวไอซ์แลนด์ฉลองท่านวันที่ ๒๓ ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนวันคริสตสมภพ และมีธรรมเนียมชุมนุมกันเพื่อรับประทาน
ปลาเคอร์ดในวันนี้

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ธ.ค. 26, 2020 7:56 pm

วันที่ ๒๔ ธันวาคม
Vigil of Christmas

ในยุคแรกๆ ของพระศาสนจักร ทุกคืนก่อนวันฉลองจะมีการตื่นเฝ้า ตอนเย็น ผู้มีความเชื่อจะมารวมตัวกันในวัดหรือสถานที่ที่จะมีการฉลอง พวกเขาเตรียมตัวด้วยการสวดภาวนาอ่านบทอ่าน และบางครั้งก็ฟังการเทศน์ ในโอกาสนี้จะมีพิธีมิสซาในตอนเย็นด้วย เมื่อใกล้รุ่งอรุณ ผู้คนจะแยกย้ายกันไปอยู่ตาม
ถนนหรือพักในบ้านใกล้วัด รอคอยพิธีมิสซาอย่างสง่าก่อนเที่ยง

พิธีตื่นเฝ้าเป็นสิ่งที่ถือปฏิบัติในชีวิตคริสตชน นักบุญออกัสตินและนักบุญเยโรมก็สนับสนุนและแนะนำให้กระทำ แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงหยุดพักตอนเช้าก็เป็นโอกาสให้เกิดการกระทำไม่เหมาะสมด้วยฝูงชนบางกลุ่มพากันขับร้องเริงระบำไปตามท้องถนนและศาลารอบวัด ซึ่งนักบุญเยโรมเขียนตำหนิพฤติกรรมเช่นนี้

การประชุมสมัชชาที่เมือง Seligenstadt ในปี ๑๐๒๒ กล่าวถึงการอดอาหาร ๒ สัปดาห์ก่อนวันฉลองการบังเกิดของนักบุญยอห์น บัปติสท์และพิธีตื่นเฝ้าก่อนวันพระคริสตสมภพ ก่อนวันพระคริสตเจ้าทรงสำแดงองค์ วันฉลองอัครสาวก วันแม่พระเสด็จสู่สวรรค์ วันฉลองนักบุญลอเรนซ์และนักบุญทั้งหลาย

หลังศตวรรษที่ ๑๑ การอดอาหาร สวดทำวัตรและมิสซาของพิธีตื่นเฝ้าถูกเลื่อนขึ้นมาหนึ่งวันก่อนวันฉลองและแม้ปัจจุบัน พิธีในคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ (ตื่นเฝ้าวันปัสกา) ก็แสดงให้เห็นว่าเดิมทีแล้วไม่ได้กระทำในเช้าวันเสาร์แต่ในระหว่างคืนปัสกา ดังนั้น พิธีกรรมหนึ่งวันก่อนวันฉลองจึงถูกเรียกว่าวันตื่นเฝ้า

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ธ.ค. 26, 2020 7:57 pm

วันที่ ๒๕ ธันวาคม
การบังเกิดของพระเยซูคริสตเจ้า - วันพระคริสตสมภพ
The Nativity of the Lord - Christmas

คำเรียกคริสต์มาส ในภาษาอังกฤษโบราณ คือ Cristes Maesse (มิสซาของพระคริสต์) คำนี้เราพบครั้งแรกในปี ๑๐๓๘ และได้กลายเป็น Cristes-messe ในปี ๑๑๓๑ ส่วนภาษาละติน มีชื่อว่า Dies Natalis (วันบังเกิดของพระเจ้า)

วันพระคริสตสมภพไม่ได้ถูกจัดเป็นวันฉลองของพระศาสนจักรในยุคแรกเริ่ม นักบุญอิเรเนอุสและแตร์ตูเลียนไม่ได้บรรจุวันนี้ลงในรายชื่อวันฉลองต่างๆ ส่วนออริเยนยืนยันว่าในพระวรสาร พวกคนบาปเท่านั้น ไม่ใช่นักบุญ ที่ฉลองวันเกิดของพวกเขา อาร์โนบิอุส (Arnobius) ยังเย้ยหยัน "วันเกิด" ของพวกเทพเจ้าด้วย

หลักฐานแรกของการฉลองวันพระคริสตสมภพมาจากอียิปต์ประมาณปี ค.ศ.๒๐๐ เคลเมนต์แห่งอเล็กซานเดรียเขียนว่านักเทววิทยาชาวอียิปต์บางคน ได้กำหนดให้วันที่พระคริสต์บังเกิดเป็นวันที่ ๒๕ ของเดือน Pachon (ตรงกับวันที่ ๒๐ พฤษภาคม) ในปีที่ ๒๘ ของรัชสมัยจักรพรรดิออกุสตุส ส่วนการฉลอง
ในเดือนธันวาคมได้มีขึ้นในระหว่างปี ๔๒๗-๔๓๓

ในโรม หลักฐานแรกสุดอยู่ในปฏิทิน Philocalian ซึ่งรวบรวมในปี ๓๕๔ ปฏิทินนี้แบ่งหัวข้อสำคัญ ๓กลุ่ม ในปฏิทินของฝ่ายบ้านเมืองวันที่ ๒๕ ธันวาคมถูกเรียกว่า Natalis Invicti ส่วนในรายชื่อมรณสักขี
ของศาสนจักร ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่ม Depositio Martyrum ในวันที่ ๒๕ ธันวาคมนั้น เราพบความว่า "พระคริสต์ทรงบังเกิดในเบธเลเฮ็ม แคว้นยูเดีย"

มีข้อถกเถียงกันด้วยว่าศาสนจักรโรมรับเอาการฉลองวันสำแดงองค์ของพระคริสตเจ้า (แก่พวกนักปราชญ์ทั้งสามจากแดนไกล) มาจากศาสนจักรตะวันออกและกำหนดเอาเป็นวันที่ ๒๕ ธันวาคม ภายหลังศาสนจักรตะวันออกและตะวันตกแยกวันฉลองกัน ทำให้วันสำแดงองค์เป็นวันที่ ๖ มกราคม ส่วนวันคริสตสมภพเป็นวันที่ ๒๕ ธันวาคม อย่างไรก็ตาม ข้อสันนิษฐานเก่าก่อนยังคงเป็นที่นิยมมากกว่า

แต่โดยที่สุดแล้ว ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ วันเฉลิมฉลองพระอาทิตย์ของชาวโรมัน (Natalis Invicti) ที่กระทำกันในวัน ๒๕ ธันวาคมน่าจะเป็นที่มาของกำหนดวันคริสตสมภพ ลัทธินมัสการดวงอาทิตย์ในจักรวรรดิโรมันได้รับความนิยมมาตลอด และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุดในปี ๒๗๔ ซึ่ง
เป็นยุคของจักรพรรดิ Aurelian ภายหลัง ในปี ๑๗๐๐ ฟิลิปโป เดล ตอเร (Filippo del Torre) เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความเกี่ยวข้องกันดังกล่าวในปฏิทินของ Philocalus

การอธิบายถึงภาษาและความหมายของดวงอาทิตย์ที่ใช้สื่อถึงพระเจ้าถึงเรื่องบทบาทของพระผู้ไถ่ (Messiah) และความศรัทธาค่อยๆ ถูกพัฒนาขึ้น พร้อมกับบทขับร้องสรรเสริญและบทสวดทำวัตร
ของวันคริสตสมภพ จนกระทั่งได้ถูกรวบรวมไว้อย่างสมบูรณ์โดยคูมอง (Cumont)

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ธ.ค. 26, 2020 7:58 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๖ ธันวาคม
นักบุญสเตเฟน
St. Stephen

หลังวันพระคริสตสมภพ พระศาสนจักรรำลึกถึงมรณสักขีคนแรก นักบุญสเตเฟน ซึ่งเป็นหนึ่งในสังฆานุกรกลุ่มแรกของพระศาสนจักรด้วยในหนังสือกิจการอัครสาวก นักบุญลูกายกย่องสเตเฟนว่า "เป็นชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยความเชื่อและพระจิตเจ้า" เขาได้ "กระทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์และเครื่องหมายอันยิ่งใหญ่ในท่ามกลางประชาชน" ในยุคแรกเริ่มของพระศาสนจักร

สเตเฟนเป็นชาวยิวที่เชื่อในพระเยซูขณะพระองค์ปฏิบัติภารกิจในโลก เขาอาจเป็นหนึ่งในศิษย์ ๗๐ คนที่พระเยซูส่งไปประกาศการมาถึงของอาณาจักรพระเจ้า โดยให้เดินทางไปโดยปราศจากข้าวของติดตัวจิตตารมณ์ของการไม่ยึดติดวัตถุสิ่งของเช่นนี้ยังคงดำเนินต่อไปในพระศาสนจักรยุคแรก นักบุญลูกาเล่าว่า พวกผู้มีความเชื่อ "นำเอาทุกอย่างที่มีมารวมกัน" และ "พวกเขาขายสิ่งของและทรัพย์สมบัติเพื่อนำมาแจกจ่ายแก่ผู้ขัดสน"แต่กิจเมตตานี้ได้เป็นที่มาของความขัดแย้งทางวัฒนธรรมระหว่างชาวยิวกับคนต่างศาสนา แม่ม่ายชาวกรีกกลุ่มหนึ่งรู้สึกถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับความใส่ใจเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เป็นยิว

ชื่อเสียงด้านความศักดิ์สิทธิ์ของสเตเฟนทำให้พวกอัครสาวกเลือกเขา พร้อมกับคนอื่นอีก ๖ คนให้ทำหน้าที่ช่วยบรรเทาความขัดแย้ง โดยอำนาจทางศีลศักดิ์สิทธิ์ที่พวกอัครสาวกได้รับจากพระคริสต์ พวกท่านบวชผู้ชายทั้งเจ็ดคนเป็นสังฆานุกรและส่งไปช่วยเหลือบรรดาหญิงม่าย

ในฐานะสังฆานุกร สเตเฟนเทศน์สอนถึงพระคริสต์ว่าเป็นผู้ทำให้กฎบัญญัติของพระธรรมเก่าและคำทำนายของบรรดาประกาศกสมบูรณ์ สมาชิกศาลาธรรมไม่อาจโต้แย้งกับคำสอนของสเตเฟน จึงนำตัวเขามาต่อหน้าผู้มีอำนาจทางศาสนา ใส่ความว่าสเตเฟนจ้องจะทำลายธรรมเนียมประเพณีของชาวยิว

สเตเฟนตอบด้วยถ้อยคำซึ่งมีบันทึกในบทที่เจ็ดของหนังสือกิจการอัครสาวกเขาพูดถึงชาวอิสราเอลที่ดื้อดึงต่อหรรษทานของพระเจ้าในอดีต และกล่าวว่าผู้มีอำนาจทางศาสนาในปัจจุบัน "ต่อต้านพระจิต" และปฏิเสธพระผู้ไถ่

สเตเฟนเห็นภาพพระคริสต์ในพระสิริรุ่งโรจน์ "ดูสิ" เขาบอกพวกเหล่านั้น "ข้าพเจ้าเห็นสวรรค์เปิดออก และบุตรแห่งมนุษย์ยืนอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า"พวกอยู่ในที่ประชุมพากันลากสเตเฟนออกไปและใช้ก้อนหินทุ่มใส่ท่านจนเสียชีวิต

"ขณะที่พวกเขากำลังใช้หินทุ่มใส่สเตเฟน เขาก็สวดภาวนาว่า พระเยซูพระเจ้าข้า โปรดรับจิตวิญญาณของข้าพเจ้าด้วยเทอญ จากนั้น เขาคุกเข่าลงและร้องเสียงดังว่า
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
โปรดอย่าทรงลงโทษพวกเขาเพราะบาปนี้เลย”
เมื่อกล่าวเสร็จดังนี้แล้วเขาก็สิ้นใจ
CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ธ.ค. 28, 2020 1:45 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๗ ธันวาคม
นักบุญยอห์น อัครสาวก
St. John the Apostle

ยอห์นเป็นบุตรของเสเบดีและเป็นน้องชายของยากอบ ท่านถูกเรียกให้เป็นอัครสาวกโดยพระเยซูเจ้าในปีแรกของพันธกิจของพระองค์ ยอห์นเป็น "ศิษย์ที่พระองค์ทรงรัก" และเป็นคนเดียวในอัครสาวกสิบสองคนที่ไม่ทอดทิ้งพระเยซูในเวลาที่พระองค์รับพระมหาทรมาน ยอห์นยืนอย่างซื่อสัตย์ภักดีที่เชิงไม้
กางเขน และพระเยซูคริสต์ทรงมอบให้ท่านเป็นผู้ดูแลพระมารดาของพระองค์

ยอห์นดำเนินชีวิตในช่วงต่อมาที่เยรูซาเล็มและที่เมืองเอเฟซัส ท่านตั้งกลุ่มคริสตชนหลายแห่งในเอเชียไมเนอร์ ธรรมประเพณีเล่าว่าท่านถูกนำตัวไปที่โรมภายใต้คำสั่งของจักรพรรดิโดมีเทียน ท่านถูกโยนลงกะทะที่ต้มน้ำมันเดือดแต่ท่านไม่เป็นอันตราย ท่านถูกขับไล่ไปอยู่ที่เกาะ Pathmos หนึ่งปี ท่านมีชีวิตยืนยาวกว่าอัครสาวกคนอื่นๆ ท่านเสียชีวิตที่เอเฟซัสประมาณปีค.ศ.๑๐๐

ยอห์นได้ชื่อว่าอัครสาวกแห่งความรัก ซึ่งเป็นคุณธรรมที่ท่านได้เรียนรู้จากพระเยซูคริสต์พระอาจารย์ของท่าน และเป็นสิ่งที่ท่านได้สอนและปฏิบัติเป็นตัวอย่าง "ศิษย์ที่พระองค์ทรงรัก" ท่านนี้เสียชีวิตที่เมืองเอเฟซัส มีวัดแห่งหนึ่งสร้างขึ้นเหนือสุสานของท่าน ซึ่งภายหลังถูกดัดแปลงเป็นสุเหร่าของศาสนาอิสลาม

ยอห์นได้รับชื่อให้เป็นผู้เขียนพระวรสารและจดหมายสามฉบับ แม้ว่านักวิชาการส่วนมากเชื่อว่าการรวบรวมสุดท้ายของพระวรสารกระทำโดยคนอื่นก่อนท่านสิ้นใจ หนังสือวิวรณ์ก็ได้ใช้ชื่อท่านเป็นผู้เขียนด้วย

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ธ.ค. 28, 2020 1:45 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๘ ธันวาคม
ทารกผู้วิมล
Holy Innocents

เรื่องของทารกผู้วิมลถูกเล่าไว้ในพระวรสารนักบุญมัทธิว บทที่ ๒:๑๖-๑๘ครั้งนั้นกษัตริย์เฮโรด เมื่อทราบว่าพระองค์ถูกลวงโดยพวกนักปราชญ์ทั้งสาม ก็โกรธจัด สั่งให้ทหารฆ่าทารกชายอายุตั้งแต่ ๒ ขวบลงมาในเมืองเบ็ธเลเฮมและเมืองชายแดน เหตุการณ์นี้สำเร็จตามคำทำนายของประกาศกเยเรมีห์ที่ว่า "มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญในรามาห์ราเชลร่ำไห้ต่อการตายของลูกๆ เธอไม่รับการปลอบบรรเทาใดๆ"

พิธีกรรมทางกรีกกล่าวว่าเฮโรดฆ่าเด็กจำนวน ๑๔,๐๐๐ คน ทางซีเรียกล่าวว่า ๖๔,๐๐๐ คน และนักเขียนในยุคกลางเล่าว่า ๑๔๔,๐๐๐ คนตามหนังสือวิวรณ์บทที่ ๑๔ ข้อ ๓ แต่นักเขียนยุคใหม่ลดจำนวนเด็กลงอย่างมากเพราะเบ็ธเลเฮมเป็นเมืองค่อนข้างเล็ก Knabenbauer กล่าวว่ามีเพียง ๑๕ หรือ ๒๐ คนBisping ว่ามี ๑๐ หรือ ๑๒ คน และ Kellner คิดว่ามีเพียง ๖ คน

อย่างไรก็ตาม การกระทำอันโหดร้ายของเฮโรดครั้งนี้ไม่ได้ถูกกล่าวถึงโดยฟลาวิอุส โยเซฟุส (Flavius Josephus) นักประวัติศาสตร์ชาวยิวแม้ว่าเขาจะได้เล่าถึงเหตุการณ์เลวร้ายหลายอย่างที่กษัตริย์องค์นี้ได้ทรงปฏิบัติในปีท้ายๆ ของรัชสมัย จำนวนเด็กที่เสียชีวิตอาจน้อยจนดูไม่สำคัญเมื่อเทียบกับประพฤติกร
รมอื่นๆ ของเฮโรด มาโครบิอุส (Macrobius) เล่าว่าเมื่อจักรพรรดิออกุสตุสทรงทราบว่าลูกชายเฮโรดถูกสังหารด้วยคำสั่งของเขาเอง พระองค์ตรัสว่า "เป็นหมูของเฮโรดยังดีกว่าเป็นลูกชายของเขา" ตามกฎบัญญัติของชาวยิวห้ามรับประทานเนื้อหมู ดังนั้นหมูจึงไม่ถูกฆ่า พระศาสนจักรยุคกลางเชื่อถือเรื่อง
การสังหารทารกผู้วิมล อเบลาร์ด (Abelard) ได้บรรจุบทขับร้องวันฉลองทารกผู้วิมลไว้ในหนังสือพิธีกรรมที่เขาเขียน

เราไม่อาจกำหนดแน่นอนถึงวันเวลาการตายของทารกผู้วิมล ที่เรารู้คือพวกทารกถูกสังหารภายในเวลา๒ ปีนับแต่การปรากฏของดวงดาวแก่นักปราชญ์ทั้งสาม พระศาสนจักรถือว่าทารกเหล่านี้เป็นมรณสักขี นักบุญออกัสตินกล่าวในบทเทศน์ของท่านว่าเด็กเหล่านี้เป็นหน่อแรกของพระศาสนจักรที่ถูกเบียดเบียน พวกเขาไม่เพียงแต่พลีชีพเพื่อพระคริสต์เท่านั้น แต่ยังสิ้นใจในพระองค์ด้วย

พระศาสนจักรกำหนดให้มีการฉลองรำลึกถึงทารกผู้วิมลแต่เมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐาน แต่คงจะไม่เกินสิ้นศตวรรษที่ ๔ และไม่ช้าไปกว่าปลายศตวรรษที่ ๕

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ธ.ค. 29, 2020 9:25 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๙ ธันวาคม
นักบุญโทมัส เบ็คเก็ต
St. Thomas Becket

โทมัสเกิดเมื่อปี ๑๑๑๗ ที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ครอบครัวของท่านศรัทธาในศาสนา มารดาของโทมัสกลับใจเป็นคริสตชนเพราะตัวอย่างชีวิตของสามี โทมัสได้รับการอบรมอย่างดีท่านเรียนที่อารามนักพรตและต่อมาในโรงเรียนที่ลอนดอน เมื่อบิดามารดาเสียชีวิต โทมัสตัดสินใจเรียนกฎหมายพระศาสนจักร ท่านประสบความสำเร็จและได้ทำงานเป็นเลขานุการของศาลในลอนดอน
หลังจากทำงานช่วงเวลาหนึ่ง โทมัสก็ตัดสินใจสละชีวิตที่เหลือเพื่อพระเจ้า ท่านเรียนเตรียมเป็นพระสงฆ์ และที่สุด ได้รับศีลบวช

คุณพ่อโทมัส เบ็คเก็ตมีชื่อเสียงในความศักดิ์สิทธิ์และการทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์จนเป็นที่สนพระทัยของกษัตริย์เฮนรีที่ ๒ ดังนั้น ในปี ๑๑๕๗ โทมัสได้รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษา
ของพระองค์ ต่อมา สังฆราชแห่งแคนเทอร์เบอรีเสียชีวิต กษัตริย์มีพระประสงค์ให้โทมัสได้รับเลือกสืบทอดตำแหน่ง โทมัสเตือนพระองค์ว่าเรื่องนี้อาจเป็นสาเหตุสร้างปัญหาภายหน้าแต่ท่านก็ยอมรับหน้าที่ในที่สุด

ในฐานะสังฆราช โทมัสทำงานรับใช้ช่วยเหลือผู้คน ท่านทำพลีกรรมใช้โทษบาปและเอื้ออารีอย่างยิ่งต่อคนจน ท่านให้ทั้งเวลาและเงินทองแก่พวกเขา แต่กษัตริย์เฮนรีเริ่มจะเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้นกับกิจการภายในของพระศาสนจักรและที่สุดทำให้เกิดความเห็นไม่ตรงกัน โทมัสเดินทางไปฝรั่งเศสพักหนึ่ง เมื่อ
กลับมา ท่านก็มีเหตุขัดแย้งกับกษัตริย์อีกอัศวินบางคนของกษัตริย์ถือว่าท่านทรยศและลงมือสังหารท่านในอาสนวิหาร

กษัตริย์เฮ็นรีเสียพระทัย พระองค์ประกอบกิจใช้โทษบาปที่หลุมฝังศพของท่าน ภายหลัง สุสานของโทมัสได้กลายเป็นสถานที่มีชื่อเสียงสำหรับการจาริกแสวงบุญ

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 31, 2020 2:04 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ 30 ธันวาคม
นักบุญอานีเซีย มรณสักขีแห่งกรีซ
St. Anysius

ท่านเป็นสตรีมั่งคั่งของเมือง Salonika ใน Thessaly ท่านใช้ทรัพย์สินเงินทองช่วยเหลือคนยากจน วันหนึ่ง ท่านถูกทหารจับตัวบนถนน และถูกลากไปยังสถานบูชายัญของคนต่างศาสนา ท่านขัดขืน จึงถูกทหารคนนั้นสังหารด้วยดาบ

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 31, 2020 2:05 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๓๑ ธันวาคม
นักบุญ พระสันตะปาปาซิลเวสเตอร์
St. Sylvester, Pope

ซิลเวสเตอร์เกิดที่โรมประมาณปี ๒๕๐ เมื่อเยาว์วัย ท่านได้รับการอบรมเรื่องการปฏิบัติศาสนาและศึกษาพระคัมภีร์จากพระสงฆ์คนหนึ่ง ซิลเวสเตอร์ชอบจัดหาที่พักให้ชาวคริสต์ที่เดินทางมาโรม ท่านจะล้างเท้า เสิร์ฟอาหารและจัดแจงข้าวของที่จำเป็นให้พวกเขา

คริสตชนคนหนึ่งที่ซิลเวสเตอร์เป็นเจ้าบ้านรับรองคือทิโมธีจากเมืองอันติโอก ทิโมธีเทศน์ประกาศความเชื่ออย่างเปิดเผย ชาวเมืองกลัวภัยจึงไม่กล้าให้ที่พำนัก แต่ซิลเวสเตอร์กลับถือว่าเป็นเกียรติ

ทิโมธีประกาศพระวรสารของพระเยซูคริสต์อย่างร้อนรนที่โรมเป็นเวลา ๑ ปีโดยพักอยู่กับซิลเวสเตอร์ เมื่อทิโมธีเสียชีวิตโดยการเป็นมรณสักขี ซิสเวสเตอร์ช่วยในการฝังร่างเขาแต่ท่านกลับถูกกล่าวหาว่าลักซ่อนสมบัติของทิโมธีและถูกผู้ปกครองเมืองสั่งจำคุก

ซิลเวสเตอร์ตอบข้อกล่าวหาว่า "สิ่งที่ทิโมธีทิ้งไว้ให้ข้าพเจ้าคือมรดกความเชื่อและความกล้าหาญของเขา"แล้ววันหนึ่งผู้ปกครองเมืองเสียชีวิตเพราะก้างปลาติดคอ ผู้ดูแลคุกปล่อยซิลเวสเตอร์ให้เป็นอิสระ เรื่องราวความกล้าหาญของซิลเวสเตอร์ทราบไปถึงพระสันตะปาปา Melchiades พระองค์จึงบวชให้เขาเป็นสังฆานุกร

การเบียดเบียนคริสตชนรุนแรงมากขึ้นในสมัยของจักรพรรดิ Diocletian คริสตชนจำนวนมากถูกนำตัวมานมัสการเทวรูป มิฉะนั้นจะถูกสังหาร ซิลเวสเตอร์พระสงฆ์หนุ่ม ได้ให้กำลังใจผู้ยืนยันซื่อสัตย์ในความเชื่อและเลือกจะตายเยี่ยงมรณสักขีช่วงเวลานี้พระเจ้าทรงช่วยซิลเวสเตอร์จากอันตรายถึงชีวิตหลายครั้ง

หลังจากพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ในปี ๓๑๔ ซิลเวสเตอร์ก็ได้รับเลือกเป็นสันตะปาปา ท่านดูแลพระศาสนจักรจนถึงปี ๓๓๕ ท่านมีบทบาทสำคัญในสังคายนาเมืองนิเชีย และเป็นผู้ประกอบพิธีล้างบาปให้จักรพรรดิคอนสแตนติน อันนำไปสู่ยุครุ่งเรืองของพระศาสนจักร

มีเรื่องเล่าว่าก่อนกลับใจเป็นคริสตชน คอนสแตนตินติดเชื้อโรคเรื้อน แล้วคืนหนึ่ง นักบุญเปโตรและเปาโลปรากฏแก่พระองค์บอกให้ไปพบพระสันตะปาปาซิลเวสเตอร์ผู้จะรักษาพระองค์ให้หายด้วยการล้างบาป เมื่อพระองค์ทำตาม ก็ทรงหายจากโรค

CR. : Sinapis
ตอบกลับโพส