หนูน้อยเนลลี่แห่งพระเป็นเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 28, 2020 1:42 pm
...หนูน้อยเนลลี่แห่งพระเป็นเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ (1906-1908)
สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 10 ตรัสว่า “นั่นคือเครื่องหมายที่เรารออยู่”
โดย Anne Marie Jacques, แปลเเละเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
หนูน้อยเอลเลน ออร์แกน (Ellen Organ) หรือ “เนลลี่” ชื่อที่คนในบ้านเรียก เนลลี่เกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 1903 เธอเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวที่มีลูกทั้งหมด 4 คน ตอนที่เธอเกิด วิลเลี่ยม ออร์แกน บิดาเป็นทหารอยู่ในกองทัพอังกฤษทึ่ยึดครองประเทศไอร์แลนด์อยู่ ครอบครัวจึงอาศัยอยู่ในค่ายทหารส่วนที่เป็น “ที่พักสำหรับทหารที่มีครอบครัว” ที่เมืองชายทะเลวอเตอร์ฟอร์ด (Waterford) มารดาของเนลลี่ชื่อแมรี่ ออร์แกน เป็นคนร่าเริง ศรัทธาและมีน้ำใจ เธอสอนลูก ๆ ให้รักพระและสวดสายประคำทุกวันด้วยกัน นอกจากนั้นยังสอนให้จูบด้วยความเคารพที่เครื่องหมายกางเขนและที่เม็ดสายประคำที่ใช้สวด “บทข้าแต่พระบิดา" ซึ่งเนลลี่ปฏิบัติตามเสมอมา เมื่อเนลลี่อายุได้ 3 ขวบ คุณแม่เสียชีวิตเนื่องจากป่วยเป็นวัณโรค ในช่วงเวลาที่คุณแม่เสียชีวิตนั้นครอบครัวซึ่งย้ายตามคุณพ่อกำลังประจำการอยู่ที่อ่าวคอร์คบนเกาะสไปค์ (Spike Island in Cork Harbour) นายออร์แกนพ่อหม้ายตกอยู่ในสภาพที่น่าสงสารเพราะไม่สามารถดูแลลูกที่กำพร้าแม่ทั้งสี่คนได้ พระสงฆ์ประจำเขตวัดที่นั่นจึงเสนอความช่วยเหลือด้วยการจัดให้โทมัส ลูกชายคนโตซึ่งมีอายุเพียง 9 ขวบ ไปอยู่กับคณะ “ภราดาคริสตชน” (The Christian Brothers) และส่งเดวิดน้องชายคนรองไปอยู่กับคณะภคินีเมตตาธรรม ส่วนหนูน้อยแมรี่และเนลลี่ก็ส่งไปอยู่กับภคินีคณะภคินีศรีชุมพาบาล ที่ย่านซันเดย์สแวล (Sunday’s Well) ในบริเวณอ่าวคอร์ค
ไม่นานต่อมาภคินีคณะศรีชุมพาบาลทราบว่าหนูน้อยทั้งสองป่วยเป็นโรคไอกรนและส่งไปรักษาในโรงพยาบาลของคณะภคินีเมตตาธรรม หลังจากกลับจากการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้สองเดือน เนลลี่ยังคงอ่อนแอมากและไม่สามารถเดินได้ตรงทาง แม้จะยื่นมือทั้งสองข้างออกเพื่อทรงตัวขณะเดินก็ตาม เด็กหญิงที่นอนอยู่ข้างเนลลี่บอกกับซิสเตอร์ว่า ดูเหมือนเนลลี่จะเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา เธอร้องไห้เกือบค่อนคืนกว่าจะหลับได้
ซิสเตอร์ตรวจอาการของเธออย่างละเอียดและพบว่าเธอทรมานจากการมีกระดูกสันหลังผิดรูปและหลังคดเนื่องจากเคยตกจากที่สูงตั้งแต่เมื่อเป็นทารก ดังนั้นเธอจึงถูกส่งตัวไปอยู่ในห้องพยาบาลซึ่งพบว่าเธอยังป่วยเป็นวัณโรคขั้นรุนแรงและเป็นโรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของมารดาเธออีกด้วย
หนูน้อยเนลลี่อยู่ในความดูแลของมิสฮอลล์ พยาบาลผู้มีประสบการณ์และเพิ่งกลับใจเป็นคาทอลิกได้ไม่นาน ขณะนั้นเนลลี่มีอายุได้ 3 ขวบ เธอรักพยาบาลของเธอมาก เนลลี่พูดกับพยาบาลของเธอในวันหนึ่งว่า “พระเป็นเจ้าทรงรับคุณแม่ผู้ใจดีของเธอไปแล้ว แต่พระองค์ก็ได้ประทานพี่พยาบาลมาเป็นคุณแม่คนใหม่ให้ค่ะ” มิสฮอลล์ดูแลเธอเป็นอย่างดีและบ่อยครั้งเฝ้าอยู่ข้างเตียงตลอดคืน ทุกครั้งที่มิสฮอลล์นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง เนลลี่จะใช้มือน้อย ๆ ลอดซี่กรงที่ราวข้างเตียงออกไปกุม “มือของแม่และหลับ ๆ ตื่น ๆ ไปตลอดคืน” มิสฮอลล์พูดคุยกับเนลลี่เรื่องพระเป็นเจ้า, พระเยซูเจ้า, พระมารดา และนักบุญต่าง ๆ บางครั้งเธออุ้มเนลลี่พาไปในวัดน้อยและทั้งสองก็จะไปที่ภาพ ‘เดินรูป’ โดยมิสฮอลล์จะอธิบายถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกครั้งที่ทำเช่นนี้ น้ำตาของหนูน้อยเนลลี่จะไหลพรากพร้อมกับส่งเสียงร้องอุทานเป็นระยะ ๆ ว่า “พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสงสาร! พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสงสาร!” โปรดติดตามตอนที่( 2)ในวันพรุ่งนี้
สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 10 ตรัสว่า “นั่นคือเครื่องหมายที่เรารออยู่”
โดย Anne Marie Jacques, แปลเเละเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
หนูน้อยเอลเลน ออร์แกน (Ellen Organ) หรือ “เนลลี่” ชื่อที่คนในบ้านเรียก เนลลี่เกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 1903 เธอเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวที่มีลูกทั้งหมด 4 คน ตอนที่เธอเกิด วิลเลี่ยม ออร์แกน บิดาเป็นทหารอยู่ในกองทัพอังกฤษทึ่ยึดครองประเทศไอร์แลนด์อยู่ ครอบครัวจึงอาศัยอยู่ในค่ายทหารส่วนที่เป็น “ที่พักสำหรับทหารที่มีครอบครัว” ที่เมืองชายทะเลวอเตอร์ฟอร์ด (Waterford) มารดาของเนลลี่ชื่อแมรี่ ออร์แกน เป็นคนร่าเริง ศรัทธาและมีน้ำใจ เธอสอนลูก ๆ ให้รักพระและสวดสายประคำทุกวันด้วยกัน นอกจากนั้นยังสอนให้จูบด้วยความเคารพที่เครื่องหมายกางเขนและที่เม็ดสายประคำที่ใช้สวด “บทข้าแต่พระบิดา" ซึ่งเนลลี่ปฏิบัติตามเสมอมา เมื่อเนลลี่อายุได้ 3 ขวบ คุณแม่เสียชีวิตเนื่องจากป่วยเป็นวัณโรค ในช่วงเวลาที่คุณแม่เสียชีวิตนั้นครอบครัวซึ่งย้ายตามคุณพ่อกำลังประจำการอยู่ที่อ่าวคอร์คบนเกาะสไปค์ (Spike Island in Cork Harbour) นายออร์แกนพ่อหม้ายตกอยู่ในสภาพที่น่าสงสารเพราะไม่สามารถดูแลลูกที่กำพร้าแม่ทั้งสี่คนได้ พระสงฆ์ประจำเขตวัดที่นั่นจึงเสนอความช่วยเหลือด้วยการจัดให้โทมัส ลูกชายคนโตซึ่งมีอายุเพียง 9 ขวบ ไปอยู่กับคณะ “ภราดาคริสตชน” (The Christian Brothers) และส่งเดวิดน้องชายคนรองไปอยู่กับคณะภคินีเมตตาธรรม ส่วนหนูน้อยแมรี่และเนลลี่ก็ส่งไปอยู่กับภคินีคณะภคินีศรีชุมพาบาล ที่ย่านซันเดย์สแวล (Sunday’s Well) ในบริเวณอ่าวคอร์ค
ไม่นานต่อมาภคินีคณะศรีชุมพาบาลทราบว่าหนูน้อยทั้งสองป่วยเป็นโรคไอกรนและส่งไปรักษาในโรงพยาบาลของคณะภคินีเมตตาธรรม หลังจากกลับจากการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้สองเดือน เนลลี่ยังคงอ่อนแอมากและไม่สามารถเดินได้ตรงทาง แม้จะยื่นมือทั้งสองข้างออกเพื่อทรงตัวขณะเดินก็ตาม เด็กหญิงที่นอนอยู่ข้างเนลลี่บอกกับซิสเตอร์ว่า ดูเหมือนเนลลี่จะเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา เธอร้องไห้เกือบค่อนคืนกว่าจะหลับได้
ซิสเตอร์ตรวจอาการของเธออย่างละเอียดและพบว่าเธอทรมานจากการมีกระดูกสันหลังผิดรูปและหลังคดเนื่องจากเคยตกจากที่สูงตั้งแต่เมื่อเป็นทารก ดังนั้นเธอจึงถูกส่งตัวไปอยู่ในห้องพยาบาลซึ่งพบว่าเธอยังป่วยเป็นวัณโรคขั้นรุนแรงและเป็นโรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของมารดาเธออีกด้วย
หนูน้อยเนลลี่อยู่ในความดูแลของมิสฮอลล์ พยาบาลผู้มีประสบการณ์และเพิ่งกลับใจเป็นคาทอลิกได้ไม่นาน ขณะนั้นเนลลี่มีอายุได้ 3 ขวบ เธอรักพยาบาลของเธอมาก เนลลี่พูดกับพยาบาลของเธอในวันหนึ่งว่า “พระเป็นเจ้าทรงรับคุณแม่ผู้ใจดีของเธอไปแล้ว แต่พระองค์ก็ได้ประทานพี่พยาบาลมาเป็นคุณแม่คนใหม่ให้ค่ะ” มิสฮอลล์ดูแลเธอเป็นอย่างดีและบ่อยครั้งเฝ้าอยู่ข้างเตียงตลอดคืน ทุกครั้งที่มิสฮอลล์นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง เนลลี่จะใช้มือน้อย ๆ ลอดซี่กรงที่ราวข้างเตียงออกไปกุม “มือของแม่และหลับ ๆ ตื่น ๆ ไปตลอดคืน” มิสฮอลล์พูดคุยกับเนลลี่เรื่องพระเป็นเจ้า, พระเยซูเจ้า, พระมารดา และนักบุญต่าง ๆ บางครั้งเธออุ้มเนลลี่พาไปในวัดน้อยและทั้งสองก็จะไปที่ภาพ ‘เดินรูป’ โดยมิสฮอลล์จะอธิบายถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกครั้งที่ทำเช่นนี้ น้ำตาของหนูน้อยเนลลี่จะไหลพรากพร้อมกับส่งเสียงร้องอุทานเป็นระยะ ๆ ว่า “พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสงสาร! พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสงสาร!” โปรดติดตามตอนที่( 2)ในวันพรุ่งนี้