ความมีน้ำใจต่อผู้อื่น

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ธ.ค. 26, 2020 7:54 pm

“ฮืออออ" เสียงร้องไห้ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาบนรถบัสประจำทางในเมืองเบลฟาสต์ ไอร์แลนด์เหนือ

คนบนรถเริ่มถามผู้หญิงคนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอชื่อว่า แจ็คเกอรีน เมสัน
และเธอเริ่มรู้ตัวว่าเธอขึ้นรถบัสผิดคัน

แต่ทำไมแค่ขึ้นรถผิดคันต้องร้องไห้ระงมขนาดนั้น?
คนบนรถต่างสงสัย

“ตั้งแต่ช่วงโควิด ฉันไม่มีโอกาสได้เจอแม่เลย
และวันนี้ที่บ้านพักผู้สูงอายุให้ฉันได้เจอแม่เพียงแค่ 30 นาที”

“ฉันต้องไปถึงก่อน 15:30 แต่นี่มัน 15:10 แล้ว”

“ฉันขึ้นรถบัสมาผิดคันแบบนี้
มันไม่มีทางทันแล้วแน่นอน”
แจ็คเกอรีนเริ่มร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้นเอง รถบัสก็หยุดอย่างกะทันหัน
อเล็กซ์ ไบเลย์ คนขับรถบัส
เดินออกจากพวกมาลัยมาหาเธอและผู้โดยสาร

“บ้านผู้สูงอายุของแม่คุณอยู่ที่ไหน?”
อเล็กซ์ถามแจ็คเกอรีน

หลังจากเขาได้คำตอบ
เขาหยุดคิดเส้นทางเพียงแค่อึดใจ
จากนั้นเขาก็ถามผู้สารบนรถทุกคน

“ผมต้องขออภัยทุกท่านด้วยตอนนี้มีผู้โดยสารคนหนึ่งต้องการความช่วยเหลือ เธอไม่ได้เจอแม่ของเธอมานาน จะเป็นอะไรไหม ถ้าเราออกนอกเส้นทางซักครู่
เพื่อพาเธอไปหาแม่?”

ทุกคนต่างยินดีและเห็นด้วย
แจ็คเกอรีนเปลี่ยนจากร้องไห้ด้วยความเสียใจ
เป็นร้องไห้ด้วยความยินดี

น้ำตาที่ไหลพรากมันทำให้เธอแทบมองหน้าอเล็กซ์ไม่เห็น

อเล็กซ์รีบขับรถบัส เขาขับออกนอกเส้นทางอย่างรวดเร็วไปยังถนนครัมลิน เพียงไม่ถึงสิบนาทีเขาก็พาเธอมาถึงหน้าบ้านพักผู้สูงอายุ

แจ็คเกอรีนรีบเข้าไปหาไอรีน แม่ของเธอวัย 79 ปี ทันที

——————————

สองสัปดาห์ที่ผ่านมาไอรีนมีอาการหัวใจวายและต้องให้ออกซิเจนเสริมอยู่ตลอด และด้วยมาตรการป้องกันเชื้อไวรัส จึงไม่มีใครสามารถไปเยี่ยมเธอได้เลย

บัดนี้เธอดีขึ้นแล้ว
และได้รับการฉีดวัคซีนเรียบร้อย

บ้านพักผู้สูงอายุแห่งนี้เป็นที่แรกที่มีการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุในสหราชอาณาจักร

ทั้งสองคนได้เจอกันอีกครั้งด้วยความอบอุ่น

แจ็คเกอรีนนึกถึงชายผู้มีพระคุณคนนั้น
เธอรู้เพียงแค่ว่าเขาชื่ออเล็กซ์ บริษัทรถประจำทางทรานส์ลิงค์ สาย11B

เธอเล่าเรื่องนี้ผ่านทาง Skynews ตอนที่นักข่าวกำลังมาทำข่าวการฉีดวัคซีนที่บ้านพัก

หลังจากกลับมาบ้าน
แจ็คเกอรีนก็ได้เขียนเรื่องราวนี้อีกครั้ง ผ่านทาง Twitter

และมันกลายเป็นไวรัลไปทั่วไอร์แลนด์เหนือ
จนไปถึงนิโคลา มัลลอน รัฐมนตรีโครงสร้างพื้นฐานของไอร์แลนด์เหนือ
เขาไปกดไลค์ทวีต “เราไปหาตามอเล็กซ์กันเถอะ”

——————————

อเล็กซ์เลิกงานเรียบร้อย
เขากลับมาถึงบ้านด้วยความกังวล
เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นสรุปแล้วได้เจอแม่ของเธอไหม?

“พ่ออออ”
ลูกสาวของอเล็กซ์ตะโกนเรียกพ่อของเธอ

“วันนี้พ่อขับรถ 11B ใช่ไหม?”
เธอถาม

“ทำไม?”
อเล็กซ์ถามกลับด้วยความสงสัย

“เพราะพ่ออยู่บนโซเชี่ยลมีเดียไง!”
ลูกสาวตอบ

——————————

เรื่องนี้โด่งดังไปทั่วไอร์แลนด์เหนือ
จนไปถึง คริส คอนเวย์ ประธานบริษัททรานส์ลิงค์ กรุ๊ป หัวหน้าของอเล็กซ์

“ผมภูมิใจมากที่อเล็กซ์ทำเพื่อช่วยแจ็คเกอรีน
เขาเป็นพนักงานที่ทำงานมายาวนาน และเขาก็เป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้การศึกษาและชุมชนนั้นเชื่อมต่อกัน”
คริส กล่าวชื่อชมอเล็กซ์ผ่านทางSkynews ด้วยความดีใจ

“ฉันเห็นน้ำตาที่เอ่อล้นในตาของเธอ และเธอบอกว่าไม่ได้เจอแม่มานาน
เพียงแค่นั้นฉันก็ตัดสินใจทำมัน”

“เมื่อลูกสาวส่งคลิปให้ฉันดู ฉันมีความสุขมาก
เรื่องนี้มันทำให้วันของฉันมีความสุขมากๆ”
อเล็กซ์กล่าวผ่านทางSkynews
:s007: :s007:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ธ.ค. 26, 2020 8:01 pm

......บทสอนของนักบุญแบรนารด์.......
แปลเเละเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
วันหนึ่งขณะที่นักบุญแบรนารด์กำลังเดินทางอยู่ ท่านพบกับชาวนาผู้หนึ่งที่ขอร่วมเดินทางไปกับท่านด้วย ทั้งสองสนทนากันอย่างออกรส และการเดินทางที่มีเพื่อนคุยถูกคอกันนั้นย่อมทำให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่ทันรู้สึกเหนื่อย
ระหว่างการเดินทางด้วยกัน มีตอนหนึ่งท่านนักบุญถามชาวนาว่า “คุณรักพระเป็นเจ้ามากกว่าทุกสิ่งไหม?”
“อ๋อ ผมรักพระเป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจตามที่พระบัญญัติสั่งสอนครับ”
“ถ้าเช่นนั้นคุณก็คงสวดภาวนาบ่อย แล้วคุณสวดด้วยความตั้งใจหรือเปล่า?”
“เกิดมาผมไม่เคยสวดวอกแวกเลย ไม่เชื่อคุณพ่อทดลองผมดูก็ได้ครับ”
ท่านนักบุญอดขำไม่ได้ในคำตอบ... ท่านพอจะเข้าใจว่าเพื่อนเดินทางขี้โม้ของท่านยังไม่เข้าใจว่า การสวดวอกแวกคืออะไร ท่านจึงคิดจะสอนเขาให้ตระหนักถึงเรื่องนี้
“น่าชมเชยมากเลย เพื่อนรัก” ท่านนักบุญเปรยขึ้นหลังจากที่หยุดไปชั่วครู่... “เอาละ! ถ้าคุณสวด บทข้าแต่พระบิดาจบบทได้โดยไม่วอกแวกเลย พ่อจะให้ม้าตัวนี้แก่คุณเป็นรางวัล ตกลงไหม?”
“แหม ได้ยังงี้ก็ดีซิครับ” จากนั้นชาวนาคนซื่อของเราก็เริ่มสวดบทข้าแต่พระบิดาทันทีด้วยความมั่นใจว่าม้าตัวนี้จะต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน แต่อนิจจา! เขาสวดไปยังไม่ทันถึงครึ่งบทเลย เขาก็หยุดพลางถามว่า
“คุณพ่อครับ แล้วอานม้าล่ะ คุณพ่อจะให้ด้วยหรือเปล่าครับ?”
“ไม่ให้ทั้งม้าและอานแหละเพื่อน” ท่านนักบุญตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พลางเปิดมุมยิ้มที่ริมฝีปาก “ก็คุณเพิ่งสวดวอกแวกเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องม้าและอานอยู่ขณะที่สวดเมื่อกี๊นี้ใช่ไหมล่ะ?”
ตั้งแต่นั้นมา ชาวนาผู้นั้นก็เข้าใจและพยายามตั้งใจสวดภาวนาทุกครั้งด้วยดีเสมอมา
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ม.ค. 02, 2021 5:18 pm

...."ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด"....

น.ส.หวางเหม่ยเหลียน ชาวไต้หวัน เป็นโรคสมองพิการ(cerebral palsy) แต่กำเนิดไม่สามารถเคลื่อนไหวตามปกติ และพูดจาไม่ได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธาเธอสามารถเรียนจบปริญญาเอกจากสหรัฐฯ แล้วแสดงทัศนคติของเธอในที่ต่างๆ เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้อื่น

ครั้งหนึ่ง เธอรับเชิญไปบรรยายด้วยการเขียน (คนพูดไม่ได้ต้องใช้วิธีเขียน) หลังบรรยายเสร็จ มีนักเรียนคนหนึ่งตั้งคำถามว่า

“ท่านอยู่ในสภาพนี้โดยกำเนิด แล้วท่านไม่รู้สึกน้อยใจรึ? ท่านมองตัวเองอย่างไร?”

คำถามอันละเอียดอ่อนนี้ สร้างความตะลึงแก่ที่ประชุมไม่น้อย ต่างเกรงว่าคำถามนี้จะทิ่มแทงจิตใจของเธอ ปรากฏว่า เธอหันหน้าไปยังแผ่นกระดาน เขียนตัวหนังสืออย่างไม่สะทกสะท้านว่า

“ฉันมองดูตัวเองอย่างไร?”
เธอหันหน้ายิ้มให้ผู้ร่วมประชุม แล้วเขียนข้อความต่อ

1.ฉันน่ารักมาก
2.ขาฉันเรียวยาวสวยดี
3.คุณพ่อคุณแม่รักฉันจัง
4.พระเจ้าประทานรักแก่ฉัน
5.ฉันวาดภาพได้ ฉันแต่งหนังสือได้
6.ฉันมีแมวที่น่ารัก

และ… ขณะนั้น ที่ประชุมเงียบกริบ ไม่มีเสียงพูดจาใดๆ เธอหันกลับมามองดูทุกคน แล้วเขียนคำสรุปบนแผ่นกระดานว่า

“ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด”

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เสียงปรบมือดังสนั่นในที่ประชุมพร้อมทั้งน้ำตาที่สะเทือนใจจากหลายๆคน ณ วันนั้น "ทัศนคติเชิงสุขนิยม"และบทพิสูจน์ของเธอเพิ่มกำลังใจแก่ผู้คนมากมาย ผู้เป็นโรคสมองพิการผู้นี้คือ น.ส.หวางเหม่ยเหลียน ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตจาก UCLA ผู้เคยจัดนิทรรศการภาพเขียนส่วนตัวหลายครั้งในไต้หวัน
“ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด” ฉันชอบทัศนคติต่อชีวิตแบบนี้ ซึ่งถูกหลักสุขภาพจิตและสบายใจด้วย
ความสุขไม่ได้อยู่ที่คุณครอบครองสิ่งใดมากแค่ไหน แต่อยู่ที่คุณมีทัศนคติอย่างไรในการมองสิ่งต่างๆ

ขอบคุณ People Magazine
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ม.ค. 12, 2021 3:13 pm

...พบพระเจ้าได้เสมอ ...
แปลจากเรื่อง Seeing God Everywhere โดย กอบกิจ ครุวรรณ
นานมาแล้ว มีสตรีใจศรัทธาคนหนึ่ง เธอสวดภาวนาทุกวันและปรารถนาจะได้พบกับพระเป็นการส่วนตัวสักครั้ง เธอคิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
วันหนึ่งก่อนเข้านอน เธอครุ่นคิดอย่างหนักถึงเรื่องการมีโอกาสได้พบกับพระ และในคืนนั้นเองระหว่างที่นอนหลับอยู่ พระก็มาเข้าฝันและแจ้งให้ทราบว่าพระองค์จะเสด็จมาพบเธอในวันรุ่งขึ้น
เธอดีใจมากเมื่อตื่นขึ้นและเริ่มจัดเตรียมบ้านให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะให้การต้อนรับพระองค์ เธอทำความสะอาดบ้าน และเครื่องเรือนทุกชิ้นให้อยู่ในสภาพที่ดูดีที่สุด หลังจากนั้นเธอจัดเตรียมอาหารชั้นเลิศ แต่ระหว่างที่เธอกำลังเตรียมของหวานอยู่นั้น มีเสียงเคาะที่ประตูบ้าน เธอรีบวิ่งไปเปิดประตูและพบพนักงานขายนิตยสารคนหนึ่งพยายามคะยั้นคะยอให้เธอซื้อหนังสือนิตยสารของเขา เธอผิดหวังมากและเกือบจะเป็นเสียงตะโกนปฏิเสธพนักงานคนนั้นว่า “วันนี้อย่ารบกวนฉันได้ไหม ฉันกำลังยุ่งอยู่ เดี๋ยวจะมีแขกสำคัญมาเยี่ยม” จากนั้นเธอก็แทบจะปิดประตูใส่หน้าพนักงานขายนิตยสารก่อนจะหันไปเตรียมของหวานต่อ
เมื่อจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมดีแล้ว เธอก็มานั่งรอพระที่ห้องรับแขกอย่างใจจดใจจ่อ ไม่นานต่อมาก็มีเสียงเคาะที่ประตูบ้านอีก เช่นเคยเธอรีบวิ่งไปเปิดประตูเพราะมั่นใจว่าจะพบพระอย่างแน่นอน เธอผิดหวังเป็นครั้งที่สองเมื่อพบว่าเป็นเสียงเคาะประตูของเด็กหญิงข้างบ้านที่ขอเข้ามาเล่นกับลูกสาวของเธอซึ่งปกติทั้งสองมักจะเล่นด้วยกันในบ้านของเธออยู่บ่อย ๆ
เธอพูดด้วยความโกรธกับหนูน้อยว่า “เสียใจนะ วันนี้อย่าเข้ามาเล่นเลยเพราะที่บ้านกำลังจะมีแขกคนสำคัญมาเยี่ยม พรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกันใหม่นะ” ทันทีที่พูดเสร็จ เธอก็ปิดประตูโครมก่อนที่หนูน้อยจะได้พูดตอบและกลับไปนั่งรอพระที่ห้องรับแขกต่อ วันนั้นทั้งวันเธอนั่งรออยู่ตั้งแต่สายจนค่ำ ปรากฏว่าไม่มีวี่แววของพระย่างกรายเข้ามาเลย เธอรู้สึกท้อแท้และรู้สึกฉงนใจว่าทำไมพระไม่ทรงรักษาสัญญา
คืนนั้นเธอนอนร้องไห้อยู่นานและกว่าจะหลับได้ก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม คืนนั้นพระมาเข้าฝันเธออีกและแจ้งว่า “ลูกรัก วันนี้เรามาหาเธอถึง 2 ครั้ง แต่เธอปฏิเสธอย่างแข็งขันไม่ให้เราเข้าบ้าน”
เธอแปลกใจมากและถามว่า “เป็นไปได้อย่างไร ดิฉันนั่งรอพระองค์ในห้องรับแขกตั้งแต่เช้าตลอดทั้งวัน แต่ดิฉันไม่เห็นพระองค์เสด็จมาเลย พระองค์เสด็จมาตอนไหนหรือพระเจ้าข้า”
พระองค์จึงตรัสตอบว่า “ครั้งแรก เราแปลงกายเป็นพนักงานขายนิตยสาร และครั้งที่สองก็แปลงเป็นเด็กหญิงข้างบ้าน แต่เธอไม่ให้เราเข้าไปแถมยังไม่รอให้เราได้พูดอะไรเลยมิใช่หรือ”
สตรีใจศรัทธาจึงตระหนักถึงความผิดพลาดของเธอและทูลว่า “ดิฉันจำพระองค์ไม่ได้ พระเจ้าข้า”
พระจึงตรัสว่า “เราอยู่ทุกหนทุกแห่ง รวมทั้งอยู่กับมนุษย์ทุกคนด้วย”
ข้อคิดสะกิดใจ : บ่อยครั้งเราแต่ละคนก็เป็นเหมือนกับสตรีใจศรัทธาผู้นี้ คือปฏิบัติต่อสิ่งสร้างและผู้อื่นโดยขาดความเคารพรัก เฝ้าคิดแต่เพียงอยากจะ “พบ” กับพระโดยไม่พยายามพัฒนาความคิดของตัวเองให้มองเห็น “พระ” ในทุกสิ่งและทุกชีวิตที่อยู่รอบตัวเรา
--------------------
ตอบกลับโพส